บันทึกตำนานยอดปรมาจารย์-บทที่ 16 หอเทพสถิต!

โดย  Enjoybook

บันทึกตำนานยอดปรมาจารย์

บทที่ 16 หอเทพสถิต!

บทที่ 44 ทะเลสายฟ้า ไข่ศักดิ์สิทธิ์แตกออก


ในหมู่ผู้บำเพ็ญนั้นรู้กันดี เมื่อผู้อื่นกำลังฝ่าขอบเขตที่มีฟ้าผ่า สิ่งที่ควรทำคือหนีให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากถูกฟ้าผ่าโดน กฎสวรรค์จะถือว่าผู้ที่อยู่โดยรอบเป็นผู้ที่ก้าวข้ามขอบเขตซึ่งต้องเผชิญหน้ากับฟ้าผ่าเช่นกัน และจะส่งสายฟ้าลงมาทดสอบด้วย


ซึ่งในขณะนี้ ฉู่ซิวกำลังจะพาเหล่ามารทั้งหมดไปเผชิญหน้ากับฟ้าผ่าด้วยกัน


โม่ชาจึงอดด่าออกมาไม่ได้


“ไอ้ลูกหมา! สันดานชั่วจริง ๆ!” ตัวเขาเพิ่งจะถึงขอบเขตปี่อั้นขั้นปลาย ส่วนมารตนที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็แค่ของขอบเขตเสินเฉียวขั้นปลายเท่านั้น


ตามปกติแล้ว ผู้บำเพ็ญจะเผชิญกับฟ้าผ่าเมื่อถึงขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ และการก้าวข้ามขอบเขตฟ้าผ่าแต่ละครั้งนั้นอันตรายมาก แต่ตอนนี้มนุษย์คนนี้กลับจะพาพวกมารตัวเล็ก ๆ ของเขาไปตายในสายฟ้าด้วยงั้นหรือ?


นี่มันจะล้างเผ่าพันธุ์กันเลยหรือไง?


‘ตูม!’ สายฟ้าสีทองขนาดใหญ่พุ่งลงมา ฟาดลงบนร่างของฉู่ซิว


ในขณะนั้น ราวกับว่ามิติช่องว่างของเปิดประตูออก ฟ้าผ่าแลบแปลบปลาบลงมานับสายไม่ถ้วน ดั่งม่านน้ำตกกระหน่ำลงมาจนท้องฟ้าแยกออก ผ่าถล่มโลก ภาพน่ากลัวเหมือนเหมือนวันสิ้นโลก แน่นอนว่าสายฟ้าสีทองตกลงบนศีรษะของเผ่ามาร พวกมารเหล่านั้นกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา ลมพัดปลิวไป ไม่เหลืออะไรให้เห็นอีกต่อไป


น่าตกใจยิ่งนัก!


ฝูงมารแตกฮือ! ร้องโหยหวนวิ่งหนีเข้าไปในป่าโบราณ พวกมันไม่เคยเห็นภาพที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต มารบางตนที่มีปีก ก็พลันตื่นตระหนกจนเผลอกระพือปีกบินขึ้นฟ้า แต่ชั่วพริบตาก็ถูกทะเลสายฟ้าผ่า เผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน


หนีฟ้าผ่าไม่พ้น มีแต่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้


เมื่อถูกกฎสวรรค์เล็งเป้าไว้ ก็ไม่มีมารตนใดที่จะริอาจหนีรอดไปได้ นอกจากจะอดทนข้ามผ่านมันไปให้ได้ ทะเลสายฟ้าอันท่วมท้น ผ่าใส่ฉู่ซิวและเผ่ามารทั้งหมดนอกค่ายกล มีเพียงเสียงร้องโหยหวนดังแว่วเข้ามาในหูของบรรดาลูกศิษย์ ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่


และในทะเลสายฟ้า เผ่ามารล้มลงเป็นแถบ ๆ กลายเป็นเถ้าถ่านกันถ้วนหน้า มองไปนอกค่ายกล ที่ที่ฟ้าผ่ากำลังถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของลูกศิษย์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่ซู่ต่างซีดเผือด



ณ ลานกว้างไท่ซู่


เหนือท้องฟ้า สายฟ้าสีทองท่วมท้นทุกสิ่ง นอกจากนี้ก็มิอาจมองเห็นอะไรอีกเลย


‘น่าตะลึงยิ่งนัก!’ ทั่วทั้งลานกว้างไท่ซู่เด็มไปด้วยเสียงโห่ร้องที่ดังอื้ออึง


“ข้าไม่เคยเห็นฟ้าผ่าที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน...”


“หลายสิบหมื่นคนโดนกฎสวรรค์และรับฟ้าผ่าพร้อมกัน ภาพนี้ช่างน่าขนลุกเกินไปแล้ว! เป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่งนัก! เขาไม่กลัวหรือว่าตัวเองจะถูกฟ้าผ่าจนกลายเป็นเถ้าถ่าน”


“ฉู่ซิว ทำได้อย่างไรกัน?”


“เขาอยู่เพียงขอบเขตกงล้อสมุทร ก็ต้องกฎสวรรค์จนต้องโดนฟ้าผ่าแล้วหรือ??”


“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!! ต่อให้เขาจะเก่งกาจ เป็นอัจฉริยะสักแค่ไหน! ก็ไม่น่าจะถึงขั้นนี้!”


“ศิษย์พี่เถาเหยาเคยผ่านด่านฟ้าผ่ามาหรือไม่?” ฉู่เซียวหรานมองตาค้าง ดูเหมือนตอนนี้นางจะตกใจเกินไปแล้ว ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าศิษย์พี่ฉู่ซิวจะทำอะไรได้ขนาดนี้


เถาเหยาขมวดคิ้ว ก่อนจะส่ายหน้า


“เมื่อข้าก้าวสู่ขอบเขตศักสิทธิ์ มิแน่ว่าอาจต้องเผชิญกับฟ้าผ่าสักครั้ง”


“ศิษญืพี่ของข้าไม่ธรรมดาจริง ๆ เป็นผู้ที่ทำลายขีดจำกัดโบราณ”


“หวังว่าศิษย์พี่จะไม่เป็นอะไร ห้าแสนเผ่ามารก็สู้เขาไม่ได้”


“หึ ๆ” ฉู่เซียวหรานยิ้มหวาน “ไม่ต้องห่วงหรอก ในเมื่อศิษย์พี่ฉู่ซิวเลือกใช้วิธีนี้จัดการกับพวกเผ่ามาร ดังนั้น ท่านต้องมั่นใจว่าจะข้ามผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน”


————


“เหมิงเตี๋ย เจ้าเห็นหรือไม่?” ไท่ซู่จื่อยิ้มเล็กน้อย ดวงตาของผู้เป็นอาจารย์สะท้อนแสงสีทอง ก่อนที่จะพยักหน้าเบา ๆ


“ปราณเลือดสีทอง กงล้อสมุทรสีทอง บงกชทมิฬเขียว ปรากฏการณ์แปลก ๆ พวกนั้น”


“ฉู่ซิวมีกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณ”


“กายาศักดิ์สิทธิ์โบราณ แต่ที่ข้าแปลกใจคือตอนที่เขาเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ทำไมไม่มีใครเห็น?”


ไท่ซู่จื่อส่ายหัว “กายาศักดิ์สิทธิ์โบราณถูกปกปิด ไม่ปรากฏทวีปต้าเทียนฉงมาหลายหมื่นปีแล้ว”


“ไม่แปลกใจเลย” เฉียวเหมิงเตี๋ยขบริมฝีปากสีแดงเงางามพลางพึมพำกับตัวเอง


“ไม่แปลกใจเลยที่ตอนแรกเจ้าฝึกฝนได้ช้ามาก ที่แท้ก็เพราะกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณนี่เอง”


“ฉู่ซิว สามารถทำลายคำสาปของกายาศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ว่าไม่สามารถฝึกฝนได้อย่างง่ายดาย ช่างน่าทึ่งจริง ๆ” ไท่ซู่จื่อจ้องมองฟ้าผ่า ดวงตาของนางมีดวงดาวนับไม่ถ้วนหมุนวน ราวกับมองทะลุทุกสิ่งอย่าง


“แดนศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ได้เลือกบุตรศักดิ์สิทธิ์”


“เช่นนั้นเมื่อฉู่ซิวออกมาแล้ว ก็ให้เขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้วกัน!”


“(⊙o⊙)” ท่านอาจารย์งุนงง ขนตายาวงามสั่นระริก


“ไม่เห็นด้วยหรือ?” ท่านจอมเทพถามด้วยความสงสัย


ในใจของเฉียวเหมิงเตี๋ยกลับรู้สึกหงุดหงิด ศิษย์ที่ดื้อรั้นและไม่เชื่อฟังของข้า กลับมีโอกาสได้นั่งตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือนี่? โลกนี้ยังมีเหตุผลและกฎเกณฑ์อยู่หรือไม่?


“เหมิงเตี๋ย?”


“ห้ะ!” เฉียวเหมิงเตี๋ยได้สติรีบกล่าวว่า “เรื่องบุตรศักดิ์สิทธิ์ ยังต้องให้ทุกสำนักร่วมกันตัดสินใจจึงจะได้”


“ตอนนี้ขอบเขตการบำเพ็ญของเขายังต่ำเกินไป เกรงว่าจะทำให้เจ้าสำนักอื่นไม่พอใจ” ท่านจอมเทพเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย


“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล! อย่างไรก็ตาม ด้วยผลงานในแดนลับหวงเหยาของฉู่ซิว ข้าว่าคงไม่มีใครปฏิเสธข้อเสนอของข้าหรอก”


“กายาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถฝึกฝนได้เช่นนี้ ตราบใดที่เขาไม่ตายก่อนวัยอันควร เขาย่อมถูกกำหนดให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลนี้”


“ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยของเขาก็ไม่เลว เป็นเด็กที่ใจดี ยอมเสี่ยงอันตรายตัวคนเดียวเพื่อเพื่อนร่วมสำนัก”เฉียวเหมิงเตี๋ยบ่นในใจ


'ท่านไม่เห็นที่เขาโยนศิษย์คนหนึ่งให้กับเผ่ามาร?'


“เจ้าว่าศิษย์ของข้าเป็นคนจิตใจดีงามหรือ? ฮ่าๆ!”





ท่ามกลางทะเลสายฟ้าสีทอง


เสื้อคลุมของ ฉู่ซิวถูกฟ้าผ่าเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว ผิวหนังของเขาถูกเผาไหม้จนเกรียมและฉีกขาดเป็นแผล


“ฟ้าผ่าในยามที่ก้าวข้ามขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ ยังเทียบมิได้กับฟ้าผ่าครั้งนี้เลย”


“ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก”


ฉู่ซิวปล่อยให้เส้นผมปลิวไสว เขาใช้คัมภีร์เต๋าจิงเพื่อรับและฝึกฝนร่างกายด้วยฟ้าผ่า เสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายอย่างต่อเนื่อง กายาศักดิ์สิทธิ์โบราณเรียกได้ว่าเป็นกายอมตะ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่ความเร็วในการฟื้นฟูร่างกายก็รวดเร็วมาก...


อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการฟื้นฟูนั้นไม่เร็วเท่ากับความเร็วที่ถูกฟ้าผ่าทำร้าย สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจที่สุดคือ กระจกหินสีเขียวลึกลับนั่นกลับมีผลในการป้องกันสายฟ้าได้ระดับหนึ่ง ฉู่ซิวรู้สึกว่าเขาทนไม่ไหวแล้ว เพียงแค่ถือกระจกหินไว้ในมือ สายฟ้าที่ตกลงมาใส่ตัวเขาก็จะอ่อนแรงลงไปหลายส่วน


“ถ้าเช่นนั้น หัวหน้าใหญ่ของเผ่ามารที่ถือกระจกหินอยู่ อาจจะไม่ถูกสายฟ้าทำลายเลยก็ได้”


“ดูเหมือนว่ายังมีศึกหนักรออยู่อีกสินะ”


“กระจกหินนี้ไม่ธรรมดา ต้องแย่งมาให้ได้”


‘กึกกึก…’ ขณะนี้ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของฉู่ซิวเหมือนเสียงเปลือกไข่แตก


‘เวรแล้ว! ลืมไปว่ายังมีไข่ประหลาดติดอยู่ข้างหลัง’


“จะไม่แตกเพราะฟ้าผ่าใช่ไหม!” ฉู่ซิวขยับตาเล็กน้อย รีบหยิบห่อที่ขาดวิ่นออกมา


ไข่นั้นโผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง กำลังดูดซับพลังสายฟ้าอย่างต่อเนื่อง และในตอนนี้เปลือกไข่ก็เต็มไปด้วยรอยแตก ไม่นานนัก เปลือกไข่นั้นก็ถูกดันออก หัวลูกนกสีเหลืองอ่อนปุยฟูโผล่ออกมาจากเปลือกไข่ มีขนสีทองสองเส้นอยู่บนหัว โยกหัวไปมา หมุนคอ เบิกตาโตดำขลับมองซ้ายขวา และสุดท้ายก็มองไปที่ฉู่ซิว


ท่ามกลางทะเลสายฟ้าสีทอง คนหนึ่งคนและนกหนึ่งตัวสบตากัน จมอยู่ในความเงียบอันแปลกประหลาด


‘พลัก!’ เจ้าลูกนกกระโดดออกมาจากเปลือกไข่ และกระโดดขึ้นมาบนฝ่ามือของฉู่ซิว มันเงยหน้าขึ้น ท่าทางหยิ่งผยอง ก่อนจะเปล่งวาจา “บ้าไปแล้ว! ที่ไหนก็มีแต่สายฟ้าหรือนี่? เจ้าเด็กน้อย! เจ้ากำลังก้าวข้ามขอบเขตอยู่หรือ?”


“เจ้าเป็นตัวอะไร?” ฉู่ซิวพิจารณาลูกนกตัวนี้อย่างละเอียด เพิ่งเกิดมาก็พูดจาได้ นับว่าไม่ธรรมดา


“ข้าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ 'อะไร' ชิ!” ลูกนกน้อยถ่มน้ำลาย ยกอุ้งเท้าซ้ายขึ้น ชูนิ้วกลางใส่ฉู่ซิว


“เด็กน้อย! เจ้าควรให้ความเคารพข้าหน่อย ไม่อย่างนั้นข้าจะกลืนเจ้าเข้าไปทั้งตัว” เสียงของมันยังเป็นเสียงเด็ก แต่คำพูดกลับหยิ่งยโสเกินไป อดไม่ได้ที่จะอยากทุบมันให้เละคามือ


ฉู่ซิวหรี่ตากำมือแน่น บีบจนลูกนกร้องโอดโอย ขอร้องขอชีวิตไม่หยุด


“อย่า อย่า อย่า... กระดูกหัก... พี่ชาย ข้าผิดไปแล้ว... ไว้ชีวิตด้วย”


“เจ้าเป็นอะไรกัน อย่าบอกนะว่าเจ้าคือกาศักดิ์สิทธิ์ มารขอบเขตกึ่งจักรพรรดิที่เกิดมาใหม่อีกครั้งงั้นรึ?”


ลูกนกโผล่หัวออกมาจากช่องนิ้วมือของเขา หายใจหอบถี่ ปากเล็ก ๆ อ้าปิดพลางถาม


“กาอะไรนะ? ขอบเขตกึ่งจักรพรรดินี่กินได้หรือไม่”


ปิ๊ดปิ๊ด!


สายฟ้าสีทองขนาดใหญ่เท่าต้นขา ฟาดลงบนหลังของฉู่ซิวจนเลือดกระเซ็นเป็นสีทองอ่อน ดูเหมือนว่าฟ้าผ่ากำลังจะจบลง


“นี่! เจ้าเด็กน้อย! ระวังตัวหน่อยสิ!”


คว้าง!!


ทันใดนั้นดาบเล่มใหญ่สีดำก็ฟันไปที่หลังของฉู่ซิว รุนแรงจนสามารถตัดเอวขาดสะบั้นได้ ดวงตาของฉู่ซิวหรี่ลงพลางมองไปที่คนที่ลงมือเช่นนี้


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว