บันทึกตำนานยอดปรมาจารย์-บทที่ 49 เถาเหยาใต้แสงจันทร์และการบรรลุขอบเขตของกายาศักดิ์สิทธิ์

โดย  Enjoybook

บันทึกตำนานยอดปรมาจารย์

บทที่ 49 เถาเหยาใต้แสงจันทร์และการบรรลุขอบเขตของกายาศักดิ์สิทธิ์

บทที่ 49 เถาเหยาใต้แสงจันทร์และการบรรลุขอบเขตของกายาศักดิ์สิทธิ์


ยามค่ำคืน


ดวงจันทร์คู่ลอยเด่นกลางนภา แสงจันทร์ดุจสายน้ำ ดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าประดับให้ฟ้าราวกับมีมนต์เสน่ห์อันลึกลับ


ณ ยอดเขาอวิ๋นเซี่ย ลานหน้าถ้ำฝึกตนของฉู่ซิว


“เจ้าชื่อจีไท่เหม่ยหรือ?” เถาเหยาอุ้มลูกไก่ไว้ในมือซ้าย ใช้นิ้วชี้มือขวาจิ้มหัวขนปุยของมันด้วยความสงสัย


เถาเหยางดงามยิ่งใต้แสงจันทร์ ผิวขาวผ่องดุจหิมะ สวมชุดเขียวยาวพลิ้วไหว เอวบางตนสามารถคว้ามาได้


จีไท่เหม่ยยกกรงเล็บขวาขึ้น ชูนิ้วกลางด้วยท่าทางน่าเกลียด “ยังหญิงบ้า เรียกข้าว่าท่านอีกาศักดิ์สิทธิ์ ไม่อย่างนั้นข้าจะกินเจ้า!!”


“กุ๊กกุ๊ก!!” เถาเหยาหัวเราะอย่างชอบใจ


“เจ้าตัวเล็กๆ เช่นนี้ จะมากินข้าได้หรือ?”


“อ้า!” จีไท่เหม่ยโกรธจนกระโดดขึ้นลง พูดอย่างไม่อายใคร


“รอให้ข้าบรรลุขอบเขตพลังสูง ๆ แล้ว จะต้องจับเจ้าหญิงนี่มาเป็นทาสรับใช้ แล้วจับเด็กบริสุทธิ์มาเป็นพาหนะ มิเชื่อก็คอยดู!!”


“ศิษย์พี่ ท่านไปจับสัตว์วิญญาณโง่ ๆ นี่มาจากที่ไหนหรือ?” เถาเหยาเอียงหน้าถาม ดวงตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว


“ข้าพบมันในแดนลับหวงเหยา เห็นว่ามันไม่ธรรมดา จึงเก็บมันมาด้วย” ข้างกองไฟ ฉู่ซิวกำลังย่างกวาง กลิ่นหอมโชย คละคลุ้มไปทั่วบริเวณ เมื่อไม่นานมานี้ เพราะจีไท่เหม่ย เขาจึงหลงใหลการปิ้งย่าง


“หึ ๆ ชายหญิงหมา ๆ คู่นี้ ชักจะเกินไปแล้ว! ข้าไม่ใช่สัตว์วิญญาณนะ” จีไท่เหม่ยโกรธจนกระโดดขึ้นมา กรงเล็บของมันโบกไปมา ปีกเล็ก ๆ มีขนปุยสะบัดโยกไหว อยากจะจิกเถาเหยาให้ตายด้วยจะงอยปากเล็กน่ารัก


“อารมณ์ร้อนพอตัวเลยนะ”


“ศิษย์พี่ไม่ลองย่างมันดูหรือ? เนื้อต้องนุ่มแน่ ๆ เลย” เถาเหยาเผยเขี้ยวเล็ก ๆ ออกมา ส่องประกายวาววับในแสงไฟตรงหน้า


“(⊙o⊙)…” ในสายตาของจีไท่เหม่ย บนหน้าผากของเถาเหยาราวกับว่าได้งอกเขาออกมาคู่หนึ่ง และกลายเป็นปีศาจร้ายไปแล้ว


“ข้อเสนอไม่เลว ข้าว่าทำเป็นไก่ผัดองครักษ์คงดี” ฉู่ซิวพยักหน้าเห็นด้วย


“???”


“ช่างกล้า พวกเจ้าคุกคามข้ารึ?” จีไท่เหม่ยร้อนใจ รีบกลายร่างเป็นลูกไก่โกรธา พุ่งชนใส่ฉู่ซิวอย่างบ้าคลั่ง ฉู่ซิวหลบตัวไปด้านข้าง จนเจ้ากาน้อยพลาดท่า เกือบจะกระโจนเข้ากองไฟ


กลิ้งตัวบนพื้นดับไปแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เนื้อตัวสกปรกเลอะเทอะ ปีกเล็ก ๆ กอดอก ท่าทางหยิ่งผยองพลางกล่าวว่า “ข้าเกิดมาไม่ธรรมดา ชาตินี้ถูกกำหนดให้สำเร็จเป็นขอบเขตจักพรรดิเชียวนะ! พวกหน้าหมานี่! เคารพข้าหน่อย! ไม่งั้นข้าจะกินพวกเจ้าทั้งหมดเลย”


“ไก่ตายน่ะพูดไม่ได้นะ! ดูท่าต้องให้เจ้าได้เห็นบ้างแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่เชื่อ” เถาเหยา โมโหที่มาพวกเขาว่าหน้าหมา


นางยกมือขาวขึ้น กดลงไปที่ตัวเขา แสงสีขาวทองวนเวียนอยู่ที่ปลายนิ้ว เหมือนฟ้าดินพลิกคว่ำ คว้าจีไท่เหม่ยแล้วเริ่มถอนขนในบัดดล


จีไท่เหม้ยเชิดคอ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและน้ำตาคลอ “นังผู้หญิงบ้า รอข้าก่อนเถอะ”


“ถึงกับกล้าถอนขนสวยงามของข้า”


“แค้นนี้ ใหญ่หลวงนัก”


“เจ้าน่ะ! ยังไม่ถึงขอบเขตกงล้อสมุทร ก็คิดจะมาแก้แค้นข้าแล้วหรือ?” เถาเหยาพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยาม


“ย่างเสร็จแล้ว” ฉู่ซิวพูด


เถาเหยาได้ยินดังนั้น ดวงตาของนางก็เป็นประกาย โยนจีไท่เหมยทิ้งไป และรีบนั่งข้าง ๆ ฉู่ซิว ประคองใบหน้าด้วยมือทั้งสองข้างอย่างน่ารัก ทางด้านฉู่ซิวก็ไม่รอช้า เขาใช้มีดเล็กตัดเนื้อกวางชิ้นหนึ่ง วางลงในจานกระเบื้อง และส่งให้นาง


ตุ๊บ! ไก่ตัวงามร่วงลงพื้น กระแทกจนมึนงงไปหมด


มันโซเซหัวไปมา วิ่งมาด้วยเท้าเล็ก ๆ ราวกับบิน พลางตะโกนว่า “หลีกไปให้หมด ข้าจะกินครึ่งหนึ่ง”


--------


ยามดึกสงัด หลังจากส่งเถาเหยากลับไปแล้ว


ฉู่ซิวก็กลับไปยังถ้ำฝึกตนอันเงียบสงบอีกครั้ง ช่วงนี้ เขามัวแต่พยายามหลอมกระจกหิน จนยังไม่มีเวลาดูระบบเลย จำได้ว่าหลังจากก้าวข้ามขอบเขตก็ยังไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย จึงต้องเรียกดูบันทึกระบบ


[ตรวจพบว่าท่านก้าวขอบเขตได้รับรางวัลพิเศษ: วิธีฝึกฝนกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณขั้นต้น]


[วิธีฝึกฝนกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณขั้นต้น]


[ประเภท]: เคล็ดวิชา


[ระดับ]: คุณภาพเซียน


[ประสิทธิภาพ]: เคล็ดวิชาในการฝึกฝนนี้ ช่วยให้สามารถบำเพ็ญกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณ จนถึงขอบเขตขั้นต้นได้


[ยอมรับ/ไม่ยอมรับ การถ่ายทอดวิชา?]


“ยอมรับ” ฉู่ซิวดวงตาเป็นประกาย เขากำลังขาดแคลนวิธีฝึกฝนกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณ ไม่คิดเลยว่าว่าระบบจะส่งความสบายมาถึงหน้าประตูเช่นนี้


เขาค่อย ๆ หลับตาลง


ทันใดนั้นเองที่แสงสีทองไหลเข้าสู่จิตใจ ร่างเงาสีทองลอยขึ้นมาจากความว่างเปล่า สถิตอยู่ด้านหลังของฉู่ซิว เสียงลึกลับดังก้องกังวาน ดวงดาวหมุนไปรอบ ๆ ราวกับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่กำลังสั่งสอนเขาด้วยตนเอง ตัวอักษรโบราณที่เต็มไปด้วยหลักการแห่งเต๋า ลอยเข้าสู่จิตใจ หมุนวนรอบจิตวิญญาณสีทองของฉู่ซิวราววงแหวนอันงดงามของดวงดาว


ภายในขอบเขตกงล้อสมุทรสีทอง บงกตทมิฬเขียวเริ่งเบ่งบานอีกครั้ง กลิ่นหอมโชยกระจาย ปราณวิญญาณอันทรงพลังพลันคลื่นไหว สำเร็จวิถีเต๋าโดยธรรมชาติ ท่วงทำนองอันไพเราะของบทสวดดังในห้วงคะนึงไม่ขาดสาย


ปรากฏการณ์บงกตทมิฬเขียวลอยอยู่เหนือศีรษะ ความกดดันปกคลุมโลก


จีไท่เหมยที่กำลังงีบอยู่ตกใจ พูดจาหยาบคายออกมาจากปาก “ไอ้ลูกหมานี่! กำลังจะก้าวข้ามขอบเขตอีกแล้วรึ?”


“ดูเหมือนข้าต้องฝึกฝนอย่างจริงจัง เพื่อเอาชระเจ้าเด็กนี่ในอนาคต จากนั้นข้าก็เอาเขามาเป็นพาหนะซะเลย” ร่างกายของฉู่ซิวใสวาว ส่องประกายสีทองเรืองงาม ท่าทางองอาจน่าเกรงขามยิ่งนัก


ปากของเขาไม่หยุดท่องบทสวด ภาษาโบราณลอยออกจากปาก ประทับอยู่บนฟากนภาเบื้องบน เปลือกตาเปิดปิด มีแสงสีทองวาบขึ้น โดยที่ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร


“ที่แท้กายาศักดิ์สิทธิ์ก็ฝึกฝนเช่นนี้นี่เอง” ฉู่ซิวลืมตาขึ้น มุมปากปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย


“ระบบ เปิดหน้าต่างสถานะของข้าดูหน่อย”


[เจ้าของระบบ]: ฉู่ซิว


[ขอบเขตพลัง]: เสินเฉียว ระดับเก้า


[ลักษณะพิเศษ]: กายาศักดิ์สิทธิ์โบราณ


[พรสวรรค์]: 1414 「ระดับฟ้า」 ความเร็วในการฝึกฝน 33 เท่า


[เจตจำนงแห่งกระบี่]: เจตจำนงแห่งกระบี่สังหารสวรรค์


[เคล็ดวิชาที่ฝึกฝน]: คัมภีร์เต๋าจิง - บทพื้นฐาน, วิธีฝึกฝนร่างกายศักดิ์สิทธิ์ 「บน」


[วิชาลับ]: อักขระลับสิงจื่อ (เพิ่งเริ่มเรียนรู้), คัมภีร์เล่นแร่แปรธาตุ เล่มกลาง 「ยาพิษ」(เพิ่งเริ่มเรียนรู้)


[ทักษะกระบี่]:หวนสู่นิรันดร์ 「คุณภาพเซียน」


[คะแนนสะสม]: 3.78 ล้าน


[ค่าโชคชะตา]: 1125 「น้ำเงิน」


[การประเมินพลังการต่อสู้โดยรวม]: พลังต่อสู้ 40 เท่าของคนธรรมดาในระดับเดียวกัน, ขอบเขตต้องห้ามที่เจ็ด「ปลดปล่อยพลังทั้งหมดเพื่อเข้าสู่ขอบเขตต้องห้ามที่แปด」


“ระบบ ขอบเขตต้องห้ามที่เจ็ด กับแปดนี่คืออะไร?” ฉู่ซิวขยับดวงตาเล็กน้อย


[ฮาฮ่า! วิชาลับ คัมภีร์ รากฐาน สายเลือดพิเศษ ร่างกาย รวมกันเป็นพลังต่อสู้โดยรวม สามารถต่อสู้กับศัตรูข้ามขอบเขต เช่น ตอนนี้เจ้าอยู่ในขอบเขตเสินเฉียวระดีบหยึ่ง สามารถต่อสู้กับขอบเขตเสินเฉียวระดับเจ็ด นั่นก็คือขอบเขตต้องห้ามที่เจ็ด]


“ข้าสังหารหัวหน้าใหญ่เผ่ามารที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งอยู่ในขอบเขตปี่อั้น ถ้านับแล้วเขาสูงกว่าข้าถึงเก้าขั้นเล็ก ทำไมถึงไม่ใช่ขอบเจคต้องห้ามที่เก้าล่ะ?”


[ขอบเขตสร้างฐาน ขอบเขตกงล้อสมุทร ขอบเขตเสินเฉียว ขอบเขตพลังทั้งสี่ ล้วนเป็น ขอบเขตพลังพื้นฐาน ช่องว่างของพลังต่อสู้ไม่ได้ใหญ่มาก]


[ขอบเขตเต๋ากง ขอบเขตเสินทง ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ ขอบเขตมหาศักดิ์สิทธิ์ ขอบเขตราชันศักดิ์สิทธิ์ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่สำคัญ]


[ในอดีตท่านก็เคยเป็นผู้แข็งแกร่งขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ ควรจะรู้ชัดเจนว่าเมื่อฝึกฝนถึงขั้นปลาย การต่อสู้ข้ามขอบเขตนั้นยากเพียงใด]


“อืม” ฉู่ซิวพยักหน้า


‘ดังนั้นข้าจึงต้องวางรากฐานให้มั่นคง’


“ลองบรรลุขอบเขตของกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณดู”


[ติ๊ง! กายาศักดิ์สิทธิ์โบราณยากที่จะฝึกฝนอย่างยิ่ง กินพลังมหาศาล ตอนนี้คาดว่าห้าปีจึงจะสามารถบรรลุขอบเขตเล็ก แต่ละรอบใช้คะแนนระบบหนึ่งล้านแต้ม]


[จะข้ามขอบเขตหรือไม่]


“ใช่”


[เจ้าเริ่มบำเพ็ญแบบปิด บรรลุขอบเขตของกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณ...]


‘อื้ม’


ร่างกายของฉู่ซิว เกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที ปราณเลือดสีทองไหลเวียนทั่วร่างกาย ความเร็วเป็นสิบเท่าของปกติ ปลังปราณมหาศาลไหลเวียนอยู่ในลมปราณ เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ


เนื้อหนัง กระดูก กลืนกินปราณในร่างกายอย่างตะกละตะกลาม ในทุกกระเบียดนิ้วของกล้ามเนื้อถูกบีบคั้นคนแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ


ตุ้บๆๆ!


หัวใจเต้นตุบ ๆ อย่างรุนแรง สั่นสะเทือนฟ้าดิน ทำให้ผนังถ้ำรอบด้านแตกละเอียดยับเยิน


“บ้าเอ๊ย! เจ้าเอาอีกแล้วรึ!” จีไท่เหม่ยตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง รีบลุกขึ้นหนีออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว


ฉู่ซิวขมวดคิ้ว


ร่างกายที่เดิมทีกล้ามเนื้อสมส่วน เส้นเลือดขึ้นอย่างชัดเจน บัดนี้กลับซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ความเจ็บปวดแผ่ซ่านทั่วร่างกายแกร่ง เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เมื่อบำเพ็ญได้ครึ่งทาง เขาก็มีดวงตาลึกโบ๋ ร่างกายซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกโดยสิ้นเชิง


“บรรลุขอบเขตกายาศักดิ์สิทธิ์ กับการบรรลุขอบเขตการบำเพ็ญนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”


“ในตอนที่บรรลุขอบเขตกายาศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากความเร็วที่รวดเร็วเกินไป ข้าจำเป็นต้องรีบดูดซับสารอาหารเพื่อส่งเสริมการเติบโตของกายาศักดิ์สิทธิ์” ฉู่ซิวหยิบสมุนไพรวิเศษออกมาจากถุงเก็บของอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งสมุนไพร่วิเศษคุณภาพเซียนอย่างผลชีเฉียก็ยัดใส่ปากอย่างมูมมาม ความรู้สึกโดนขูดรีดเช่นนี้ ช่างทรมานเหลือเกิน


[ติ๊ง การบำเพ็ญถูกขัดจังหวะ เจ้าบำเพ็ญกายาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสองปี ใช้คะแนนระบบ 1 ล้านแต้ม]


“ไม่คืนคะแนนหรือ?”


[ฮ่า ๆ ไม่คืน]


“เจ้าหลอกข้า เหตุใดจึงมิเตือนข้าก่อน?”


[ฮ่า ๆ ข้าคิดว่าเจ้ารู้แล้วเสียอีก!! จะโทษข้าอย่างงั้นหรือ!]


ฉู่ซิวผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก กินยาสมุนไพรวิเศษเข้าไป กลิ่นหอมของมันลอยกรุ่นทั่วร่างกาย รัศมีส่องประกายวาบ ร่างกายของเขาฟื้นฟูกลับสู่ปกติด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นก็ลดลงอีกครั้งสลับกันไปมา


ในขณะเดียวกัน กระดูก เลือดและเนื้อ ก็เปลี่ยนไปตามแรงยาที่ถูกดูดซึม ความหนาแน่น ความเหนียว ความแข็งแรง เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


ปราณเลือดในกายค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีทองอ่อนเป็นสีทอง


ความเร็วในการเสริมกำลังร่างกายของเขานั้นน่าตะลึง และยังไม่สามารถลอกเลียนแบบได้อีกด้วย ยามนี้หากถูกผู้อื่นเห็นเข้า พวกเขาคงต้องอุทานออกมาว่าเป็นฉู่ซิวนั้นเป็นปีศาจแน่นอน


‘เจ็บปวดแต่มีความสุข’


“ดูเหมือนว่าต่อไปหากจะบรรลุขอบเขตกายาศักดิ์สิทธิ์ คงต้องเตรียมสมุนไพรวิเศษให้มากขึ้น ไม่อย่างนั้นคงจะถูกกินกล้ามเนื้อจนแห้งตายแน่ ๆ”



รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว