ดวงเนตรสมบัติพลิกชะตา ข้าจะเป็นเศรษฐี-บทที่ 5 เป็นความผิดของเงินทั้งนั้น

โดย  Pinebook

ดวงเนตรสมบัติพลิกชะตา ข้าจะเป็นเศรษฐี

บทที่ 5 เป็นความผิดของเงินทั้งนั้น

สิ่งที่สวี่ตงอยากเห็นมากที่สุดก็คือ ‘ออร่าสมบัติ’ ซึ่งมีทุกเฉดสี และภายในห้องโถงขนาดใหญ่ตอนนี้ก็มีกล่องเล็กๆ จำนวนมากถูกเก็บล็อกไว้ในตู้กระจกกันกระสุน และพวกมันถูกปกคลุมไปด้วยออร่าสมบัติละลานตามากกว่าห้าสิบถึงหกสิบชิ้น!

ที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือนอกจากตู้กระจกกันกระสุนที่ถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนาและมีเจ้าหน้าที่คุ้มกันแล้ว บนเคาน์เตอร์หินอ่อนยาวตรงกลางโถงยังมี ‘หิน’ มากกว่าหนึ่งโหลวางเรียงกัน!

หินพวกนั้นมีหลายขนาด ก้อนใหญ่ก็ใหญ่เท่ากระบุง น้ำหนักอย่างน้อยหนึ่งร้อยกิโลกรัม ก้อนเล็กก็เล็กกว่าลูกบาส ส่วนใหญ่หนักประมาณห้าสิบกิโลกรัม

พื้นผิวของหินเหล่านั้นปกคลุมไปด้วยชั้นสีเขียว เข้มบ้าง อ่อนบ้าง สวี่ตงสงสัยมาก วางหินไว้ทำไมกัน

แต่สวี่ตงก็เหมือนจะเข้าใจอยู่ในที ในหินพวกนี้มีสองก้อนที่มี ‘ออร่าสมบัติ’ ปรากฏ เป็นออร่าสีน้ำเงิน หนึ่งในนั้นเป็นก้อนที่เล็กที่สุด น่าจะหนักเพียงสิบกิโลกรัมเล็กกว่าลูกบาสเสียอีก ทว่ามีออร่าสมบัติเข้มที่สุด ส่วนอีกก้อนหนักประมาณห้าสิบกิโลกรัม มีออร่าสมบัติสีน้ำเงินค่อนข้างจาง

ส่วนหินอีกสิบกว่าก้อนไม่มีออร่าเลยแม้แต่น้อย สวี่ตงจ้องมองหินอย่างเหม่อลอย หินสองก้อนที่มีออร่าสมบัติย่อมต้องเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างแน่นอน แต่ก็ยิ่งแปลก มันน่าจะเป็นหินหยก ได้ยินว่าหินที่เป็นหยกเกือบทั้งหมดมีต้นกำเนิดจากประเทศพม่า

แต่ที่แปลกคือพิ้นผิวของหินสองก้อนนี้ที่มีออร่าสมบัติกลับมีสีเขียวน้อยจนแทบจะเป็นหินที่มีสีเขียวน้อยที่สุดในกอง แต่หินที่ไม่มีออร่าสมบัติกลับมีสีเขียวมากกว่า สามก้อนจากในกองนั้นมีสีเขียวเข้มที่สุด สีเขียวของมันเหมือนกับหยกน้ำงามสีสันสดใสที่ขายตามร้านทองไม่มีผิด แต่กลับไม่มีออร่าสมบัติปรากฏเลยสักนิด!

สวี่ตงมั่นใจว่าในหินพวกนั้นไม่ใช่หยกอย่างแน่นอน และคิดว่าหินพวกนี้ก็เหมือนการพนัน คุณอาจคิดว่ามีโอกาสชนะมากที่สุด แต่ความจริงไม่ใช่ คุณอาจคิดว่ากำลังจะแพ้พนันก็อาจพลิกมาชนะได้!

ทันทีที่เข้ามาข้างใน สวี่ตงก็เลิกสนใจโหมวซือฉิงไปเลย พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นโหมวซือฉิงยืนอยู่ตรงบูธห่างออกไปสิบกว่าเมตรและมีชายหนุ่มอายุราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดกำลังคุยกับเธอ

ชายคนนั้นดูเปล่งประกายเต็มไปด้วยพลัง ทำให้สวี่ตงรู้สึกถึงความ ‘โดดเด่นและเป็นกันเอง’ ในใจกำลังคิดว่าคนคนนี้ใช่ฉินฟางหรือเปล่า

“ท่านประธานฉิน ได้เวลาแล้วค่ะ เริ่มได้เลย!” หญิงสาวหน้าตาดีสวมชุดสูทและกระโปรงเป็นทางการถือไมโครโฟนไร้สายเดินเข้าไปพูดกับชายหนุ่ม

คนคนนี้คือฉินฟางจริงๆ ด้วย!

ฉินฟางพยักหน้า ก่อนจะหันมากระซิบกับโหมวซือฉิงอีกประโยคถึงเดินตามหญิงสาวหน้าตาดีคนนั้นไปยังตำแหน่งประธานของงาน

ฉินฟางเดินขึ้นเวทีแล้วจ่อไมโครโฟนข้างปากส่งเสียงทักทายเพื่อทดสอบเสียง จากนั้นก็ยิ้มนิดๆ “แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี สวัสดีครับ…

“ฮ่าๆ ผมเป็นพิธีกรสมัครเล่น พูดไม่ได้เรื่องไปบ้างทุกคนช่วยอดทนหน่อยนะครับ ถึงแม้ทุกคนจะรู้กันอยู่แล้ว แต่ผมยังอยากแนะนำตัวเองสักหน่อย ผมแซ่ฉิน ชื่อฟาง เป็นประธานของฟางหยวนเรียลเอสเตท วันนี้ได้ร่วมมือกับสหายจากแต่ละแวดวงจัดกิจกรรมนี้ขึ้น เหตุผลหลักก็เพราะฟางหยวนเรียลเอสเตทของเรากำลังก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมอัญมณี โครงการตึกสูงระดับนานาชาติในเมืองถงเฉิงของฟางหยวนเรียลเอสเตทเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย ร้านเรือธง[1]อัญมณีแห่งแรกของฟางหยวนเรียลเอสเตทประจำเมืองถงเฉิงกำลังจะเปิดให้บริการบนชั้นสามของศูนย์การค้า การเชิญสหายทุกท่านมาร่วมกิจกรรมในวันนี้ เหตุผลหลักก็เพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง เราได้เชิญผู้ค้าอัญมณีที่มีอิทธิพลทั้งในและต่างประเทศมาเข้าร่วมนิทรรศการอัญมณีมาแรง นอกจากนี้ผมยังขนหินหยกเหล่าเคิง[2]สิบหกก้อนจากพม่ามาด้วย ผมว่าพวกเราหลายคนคงเคยได้ยินเรื่อง ‘หินพนัน’ กันมาบ้าง ฮ่าๆ การพนันถูกกฎหมายแบบนี้เหมาะกับคนที่ชอบความตื่นเต้นอย่างพวกเราดี และไม่แน่ว่าอาจได้รวยในชั่วข้ามคืน มาสนุกกัน!”

แม้ฉินฟางจะออกตัวว่าไม่สันทัดการเป็นพิธีกรและพูดไม่เก่ง แต่สวี่ตงกลับคิดว่าเขาพูดได้ดีทีเดียว เพียงไม่กี่ประโยคก็ชักจูงผู้คนให้อยากลองได้ นี่สิที่เรียกว่า ‘การตลาด’ ที่ร้ายกาจที่สุด!

คนคนนี้เจ๋งมาก นี่คือความคิดที่สวี่ตงมีต่อฉินฟาง

ฉินฟางพูดถึงตรงนี้ก็โบกมือให้สาวสวยข้างกาย “ผู้จัดการโจว เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเปิดตู้โชว์ ให้แขกทุกท่านได้สังเกตการณ์และชื่นชมผลงานชิ้นเอกจากเหล่าปรมาจารย์ด้านอัญมณีชั้นนำของโลกกันก่อน!”

สาวสวยพยักหน้า หันกายเยื้องย่างไปหลังเวที ใช้อุปกรณ์สื่อสารแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เปิดตู้โชว์

ฝากล่องในตู้โชว์ค่อยๆ เปิดออกด้วยระบบสั่งการไฟฟ้า เครื่องประดับด้านในค่อยๆ ยกตัวสูงขึ้น แม้จะยังอยู่ในตู้กระจก แต่แสงไฟในตู้และจากด้านบนสว่างมาก เครื่องประดับจึงปรากฏเด่นชัดอยู่เบื้องหน้าทุกคน

แต่ละตู้จะมีพนักงานหญิงคอยอธิบายให้แขกที่มาฟังอย่างเชี่ยวชาญและละเอียดมาก สวี่ตงได้ยินคำแนะนำที่แทบจะเหมือนกันทุกตู้ มีทั้งนักออกแบบชาวปารีส นักออกแบบชาวอิตาลี และแบรนด์ก็ยังเป็นแบรนด์เครื่องประดับชั้นนำของโลกอีกด้วย

แน่นอนว่าราคาของเครื่องประดับก็สูงลิ่วเหมือนกัน ราคาต่ำสุดอยู่ที่มากกว่าหนึ่งแสนหยวน ส่วนราคาสูงสุดสูงถึงยี่สิบล้านหยวน!

ทว่าสวี่ตงไม่มีแก่ใจจะฟังคำแนะนำหรือชื่นชมเครื่องประดับ ใจเขายังติดอยู่ที่ ‘หิน’ พวกนั้น!

แม้ว่าเครื่องประดับแต่ละชิ้นจะมีออร่าสมบัติปรากฏ มันก็มาจากเพชรไม่ก็ทองในตัวเครื่องประดับ สวี่ตงไม่ได้สนใจเพราะของพวกนั้นมีราคาติดไว้ชัดเจน ไม่มีทางหลอกลวงได้ เขายากจนข้นแค้นจะตาย แม้แต่ชิ้นที่ถูกที่สุดก็ไม่มีปัญญาซื้อ แต่ถึงมีเงินเขาก็ไม่ซื้อหรอก

แต่หินหยกพวกนั้นไม่เหมือนกัน หินสิบกว่าก้อนก็มีราคาติดไว้ ก้อนที่ราคาแพงที่สุดคือก้อนที่ใหญ่และมีสีเขียวที่สุดในนั้น ป้ายราคาที่ติดไว้ข้างหินคือ ‘สามแสนแปดหมื่นหยวน’ ส่วนก้อนที่ราคาถูกที่สุดราคาเพียงสามพันหยวน ต่างกันถึงร้อยเท่า!

ยิ่งราคาถูกก็ยิ่งจ่ายง่าย ทว่าสวี่ตงซื้อไม่ได้แม้แต่หินก้อนที่ราคาถูกที่สุดด้วยซ้ำ เพราะหินก้อนนั้นราคาสามพันหยวน แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีอยู่สามร้อยกว่าหยวนเอง!

ฉินฟางประกาศว่ากิจกรรมได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้หญิงเกือบทุกคนถูกเหล่าเครื่องประดับดึงดูดความสนใจจึงพาเหล่าผู้ชายที่มากับพวกเธอไปดูเครื่องประดับที่ตนชอบ

คนที่มาล้วนเป็นข้าราชการร่ำรวย มีหน้ามีตารวมถึงนักธุรกิจและครอบครัว สิ่งที่คนพวกนี้ห่วงมากที่สุดก็คือหน้าตา ไม่ใช่เงิน ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ขอเพียงเป็นของที่ผู้หญิงชอบ พวกผู้ชายจะควักจ่ายโดยไม่มีเงื่อนไข หนึ่งคือได้หน้า สองคือได้ใจผู้หญิง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

ฉินฟางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดอย่างไร้ข้อกังขา สามารถครองใจได้ทั้งหญิงชายแล้วยังทำเงินได้มหาศาล!

เมื่อเห็นเครื่องประดับแต่ละชิ้นถูกประมูลในราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉินฟางก็แอบยิ้ม ก่อนจะหันไปยิ้มส่งสัญญาณให้สาวสวยแล้วจึงเดินไปหาโหมวซือฉิงที่นั่งอยู่มุมห้องคอยสังเกตการณ์สิ่งผิดปกติ ตอนนี้ละ ถึงเวลาลงมือกับผู้หญิงที่เขาชอบแล้ว!

ผู้หญิงในโลกนี้ชื่นชอบเครื่องประดับไปแล้วเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์และชอบผู้ชายที่จ่ายให้พวกเธอได้ ดังนั้น ฉินฟางจึงคิดจะใช้วิธีนี้เอาใจโหมวซือฉิง

“ซือฉิง ของพวกนี้คืองานของนักออกแบบเครื่องประดับระดับโลก เธอว่าชิ้นไหนดีสุด”

ฉินฟางรู้ดีว่าโหมวซือฉิงต่างจากผู้หญิงคนอื่นอย่างสิ้นเชิง เงินทองเครื่องประดับไม่สามารถดึงดูดเธอได้ เขาจึงลองทดสอบดูก่อนโดยที่ยังไม่พูดให้ชัดเจน หากโหมวซือฉิงพูดออกมาว่าชิ้นไหนสวย เขาจะซื้อมันให้เธอโดยไม่ลังเล นี่สิถึงเรียกว่าซื้อใจ!

ทว่าโหมวซือฉิงส่ายหน้าโดยไม่แม้แต่จะคิด “อะไรสวยไม่สวย ฉันไม่เห็นจะมีอันไหนสวยสักชิ้น ก็แค่หินที่แข็งกว่าหินทั่วไป ถ้านายหิวจนใกล้ตายขึ้นมา เครื่องเพชรราคาหลายล้านพวกนี้ยังสู้มันเทศย่างอันละสองหยวนไม่ได้เลย!”

ฉินฟางโดนคำพูดของโหมวซือฉิง ‘ตอกหน้า’ จนยากจะรับได้ เขาคิดคำพูดไว้เสียดิบดี แต่พูดไม่ออกแล้ว!

ต่อให้ศิลปะการพูดเขาจะเลิศเลอแค่ไหน พออยู่ต่อหน้าโหมวซือฉิง คารมของเขาก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น แม้แต่สมองก็ยังตื้อไปเสียอย่างนั้น!

ความจริงแล้วกิจกรรมนี้มีการรักษาความปลอดภัยหลายอย่าง จุดแรกคือตรงหน้าลิฟต์ใต้อาคาร จุดที่สองคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตำรวจตรงประตูทางเข้างาน จุดที่สามคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนอกเครื่องแบบซึ่งกระจายอยู่ทั่วงาน ในห้องโถงยังมีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วทุกจุด ต่อให้มีสิ่งผิดปกติแม้แต่นิดเดียวก็จะถูกค้นพบทันที

โหมวซือฉิงย่อมมองออก เธอจึงไม่ได้กังวลมากนัก เดิมทีเธอก็ไม่ได้รังเกียจความรู้สึกของฉินฟาง แต่เธอค่อนข้างรังเกียจวิธีการที่เขา ‘กดดัน’ ให้เธอมาในวันนี้ จึงเป็นสาเหตุให้ ‘หยาบคาย’ และ ‘ตอกหน้า’ เขาอย่างไร้ความปรานี!

“สวี่ตงล่ะ”

มองซ้ายมองขวาก็ยังไม่เห็นว่าสวี่ตงไปไหน โหมวซือฉิงบ่นพึมพำพลางสอดส่ายสายตามองหาเขา

สวี่ตงคือ ‘โล่กำบัง’ ที่เธอบังคับมาในวันนี้เพื่อรับมือกับฉินฟาง

ในความเป็นจริงฉินฟางโดดเด่นในทุกด้าน ในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองถงเฉิง ฉินฟางแทบจะเป็นที่หมายปองของหญิงสาวที่มีชื่อเสียงทุกคนในเมืองแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นฉินฟางกลับสนใจโหมวซือฉิงเพียงคนเดียว และเพราะเหตุนี้โหมวซืออี๋ น้องสาวของโหมวซือฉิงจึงมักเกลี้ยกล่อมให้พี่สาวเลือกฉินฟาง ถึงเฉียวเจียจวิ้นจากตระกูลเฉียวคนนั้นจะโดดเด่นอย่างไร แต่พวกเธอก็ไม่เคยพบหน้า!

โหมวซืออี๋ไม่ชอบการคลุมถุงชนที่เป็น ‘คำสั่งของพ่อแม่’ เอามากๆ นี่มันยุคไหนกันแล้ว

ส่วนโหมวซือฉิงก็ยิ่งไม่ชอบการล่มหัวจมท้ายแบบนี้ ไม่ว่าคนตระกูลเฉียวคนนั้นจะโดดเด่นเพียงใด เธอก็ต่อต้าน!

โหมวซือฉิงมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าสวี่ตงกำลังยืนจ้องหินเรียงแถวอย่างเหม่อลอยก็บ่นงึมงำแล้วเดินไปหา

ฉินฟางเห็นโหมวซือฉิงไม่ ‘สนใจ’ เขาเลยก็ตกตะลึง แล้วมองตามทิศทางที่เธอเดินไป ตรงนั้นคือจุด ‘หินพนัน’ ที่เขาเตรียมไว้ เนื่องจากมีคนไม่มากนักที่เข้าใจหินพนันและหินหยก ตรงนั้นจึงมีคนยืนอยู่เพียงเจ็ดแปดคน

ฉินฟางสงสัยจึงเดินตามโหมวซือฉิงไป

แผ่นหลังของโหมวซือฉิงทั้งโดดเด่นและน่าหลงใหล บอกตามตรง วันนี้มีผู้หญิงมาที่นี่หลายร้อยคน ที่เรียกว่า ‘สวย’ ก็มีไม่น้อย แต่นั่นไม่อาจเทียบกับโหมวซือฉิงได้เลย คนสวยยืนเทียบกับคนที่สวยกว่าทำให้รู้สึกด้อยกว่า ดังนั้น พวกผู้หญิงจึงเกลียดการยืนข้างผู้หญิงที่สวยกว่า!

โหมวซือฉิงเดินมาถึงตัวสวี่ตง เห็นเขายังจ้องก้อนหินตาไม่กะพริบก็หลุดขำพรืด “โง่จริงๆ เลย หินพวกนี้มันสวยตรงไหน”


[1] ร้านเรือธง คือ ร้านที่เป็นสัญลักษณ์หรือเป็นหน้าตาของแบรนด์

[2] หยกเหล่าเคิง คือ หยกประเภทหนึ่ง มีสีเขียวทั้งเม็ด ไม่มีตำหนิหรือมีตำหนิน้อยมาก โปร่งใสจนมีความวาวคล้ายแก้ว

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว