ผู้ใหญ่หลิวยอดเกษตร -ตอนที่ 12 ผู้ใหญ่บ้านที่ดังที่สุดในโลกโซเซียล

โดย  Novel Room

ผู้ใหญ่หลิวยอดเกษตร

ตอนที่ 12 ผู้ใหญ่บ้านที่ดังที่สุดในโลกโซเซียล

“ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้ารู้ตัวว่ากำลังทำอะไร” หลินเฟิงพูด


เขารู้ว่าพ่อของเขาเป็นห่วงเขา และกังวลเพราะเรื่องระดับพลังของเขา แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะบอกเรื่องร่างกายของเขาให้พ่อของเขารู้


“เช่นนั้นข้าก็สบายใจ เอาละกลับเข้าบ้านไปพักผ่อนเถอะ พรุ้งนี้ก็จะเริ่มงานการประลองประจำปีแล้ว” หลินเทียนพูดพลางเดินกลับเข้าบ้าน


‘เมื่อข้าแข็งแข็ง ข้าจะหาทางรักษาท่าน’ หลินเทียนคิดใจใน


ขณะที่มองแผ่นหลังของหลินเทียน เขารู้สึกได้ถึงความรักที่หลินเทียนให้ และหลินเทียนยังคอยดูแลเขาอยู่เรื่อยๆอีก เขาจึงต้องการตอบแทนและช่วยเหลือหลินเทียนบ้าง ถึงจะไม่ใช่พ่อแท้ๆแต่ตอนนี้เขาก็คิดว่าหลินเทียนคือพ่อแท้ๆของเขาไปแล้ว


“เจ้าจะเข้าร่วมงานการประลองประจำปีจริงๆรึ?” เซี่ยหลั่วถามหลินเฟิง ในขณะที่หลินเฟิงเดินเข้ามาในบ้าน


“ใช่แล้วท่านแม่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่จะไม่ทำอะไรที่มันเกินกำลังของข้า” หลินเฟิงพูดเพื่อให้เซี่ยหลั่วหายกังวลใจ


“เอาละๆ เจ้าก็เหมือนพ่อเจ้านั่นแหละ ถึงจะห้ามก็คงไม่ยอมฟังอยู่ดี แต่เจ้าต้องสัญญากับข้อข้อหนึ่ง” เซี่ยหลั่วพูดอย่างจริงจัง


“เรื่องอะไรหรือท่านแม่?” หลินเฟิงถาม


“เจ้าห้ามฝืนตัวเอง ตัวเจ้ามีพรสวรรค์อยู่แล้ว เพียงแต่ขาดเวลาในการฝึกเท่านั้น เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่?” เซี่ยหลั่วกล่าวตอบอย่างจริงจัง


“ข้าจะไม่ฝืนตัวเองแน่นอน ” หลินเฟิงกล่าวอย่างจริงจัง


นางมีบุตรเพียงคนเดียว และสตรีก็ย่อมเป็นห่วงบุตรมากด้วยเช่นกัน เพราะว่าหากบุตรของนางเจ็บ นางก็จะรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าใคร นี้คือคนที่เป็นแม่และหลินเฟิงก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเขาจึงสัญญาตามที่นางขอ เขาจะไม่พยายามฝืนตัวเอง แต่หากจำเป็นจริงๆ เขาค่อยมาขอโทษที่หลังก็แล้วกัน หากเขายังปลอดภัย ยังไงแม่ของเขาก็ต้องให้อภัยเขาแน่นอน


………………………..


เช้าวันรุ่งขึ้น


หลินเฟิงก็เดินไปที่สถานที่จัดงานการประลองประจำปี นั่นก็คือลานประลองที่อยู่กลางปมู่บ้านตระกูลหลิน เมื่อหลินเฟิงมาถึงนั้น เขาก็เห็นรุ่นเยาว์รวมตัวกันอยู่รอบๆลานประลองเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีที่นั่งสำหรับผู้ชม ซึ่งที่นั่งมากมายตอนนี้ใกล้จะเต็มหมดแล้ว และเมื่อหลินเฟิงมองสำรวจไปรอบๆ เขาก็เห็นคนที่เขารู้จักเพียงไม่กี่คน เขาคิดว่าบางทีอาจจะมีคนจากตระกูลอื่นมาร่วมชมงานการประลองประจำปีด้วยก็ได้หรือบางคนอาจจะมาเผื่อสอดแนมความแข็งแกร่งของรุ่นเยาว์ตระกูลหลิน


การประลองประจำปีของตระกูลหลินนั้น คือการเจอกันแบบครบหมดทุกคน และใครที่ชนะมากที่สุดก็ชนะไป สำหรับผู้ที่ชนะ 10 อันดับแรก ทางตระกูลจะมีรางวัลมอบให้เผื่อเป็นการฟูมฟักรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ ในการแข่งนี้ ทุกคนที่เข้าร่วมต้องมีระดับพลังไม่น้อยกว่า ระดับพื้นฐานขั้น 4ขึ้นไป และอายุจะต้องไม่เกิน 15 ปี


ในขณะที่หลินเฟิงเดินเข้ามานั้น รุ่นเยาว์มากมายก็เห็นหลินเฟิง และมองไปทางเขาอย่างดูถูกและเหยียดหยาม ถึงแม่ว่าเรื่องที่หลินเฟิงสามารถฝึกวรยุทธ์ได้แล้วนั้นจะเป็นที่รู้กันไปทั่วหมู่บ้านตระกูลแล้วก็ตาม แต่ไม่มีใครคิดว่าตนจะแพ้ให้กับหลินเฟิงแน่นอน


หลินเฟิงหาได้สนใจสายตาของคนเหล่านี้ไม่ เขาไม่ได้โกรธคนพวกนี้ กลับกันในหน้าของเขากับมีรอยยิ้มที่แสนจะเจ้าเล่ป์อยู่ เขาต้องการจะรอดูหน้าของคนพวกนี้ว่าจะทำอย่างไรหากรู้ว่าเขาแกร่งแข็งเพียงใด โดยที่ใช้เวลาเพียงไม่ถึงปี


ทางฝั่งของผู้ชม ก็ได้มีสองสามีภรรยาเดินขึ้นไปหาที่นั่งซึ่งเป็นที่นั่งที่ใกล้กับประมุขตระกูลหลินมาก แน่นอนว่าสองคนนี้คือหลินเทียนกับเซี่ยหลั่ว พวกเขาเองก็ต้องการมาดูบุตรของเขาเข้าร่วมงานประลองเช่นกัน


“ไม่เห็นเจ้าสะนาน เจ้ายังสบายดีอยู่สินะ” สองสามีภรรยาที่เดินไปใกล้จะถึงที่นั่งนั้น ก็พลันได้ยินเสียงถามไถ่ที่ดูเหมือนจะแสนอบอุ่น แต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยคำดูถูก ไม่เป็นมิตรอย่างมาก และคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินเย่ พี่ชายของหลินเทียนนั่นเอง


“แน่นอนว่าข้าต้องสบายดี ตอนนี้คงสมใจเจ้าแล้วสินะ” หลินเทียนกล่าวตอบอย่างเยือกเย็น และเเดินไปนั่งที่ของตร


“สมใจอันใด ข้านะเป็นห่วงเจ้า กลัวว่าเจ้าจะไม่กล้าออกมาแล้วสะอีก” หลินเย่ยังคงยิ้มให้และกล่าวอย่างจริงจัง


แต่หากใครได้ยินพวกเขาสามารถรู้ได้ทันทีว่าที่หลินเย่กล่าวมานั้นไม่ใช่ความจริงเลยสักนิดเดียว เพราะน้ำเสียงของเขาทั้งเย็นชา สายตาของเขาก็มองอย่างดูถูก เหยียดหยาม


“หึ” หลินเทียนไม่ได้สนใจต่อ เขาคร้านเกินจะคุยกับหลินเย่แล้วหันไปดูบุตรของเขาที่สนามประลองทันที


“หลินเทียน เจ้าเองก็มาด้วยรึ” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงแฮบของชายชราดังขึ้นมา


หลินเทียนไม่จำเป็นต้องหันไปดูว่าใคร เขาสามารถรู้ได้เลยว่านี้คือเสียงของหลินหยาง ประมุขตระกูลหลินซึ่งก็คือบิดาของเขานั่นเอง เขารักและเคารพบิดาของเขามาก เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมานี้ เขาไม่กล้าไปเผชิญหน้ากับบิดาเนื่องด้สนอาการบาดเจ็บที่ทำให้พลังถดถอยลงไป ดังนั้นในใจของเขาจึงรู้สึกผิดมากๆที่หนีหน้าบิดาของตน


“ข้ามาดูเฟิงเอ๋อร์เข้าร่วมงานประลองนะท่านพ่อ” หลินเทียนลุงขึ้นทำความเคารพ แน่นอนว่าคนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้นก้ลุกและทำความเคารพหลินหยางทุกคน


ในที่นี้ไม่มีใครไม่กล้าเคารพหลินหยาง เพราะไม่ใช่เพียงเรื่องของพลังเท่านั้นที่หลินหยางผุ้นี้มีมากกว่าคนอื่น เขายังมีประสบการณ์และผ่านการเข่นฆ่ามาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งบางครั้ง แรงกดดันที่หลินหยางปล่อยออกมานั้นก็ทำให้คนรอบๆหายใจแถบไม่ออก

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว