พ่อของลูกฉันเป็นประธานจอมเจ้าเล่ห์-บทที่ 12 ลุงคนนั้นไม่ใช่คนดี

โดย  ทงเทียน

พ่อของลูกฉันเป็นประธานจอมเจ้าเล่ห์

บทที่ 12 ลุงคนนั้นไม่ใช่คนดี

บทที่ 12 ลุงคนนั้นไม่ใช่คนดี


อันหน่วนเอาหัวเล็ก ๆ แนบกับกระจกรถ เมื่อเห็นชายคนนั้นชัดเจน เธอก็ตะโกนเสียงดังว่า “คุณลุง!”


หัวใจของอันโหรวเต้นแรงขึ้นทันที เธอมองออกถึงความกระตือรือร้นในดวงตาของลูกสาว


หรือว่าลูกสาวจะชอบเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ? นี่คือสายเลือดที่เชื่อมโยงกันอยู่หรือเปล่า?


จะปล่อยให้ลูกสาวไปพัวพันกับเขาไม่ได้เด็ดขาด เมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอจึงรีบดึงตัวเล็ก ๆ ของลูกสาวทันที พลางตบไหล่ลูกสาวเบา ๆ พร้อมกับเร่งหลินจือเสี่ยวให้ขับรถไปเร็ว ๆ


“อันหน่วน ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ลุงนะ”


หลินจือเสี่ยวชำเลืองมองออกไปนอกรถ นั่นคือประธานบริษัทนี่นา! ดูเหมือนว่าอันหน่วนจะชอบเขามาก


อันหยางสังเกตจิ่งเป่ยเฉินอย่างละเอียดผ่านหน้าต่างรถ พลางคิดในใจว่า ผู้ชายคนนี้อยู่กับแม่ที่ชั้นสิบแปดของโรงแรมหรือเปล่านะ? ถ้าเป็นอย่างที่คิด ตอนนี้ข้าง ๆ เขามีผู้หญิงคนอื่น ความประทับใจที่มีต่อเขาจึงกลายเป็นลบทันที


ดังนั้นเขาจึงจับมือน้องสาว แล้วพูดปลอบเบา ๆ ว่า “อันหน่วน ลุงที่เธอพูดถึงไม่ใช่คนดีแน่ ๆ อย่าไปใกล้ชิดกับเขาอีกนะ”


มือของหลินจือเสี่ยวที่กำพวงมาลัยอยู่สั่นเทา นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดว่าประธานจิ่งไม่ใช่คนดี!


“โหรวโหรว ลูกชายของเธอพูดถึงประธานจิ่งแบบนี้ ถ้าเขารู้เข้า ไม่รู้ว่าในใจเขาจะคิดยังไงนะ!”


อันหยางเงยหน้ามองไปที่หลินจือเสี่ยว คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง “ถ้าเขารู้ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”


หลินจือเสี่ยวมองเห็นท่าทางของอันหยางผ่านกระจกมองหลังแล้วรู้สึกใจหายวาบ


ท่าทางจริงจังของเขาเต็มไปด้วยแววข่มขู่ เหมือนคนคนนั้นไม่มีผิด เธอไม่ควรมองเขาจะดีกว่า


“จือเสี่ยว เธอรีบขับรถไปเถอะ ฉันยังมีธุระต้องทำต่อ” อันโหรวร้อนใจ จึงพูดเร็วขึ้น


หลินจือเสี่ยวพยักหน้า และเหยียบคันเร่งทันที เธอใช้มือขวาดีดนิ้วดังเปาะ “ได้เลย!”


รถเก๋งสีแดงคันหนึ่งพุ่งทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว


ลูซี่มองรถเก๋งสีแดงคันนั้นแล้วแสยะยิ้ม น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นไม่ใช่ทะเบียนรถของเลขาคุณหรอกเหรอ? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ด้วย?”


จิ่งเป่ยเฉินมองด้วยสายตาเย็นชา “ผมไม่ชอบให้ใครตามติดหรือตามสืบเรื่องส่วนตัว”


พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินจากไป ทำให้ลูซี่รู้สึกร้อนใจเล็กน้อย


“เป่ยเฉิน ฉันไม่ได้ตามติดหรือตามสืบคุณสักหน่อย ฉันมาที่นี่เพราะบังเอิญได้ยินมาว่าคุณจะมาเจรจาธุรกิจที่โรงแรมนี้”


ลูซี่พูดจบ ก็รู้สึกเสียใจจนแทบกัดลิ้นตัวเอง


นี่ไม่ใช่การยอมรับอย่างเปิดเผยหรอกเหรอว่าเธอตามสืบเรื่องส่วนตัวของเขา?


เธอเริ่มกังวลว่าจะอธิบายกับจิ่งเป่ยเฉินอย่างไร แต่เมื่อสบตากับสายตาเย็นชาของเขา หัวใจของเธอก็หดเกร็ง


สายตานั้นน่ากลัวมาก เธอปล่อยข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเขามาสักพักแล้ว และเธอก็ได้รับงานโฆษณาใหญ่ ๆ มาหลายชิ้นจากการพึ่งพาข่าวลือนั้น


เดิมทีเธอคิดว่าตัวเองจะได้เป็นคุณนายจิ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้เขาจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร!


เมื่อเห็นจิ่งเป่ยเฉินกำลังจะเดินจากไป ลูซี่ก็ทำหน้าเศร้าสร้อย และกระซิบเบา ๆ “เป่ยเฉิน…”


คำพูดที่เหลือติดค้างอยู่ในลำคอ ท่าทางดูน่าสงสาร


แต่จิ่งเป่ยเฉินไม่แม้แต่จะมองเธอสักนิด เขาเดินขึ้นรถไปเลย


ไฟหน้ารถสว่างวาบ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ไม่นานรถปอร์เช่ก็หายลับไปในความมืด


ลูซี่มองไฟท้ายที่สว่างจ้าของรถปอร์เช่ มือทั้งสองข้างของเธอกำแน่น ฟันขบริมฝีปาก


ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และอยากจะเขวี้ยงรองเท้าส้นสูงทิ้ง!


เธอด้อยกว่าผู้หญิงอัปลักษณ์คนนั้นตรงไหน แม่นั่นเพิ่งมาที่บริษัทจิ่ง แต่กลับจะมาควบคุมแผนกโฆษณาทั้งหมด


แม้แต่สิทธิ์ในการเลือกพรีเซนเตอร์ก็ยังอยู่ในมือผู้หญิงคนนั้น นี่มันเรื่องอะไรกัน? เธอต้องสืบให้ถ่องแท้ว่าผู้หญิงอัปลักษณ์คนนั้นเป็นใคร


ณ คอนโดมิเนียมถนนวงแหวนที่สาม บ้านของหลินจือเสี่ยว


อันโหรวปลอบลูกสาวให้นอนหลับก่อน จากนั้นจึงเข้าห้องทำงาน และเปิดคอมพิวเตอร์เตรียมเขียนแผนงาน


แต่เธอเพิ่งจะพิมพ์ได้ไม่กี่ตัวอักษร ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก ลูกชายยืนอยู่กลางห้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


“หยางหยาง เป็นอะไรไป?”


อันหยางปิดประตูเบา ๆ จากนั้นก็เดินมาข้างหน้าแม่ของเขา ก่อนจะดึงตัวเธอให้หันมา และจับมือเธอไว้ ท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย


“แม่ครับ ผมอยากคุยกับแม่หน่อย”


อันโหรวยกมือลูบหัวลูกชายเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “อยากบอกอะไรแม่เหรอจ๊ะ?”


“แม่ครับ ใครอยู่กับแม่ที่ชั้นสิบแปดของโรงแรมกันแน่?”


อันโหรวหายใจติดขัด เมื่อเธอกลับมา อันหยางก็เริ่มถามเธอ ความคิดของลูกชายมักจะละเอียดถี่ถ้วน เขาค้นพบอะไรบางอย่างแล้วหรือเปล่า...


“แม่ครับ ผมรู้ว่าแม่ไม่อยากให้ผมขึ้นไป ตอนที่อยู่ในรถ ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งผ่านหน้าต่างรถ หน่วนหน่วนเรียกเขาว่าลุง หรือว่าผมกับเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน แม่ถึงได้กังวลมาก ไม่อยากให้ผมเห็นเขา”


หัวใจของอันโหรวเต้นแรง ลูกชายคิดไปถึงขั้นนั้นแล้ว...


“แม่ครับ บอกผมตามตรงเถอะ แม่กับเขาจริง ๆ แล้วเป็น…”


อันหยางยังไม่ทันพูดจบ อันโหรวก็ขัดขึ้น “อันหยาง ลูกเชื่อใจแม่ใช่ไหม?”


อันหยางพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง


อันโหรวกุมมือเล็ก ๆ ของลูกชายไว้ แล้วบีบเบา ๆ


“ลุงที่หน่วนหน่วนพูดถึงคือหัวหน้าของแม่ตอนนี้ วันนี้แม่บังเอิญเจอเขาที่โรงแรม แม่กับเขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน”


อันหยางขมวดคิ้วแล้วคลายลง น้ำเสียงฟังดูสบายใจอย่างบอกไม่ถูก


“งั้นก็ดีแล้ว!”


“แต่ว่าหน่วนหน่วนดูเหมือนจะชอบเขามาก” อันหยางพูดถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย


“แม่ครับ น้องสาวแค่อยากมีพ่อ แต่ไม่ว่าน้องจะอยากมีแค่ไหน พ่อของเราจะต้องดีกับแม่ ไม่อย่างนั้น ก็ไม่ต้องพิจารณา”


อันโหรวกำลังจะชมลูกชาย ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดอีกครั้ง หลินจือเสี่ยวถือจานองุ่นเดินเข้ามา ปากก็พึมพำ


“โหรวโหรว ฉันอิจฉาเธอจริง ๆ ถ้าฉันมีลูกน่ารักแบบนี้ก็คงดี”


อันโหรวยิ้มมุมปาก “ถ้าอยากได้ก็ไปคลอดออกมาสักคนหนึ่งสิ!”


หลินจือเสี่ยวหันหน้าไปอีกทาง แล้วพูดออกมาอย่างไม่อายใคร “ถึงฉันจะอยากได้ แต่ก็ต้องมีผู้ชายให้ฉันสักคนสิ!”


พูดจบเธอก็ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง


เฮ้อ ทำไมถึงพูดเรื่องผู้ชายต่อหน้าโหรวโหรวล่ะ? สำหรับเรื่องพ่อของอันหยางและอันหน่วน โหรวโหรวไม่เคยพูดถึงเลยสักคำ เธอไปพูดต่อหน้าอันหยางตรง ๆ แบบนี้ได้ยังไง...


“ป้าจือเสี่ยว” อันหยางยิ้มกว้างทันใด ก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอด้วยตัวเอง


“ป้าจือเสี่ยว ป้ากับแม่ของผมทำงานบริษัทเดียวกัน ผมอยากให้ป้าช่วยผมหน่อย”


แปลกจัง อันหยางทำตาอ้อนขออย่างกะทันหัน เขาจะให้เธอช่วยอะไรกันแน่?


“แม่ของเธอเป็นเพื่อนสนิทของป้า ส่วนเธอก็เป็นเด็กดี รู้เรื่อง แถมยังฉลาดหลักแหลมอีก ถ้าเธอขอมา ป้าจะช่วยแน่นอน”


“ป้าจือเสี่ยว ผมได้ยินมาว่าเจ้านายของป้ากับแม่ เป็นคนที่จัดการยาก ถ้าเขาทำให้แม่ผมลำบาก ป้าต้องบอกผมนะ”


เปลือกตาของหลินจือเสี่ยวกระตุก เจ้านายที่อันหยางพูดถึงก็คือ คุณจิ่งไม่ใช่หรือไง?


สำหรับเรื่องงาน คุณจิ่งเคร่งครัด ละเอียดถี่ถ้วน และมีระเบียบแบบแผนเสมอ ส่วนการปฏิบัติต่อลูกน้องก็เข้มงวดมาก ถึงขั้นผิดปกติเลยทีเดียว


ไม่ใช่แค่จัดการยาก แต่ยากมาก ๆ ขึ้นชื่อเรื่องยากจะจัดการเลยละ!


ในขณะที่กำลังคิดอยู่ในใจ มือของเธอก็ถูกอันหยางดึงอีกครั้ง


“ป้าจือเสี่ยว ช่วยผมจับตาดูเจ้านายคนนั้นหน่อยนะ ถ้าเขาทำตัวไม่เหมาะสมกับแม่ของผม ป้าต้องบอกผมนะ”


หลินจือเสี่ยวเกือบทำจานในมือหลุดเลย เด็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เป็นเด็กห้าขวบจริง ๆ เหรอเนี่ย?


เธอมองไปที่เพื่อนสนิทด้วยสายตาประหลาดใจ พักใหญ่ ๆ กว่าจะเอ่ยปากพูด


“โหรวโหรว ลูกชายของเธอนี่ช่างเป็นเด็กอัจฉริยะเกินวัยสุด ๆ ไปเลย! เขามีวิธีจัดการกับคุณจิ่งหรือเปล่านะ?”


เธอเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงหนักแน่นของหยางหยาง


“แน่นอนอยู่แล้ว คนที่รังแกแม่ของผม ผมจะไม่ปล่อยไปแน่!”


วันต่อมา ที่บริษัทจิ่ง หน้าห้องทำงานประธานบริษัท


อันโหรวถือแฟ้มโครงการในมือ ก่อนจะเคาะประตู


เมื่อด้านในไม่มีใครตอบรับ เธอจึงต้องกล้า ๆ กลัว ๆ เดินเข้าไป


ห้องทำงานนี้ใหญ่กว่าห้องทำงานประธานบริษัททีอี แต่ของตกแต่งภายในค่อนข้างเรียบง่าย


ถึงแม้รูปแบบจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่าของตกแต่งภายในทั้งหมดเป็นวัสดุนำเข้า เป็นการโอ้อวดอย่างเรียบง่าย


อย่างเช่นโต๊ะไม้ยาวลายดอกท้อ ถ้าเป็นประธานบริษัททีอี เขาต้องประดับขอบทองไว้เต็มโต๊ะไปหมดแน่ ๆ หรือแม้กระทั่งประดับเพชรน้ำงามเกรดสูงสุด ส่วนของจิ่งเป่ยเฉินนั้น มีแค่ขอบทองรอบขาโต๊ะ


ขอบทองนั้นขัดถูได้ง่าย และส่วนที่ขัดถูได้ง่ายที่สุดของโต๊ะก็คือมุมโต๊ะ


กล้าเอาขอบทองไปประดับตรงนั้น ไม่ใช่สิ้นเปลืองก็คงเป็นขอบทองแบบพิเศษไม่เหมือนใคร และมีราคาแพง


ไม่แน่ อาจจะแพงกว่าโต๊ะเพชรของประธานบริษัททีอีเสียอีก


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว