พ่อของลูกฉันเป็นประธานจอมเจ้าเล่ห์-บทที่ 3 ลูกคือความภาคภูมิใจของเธอ

โดย  ทงเทียน

พ่อของลูกฉันเป็นประธานจอมเจ้าเล่ห์

บทที่ 3 ลูกคือความภาคภูมิใจของเธอ

บทที่ 37 ฉันจะไปตามหาเธอ


อันหยางชอบถังซั่วมาก่อนแล้ว และเรื่องวันนี้ยิ่งทำให้เขาได้คะแนนเพิ่มขึ้นไม่น้อย ดวงตาของเด็กน้อยหมุนกลิ้งไปมา ในใจมีแผนการเกิดขึ้นแล้ว


“แม่ครับ ผมกับน้องสาวได้ไปโรงเรียนด้วยกันแล้ว คุณลุงเป็นผู้มีพระคุณ พวกเราพาลุงไปกินสเต๊กได้ไหมครับ” อันหยางช่วยพูดอยู่ข้าง ๆ แต่ในใจกลับคิดว่าร้านอาหารตะวันตกมักจะเงียบสงบ เหมาะสำหรับให้ลุงกับแม่สานสัมพันธ์กัน


ใช่แล้ว อันหยางหลงใหลในตัวถังซั่ว เขารู้สึกว่าลุงปีศาจคนนี้ถึงแม้จะดูเหมือนไม่เอาไหนและมีท่าทางเกเร แต่จริง ๆ แล้วมีความรับผิดชอบสูง สามารถพิจารณาดึงมาเป็นพ่อของเขาได้


อันโหรวไม่รู้ความคิดของลูกชาย แต่ลูกชายและลูกสาวกลับช่วยพูดให้ถังซั่วพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เธอจะพูดอะไรได้อีก ได้แต่พยักหน้า


“เพื่อแสดงความขอบคุณ คุณอยากไปกินที่ไหน ฉันจะเลี้ยงเอง” อันโหรวยอมแพ้ แต่ในใจของเธอก็เริ่มสงบลงแล้ว ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถังซั่วคงจำเธอไม่ได้


สุดท้ายถังซั่วก็ทำตามความต้องการของอันหน่วน ทั้งสี่คนไปร้านเคเอฟซีที่ใกล้โรงเรียนอนุบาลรุ้งเจ็ดสีมากที่สุด


ในร้านเคเอฟซี อันหน่วนกำลังใช้มือป้อม ๆ จับน่องไก่มาเล่นต่อสู้ ส่วนอันหยางกลับกินอาหารอย่างสง่างาม และสร้างโอกาสให้แม่กับลุงเป็นระยะ ๆ


เช่น ทำให้แม่กับลุง ‘บังเอิญ’ สัมผัสมือกันเล็กน้อยตอนกินอาหาร


อันโหรวมองทะลุความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลูกชาย จ้องมองอันหยาง ด้วยสายตาตำหนิ ในใจรู้สึกแย่เล็กน้อย ดูเหมือนลูกชายจะหลงใหลในตัวถังซั่วแล้ว


ลูกสาวหลงใหลในตัวจิ่งเป่ยเฉิน ส่วนลูกชายหลงใหลในตัวถังซั่ว ลูกทั้งสองคนของเธอกระตือรือร้นที่จะ ‘ยกเธอ’ ให้คนอื่นขนาดไหนกัน


หลังจากสัมผัสมือถังซั่วเป็นครั้งที่สาม อันโหรวตัดสินใจว่าจะไม่กินแล้ว เธอหยิบทิชชู่เช็ดมือให้สะอาด ก่อนจะเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง “คุณ…”


แต่ถังซั่วกลับยกมือขึ้นมาขัดจังหวะเธอ “ผมชื่อถังซั่ว เรียกชื่อผมได้เลย”


ตอนนี้ถังซั่วไม่เพียงไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนที่จิ่งเป่ยเฉินตามหามาห้าปี แต่ยังไม่รู้ด้วยว่าเธอคืออันอวี้หาน


เพียงแต่รู้สึกสนใจผู้ใหญ่หนึ่งคนและเด็กสองคนตรงหน้าอย่างประหลาด


อันโหรวยิ้มเล็กน้อย รู้สึกว่าควรทำตามมารยาทให้ครบถ้วน “คุณถัง การเชิญคุณมากินอาหารแบบนี้ ดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หวังว่าคุณจะไม่ถือสา”


ถังซั่วแทบไม่ได้กินอะไรเลย เมื่อได้ยินคำพูดของอันโหรว สีหน้าของเขาก็เรียบเฉย เขาไม่รู้สึกว่ามันไม่ดีตรงไหน ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขามาสถานที่แบบนี้ก็ตาม


“ลุงถัง น่องไก่ทอดนี่อร่อยมาก เอาไว้ให้ลุงกิน” อันหน่วนยกตัวขึ้นเล็กน้อยและยื่นมือออกไป มือเล็ก ๆ ของเธอถือน่องไก่ทอดชิ้นหนาไว้ เมื่อเห็นว่าถังซั่วไม่ได้กินอะไร เธอก็คิดไปคิดมา ก่อนจะตัดสินใจให้อาหารที่เธอคิดว่าอร่อยที่สุดแก่เขา


“หน่วนหน่วน แบบนี้ไม่ถูกสุขลักษณะนะ กินของตัวเองให้ดี ๆ สิ”


แต่เมื่ออันโหรวดุเสร็จ การกระทำของถังซั่วกลับทำให้เธอประหลาดใจอีกครั้ง


เขายื่นมือออกไปรับ ยกคิ้วขึ้นอย่างเกียจคร้าน และยังเอื้อมมือไปลูบผมเธออย่างรักใคร่อีกด้วย “ขอบคุณ หน่วนหน่วน”


เมื่อเทียบกันแล้ว เขากลับสนใจเด็กผู้ชายคนนั้นมากกว่า


เขามองไปที่อันหยาง “เด็กผู้ชายคนนี้ดูคล้ายกับเพื่อนของผมมาก”


“ลุงถัง ผมชื่ออันหยาง เพื่อนของลุงเหมือนผมมากเลยเหรอ งั้นเขาต้องเท่เหมือนหยางหยางแน่ ๆ เลย!” อันหยางพูดอย่างตื่นเต้น ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและหยิ่งทะนง


ถังซั่วอดหัวเราะไม่ได้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มมุมปากและพูดว่า “เขาเท่กว่าเธอ แต่บางครั้งก็เท่จนอยากต่อยเขาเลย”


“ฮะ?” อันหยางอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ เขาย่นจมูกเล็กน้อย น้ำเสียงเปลี่ยนไปในทันที “งั้นเขาต้องไม่เหมือนผมแน่ ๆ แม่บอกว่าผมเท่มาก แต่เท่แบบน่ารัก ลุงถังต้องไม่อยากต่อยหยางหยางหรอก”


เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง ดวงตารูปดอกท้อของถังซั่วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ต่างจากปกติที่ดูเหมือนจะไม่สนใจโลก และมีท่าทางเกียจคร้านไม่เอาไหน


อันโหรวยกมือปิดปากลูกชาย ไม่ให้เขาพูดมากไปกว่านี้ เธอยิ้มแหย ๆ อย่างอึดอัด


อันโหรวกำลังคิดหาข้ออ้างที่จะกลับไป แต่โทรศัพท์ของถังซั่วก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน


เป็นโทรศัพท์จากจิ่งเป่ยเฉิน


ตั้งแต่เช้าที่เลขาหญิงหลินขอลาให้อันโหรว เขาก็ไม่สามารถสงบใจได้เลย


เขารู้ว่าเธอกำลังหลบหน้าเขา แต่เมื่อถามอ้อม ๆ สองสามประโยคก็ได้คำตอบที่สำคัญ


เธออยากจะจัดการเรื่องเข้าเรียนของลูกให้เรียบร้อยในวันนี้


นี่เป็นโอกาสของเขา เขาจะพลาดได้อย่างไร


ดังนั้น วันนี้เขาจึงโทรหาถังซั่ว


แต่จิ่งเป่ยเฉินไม่คิดว่าเขาจะช้าไปก้าวหนึ่ง สิ่งที่เขาอยากทำ อันโหรวได้ทำเสร็จไปหมดแล้ว


ถังซั่วรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม “ไม่ค่อยได้เห็นคนยุ่งโทรหาฉันเลย มีเรื่องด่วนอะไรเหรอ”


จิ่งเป่ยเฉินพิงเก้าอี้ทำงาน “ถังซั่ว ฉันจำได้ว่านายมีโรงเรียนอนุบาลเอกชนสักแห่ง ฉันอยากส่งเด็กสองคนเข้าเรียน”


อันโหรวลุกขึ้นแล้วในตอนนี้ เธอเช็ดปากและมือให้เด็ก ๆ ทั้งสองคน ก่อนจะกล่าวลาด้วยรอยยิ้ม “คุณถัง ฉันมีธุระต้องจัดการที่บ้าน ฉันไปก่อนนะ!”


เสียงของเธอไม่ได้ปรุงแต่งใด ๆ ใสกังวานไพเราะ ส่งผ่านคลื่นเสียงมาถึงหูของจิ่งเป่ยเฉิน ลมหายใจของเขาชะงักไปชั่วขณะ


นี่เป็นเสียงของอันโหรว!


“อันโหรว โหรวโหรว…” จิ่งเป่ยเฉินลุกพรวดขึ้น พึมพำอย่างควบคุมไม่ได้ มือที่กำโทรศัพท์อยู่สั่นเทาเล็กน้อย


เขาไม่มีทางฟังผิดแน่นอน!


อีกครั้งกับชื่อนี้ ถังซั่วมองเด็กสองคนและผู้หญิงเดินออกไป ก่อนจะขมวดคิ้ว “คนที่นายเรียกว่าอันโหรวหายตัวไปห้าปีแล้ว นายเป็นบ้าอะไรอีก”


“ไม่ ฉันได้ยินเสียงของอันโหรว!” จิ่งเป่ยเฉินไม่สามารถสงบใจได้ เขายื่นมือคว้าเสื้อสูทบนพนักเก้าอี้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหานาย!”


ถังซั่วลุกขึ้นมองป้ายด้านหน้า ยิ้มมุมปาก “ฉันอยู่ที่ร้านเคเอฟซี ห่างจากโรงเรียนอนุบาลรุ้งเจ็ดสีบนถนนจือเหยียน ไปทางขวาร้อยเมตร นายจะมาเหรอ”


เขาเพิ่งรายงานที่อยู่เสร็จ ปลายสายก็มีแต่เสียงสัญญาณไม่ว่างแล้ว


ถังซั่วไม่เข้าใจว่าพี่ชายของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตารูปดอกท้อเต็มไปด้วยความสงสัย แต่สุดท้ายก็ยังคงนั่งรออยู่ในร้านเคเอฟซีอย่างว่าง่าย


ที่บริษัทจิ่ง จิ่งเป่ยเฉินเปิดประตูออฟฟิศ สีหน้าเคร่งขรึม ก้าวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว


หลินจือเสี่ยวออกมาจากห้องเลขานุการ แล้วรีบเดินไปข้างหน้า “คุณจิ่ง อีกสิบนาทีจะถึงเวลานัดพบปรึกษาหารือกับคุณหลี่ ประธานกลุ่มบริษัทเฮ่อ ตอนนี้คุณจะไปไหนคะ”


“หลีกไป! การประชุมหารือกับคุณหลี่ คุณไปแทนผม” จิ่งเป่ยเฉินขมวดคิ้วแสดงสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ส่วนตัว


“คุณจิ่ง ไม่ได้นะคะ คุณจิ่ง…” หลินจือเสี่ยวร้อนใจ เดินวนไปมาอยู่หลายรอบอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร


การประชุมหารือครั้งนี้สำคัญมาก ก่อนหน้านี้ได้เตรียมงานมานาน ใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว แต่เจ้านายกลับจากไป เธอเป็นแค่เลขาจะทำได้อย่างไร!



จิ่งเป่ยเฉินลงไปที่ลานจอดรถ เจอเข้ากับชีเสิ่งเทียนที่มารายงานตัวที่บริษัทจิ่งพอดี ชีเสิ่งเทียนยักคิ้ว กำลังจะเปิดปากพูดเย้าแหย่ แต่กลับพบว่าจิ่งเป่ยเฉินเดินผ่านเขาไปเฉย ๆ


ชีเสิ่งเทียนขมวดคิ้ว ยื่นมือดึงเขาไว้ “นายรีบร้อนไปไหน”


เขาก้มหน้ามองตัวเอง ไม่น่าจะเป็นไปได้ วันนี้เขายังคงหล่อเหลาสง่างามเหมือนเดิม ไม่น่าจะไม่เข้าตานะ


“เสิ่งเทียน อันโหรวกลับมาแล้ว ฉันต้องไปหาเธอ!”


จิ่งเป่ยเฉินอดใจรอไม่ไหว เปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่ง


มีเพียงเขาเองเท่านั้นที่รู้ว่าฝ่ามือของตนเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ เขากำลังตื่นเต้น


“ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางกลับมาแล้ว นายตื่นเถอะ” ชีเสิ่งเทียนขวางประตูรถไว้ ไม่ให้จิ่งเป่ยเฉินออกไป


จิ่งเป่ยเฉินสตาร์ทรถ สีหน้าเคร่งขรึม ขบกรามตะโกน “หลีกไป!”


“ฉันจะไม่ปล่อยให้นายออกไป ถ้ากล้าก็ขับรถทับฉันไปเลย”


ชีเสิ่งเทียนขบกรามแน่น คิดในใจว่า เขาจะลองสักตั้งเพื่อให้พี่ชายของเขายอมรับความจริง


จิ่งเป่ยเฉินหรี่ตาลง มือทั้งสองจับพวงมาลัย ถอยรถไปข้างหลัง จากนั้นก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว


ไม่มีท่าทีจะเหยียบเบรกเลยแม้แต่น้อย


“ชิบหาย!” ชีเสิ่งเทียนรีบหลบไปด้านข้าง เขาโมโหมาก “จิ่งเป่ยเฉิน นายเอาพวกพ้องมาแทงข้างหลังเพื่อผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ!”


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว