ผู้ใหญ่หลิวยอดเกษตร -ตอนที่ 33 ทั้งเสียสติทั้งหัวแข็ง

โดย  Novel Room

ผู้ใหญ่หลิวยอดเกษตร

ตอนที่ 33 ทั้งเสียสติทั้งหัวแข็ง

หลังจากหลินเฟิงบรรจุเลือดของหมาป่าอัคคีระดับ 2 ขั้นปลาย ใส่ชวดที่เตรียมมาเสร็จเขาก็เตรียมเนื้อของมันเพื่อมาเป็นมืออาหารของเขา จากนั้นเขาก็ได้จัดหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อพักฟื้นฟูร่างกาย และบ่มเพาะพลัง


ศึกระหว่างเขากับหมาป่าอัคคีค่อนข้างหนักหน่วงและกินพลังงานของหลินเฟิงค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญหลินเฟิงเองก็ได้รับบาดเจ็บ แม้จะไม่มากเท่าไหร่แต่เขาก็ต้องการร่างกายที่มีสภาพพร้อมมากที่สุดเสมอ


เมื่อหาสถานที่ปลอดภัยแล้วหลินเฟิงก็กินโอสถฟื้นฟูและบ่มเพาะพลังทันที เขาใช้หินปราณอสูรขั้นสูงที่ได้มาจากหมาป่าอัคคี ในการบ่มเพาะครั้งนี้ เขาต้องการความเร็วในการบ่มเพาะ ดังนั้นเขาจะไม่มานั่งเสียดายหินปราณอสูรระดับ 2 ขั้นสูงเช่นนั้นแน่ เพราะจะอย่างไรหากเขายังมีชีวิตและแข็งแกร่งมากขึ้นเขาย่อมสามารถหาหินปราณอสูรที่มีระดับสูงกว่านี้ได้ไม่ยากแน่นอน


หลินเฟิงใช้เวลาในการบ่มเพาะตลอดทั้งคืน จนเช้าวันต่อมาหินปราณอสูรระดับ 2 ขั้นสูง ที่อยู่ในมือของเขาเริ่มสลายกายเป็นผงที่ปลิวไปตามกระแสลม จากนั้นหลินเฟิงก็ลืมตาตื่นขึ้นมา พร้อมกับปรากฏรอยยิ้มตื่นเต้น ดีใจ


“หากมีหินปราณอสูรระดับ2ขั้นสูงอีกสักก้อน ข้าจะสามารถบรรลุระดับรวบรวมขั้น 4 ได้ภายใน 1 เดือนแน่นอน” หลินเฟิงพึมพำกับตนเอง


“ช่างเรื่องหินปราณอสูรระดับ2ขั้นสูงไปก่อนแล้วกัน ข้าไปล่าสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นกลางก่อนดีกว่า” หลินเฟิงกล่าวกับตนเองพร้อมลุงขึ้นและพุ่งออกไปทันที


หลังจากนั้นหลินเฟิงก็ทำการล่าสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นกลางอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน นอกจากล่าสัตว์อสูรเพื่อหินปราณอสูรแล้วยังคงบ่มเพาะตลอดจนไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธ์ใดๆเลย และตอนนี้เขาก็ใกล้จะบรรลุระดับรวบรวมขั้น 4 เต็มทีแล้ว


หลินเฟิงนั้นไม่ได้เข้าไปล่าในบริเวณที่ลึกไปกว่าเมื่อครั้งที่เจอกับหมาป่าอัคคี เพราะเพียงบริเวณนี้เขาก็ต้องใช้พลังเกือบ 10 ส่วนใส่การสังหารสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นกลางแล้ว หากเจอสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นปลายเช่นหมาป่าอัคคี เขาอาจจะต้องจ่ายมากกว่าครั้งก่อนก็เป็นได้


ดังนั้นหลินเฟิงจึงตั้งใจจะล่าสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นกลางจนกว่าจะสามารถบรรลุระดับรวบรวมขั้น 4 ก่อนจึงจะเข้าไปลึกกว่านี้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่สามารถบรรลุได้เช่นนี้ แม้ว่าเขาจะรีดพลังออกมาเพื่อใช้ในการต่อสู้ประกอบกับบ่มเพาะตลอดทั้งคืนอย่างต่อเนื่องก็ตามที


“เฮ้ออ!! ข้าคงต้องเข้าไปหาสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นปลายจริงๆสินะ” หลินเฟิงถอนหายใจ พึมพำพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ข่มขืน เดิมทีเขามั่นใจอย่างมากว่าจะสามารถบรรลุระดับรวบรวมขั้น 4 ได้ เรื่องนี้ทำให้หลินเฟิงรู้ว่าคนเราจะไม่ได้สมหวังดังเช่นที่คิดเสมอไป


วันนี้หลินเฟิงจึงตัดสินใจเคลื่อนที่เข้าไปลึกกว่าเดิม เพราะหลังจากที่คิดคำนวญเวลาแล้ว เหลืออีกไม่นานก็จะถึงเวลางานจัดอันดับแล้ว เขาไม่สามารถล้าช้ากว่านี้ได้ แม้มันจะเสี่ยงแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกมากนัก


หลินเฟิงเคลื่อนที่เข้าไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆตลอดหลายชั่วยาม ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าตนเองเข้ามาลึกเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เขารู้คือ เขาเข้าใกล้ใจกลางป่าที่มีภูเขาไฟปะทุอยู่มากแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นหลินเฟิงก็ยังไม่เห็นสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นปลายเลยสักตัวเดียว เขาเจอเพียงสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นกลาง


แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้จัดการกับพวกมันทุกตัว หากตัวใดเขาเลี่ยงได้เขาก็เลี่ยง หากไม่ เขาก็จัดการกับมันเสีย แม้จะจัดการยากกว่าพวกที่อยู่รอบนอก แต่สำหรับเขาที่ฝึกฝนในป่าแห่งนี้มาเกือบเดือนแล้วทำให้เขาไม่ได้ใช้แรงมากมายในการจัดการ และที่หลินเฟิงทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการออมแรงไว้ให้มากที่สุดก่อนจะเจอกับสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นปลาย เพราะเขาไม่สามารถรู้ได้ว่ามันจะโผล่มาตอนไหน ดังนั้นการเตรียมพร้อมไว้เสมอคือสิ่งสำคัญ


และเมื่อหลินเฟิงเข้าใกล้ภูเขาไฟกลางป่าผจญเพลิงมากขึ้น เขาก็ได้พบกับสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นปลายในที่สุด เพียงแต่มันมีสภาพบาดเจ็บสาหัส มันทำราวกับกำลังหนีสิ่งใดอยู่ และนี้ทำให้หลินเฟิงต้องขมวดคิ้ว พลางมองไปยังภูเขาไฟที่อยู่กลางป่าผจญเพลิง


สิ่งใดที่สามารถทำให้สัตวือสูรระดับ 2 ขั้นปลายอยู่ในสภาพเช่นนี้พร้อมทั้งวิ่งหนี มันมีอยู่ไม่กี่อย่าง นอกจากผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อเกิดแล้วก็มีเพียงสัตว์อสูรระดับ 3 ราชาของป่าแห่งนี้ที่อาสัยอยู่บริเวณภูเขาไฟกลางป่าผจญเพลิง แต่ราชาสัตว์อสูรที่ว่าไม่ได้มีตัวเดียว มันมีอยู่ หลายตัวด้วยกัน พวกมันจะแบ่งเขตแดนและจะไม่ก้าวก่ายเขตแดนของตนอื่น นอกจากพวกมันอยากจะประกาศศึกระหว่างราชาสัตว์อสูรด้วยกันเอง


ไม่นานหลินเฟิงก็สะลัดความคิดไม่จำเป็นออกไป เหลือเพียงสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นปลายที่บาดเจ็บสาหัสเมื่อครู่ เขาลอบติดตามมันไปทันที ด้วยการที่มันเคลื่อนที่ช้าเนื่องจากอาการบาดเจ็บทำให้หลินเฟิงตามทันได้ไม่ยาก และเมื่อหลินเฟิงเห็นว่าบริเวณรอบๆไม่มีสัตว์อสูรตัวอื่นๆอยู่เขาก็แปลงกายเป็นมนุษย์มังกรพร้อมกับเร่งเร้าพลังปราณเป็นเพลิงอเวจี และเคลื่อนที่เข้าหาสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นปลายอย่างรวดเร็ว


ตูมมมมมมมม


หลินเฟิงไม่รอช้า เขาใช้ [ กรงเล็บเทพมังกร ] ด้วยพลังทั้งหมด ทำให้สัตว์อสูรตัวนั้นปลิวกระเด็นไปหลายเมตรพร้อมกับตกตายทันที ที่หลินเฟิงต้องใส่เต็มเช่นนี้เพราะมันจะบาดเจ็บอย่างไรแต่มันก็เป็นสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นปลาย เขาไม่สามารถประมาทมันได้


หลังจากนั้นไม่นานหลินเฟิงก็จัดการชำแหละสัตว์อสูรระดับ 2 ขั้นปลายพร้อมกับเก็บเลือดของมันใส่ขวดเพื่อเอาไว้ใช้สร้างสระเลือดสัตว์อสูร เพราะการจะสร้างสระเลือดสัตว์อสูรได้น้นจำเป็นต้องใช้เลือดของสัตว์อสูรในปริมาณมาก และยิ่งเป็นเลือดของสัตว์อสูที่มีขั้นสูงแล้วด้วยยิ่งช่วยกระตุ้นศักยภาพร่างกายของเขาได้ดีขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่ามันย่อมแลกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน


ก๊าซซซซซซ!!


หลังจากที่หลินเฟิงชำแหละเสร็จเขาก็เตรียมจะจากไป แต่ก่อนจะได้ออกจากป่า เขาก็พลันได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของสัตว์อสูรเสียก่อน ในเสียงร้องนั้นมันยังแฝงไว้ด้วยความอาฆาต และด้วยเหตุนี้มันทำให้หลินเฟิงต้องหันไปยังทิศทางของเสียง


เสียงร้องของมันดังมาจากภูเขาไฟที่อยู่ใจกลางป่าผจญเพลิง มันทำให้หลินเฟิงขมวดคิ้ว ตอนนี้เขาจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขาเพียงต้องใช้หินปราณอสูรระดับ 2 ขั้นปลายที่ได้มาเมื่อครู่ไปบ่มเพาะ เขาก็จะสามารถบรรลุระดับรวบรวมขั้น 4 ได้แล้ว


แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีสิ่งกวนใจหลินเฟิงอยู่ มันคือเรื่องของภูเขาไฟที่อยู่ใจกลางป่า เขามีความอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก แม้เข้าจะพยายามห้ามปรามตัวเองเพราะมันอันตรายอย่างไร แต่เมื่อเขานึกถึงนิยายที่เคยอ่าน มันมักจะมีประโยคที่ว่า โอกาสมาพร้อมกับความเสี่ยง ยิ่งเสี่ยงมากโอกาสยิ่งมาก มันยิ่งทำให้หลินเฟิงมีเหตุผลในการเข้าไปสำรวจว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นที่ภูเขาไฟกันแน่


“จะแข็งแกร่งได้อย่างไร หากยังกลัวเช่นนี้” หลังจากคิดอยู่นานในที่สุดหลินเฟิงก็ตัดสินใจเคลื่อนตัวเข้าไปหาภูเขาไฟอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะอยากบ่มเพาะพลังแต่เขาก็กลัวว่าหากช้ากว่านี้ เหตุการณ์มันคงจะจบลงและเขาจะสูยเสียโอกาสไปแน่ๆ

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว