Love Over Size : รักเธอเกินพิกัด-ตอนที่ 12 เลือด!!!

โดย  chocmilk

Love Over Size : รักเธอเกินพิกัด

ตอนที่ 12 เลือด!!!

หลังจากผ่านการพิสูจน์บทต่างๆ มามากมาย ในที่สุดวันนี้ม่อนฟ้าก็มั่นใจได้เสียทีว่าจริงๆ แล้วหัวใจเธออยู่ที่ใครกันแน่ มือเจ้าเนื้อสอดประสานกับมือคนข้างกายขณะเดินเคียงข้างกันไปในเที่ยงวันของวันเสาร์

เหตุการณ์เมื่อวานทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างม่อนฟ้ากับซินหมิงสนิทแนบแน่นมากขึ้น ความชัดเจนทำให้อะไรๆ ดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปหมด เช่นเดียวกับการเดินจับมือกันตอนนี้ ม่อนฟ้าไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

ทั้งสองเดินเข้ามาในร้านก๋วยเตี๋ยวร้านโปรดของม่อนฟ้า เธอรับประกันว่าซินหมิงจะต้องชอบและติดใจรสชาติร้านนี้อย่างแน่นอน แต่ด้วยเวลานี้เป็นเวลาเที่ยงพอดีทำให้โต๊ะภายในร้านถูกจับจองไปหมดแล้ว ม่อนฟ้าจึงได้แต่มองซินหมิงตาปริบๆ อย่างเสียดาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพากันหันหลังเดินกลับออกไป

“พี่ม่อน” เสียงเรียกดังมาจากในร้าน

ม่อนฟ้าหันกลับไปอีกครั้งและพบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือเหม่ยหลินซึ่งกำลังยกมือขึ้นโบกไปมาให้เธออยู่พร้อมรอยยิ้ม ต่างจากชายหนุ่มข้างกายที่นั่งนิ่งไม่แม้แต่จะมองมา

ม่อนฟ้าลอบหันมองซินหมิงที่หน้านิ่วคิ้วขมวดคล้ายไม่พอใจ สายตาของเขาจ้องมองไปยังโต๊ะซึ่งเหม่ยหลินนั่งอยู่ เขาอาจจะไม่ชอบใจที่เจอธรรมธร เธอเองก็ลำบากใจที่ต้องมาเจอเขาเหมือนกัน แต่จะให้ทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินออกไปเลยก็ดูเสียมารยาทไปหน่อย อย่างน้อยเหม่ยหลินก็เป็นน้องสาวที่น่ารักของเธอ และเหม่ยหลินเองก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย

“ไปทักทายนิดหน่อยแล้วค่อยออกมานะ” ม่อนฟ้าบอกซินหมิงแล้วเดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง

“สวัสดีค่ะพี่ม่อน พี่...ซินหมิง” เหม่ยหลินเว้นจังหวะคล้ายครุ่นคิด ม่อนฟ้าคิดว่าธรรมธรคงเล่าเรื่องซินหมิงให้เหม่ยหลินฟังบ้างแล้ว เธอเลยไม่ได้แปลกใจ

ซินหมิงยืนนิ่งไม่ตอบอะไร ม่อนฟ้าเห็นดังนั้นจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นแทน

“ดีจ้ะ บังเอิญจังเลยเนอะ”

“ค่ะ ไม่คิดว่าจะมาเจอพี่ม่อนกับพี่ซินหมิงที่นี่เหมือนกัน” เหม่ยหลินว่าพลางเหลียวมองซินหมิงแวบหนึ่งเมื่อเอ่ยถึงเขา

“แต่พี่คงต้องมากินวันหลังแล้วล่ะ วันนี้มาช้าไปหน่อย คนเต็มร้านเลย” ม่อนฟ้าพูดออกตัวเพื่อจะเอ่ยลา ทว่า...

“นั่งทานด้วยกันสิคะ”

ม่อนฟ้าและชายหนุ่มทั้งสองต่างพากันหันมองคนชวนเป็นสายตาเดียวกัน มีเพียงเหม่ยหลินคนเดียวที่ไม่ได้รู้สถานการณ์อันน่าอึดอัดของทั้งสามคน

“นะคะพี่ซินหมิง” เหม่ยหลินบอกกับชายหนุ่มแล้วลุกไปนั่งข้างธรรมธร

ซินหมิงมองหน้าหญิงสาวรุ่นน้องของม่อนฟ้า แฟนของธรรมธร และน้องสาวของเขาอย่างกังวลใจ ซินหมิงไม่รู้ว่าเหม่ยหลินคิดจะทำอะไร แต่ลองเธอได้พูดแบบนี้แล้วนั่นย่อมไม่ต่างอะไรกับคำสั่ง เขาจึงจำต้องนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ

“ก็ดีเหมือนกัน ฉันหิวแล้ว” ซินหมิงหันไปบอกม่อนฟ้า

ม่อนฟ้าเห็นอีกฝ่ายนั่งลง เธอเลยจำต้องนั่งลงเช่นกัน ดวงตาคู่โตอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองธรรมธรซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามกับตน

“พี่ซินหมิงนี่น่ารักจัง” เหม่ยหลินยิ้มพลางยกมือขึ้นเรียกพนักงานมารับรายการอาหาร

บรรยากาศบนโต๊ะกลับมาเงียบอีกครั้งเมื่อบริกรสาวเดินออกไป ธรรมธรเบนสายตาออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากเห็นภาพขัดหูขัดตาตรงหน้า ถึงเขาจะมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองแล้วแต่เขาก็ตระหนักได้ว่ามันช้าไปเสียแล้ว ขณะที่ม่อนฟ้าได้แต่ก้มหน้ามองโต๊ะสี่เหลี่ยมที่มีพื้นที่ไม่มากนัก

อาหารบางส่วนถูกวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว หากเป็นเวลาปกติม่อนฟ้าคงอดใจไม่ไหวคว้ามาทานทันที แต่ตอนนี้ม่อนฟ้ากลับรู้สึกอึดอัดจนกินอะไรไม่ลง หากเลือกได้เธออยากลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไปเสียตอนนี้ด้วยซ้ำ

ซินหมิงนั่งนิ่งเงียบไม่ต่างกัน สายตาของเขาจ้องมองหญิงสาวรุ่นน้องตรงหน้าที่จ้องตอบอยู่เหมือนกัน สายตานั้นเหมือนกำลังท้าทายเขาอยู่ เธอเหยียดมุมปากยิ้มเล็กๆ พอที่จะไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากซินหมิง

“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” เหม่ยหลินเอ่ยขึ้น ทำเอาซินหมิงใจหายวูบเมื่อสายตาของเธอจ้องมองตรงมาที่เขา แต่ไม่นานสายตาคู่นั้นก็เบนไปหาม่อนฟ้าคล้ายกับว่าไม่ได้เอ่ยถามเขา

“ช่วงนี้พี่ยุ่งๆ น่ะ แล้วก็โทษทีนะที่พี่ต้องเลิกติวให้กลางคัน” ม่อนฟ้าบอกอย่างรู้สึกผิด หลังจากกลับจากบ้านพักตากอากาศวันนั้นและเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ม่อนฟ้าก็ตัดสินใจเลิกติวหนังสือให้กับเหม่ยหลินตั้งแต่ตอนนั้น

“ไม่เป็นค่ะ หลินเข้าใจ”

“แล้วหาคนติวคนใหม่ได้ยัง”

“ได้แล้วค่ะ” เหม่ยหลินตอบรับเสียงแจ้ว สายตาของเธอเหลือบมองไปยังซินหมิงแวบหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

“พี่ชายหาให้ค่ะ”

“งั้นหรอ ดีแล้ว เอ้อจริงสิ! เราเคยบอกว่าพี่ชายเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่นี่เนอะ” ม่อนฟ้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย

“พี่ชายเราชื่ออะไร อยู่ห้องไหนหรอ” ม่อนฟ้าถามด้วยความอยากรู้ เช่นเดียวกับธรรมธรที่หันมองแฟนสาวด้วยอยากรู้เช่นกัน เธอไม่เห็นเคยบอกให้เขารู้เลย

เหม่ยหลินยิ้มกว้างเมื่อต้องพูดถึงพี่ชายที่เธอรัก

“พี่ชายหลินชื่อ...”

“เหม่ยหลิน!”

เสียงของซินหมิงทำให้ทุกสายตาหันไปมองที่เขา

“คะ?” เหม่ยหลินส่งสายตาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“มีอะไร เรียกซะเสียงดังเลย” ม่อนฟ้าหันไปถามด้วยตกใจไม่แพ้กัน

“เอ่อ...พี่อยากเข้าห้องน้ำน่ะ เลยจะถามว่าห้องน้ำไปทางไหนหรอ”

หากยามนี้มีเพียงเขากับเหม่ยหลินสองคน ซินหมิงคงพูดในสิ่งที่คิดออกไปแล้ว ทว่าเวลานี้มีธรรมธรและม่อนฟ้าอยู่ด้วย เขาเลยจำต้องคิดหาเหตุผลอื่นมาอ้างแทน

“เรื่องแค่นี้ทำเอาตกใจหมดเลย” ม่อนฟ้าตำหนิ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังทางไปห้องน้ำให้แทน

ซินหมิงที่ทำอะไรไม่ได้จำต้องลุกขึ้นทำทีไปเข้าห้องน้ำตามที่บอกไว้โดยไม่ลืมส่งสายตาปรามเหม่ยหลินที่นั่งทำทีเป็นไม่สนใจ

เสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้นหลังจากซินหมิงออกไปได้ไม่นาน เหม่ยหลินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าใครส่งมา รอยยิ้มพึงพอใจก็พลันปรากฏบนใบหน้าขาวนวลนั้นทันที

“หลินขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”

แล้วเหม่ยหลินก็ลุกขึ้นเดินออกไป บนโต๊ะอาหารเวลานี้จึงมีเพียงม่อนฟ้าและธรรมธร

บรรยากาศเงียบงันเข้าปกคลุมบนโต๊ะอาหารอีกครั้ง คราวนี้มันเงียบจนน่ากลัวและอึดอัดที่สุด ม่อนฟ้าอยากจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำด้วยอีกคน แต่เมื่อคิดว่าทำอย่างนั้นอาจจะทำให้อะไรๆ แย่ลง เธอเลยเลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิมและเลือกที่จะเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน แต่ไม่ทันที่ม่อนฟ้าจะได้พูดอะไร ธรรมธรก็ชิงพูดขึ้นมา

“เรื่องเมื่อวานฉันขอโทษนะ”

ม่อนฟ้ามองหน้าเพื่อนชายที่ไม่กล้าสู้หน้าเธอ เขาคงรู้สึกผิดที่ทำไปอย่างนั้น แต่เรื่องความรักมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ ม่อนฟ้ารู้ความจริงข้อนี้ดี หากจะมีคนผิดก็ควรเป็นเธอ ความรักห้ามกันไม่ได้ แต่หากไม่รักก็ไม่ควรปล่อยใจอย่างนั้น ดังนั้นเธอก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน

“ช่างมันเถอะ ตอนนั้นฉันเองก็สับสน ยังไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกัน” ม่อนฟ้าสารภาพตามตรง มันถึงเวลาแล้วที่เธอจะจัดการเรื่องนี้ให้จบเสียที

“แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะ” ม่อนฟ้ามองใบหน้าของธรรมธรอีกครั้งและพบว่าครั้งนี้เขาเองก็กำลังจ้องมองเธออยู่เช่นกัน

“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับแกแล้วล่ะ”

นี่คือคำตอบของม่อนฟ้า

ธรรมธรกดเปลือกตาที่หนักอึ้งลงพร้อมกับข่มความรู้สึกอัดแน่นในใจให้ลึกลงไปด้วยเช่นกัน นี่ไม่ใช่คำตอบที่เหนือความคาดหมายของเขานัก ทว่าพอได้ฟังเข้าจริงๆ มันกลับทำให้ปวดใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ผ่านมามีแต่เขาที่บอกเลิกคนอื่น พอมาถึงคราวที่ต้องถูกปฏิเสธบ้างก็ทำเอาเขวไปเหมือนกัน

“ขอโทษนะ” ม่อนฟ้าบอกเพื่อนชาย

“เฮ้ย จะขอโทษทำไม”

เขาบอกแล้วไงว่านี่ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายของเขา เขารู้ตั้งแต่ได้จูบเธอบนดาดฟ้าเมื่อวานแล้วว่าคำตอบมันต้องเป็นแบบนี้

จริงอยู่ที่หญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธความรู้สึกที่เขามอบให้แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอรับมันไป ธรรมธรรับรู้ถึงความลังเลใจและกล้าๆ กลัวๆ ของเธอได้ และมันก็ไม่แปลกที่สุดท้ายจะเป็นเช่นนี้ ในเมื่อที่ผ่านมาเขาเป็นคนปิดกั้นตัวเองจนทำให้เธอไม่กล้าที่จะก้าวเข้ามา ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะเปิดประตูให้เธอเข้ามาแม้เธอจะไม่ต้องการแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะนับจากนี้ไปเขาจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเธอเอง

“ก็ขอโทษที่ฉันทำให้แกผิดหวัง” ม่อนฟ้าบอกอย่างรู้สึกผิด

ธรรมธรมองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาหนักแน่นเพื่อต้องการยืนยันในสิ่งที่กำลังจะพูด

“แกไม่ได้ทำฉันผิดหวังเลย แต่แกทำให้ฉันมีความหวังต่างหาก”

“ห๊ะ?” ม่อนฟ้าไม่เข้าใจ

“ต่อจากนี้แกไม่ต้องสนใจฉันเลยเว้ย แกไม่ต้องรักฉัน แกไม่ต้องสนว่าฉันจะรู้สึกยังไงเหมือนกับที่ฉันเคยทำกับแก”

“แกจะบ้าหรอ ฉันจะทำอย่างนั้นได้ไง”

“ได้สิ” ธรรมธรแย้งกลับทันที

“เพราะนับจากนี้ไป ฉันจะเป็นคนรักแกเอง”

คำพูดของธรรมธรทำม่อนฟ้าได้แต่นั่งนิ่งตะลึงงัน นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้

“ธรรม์ แต่ฉันมีซินหมิงอยู่แล้วนะเว้ย แกก็มีเหม่ยหลิน แกจะทำแบบนี้เพื่อ” ม่อนฟ้าว่ามันชักจะยุ่งเหยิงไปกันใหญ่แล้ว ยิ่งได้ฟังคำตอบจากเขา เธอก็ยิ่งหนักใจ

“ก็เพราะฉันชอบแกไง” ธรรมธรตอบอย่างไม่มีท่าทีลังเลเหมือนเคย

“แกเป็นฝ่ายเดินตามฉันมาตลอด แล้วทำไมตอนนี้ฉันจะเดินตามแกบ้างไม่ได้”

“แต่มันไม่เหมือนกัน”

“ใช่ มันไม่เหมือนกัน เพราะฉันจะไม่ใช่แค่เดินตามแก แต่ฉันจะวิ่งตามแกไป หรือบางที...” ธรรมธรเว้นจังหวะไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดขึ้น

“ฉันอาจจะเดินอยู่ข้างๆ แกก็ได้”

เขาจะทำแบบนั้นทำไมกัน การเดินตามใครสักคนมันไม่ได้สนุกหรอกนะ ม่อนฟ้ารู้ดี โดยเฉพาะการเดินตามคนที่ไม่คิดแม้จะหันกลับมามองเราด้วยซ้ำ

ที่ผ่านมาม่อนฟ้าไม่เคยโกรธเขาเพราะเธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้รับรู้ความรู้สึกพิเศษนี้ของเธอ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ม่อนฟ้ารับรู้ความรู้สึกของเขาทุกอย่าง แล้วเขาจะให้เธอเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองเขาเลยได้อย่างไร ม่อนฟ้าทำไม่ได้ เธอไม่มีทางทำได้แน่ๆ

“เฮ้ย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” ธรรมธรทักขึ้นเมื่อเห็นม่อนฟ้าหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ฉันบอกแล้วไงว่าแกไม่ต้องสนใจความรู้สึกฉัน ฉันทนได้”

ถึงเขาจะยิ้มและบอกว่าทนได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ม่อนฟ้าเบาใจลงได้เลย อีกอย่างมันไม่ได้มีแค่เขากับเธอสองคนที่อยู่ในเรื่องนี้เท่านั้น ไหนจะซินหมิงและเหม่ยหลินอีกล่ะ รายหลังนี้แหละที่ม่อนฟ้ากังวลใจที่สุด


ซินหมิงยืนรออยู่บริเวณหน้าทางเข้าห้องน้ำอย่างร้อนใจ เหม่ยหลินตั้งใจแสดงพฤติกรรมเจตนาข่มขู่เขา ซินหมิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหญิงสาวถึงได้ทำแบบนี้ แต่ที่แน่ๆ คือเขาไม่ชอบใจเลยที่เธอทำแบบนี้

“ไม่ได้เจอหน้าหลินนาน คิดถึงมากจนถึงขนาดต้องเรียกออกมาแบบนี้เลยหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยทักขึ้น ทว่าความนุ่มนวลของเสียงกลับไม่ได้ทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ของซินหมิงอ่อนตามไปด้วยเลย

“คิดจะทำอะไร” ซินหมิงถามเสียงแข็งเข้าประเด็นอย่างไม่รอรี

“หลินทำอะไร” เหม่ยหลินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“หลินก็แค่พูดคุยกันตามประสาคนรู้จักกัน ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

“เหม่ยหลิน!” ซินหมิงขึ้นเสียงอย่างหมดความอดทน เช่นเดียวกันกับเหม่ยหลินที่ความอดทนอันเหลืออยู่น้อยนิดได้หมดลงด้วยเช่นกัน

“ทำไมคะ กลัวหลินจะทำอะไรงั้นหรอ” เหม่ยหลินจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่มีท่าทีหวั่นเกรงแต่อย่างใด หากความอดทนของคนเรามีจำกัด ตอนนี้ขีดจำกัดของเธอก็ได้หมดลงแล้วเช่นกัน

“ถ้าเฮียกลัวจริงอ่ะนะ เฮียไม่ทำแบบนี้หรอก”

“เฮียทำอะไร” ซินหมิงถามอย่างไม่เข้าใจ เขาทำอะไร

เหม่ยหลินก้าวเข้ามาหยุดยืนเผชิญหน้ากับร่างสูง แววตาของเธอจริงจังจนซินหมิงแอบหวั่นใจ ที่ผ่านมาเขาเคยเห็นดวงตาคู่นี้ฉายแววโอนอ่อนเสมอมา แต่บัดนี้สายตาคู่เดียวกันนั้นกลับอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมายจนเขาเองก็ไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกได้

“งั้นเฮียยืนยันกับหลินอีกทีได้ไหมล่ะว่าทั้งหมดคือแผนของเรา ทันทีที่หลินหักอกพี่ธรรม์แล้ว เฮียจะเลิกกับพี่ม่อน แม้พี่ม่อนจะเสียใจมากเพราะรักเฮียจริงๆ แต่เฮียก็จะไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเฮียไม่ได้รักพี่ม่อน ไม่เคยรักเลย เฮียกล้าพูดไหมล่ะ”

คำพูดของเหม่ยหลินถูกแปรเป็นภาพเคลื่อนไหวเป็นฉากๆ ฉายชัดเจนในหัวของซินหมิง เขาปล่อยใจคิดตามภาพที่เห็นและพบว่าหัวใจของเขากำลังถูกบีบจนหายใจแทบไม่ออกเมื่อดำเนินมาถึงตอนจบของเรื่องทั้งหมด

เขาไม่เคยรักม่อนฟ้างั้นหรอ...

หากเป็นเมื่อก่อนซินหมิงคงตอบกลับไปโดยไม่คิดลังเลใจ ทว่าวันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น คำพูดของเขาอาจทำให้ใครอีกคนเสียใจ เขาไม่อยากทำอย่างนั้น

รอยยิ้มเยาะปรากฏบนใบหน้าขาวนวล แค่นี้ก็ชัดเจนมากพอแล้วที่เธอจะตัดสินใจได้ว่าควรดำเนินเกมนี้ต่อไปอย่างไรต่อ

“เฮียเป็นคนเล่นนอกเกมก่อน หากหลินจะเล่นนอกเกมบ้างก็ถือว่าเจ๊ากันก็แล้วกันนะคะ” เหม่ยหลินยิ้มแล้วหันหลังให้ร่างสูงตรงหน้า

ทันทีที่พ้นสายตาของซินหมิง รอยยิ้มบนใบหน้านวลก็พลันหายไปราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน มีเพียงเสียงขบฟันและมือที่กำหมัดแน่นเท่านั้น

“หลิน เหม่ยหลิน!” ซินหมิงรีบวิ่งตามร่างบางนั้นไปด้วยความรวดเร็ว

ไม่ว่าเขาจะห้ามหรือขอร้องเท่าไหร่เหม่ยหลินก็ไม่ยอมฟัง จนกระทั่งกลับเข้ามาในร้าน ซินหมิงเลยต้องปรับท่าทีให้นิ่งลงแล้วเดินมาที่โต๊ะ ขณะที่สายตายังจ้องหญิงสาวตรงหน้าไม่วาง ซินหมิงจึงคิดว่าควรรีบชวนม่อนฟ้ากลับก่อนที่เหม่ยหลินจะพูดอะไรออกไป ทว่าตำแหน่งที่ม่อนฟ้านั่งอยู่นั้นกลับมีเพียงเก้าอี้ว่างเปล่า

“ม่อนฟ้าล่ะ” ซินหมิงถามธรรมธรซึ่งนั่งอยู่เพียงคนเดียว

“กลับไปแล้ว”

“กลับ?”

แม้จะสงสัยที่จู่ๆ ม่อนฟ้ากลับไปโดยไม่บอกเขา แต่ก็ถือว่าโชคดีมากแล้วที่เธอกลับออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นล่ะก็...

ซินหมิงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วรีบกลับไปเช่นกัน

เหม่ยหลินได้แต่ขบริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างขัดใจ ทำไมอะไรๆ ถึงได้ผิดพลาดไปหมดแบบนี้นะ ตั้งแต่เรื่องแผนการของซินหมิงที่เธอรู้ดีว่ามันก็แค่คำพูดหลอกเด็กให้เธอทำตามที่เขาต้องการเท่านั้น แต่เธอก็ยังหวังและเชื่อว่าเขาจะทำตามที่พูดเสมอมา เธออยากให้ซินหมิงหันมองเธอบ้างจึงยอมทำดีกับเขาทุกอย่าง แต่สุดท้ายเธอกลับต้องรับรู้เรื่องราวที่สร้างความเจ็บปวดใจ แม้จะบอกว่าเป็นเพียงแค่แผน แต่การกระทำของเขามันไม่ใช่เลย

ม่อนฟ้าคือคนที่ได้นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เขาทุกวันขณะที่เธอร้องขอเขาทุกครั้งแต่ก็ไม่เคยได้รับสิทธิ์นั้น ม่อนฟ้าคือคนที่เขาจับมือและยิ้มให้ขณะที่เธอได้รับเพียงท่าทีนิ่งเฉยและความห่วงใยตามประสาพี่ชายน้องสาวเท่านั้น ม่อนฟ้าคือคนที่ได้ดูแลเขาในวันที่เขาป่วยหนักขณะที่เธอได้แต่เฝ้ารอถามไถ่อาการเขาจากหงซัน ม่อนฟ้าคือคนที่เขาพามาทานข้าวที่บ้านกับป๊าขณะที่เธอจะได้ทานข้าวกับเขาต่อเมื่อมีคำสั่งจากป๊าเท่านั้น แล้วท่าทีนิ่งเงียบไปของเขาเมื่อครู่ก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเธอคิดผิดที่หวังและเชื่อเขาตั้งแต่แรก

“มีอะไรหรือเปล่า”

เสียงเรียกของธรรมธรดึงเหม่ยหลินหลุดออกจากความคิด เธอลืมไปเลยว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้อีกคน เหม่ยหลินจึงรีบเปลี่ยนใบหน้าบึ้งตึงให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

“ไม่มีค่ะ” เหม่ยหลินยิ้มตอบ

เธอไม่อยากให้เขาเห็นใบหน้าที่ไม่น่ารักของเธอ อย่างน้อยแม้ซินหมิงจะไม่สนใจไยดีเธอ แต่เธอก็ยังมีธรรมธรที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอมา ในวันที่ซินหมิงไปรับส่งม่อนฟ้า เธอก็มีธรรมธรที่คอยมารับมาส่งเช่นกัน และในวันที่เธอไม่มีมือใครให้จับมือ เธอก็มีไหล่ของเขาให้ได้พักพิง ว่าแล้วเหม่ยหลินก็ทิ้งศีรษะอันเต็มไปด้วยความคิดมากมายนั้นลงบนไหล่กว้างของคนข้างกายเหมือนเช่นทุกครั้งเวลาที่เธอมีเรื่องไม่สบายใจ

เหม่ยหลินนึกขอบคุณเขาที่ไม่คิดถามใดๆ ออกมาให้ต้องรู้สึกลำบากใจ และขอโทษเช่นกันที่ใช้เขาเป็นเครื่องมือในการแลกหัวใจของซินหมิง เธอรู้สึกผิดเสมอเวลาที่ธรรมธรมอบความรักความจริงใจให้แล้วเธอต้องแสร้งรับมันไว้ ทั้งที่เธอไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษกับเขาเลย และมันแย่มากที่เธอแสร้งรับมันไว้ต่อไปอีกเรื่อยๆ เหมือนที่กำลังทำอยู่ตอนนี้

“ขออยู่แบบนี้สักพักนะคะ” เหม่ยหลินกดเปลือกตาลงแล้วปล่อยตัวเองอยู่กับความเงียบในหัว เธอไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ไม่อยากแม้กระทั่งลืมตาขึ้นมา

ทำไมเธอถึงไม่รักผู้ชายคนนี้นะ... คำถามแว่วดังขึ้นในห้วงความคิดของหญิงสาว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหม่ยหลินถามคำถามนี้กับตัวเอง และทุกครั้งที่ผ่านมาเธอมักได้คำตอบว่าเพราะเธอมีซินหมิงอยู่แล้ว ทว่าในวันนี้เธอกลับไม่สามารถตอบเช่นนั้นกับตัวเองได้อีก ธรรมธรดีกับเธอเสมอมา ในขณะที่อีกคนมองข้ามเธอไปเสมอ หากมีใครสักคนที่เธอควรจะรัก คนคนนั้นควรเป็นธรรมธรไม่ใช่ซินหมิง

“เหม่ยหลิน”

“คะ” เหม่ยหลินเอ่ยตอบทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เธอสงบลงอย่างน่าประหลาดเพราะไหล่อันคุ้นเคยนี้ของเขา

“เราเลิกกันเถอะ”

สิ้นเสียงธรรมธร เหม่ยหลินดึงตัวเองขึ้นทันที เธอจ้องธรรมธรเขม็งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามและความไม่เข้าใจ

“พี่ขอโทษนะ” ธรรมธรเอ่ยจากใจจริง ไม่มีคำพูดใดที่เขาควรเอ่ยในเวลานี้เท่าคำนี้อีกแล้ว

“ทำไม”

นั่นสิ ทำไมกัน

เหม่ยหลินรู้สึกราวกับถูกผลักให้ตกเหวถึงสองครั้งสองคร่าในเวลาเดียวกัน ก่อนหน้านี้ซินหมิงเพิ่งผลักเธอตกลงมาและธรรมธรก็ช่วยเธอไว้ แต่อยู่ๆ เขากลับปล่อยมือเธอและผลักเธอตกลงไปอีกครั้ง

“พี่เพิ่งรู้ตัวว่าพี่ชอบม่อนฟ้า” ธรรมธรกัดฟันพูดความจริงออกไป แม้รู้ว่ามันทำให้อีกฝ่ายต้องเสียใจ แต่เขาไม่อยากมีเรื่องให้ต้องติดค้างกันอีก

“พี่คิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับเรา ถ้าพี่จะคบกับเราต่อทั้งที่พี่รักคนอื่น”

วินาทีนั้นเองที่เหม่ยหลินรู้สึกราวกับมีเสียงอู้อี้เสียดแก้วหูดังขึ้นก่อนที่การรับรู้ทางเสียงของเธอจะดับหายไป เธอได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายตาปริบๆ อย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

‘ม่อนฟ้า’ เหม่ยหลินรู้สึกเกลียดชื่อนี้ขึ้นมาทันทีอย่างไม่มีเหตุผล ทำไมต้องเป็นชื่อนี้ด้วย ทำไมต้องเป็นคนนี้ด้วย ทำไม!

มันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอเลย ทำไมสุดท้ายเธอต้องเป็นคนถูกทิ้งทั้งๆ ที่คนที่ต้องถูกทิ้งเป็นเขากับม่อนฟ้าต่างหาก เธอไม่มีวันให้เรื่องนี้จบแบบนี้หรอก ไม่มีทาง!


ซินหมิงโทรศัพท์หาม่อนฟ้าพลางกวาดสายตาหาเธอไปพร้อมกัน แต่ไม่ว่าจะโทรอย่างไรเธอก็ไม่ยอมรับสายสักที เขาจึงได้แต่ยืนมองไปรอบตัวที่มีผู้คนเดินขวักไขว่อย่างจนปัญญา

“หาฉันอยู่หรอ”

ซินหมิงหันตามเสียงคุ้นหูที่ดังมาจากข้างหลัง เมื่อเห็นว่าถูกคนแน่แล้ว เขาก็พลันเข้าไปกอดร่างนั้นไว้จนม่อนฟ้าถึงกับร้องมาด้วยความตกใจ

“ทำอะไรของนายน่ะ คนเยอะแยะ” ม่อนฟ้าผลักร่างเขาออกพลางมองไปยังผู้คนที่เดินผ่านไปมา ทว่ายิ่งเธอผลักเขาออกเขาก็ยิ่งกอดเธอแน่นขึ้น

“ฉันรักเธอนะ”

คำพูดของเขาทำเอามือที่กำลังดันตัวเขาออกชะงักลง ดวงตาที่มองรอบตัวค่อยๆ เบนกลับมาสนใจเจ้าของร่างสูงตรงหน้าแทน

“เป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ๆ ก็มาบอกรักฉัน ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย” ม่อนฟ้าแกล้งพูดแก้เขินไปงั้นแหละ

“เธอเชื่อใช่ไหมว่าฉันรักเธอจริงๆ” ซินหมิงถามพลางซุกหน้าลงบนเรือนผมของเธอ

ม่อนฟ้ารู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่การบอกรักตามปกติ เธอสัมผัสได้ว่าเขากำลังมีปัญหาอะไรบางอย่าง ตั้งแต่รู้จักซินหมิงเขาไม่ใช่คนที่จะยอมเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟังง่ายๆ เขาเลยมองดูเหมือนคนที่เข้มแข็งมาก ทว่าความจริงแล้วไม่ใช่เลย ที่เขาทำตัวเข้มแข็งเพราะเขาต้องการปกปิดความอ่อนแอของตัวเองต่างหาก แม้ม่อนฟ้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอจะอยู่เคียงเขาเสมอไม่ว่าเขาจะเข้มแข็งหรืออ่อนแอก็ตาม

“เชื่อสิ” มือเจ้าเนื้อค่อยๆ เลื่อนขึ้นแนบกับแผ่นหลังของเขาพร้อมกับตบลงเบาๆ อย่างปลอบประโลม

ม่อนฟ้าซุกใบหน้าตัวเองเข้ากับอกของเขาพลางพยักหน้าเป็นคำตอบ ม่อนฟ้าไม่สนว่าใครจะมองมาอีกแล้วเพราะตอนนี้เธอสนใจแค่เขาคนเดียวเท่านั้น

“ฉันเชื่อ รู้ไหมทำไม” ม่อนฟ้าทิ้งท้ายด้วยคำถาม ทำให้แขนที่โอบกอดเธอแน่นค่อยๆ คลายออก

“เพราะฉันก็รักนายไง”

คำพูดของม่อนฟ้าเรียกรอยยิ้มกว้างจากอีกฝ่าย ม่อนฟ้าคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่เขาเคยยิ้มมาเลยทีเดียว ซึ่งมันก็ต้องแน่อยู่แล้วล่ะเพราะนี่เป็นการสารภาพรักกันครั้งแรกของเธอกับเขาเลยนี่นา คิดแล้วก็เขินจัง

“หิวแล้ว ไปหาอะไรกันเถอะ” ม่อนฟ้าแกล้งเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินนำเขาออกไปด้วยไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นเลือดฝาดบนหน้าเธอตอนนี้

ซินหมิงเดินตามไปยืนข้างเธอ มือใหญ่ประสานเข้ากับมือของหญิงสาว ทั้งสองจับมือกันแน่นพร้อมกับแกว่งไปมาด้วยจังหวะเดียวกัน

เขาไม่รู้ว่านับต่อจากนี้จะเกิดขึ้นอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะไม่ยอมปล่อยมือจากมือนี้เด็ดขาด

ไม่มีวัน

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว