บทที่ 56
เสื้อเกราะของท่านอาจารย์
ฉู่ซิวจากไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เย่ฝานก็กลับมายังยอดเขาจวนฝ่า เขาใช้แต้มบุญห้าหมื่นแต้มอย่างมีความสุข เพื่อแลกเปลี่ยนกับตำรากายาสามราชันย์ซึ่งไม่สำคัญสำหรับเขาจากนั้น เขาก็นำ “แผนที่สมบัติ” สีเหลืองที่ฉู่ซิวทิ้งไว้ออกมาอย่างระมัดระวัง
“แผนที่สมบัตินี้เห็นทีอายุคงไม่ต่ำหว่าหมื่นปีแน่ ๆ ทั้งยังเป็นของผู้บำเพ็ญขอบเขตมหาศักดิ์สิทธิ์ทิ้งเอาไว้อีก” เย่ฝานดีใจจนตัวสั่น เขาจึงรีบเก็บแผนที่นั้นลงในถุงเก็บของอย่างระมัดระวัง
สามชั่วยามผ่านไป
ยอดเขาเทียนเจี้ยน เย่ฝานมาถึงหน้าถ้ำของเจียนหลิงอวิ๋น ทันทีที่เห็นอีกฝ่าย เย่ฝานก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง
“หลิงอวิ๋น ทำไมหน้าเจ้าถึงได้ซีดเซียวเช่นนี้” เจียนหลิงอวิ๋นโบกมือ
“ข้าไม่เป็นไร ศิษย์น้องเย่เจ้ามีธุระอะไรกับข้าหรือ?”
เย่ฝานรีบบอกจุดประสงค์ของเขาทันที เขาต้องการชวนอีกฝ่ายไปยังสถานที่เก็บสมบัติด้วยกัน เพราะสัญลักษณ์บนแผนที่บ่งบอกถึงอันตราย เขาเพิ่งจะก้าวสู่ขอบเขตปี่อั้นได้สำเร็จ จึงรู้สึกว่าระดับการบำเพ็ญของตนยังไม่เพียงพอ เขาจึงตัดสินใจชวนเจียนหลิงอวิ๋น ไปด้วย
อีกฝ่ายจะต้องรู้สึกขอบคุณเขาอย่างแน่นอน ถือว่าเป็นการสร้างบุญคุณก็แล้วกัน เจียนหลิงอวิ๋นตอบตกลงในทันทีและเพื่อป้องกันการแก้แค้นจากฉู่ซิว เขาจึงต้องพัฒนาฝีมือ
ดังนั้นในวันนั้น ทั้งสองจึงขึ้นเรือบินออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มุ่งหน้าสู่เทือกเขาหมื่นยอดในทันใด ระหว่างทาง พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องที่ฉู่ซิวจะได้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์
เย่ฝานอิจฉาอยู่ไม่น้อย
ส่วนเจียนหลิงอวิ๋น นั้นรู้สึกขมขื่นในใจ ทั้งโกรธ ทั้งกลัว
ครืด ครืด ครืด...
หินก้อนใหญ่เคลื่อนที่ ดวงตาของเย่ฝานและเจียนหลิงอวิ๋นค่อย ๆ เปล่งประกาย
“ฮ่าฮ่า ที่นี่เป็นที่เก็บสมบัติจริง ๆ”
“ศิษย์พี่หลิงอวิ๋น นี่เป็นที่ซ่อนสมบัติจริง ๆ ด้วย” เย่ฝานดีใจราวกับเด็กอายุสามสิบ
“อืม ศิษย์น้องเย่ครานี้ข้าจะจำน้ำใจเจ้าไว้” เจียนหลิงอวิ๋นตบบ่าเขาอย่างจริงใจ
เบื้องหน้าเขาทั้งสองคนคือปากถ้ำอันมืดมิด สายตาของทั้งสองคนเหลือบมองเข้าไปด้านใน
ครึ่งก้านธูปผ่านไป
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังมาจากใต้ดิน ค่ายกลสังหารถูกกระตุ้นเข้าเสียแล้ว เสียงกรีดร้องอย่างน่าสังเวชดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ
เวลาผ่านไปราวครึ่งวัน พระอาทิตย์แรกเริ่มทอแสง ณ ขอบฟ้า เย่ฝานคลานออกมาจากถ้ำ ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล ใบหน้าของเขาซีดเซียว ผมเผ้ารุงรัง ดูทุเรศอย่างที่สุด
“บ้าเอ๊ย!! นี่มันที่ซ่อนสมบัติเสียที่ไหนกัน นี่มันแดนพิฆาตชัด ๆ”
“ดีนะที่ข้ามียันต์เคลื่อนย้ายระดับสูง ไม่งั้นตายแน่ ๆ” เย่ฝานรู้สึกหวาดกลัว ร่างสูงหันหลังกลับไปมองปากถ้ำ ก่อนจะส่ายหน้าถอนหายใจ
เขาสะบัดมือออกไปคราหนึ่ง พลันปรากฏเป็นดอกไม้สีขาวจำนวนหนึ่งลอยไปตกอยู่ที่ปากถ้ำ
“ศิษย์พี่หลิงอวิ๋น ข้าขอให้ท่านเดินทางปลอดภัย…” เสียงของเย่ฝานกล่าวอย่างสงบ ยามนี้เจียนหลิงอวิ๋นได้จากไปแล้ว และจากไปอย่างไม่สงบสุข
เมื่อกระโดดลงไปในถ้ำก็ติดกค่ายกลสังหารระดับห้า ทีแรกแขนขาทั้งสี่ของเขาถูกตัดขาด จากนั้นร่างกายก็ถูกบดขยี้ทีละน้อย จนในที่สุดก็ไม่เหลือแม้แต่เส้นขน แววตาสิ้นหวังของศิษย์พี่ ยังคงติดอยู่ในใจของเขาไม่จางหาย
“ขอโทษด้วย ข้าไม่สามารถช่วยศิษย์พี่ได้” เย่ฝานถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า หยิบแผนที่สมบัติออกมาก่อนจะฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โยนลงบนพื้นแล้วเหยียบย่ำอย่างแรงด้วยความโกรธ
‘แผนที่สมบัติบ้าบออะไรกัน’
------
“อะไรนะ? เจียนหลิงอวิ๋น ตายแล้ว?” เสียงดังลั่นมาจากยอดเขาอวิ๋นเซี่ย
ท่านเซียวกงกงที่ใบหน้าดูอ่อนโยนยิ่งขึ้น มองดูคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามอย่างเหรินหงอิงด้วยสีหน้าตกตะลึง
“อืม ว่ากันว่าไปสำรวจหาสมบัติกับเย่ฝานแห่งยอดเขาเทียนเจี้ยน แล้วตายในค่ายกล”
“ซวยจริง ๆ” เหรินหงอิงกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“เฮ้อ!” เซียวกงกงนิ่งเงียบไปด้วยความโกรธ ดวงตาของเขายามนี้กลับเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างสุดหัวใจ
ฝ่ายฉู่ซิวนั้นพันธมิตรหายไปหนึ่งคน แน่นอนว่าเหรินหงอิงนั้นเกลียดเขาเกินกว่าจะบรรยาย มองเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
“ศิษพี่ ท่านรู้สึกไม่ค่อยสบายหรือ? ไปพบท่านอาจารย์ดีหรือไม่? เผื่อจะมีทางแก้ไข”
“ใครกันที่บอกว่าข้ารู้สึกไม่สบาย” เซียวอี้เฟิงโมโหขึ้นมาทันที
ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มรูปงามสง่าคนหนึ่งเดินผ่านมา เขาทักทายทั้งสองอย่างเป็นกันเอง
“ศิษย์น้อง คุยอะไรกันอยู่หรือ”
“ศิษย์พี่...” เหรินหงอิงมองฉู่ซิวที่ดูสง่าผ่าเผยขึ้นทุกวัน สายตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เซียวอี้เฟิงมองค้อนใส่ฉู่ซิวโดยมิปิดบัง
“ข้าจะบอกข่าวดีให้! เจียนหลิงอวิ๋นตายแล้ว” เซียวอี้เฟิงประชด ฉู่ซิวได้ยินดังนั้นแต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ยังคงมีรอยยิ้มดุจสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิประดับอยู่บนหน้าเช่นเดิม
“นั่นจะเรียกว่าข่าวดีได้อย่างไรกัน? อย่างไรเสีย เจียนหลิงอวิ๋นก็เป็นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรานะ พวกเราน่าจะรู้สึกโศกเศร้าเสียใจสิถึงจะถูก”
“เหอะ เจ้าเล่ห์จริง ๆ” เซียวอี้เฟิงกล่าวอย่างดูแคลน
ฉู่ซิวมองเซียวอี้เฟิงขึ้นลงอย่างสนใจใยดี “นาน ๆ เจอกันที เจ้าดูมีพลังหยิน*[1]หนาหนักขึ้นนะ”
“นกเขาไม่ขันงั้นรึ?”
เหรินหงอิง “…”
เซียวอี้เฟิงพ่นน้ำชาออกมาจากปากอย่างแรง
“เจ้าสินกเขาไม่ขัน!!”
ฉู่ซิว “...”
จีไท่เหม่ย “...”
จีไท่เหม่ยหัวเราะเยาะ “เจ้าเด็กน้อย สหายร่วมสำนักเจ้าไอ้นั่นไม่สู้รึ? ตั้งแต่แรกข้าก็รู้สึกว่าเขาดูเป็นอ้อนแอ้น เหมาจะเป็นสตรีมากกว่าเสียอีก หรือว่าจะเป็นพวกหยินหยางเหรินกัน?”
“ไก่บ้าที่ไหนกล้ามาส่งเสียงโวยวายต่อหน้าข้า!!” เซียวอี้เฟิงดีดนิ้วเพียงชั่วพริบตา เข็มปักผ้าก็พุ่งทะยานฝ่าอากาศ ก่อเกิดระลอกคลื่นเป็นชั้น ๆ พุ่งตรงไปที่จีไท่เหม่ย
เสื้อคลุมของฉู่ซิวปลิวสะบัด ผมสีดำสยายไปกับสายลม มือซ้ายขยับท่าทางอย่างองอาจ มือขวากำหมัดแน่น ราวกับหมัดนั้นถูกหลอมขึ้นจากทองคำ หมัดเดียวพุ่งออกไปยังอีกฝ่าย ด้านหลังปรากฏเงาร่างอวตารของบุรุษผู้หนึ่ง สวมมงกุฎจักรพรรดิ สวมใส่ชุดคลุมปักมังกร ยืนตระหง่าน ผงาดฟ้าดิน เดชานุภาพแผ่ปกคลุมทั่วหล้า...
หมัดกับเข็มปะทะกัน ทันใดนั้นเองเสียงห้วงอากาศก็ระเบิดดังสนั่น ปรากฏรอยร้าวแตกกระจายเป็นวงกว้างที่แผ่นหินใต้เท้าของฉู่ซิว เข็มเงินทั้งหมดถูกสะท้อนกลับ พุ่งปักทะลุต้นไม้โบราณขนาดสิบคนโอบซึ่งอยู่ไม่ไกล
หมัดของฉู่ซิวปรากฏรอยจ้ำสีขาวจาง ๆ
เรือนผมของเซียวอี้เฟิงปลิวไสว ดวงตาหรี่ลง พลางจ้องมองฉู่ซิวอย่างประหลาดใจ เดิมทีตั้งใจจะสังหารจีไท่เหม่ยเพื่อให้ฉู่ซิวต้องอับอายขายหน้า ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถรับเข็มเล่มนี้ไว้ได้ในทันที
ทางด้านเหรินหงอิงก็ตกตะลึงมิน้อย แม้เข็มเล่มนั้น เซียวอี้เฟิงจะเป็นผู้ดีดออกไปอย่างเลินเล่อก็ตาม แต่อย่าลืมว่าเซียวอี้เฟิงอยู่ในขอบเขตเสินทงขั้นกลาง ส่วนฉู่ซิวยังอยู่ในขอบเขตเสินเฉียวขั้นปลาย ทั้งสองต่างกันถึงสามขอบเขตพลัง
เรื่องนี้ช่างน่าตกใจยิ่งนัก
“ไอ้คนหยินหยาง กล้าลงมือกับศิษย์สายตรงงั้นรึ?” จีไท่เหม่ยโกรธจัด กระโดดโลดเต้นบนไหล่ของฉู่ซิว ปากก็ร่ายคำสาปแช่งไม่หยุด
“เจ้าด่าข้าว่าอะไรนะ” ใบหน้าซีดขาวของเซียวอี้เฟิงพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำราวกับตับหมู
“ไอ้คนหยินหยาง*[2]!” จีไท่เหม่ยยกขาขึ้น ชูนิ้วกลางอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน
“เจ้านี่มันรนหาที่ตายรึไง!!” เซียวอี้เฟิง กำหมัดเตรียมจะปราบมัน
“ศิษย์น้องรอง ฆ่าสัตว์เลี้ยงของข้าต่อหน้าข้าแบบนี้ คิดว่าข้าข่มเหงรังแกได้ง่าย ๆ งั้นหรือ?” ฉู่ซิวเอ่ยเสียงเย็นชา เหล่าศิษย์ที่ผ่านไปมาต่างก็ให้ความสนใจ และพากันเร่งฝีเท้าเข้ามา
ผู้อาวุโสขอบเขตศักดิ์สิทธิ์แห่งยอดเขาอวิ๋นเซี่ยมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสายตาเย็นชา พร้อมที่จะลงมือจัดการกับเซียวอี้เฟิงทุกเมื่อ
“ศิษย์พี่ใหญ่ อย่าเข้าใจผิดเลย” เหรินหงอิงยิ้มอย่างประนีประนอม
เซียวอี้เฟิง ไม่กล้าลงมือต่อ เพราะต่างก็รู้ดีถึงความแตกต่างของฐานะ เขาเพียงแค่นเสียงเย็นชา เดินสะบัดก้นจากไปก็เท่านั้น
“หึๆ ไอ้คนหยินหยางเอ๊ย!” จีไท่เหม่ยเยาะเย้ย เมื่อร่างสูงได้ยินก็เหลือบมองมันด้วยหางตา
“จีไท่เหม่ย ถ้าเจ้าไม่มีฝีมือก็อย่าปากดี หากเจ้าตายไปอย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน”
“อืม” จีไท่เหม่ยส่ายขนสีทองบนหัวไปมา
“แต่ไอ้บ้านั่นมีข้อเสียเยอะจะตาย เจ้าไม่เห็นตอนที่มันทำท่าฮึดฮัด และกล่าววาจาสามหาวรึ?”
“อั๊ก! น่าขยะแขยงจริง ๆเลย” ฉู่ซิวไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น เขาเหาะตรงไปยังตำหนักของเจ้าขุนเขา
ท่านอาจารย์ผู้เลอโฉมรออยู่ภายในตำหนัก เมื่อนางเห็นฉู่ซิว นางสะบัดแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว เกราะป้องกันคุณภาพสวรรค์สีดำทองอร่าม ถูกประดับประดาอย่างหรูหรา พร้อมแสงสีรุ้งเปล่งประกายลอยออกมา ลอยอยู่ตรงหน้าเขา
“เจ้าควรสวมมันขณะปีนขึ้นบันไดสวรรค์” นางกล่าว ฉู่ซิวยกมือรับเกราะมุมปากยกยิ้ม
“ท่านอาจารย์เป็นห่วงศิษย์หรือขอรับ”
“อย่ามาทำเป็นใส่หน้ากากกับข้า ไปไกล ๆ เลย ข้าก็แค่ไม่อยากให้เจ้าตายแล้วทำให้ข้าเสียหน้าก็เท่านั้น” ท่านอาจารย์ผู้เลอโฉมกล่าวอย่างเย็นชา
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์สำหรับเสื้อเกราะขอรับ สักวันหนึ่ง ศิษย์จะตอบแทนท่านอาจารย์อย่างดี” เขากล่าวพลางยิ้ม เฉียวเหมิงเตี๋ยได้ยินก็หรี่ตาลง พยายามอดกลั้นไม่ให้ตนเองใช้ฝ่ามือฟาดใส่หน้าอีกฝ่าย นางส่งเสียงฮึกฮัดก่อนที่จะสะบัดชายกระโปรง
“ไสหัวไป!”
“ฮ่าฮ่า เมื่อข้ากลับมา ท่านต้องออกมาต้อนรับข้าอย่างดีแน่”
“ไสหัวไป!” ท่านอาจารย์ผู้เลอโฉมหน้าแดงก่ำ อกขนาดมหึมาสั่นไหว
ฉู่ซิวยักไหล่พลางคิดในใจว่า
'ใหญ่ชะมัด!'
เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วหันหลังเดินจากไป ทางฝั่งจีไท่เหม่ยได้แต่ทำหน้างง ไม่รู้ว่าทำไมท่านอาจารย์ของฉู่ซิวถึงได้โกรธเช่นนี้
[1]พลังหยิน จริง ๆ แล้วหยินใช้แทนสัญลักษณ์ของความเป็นสตรีเพศ
[2] คนหยินหยาง หรือเรียกอีกอย่างว่า intersex, hermaphrodite เป็นคำทั่วไปที่มีลักษณะทางเพศที่แตกต่างกันมากกว่า 40 แบบ บางอย่างคือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน บางอย่างคือความแตกต่างทางกายภาพ
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว