You Are Mine รักนาย...แฮมสเตอร์ของฉัน [นิยายแปล]

[แจ้งข่าว] วางจำหน่ายอีบุ๊ก You Are Mine รักนาย...แฮมสเตอร์ของฉัน

บทที่ 12

รักกำเริบ


นางกิมลั้งยิ้มเย็นๆ ก่อนจะกล่าวว่า

“ฉันเกรงว่าจะไม่ได้”

สุพรรณหงส์ซึ่งนั่งอยู่ด้วยหนาวยะเยือกขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นคุณหญิงมณีรัตน์ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

“ทำไมคะ ก็แค่เด็กกะโปโลคนนึง คุณนายจะเอามาพัวพันกับหลานชายทำไม”

“ฉันไม่ได้เอาใครมาพัวพันกับใคร สองคนนั่นเขามาด้วยกันตั้งแต่แรกแล้ว”

“หมายความว่าคุณนายจะไม่ยอมไล่มันออกไป”

“หยกเขาทำงานให้ฉัน กินเงินเดือนบริษัทเหมือนพนักงานทั่วไป และเขาก็ตั้งใจทำงานดีด้วย”

“แล้วทำไมต้องให้อยู่บ้านเดียวกัน อยู่ใกล้ชิดกับแจ๊คกี้แบบนั้นดิฉันไม่ไว้ใจนะคะ ยังไงมันก็เป็นผู้หญิง ใครจะไปรู้ว่ามันจะใช้มารยาอะไรไปยั่วแจ๊คกี้”

“ระวังคำพูดด้วยนะคะคุณหญิง” นางกิมลั้งสวนทันควัน “คุณหญิงกำลังดูถูกคนของฉัน และที่นี่มันก็ที่ของฉันด้วย”

“แล้วดิฉันพูดถูกมั้ยล่ะ ดิฉันไม่สนหรอกนะว่ามันจะมาด้วยกันรึว่าได้กันแล้ว เพราะถึงยังไงลูกมุกของดิฉันก็เป็นตัวจริงอยู่ดี ดังนั้นควรจะให้เด็กนั่นเจียมกะลาหัวไว้บ้าง ให้มันรู้จักที่ต่ำที่สูง! ”

นางกิมลั้งได้ยินวาจาระคายหูเช่นนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้ว

“ฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าคุณหญิงเอาอะไรมาวัดที่ต่ำที่สูง แต่สำหรับฉันแล้วสูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ ต่อให้เกิดมาในตระกูลสูงแต่พูดจาดูถูกเหยียดหยามคนอื่นก็ถือเป็นกิริยาที่ต่ำเหมือนกัน! ”

“คุณนายกิมลั้ง! ” คุณหญิงมณีรัตน์โกรธจนลืมตัวผุดลุกขึ้นตรงหน้านางกิมลั้ง

สุพรรณหงส์นั่งอยู่ตรงกลางถูกอารมณ์ของคนสองคนกดดันจนไม่กล้าขยับส่วนไหน แม้แต่หายใจก็ยังอึดอัด

“ดิฉันจะถามคุณนายอีกครั้งว่าจะไม่ไล่เด็กนั่นออกไปใช่มั้ยคะ! ”

“ไปถามแจ๊คกี้เอาเองก็แล้วกัน เพราะฉันไม่รับประกันว่าถ้าไล่หยกออกไป หลายชายฉันเขาแผลงฤทธิ์อะไรขึ้นมา จะบอกให้นะคะ ว่าหลานชายฉันเขาไม่เคยอยากกลับมาอยู่กับฉันหรอกค่ะ ฉันทั้งตามทั้งลากกว่าจะเอาเขากลับมาบ้านได้ ที่เขายอมอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะหยกเป็นคนเกลี้ยกล่อม แล้วถ้าหยกออกไป คุณหญิงคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น แค่คุณหญิงอยากได้หลานชายฉันไปเป็นเขยจนตัวสั่น ฉันก็จัดให้แล้วยังจะเอาอะไรอีก!”

“คุณนายกิมลั้ง! หลานชายคุณนายทำให้ลูกสาวดิฉันเสียหายนะคะ! มันเป็นเรื่องที่คุณนายต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว! ” คุณหญิงมณีรัตน์ขึ้นเสียงแหลมปรี๊ด

“ทางเราก็รับผิดชอบให้แล้ว ขอความกรุณาคุณหญิงปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กๆ บ้างเถอะค่ะอย่ามาบีบคั้นอะไรกันมากนัก โดยเฉพาะกับแจ๊คกี้ ฉันคงต้องขอบอกคุณหญิงเอาไว้ก่อนว่าขนาดฉันเป็นย่าของเขา ก็ยังเอาเขาไม่อยู่ เขาไม่ได้เกรงใจอะไรฉันหรอกค่ะ แล้วถ้าคุณหญิงสร้างความกดดันให้เด็กมันมากเกินไป ระวังมันจะเตลิดนะคะ แจ๊คกี้น่ะเขาไม่กลัวคำขู่ของใครแล้วก็ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนหรอกค่ะ”

“นี่คุณนายขู่ดิฉันหรือคะ”

“ฮึ! ฉันจะไปขู่อะไรคุณหญิงได้ ฉันทำอะไรคุณหญิงไม่ได้หรอกค่ะ ขอให้เข้าใจตามนี้ ถ้าหมดธุระแล้วฉันขอตัวทำงานก่อนนะคะ อาหงส์” ประโยคท้ายเรียกหลานสาว

“คะ” สุพรรณหงส์รับคำ

“ส่งแขก” นางกิมลั้งสั่ง

“ไม่ต้อง! ฉันกลับเองได้! ” คุณหญิงมณีรัตน์กล่าวเสียงสะบัดก่อนจะกระแทกส้นสูงเดินออกไป

สุพรรณหงส์อ้าปากค้างมองตามคุณหญิงก่อนจะหันกลับมายกนิ้วโป้งให้อาม่าของตนแล้วว่า

“อาม่าแซบเวอร์”

“ยัยคุณหญิงนี่มันชักจะเกินไปแล้วนะ ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ นี่ยังไม่ทันดองกันยังทำท่าจะมาถอนหงอกอั๊วหมดหัวแล้ว”

“อาม่าก็ช่วยอาเจ๋งซิจ๊ะ”

“เรื่องอะไร? ”

“ก็ให้อาเจ๋งได้ลงเอยกับหยกไง”

“แล้วลื้อไปยุ่งอะไรกับเขา”

“ก็หงส์เห็นนะ อาเจ๋งน่ะชอบแอบมองหยก อะไรๆ ก็เรียกแต่หยก วันนั้นหยกกลับบ้านดึกหน่อย อาเจ๋งงี้นั่งรอหน้าหงิกเชียว อาการแบบนี้เรียกรักรึเปล่าน้า..”

“แหม...ลื้อนี่มันชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านซะจริง” นางกิมลั้งกล่าวอย่างหมั่นไส้แกมเอ็นดูหลานสาว “เรื่องของตัวเองน่ะเอาให้รอดก่อนเถอะ ตัวเองก็ยังหาผัวไม่ได้ริจะจับคู่ให้คนอื่น”

“อาม่า....ทำไมพูดงี้ล่ะ” สุพรรณหงส์โอดครวญ

“มีงานอะไรก็ไปทำได้แล้ว” นางกิมลั้งสั่ง

หลานสาวค่อยๆ กระมิดกระเมี้ยนออกไป ไม่วายหันมายิ้มแป้นกล่าวว่า

“อาม่าก็รู้เหมือนกันใช่มั้ยล่ะว่าอาเจ๋งชอบหยก”

“พูดมากนักนะ เดี๋ยวอั๊วจะจับลื้อแต่งงานกับเสี่ยไพบูลย์ซะเลย” นางกิมลั้งกล่าวถึงอาเสี่ยพ่อหม้ายหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบที่เคยมาชอบสุพรรณหงส์

“อุ้ย...ถ้างั้นหงส์ไปทำงานล่ะ” สุพรรณหงส์รีบแว้บออกไปทันที


กว่าหริณเดชาจะเล็คเชอร์เรื่องส้วมให้แจ๊คกี้ฟังเสร็จก็บ่ายสามแล้ว โยทะกาเดินตามคุณชายใหญ่ต้อยๆ และจดงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่องและยังใช้มือถือถ่ายรูปสุขภัณฑ์แบบต่างๆ เอาไว้ด้วย

พอคุณชายกลับมาถึงห้องทำงานก็ร้องขอกาแฟเป็นแก้วที่สองในวันนี้

โยทะกาชงกาแฟให้เขาและชงชาเขียวสำหรับตัวเองยกเข้าไปในห้องทำงานของเขา เห็นแจ๊คกี้ถอดสูทออกแล้วนั่งทำท่าเพลียใจอยู่ที่เก้าอี้สีดำตรงโต๊ะทำงานตัวหรู

“มา มากินกาแฟก่อน มีคุกกี้ด้วย” โยทะกาเรียกขณะกำลังจัดวางเครื่องดื่มกับขนมลงบนโต๊ะหน้าโซฟาพลันเหลือบไปเห็นถุงกระดาษใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะนี้

แจ๊คกี้เดินมาที่โซฟาตัวยาวอันเป็นที่นั่งพักผ่อน ยังไม่ทันได้แตะกาแฟ โยทะกาก็ยื่นถุงกระดาษใบเล็กให้เขา

“นี่มันถุงของฝากที่คุณหญิงเอามาให้นายนี่ ลองเปิดดูซิข้างในมีอะไร”

แจ๊คกี้รับมาอย่างไม่ยินดียินร้าย เขาไม่ได้นึกพิศวาสว่าที่แม่ยายเท่าไหร่ ต่อให้ซื้อเพชรบลูไดมอนด์มาให้เขาก็ไม่อยากได้ ชายหนุ่มเปิดดูข้างในแล้วก็กระโดดโหยง

“เฮ้ย!!!! จ๊าก!!!!! ” แจ๊คกี้ร้องลั่นกระโดดเข้ากอดโยทะกาในทันใด

หญิงสาวกำลังนั่งจัดวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะเสร็จแล้วยังไม่ทันทำอะไรร่างหนาของเขาทับร่างของเธออยู่บนเก้าอี้โซฟาตัวยาว โยทะกาตกใจที่จู่ๆ คนตัวโตกระโดดเข้ามากอดเธอเช่นนี้

“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ” แจ๊คกี้ร้องลั่น

“แจ๊คกี้! อะไรกัน! ”

“เอามันออกไป! เอามันออกไป! ” เขาโวยวาย

“เอาอะไร แจ๊คกี้! ”

“งู! งู! ฉันกลัว! ” เขาชี้มือไปที่พื้น

สิ่งที่โยทะกาเห็นก็คือกระเป๋าสตางค์หนังงูยี่ห้อดัง ดีไซเก๋ไก๋ตรงที่กระดุมปิดกระเป๋าทำเป็นรูปหัวงู ซึ่งไม่แน่ว่านั่นอาจทำจากหัวงูจริงๆ ก็ได้

แต่จะอะไรก็ตามมันก็ทำให้แจ๊คกี้ถึงกับตกใจร้องลั่นขนาดนี้แล้ว

“มันแค่หนังงูน่ะ มันกัดไม่ได้หรอก” โยทะกาบอก

“แต่ฉันไม่เอา! ฉันกลัว เอาไปทิ้งที! ” แจ๊คกี้ละล่ำละลักเอาหน้าซุกที่ไหล่เธอ แถมยังกอดเธอแน่นกว่าเดิม

“นายปล่อยฉันก่อนสิ เดี๋ยวฉันจะเอามันออกไป”

“ไม่เอา! ไม่ปล่อย! ฉันกลัว! ” แจ๊คกี้ไม่ได้แกล้ง เขากลัวจริงๆ เพราะตอนเป็นเด็กเขาเคยถูกงูกัดจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว เรื่องราวตอนนั้นยังฝังใจไม่เคยลืม

“ถ้านายไม่ปล่อยแล้วฉันจะเอามันออกไปได้ไงล่ะ”

มันก็จริง...แต่ตอนนี้ต่อให้เอาช้างมาฉุด ยังไงแจ๊คกี้ก็ไม่มีทางปล่อยมือจากโยทะกาแน่ เขาไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือไปกดอินเตอร์คอมเรียกทัตเทพที่นั่งอยู่แค่หน้าห้องเท่านั้น แต่ถ้าเขาไม่ทำอะไรเลยแล้วจะอยู่กับไอ้งูบ้านี่ได้อย่างไร

ว่าแล้วเขาก็ล้วงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดเบอร์หาทัตเทพทันที

“คุณทัตเทพ! คุณทัตเทพ! อยู่ที่ไหน! มาหาผมที่ห้องด่วน! ” น้ำเสียงร้อนใจอย่างรุนแรง ไม่กี่วินาทีต่อมา ฝ่ายนั้นเปิดประตูเข้ามาในห้อง แล้วก็ผงะกับภาพคุณชายใหญ่กำลังกอดผู้ช่วยสาว แต่ยังไม่ทันที่ทัตเทพจะงงเสร็จ แจ๊คกี้ก็ออกคำสั่งทันที

“คุณทัตเทพ! เอาไอ้นั่นออกไปเดี๋ยวนี้! ”

“อะไรครับ? ”

“ไอ้งูนั่นไง! เอาออกไปเร็ว! ”

“กระเป๋านั่นน่ะค่ะคุณทัตเทพ” โยทะกาช่วยบอกอีกคน

ทัตเทพหยิบกระเป๋าสตางค์หนังงูที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา ชูตรงหน้าแจ๊คกี้

“อันนี้เหรอครับ? ”

“โว้ย!!!!! อย่าเอาเข้ามา!!! ” แจ๊คกี้ร้องลั่นซุกหน้าลงกับไหล่โยทะกา

“เอ่อ...แล้วคุณชายจะให้ผมเอาไปไว้ที่ไหนล่ะครับ? ”

“เอาไปไว้ที่ไหนก็ได้! เอาออกไปเร็วๆ! เอาไปทิ้งที่ไหนก็ได้! ”

“นี่มันของแท้นะครับคุณชาย”

“รู้แล้วโว้ย! คุณเอาไปให้แม่รึว่าให้แฟนใช้ก็ได้ ห้ามเอาเข้ามาที่นี่! เข้าใจมั้ย! ”

“แม่ผมตายไปแล้วครับ ส่วนแฟนผมยังไม่มีครับ”

“ปัดโธ่เว้ย!! จะพูดอีกนานมั้ย จะเอาไปไหนก็ไป เร็ว!!! ” แจ๊คกี้เริ่มโมโห

“คุณทัตเทพคะ รีบเอาออกไปเถอะค่ะ ไม่งั้นคุณชายไม่ยอมปล่อยฉันแน่” โยทะการีบบอก

“ครับๆ ” ทัตเทพรีบออกไปโดยเร็ว

“ไปแล้ว” โยทะกาบอกคนที่กำลังซบอยู่ที่ไหล่เธอ

แจ๊คกี้ยังคงหายใจเหนื่อยหอบราวกับไปวิ่งร้อยเมตรมา ในขณะที่ในใจนึกก่นด่าแม่ยายนรกที่เอาของพรรค์นั้นมาให้เขา

“แจ๊คกี้” เธอร้องเรียกเมื่อเห็นเขายังคงซบอยู่ที่ไหล่เธอ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา

“ฉันรู้สึกหน้ามืด” เขาบอกเสียงอู้อี้

“โธ่เอ๊ย...นี่นายกลัวจนเป็นลมเลยเหรอเนี่ย”

โยทะกายกมือขึ้นลูบผมเขาปลอบประโลม

หารู้ไม่ว่าแจ๊คกี้กำลังแอบอมยิ้มอย่างสุขใจ เขาก็แค่อยากซบไหล่เธอให้นานหน่อยเท่านั้นเอง

แจ๊คกี้ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร รู้แต่ว่ามันทำให้เขายิ้มได้ตลอดช่วงบ่ายจนกระทั่งถึงตอนที่ขับรถพาโยทะกากลับบ้านด้วยกันเลยทีเดียว

“เพิ่งรู้ว่านายกลัวงูขนาดนั้น” โยทะกาเอ่ยขณะอยู่ด้วยกันในรถ หลังจากฟังเรื่องราวที่เป็นต้นเหตุให้เขากลัวงูขึ้นสมองขนาดนี้

“รึว่าเธอไม่กลัว” แจ๊คกี้ค้อน ที่จริงก็รู้สึกอายเหมือนกันที่ต้องมาฟอร์มแตกกลัวงูต่อหน้าผู้หญิง แต่คิดถึงเรื่องที่ได้กอดเธอแล้วก็ถือว่าคุ้ม

“ก็กลัว แต่ไม่ได้กลัวกระเป๋าหนังงู”

“เฮอะ! มันดูดีตรงไหนกับไอ้การถือกระเป๋าหนังงูเนี่ย เห็นแล้วขยะแขยงที่สุด”

โยทะกาเห็นแจ๊คกี้ทำท่าขยะแขยงแล้วก็หัวเราะอย่างขบขัน ผู้ชายตัวโตท่าทางเซอร์ๆ อย่างนี้กลับกลัวกระเป๋าหนังงูจนเป็นลม

เสียงมือถือของโยทะกาดังขึ้นเป็นดลโทรมานั่นเอง

“ค่ะ...ฉันกำลังกลับบ้านน่ะค่ะ ....ถ้าเป็นตอนเย็นต้องดูก่อนนะคะว่าคุณชายมีงานอะไรให้ฉันทำรึเปล่า.....ค่ะ ลองโทรมาก่อนนะคะ”

แจ๊คกี้แอบมองและเงี่ยหูฟังทุกคำพูด พอเธอวางสายเขาจึงถาม

“คุณดลโทรมาเหรอ? ”

“อื้อม์....นายนี่เก่งนะ มีญาณวิเศษเหรอ”

“ไม่ต้องญาณวิเศษหรอก แค่เห็นเมื่อเช้าหมอนั่นคุยกับเธอไม่ยอมปล่อยก็รู้แล้วว่าอยู่บ้านคงไม่มีคนคุยด้วย”

“ปากจัดจริงๆ เลยนายนี่” โยทะกาว่า

“ปากไม่จัดก็เป็นนักเขียนไม่ได้หรอก” เขายิ้มอย่างภูมิใจราวกับถูกชมอย่างไรอย่างนั้น

พอเข้าบ้านไปเห็นนางกิมลั้งกับสุพรรณหงส์กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่ห้องโถง พี่สาวคนสวยลุกขึ้นมาหาแจ๊คกี้แล้วทักทาย

“อาเจ๋งวันนี้ได้อะไรเป็นของฝากจากคุณหญิงน่ะ”

“เอ่อ...” แจ๊คกี้อึกอัก แต่ฝ่ายนั้นไม่รอให้เขาตอบก็รีบอวด

“เจ้น่ะ ได้เข็มขัดมาเส้นนึงล่ะ ใส่แล้วต้องเซ็กซี่แน่เลย” ว่าแล้วเธอก็เปิดกล่องที่อยู่ในมือชูเข็มขัดออกมา เป็นเข็มขัดหนังงูเส้นเรียวเท่ากับขนาดของงูเห่า แถมหัวเข็มขัดยังเป็นหัวงูอีกต่างหาก

เท่านั้นเอง...แจ๊คกี้ก็ถึงกับเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้นถดกายเข้าไปหาโยทะกาที่เดินหิ้วกระเป๋าเจมส์บอนด์กับสูทของเขาตามมา

“เฮ้ย....ช่วยฉันด้วย! ” แจ๊คกี้ร้องลั่นเข้าไปจับมือโยทะกาเหมือนเด็กน้อยที่ไม่ยอมให้แม่กลับบ้านเวลาไปส่งที่โรงเรียนตอนเช้า

“อ้าว...เป็นไรล่ะจ๊ะอาเจ๋ง? ” สุพรรณหงส์งง

“เจ้คะ แจ๊คกี้เขากลัวงูน่ะค่ะ เจ้เก็บเถอะค่ะ” โยทะกาบอก

“กลัวขนาดนี้เลยเหรอ แค่เข็มขัดเองนะ เจ้ว่ามันเซ็กซี่ดีออก”

“แต่อั๊วก็ว่ามันน่าเกลียดนะ ไม่เห็นจะสวยตรงไหน ไอ้กระเป๋านี่อีก” นางกิมลั้งล้วงกระเป๋าหนังงูใบใหญ่ออกมาจากถุง

“ฮึ่ย! ” แจ๊คกี้ร้องออกมาเมื่อเห็นกระเป๋าหนังงูใบโตของนางกิมลั้ง

“อั๊วว่าเราเอาไปขายดีกว่า อั๊วก็ไม่อยากใช้เหมือนกัน” นางโยนกระเป๋าลงบนโซฟา

“ว้า...เสียดายนะอาม่า” หลานสาวครวญ ทว่านางกิมลั้งรีบเอาเข็มขัดจากมือหลานสาวเก็บเข้ากล่องเดิมในทันที แล้วว่า

“เก็บได้แล้ว น้องมันกลัวจนหน้าซีดแล้วเห็นมั้ย”

“แหม..อาเจ๋ง กลัวรึว่าสำออยกันแน่ หือม์...” สุพรรณหงส์ตรงเข้าไปหยิกแก้มแจ๊คกี้อย่างเอ็นดู น้องชายได้แต่ช้อนตามองทำท่าจะค้อนอยู่ในที

“อย่าแกล้งแจ๊คกี้เลยค่ะเจ้ เขากลัวจริงๆ นะคะ เมื่อตอนบ่ายเขากลัวจนเป็นลมไปเลยล่ะค่ะ” โยทะกาบอกก่อนจะนั่งลงประคองคุณชายสติแตก

“ลุกขึ้นเถอะแจ๊คกี้ เจ้เขาเก็บแล้ว นายจะดื่มน้ำอะไรรึเปล่า เดี๋ยวฉันหาให้”

ชายหนุ่มค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะหันมากล่าวกับโยทะกา

“ตอนนี้ช่วยไปส่งฉันที่ห้องก่อนนะ แล้วเดี๋ยวหาน้ำผลไม้เย็นๆ ให้ฉันแก้วนึง เอาไปที่ห้องโถงชั้นสองนะ เดี๋ยวฉันเก็บของแล้วจะตามไป”

“อือม์..ได้ซิ” โยทะการับคำก่อนจะหันมาขอตัวกับสุพรรณหงส์แล้วเดินตามคุณชายขึ้นชั้นสองไป

สุพรรณหงส์เท้าสะเอวมองแล้วกล่าว

“คุณชายกับนางทาสคู่นี้ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ”


“คุณแม่จะออกไปข้างนอกหรือคะ? ” มุกรวีร้องทักเมื่อเห็นมารดาแต่งตัวเตรียมออกไป

ปกติคุณหญิงมณีรัตน์ไม่ค่อยว่างมาแต่ไหนแต่ไร เธอมักจะหากิจกรรมสังสรรค์ได้อยู่เสมอ ยิ่งช่วงนี้ท่านนายพลวีรเดชต้องไปราชการที่ต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง เธอจึงอยู่ไม่ติดบ้าน ถ้าไม่ไปหาเพื่อนเข้าสมาคมคุณหญิงคุณนาย ก็ไปทัวร์ต่างประเทศบ้าง

“อือม์..แม่จะไปบ้านคุณหญิงวรรณีหน่อย”

“คุณแม่จะให้มุกไปส่งมั้ยคะ มุกจะออกไปพอดี”

“ไม่ต้องหรอก ลูกจะไปเที่ยวกับแจ๊คกี้ไม่ใช่เหรอ แม่ว่าเอาใจเขาหน่อยแล้วกัน ไม่งั้นจะถูกคนอื่นคาบไปกิน”

“คุณแม่หมายความว่าไงคะ? ” มุกรวีขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“ฮึ...อย่าโง่นักเลย แม่ขอเตือนให้ระวังนังเด็กที่ชื่อหยกนั่นให้ดี มันอยู่ใกล้ชิดแจ๊คกี้มากเกินไป ถึงมันจะไม่มีอะไรเทียบลูกได้ แต่น้ำตาลใกล้มด ยั่วไปยั่วมาผู้ชายที่ไหนจะไม่เอา”

“คุณแม่คะ คุณหยกเขาไม่ทำหรอกค่ะ เขามีแฟนแล้ว” มุกรวียังคงเข้าใจมาตลอดว่าคมกริชเป็นแฟนกับโยทะกา

“จะไปรู้ได้ยังไงผู้หญิงสมัยนี้ ยิ่งมาจากฐานะจนๆ อยู่ด้วย แจ๊คกี้ก็หน้าตาดี ผู้หญิงคนไหนสบโอกาสก็ต้องคว้าไว้ก่อนล่ะ เผลอๆ มันได้กันแล้วก็ไม่รู้”

“คุณแม่! ” มุกรวีอุทานกับความคิดของมารดา

“นี่! ลูกอย่ามาทำเป็นโลกสวยไปหน่อยเลย แน่ใจรึเปล่าล่ะว่าแจ๊คกี้จะไม่เปลี่ยนใจจากลูก”

ได้ยินดังนั้นมุกรวีถึงกับอึ้ง

อย่าว่าแต่จะเปลี่ยนใจเลย ทุกวันนี้เขาชอบเธอหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ

“แม่ไปล่ะ ดูแลแฟนให้ดีก็แล้วกัน วันนี้แม่อาจจะกลับดึกหน่อยนะ” คุณหญิงมณีรัตน์กล่าวจบก็เดินนวยนาดออกไป

มุกรวียืนนิ่งเมื่อมารดาสะกิดถูกปมในใจ แม้เธอจะไม่คิดว่าแจ๊คกี้จะชอบโยทะกา แต่จะว่าไปเธอก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าเขาชอบเธอบ้างหรือเปล่า ทำไมแม้แต่จะจับมือหรือถูกเนื้อต้องตัวเธอบ้างก็ยังไม่เคย

แล้วนั่นมันเรียกว่ารักหรือเปล่า?

มุกรวีก็อยากจะพิสูจน์เหมือนกัน

ว่าแล้วเธอก็กดมือถือหาแจ๊คกี้

“แจ๊คกี้คะ มุกเปลี่ยนใจแล้วค่ะ มุกอยากไปพัทยา วันนี้คุณมารับมุกที่บ้านนะคะ”

แจ๊คกี้แม้จะงุนงง ทว่าก็ทำตามแต่โดยดี เขาขับรถมารับเธอพาไปพัทยา เดินชมสวนนงนุช และรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งในพัทยา แม้แจ๊คกี้จะท้วงว่าเกรงจะกลับบ้านดึก แต่มุกรวีบอกว่า

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันนี้คุณแม่มุกก็กลับดึกเหมือนกัน ช่วงนี้บางทีคุณแม่ก็กลับถึงตีหนึ่งตีสองนะคะ”

“ทำไมคุณแม่คุณกลับดึกจังเลยล่ะครับ”

“ท่านคงเหงามั้งคะ ท่านว่าบางทีก็อยู่คุยที่บ้านเพื่อน กินข้าวเย็นร้องเพลงกันตามประสาคนแก่น่ะค่ะ”

“อ้อ..” แจ๊คกี้พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะตามใจเธอด้วยการเลือกนั่งตรงมุมหนึ่งท่ามกลางแสงไฟสลัวที่ดูเป็นส่วนตัว มุกรวีมานั่งข้างเขาแทนที่จะนั่งตรงข้ามเขาเหมือนทุกครั้ง แถมยังป้อนอาหารให้เขาเสียด้วย ทำเอาแจ๊คกี้งงไปเลยทีเดียว

ดนตรีเริ่มเล่นสดตอนหนึ่งทุ่ม เริ่มต้นด้วยเพลงคึกคักเรียกอารมณ์สนุกสนานก่อนจะค่อยๆ ปรับเป็นเพลงโรแมนติกช้าๆ มุกรวีค่อยๆ เอียงหน้าซบไหล่กว้างของแจ๊คกี้ ในขณะที่ชายหนุ่มงุนงงกับท่าทางแปลกๆ ของเธอ เท่านั้นยังไม่พอเธอยังเอามือเรียวบางนั้นมาสอดประสานกับมือหนาของเขาอีก

คราวนี้แจ๊คกี้ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก จะกอดเธอก็ใช่ที่ เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอสักหน่อย แต่จะให้ผลักไสเธอก็คงไม่ได้ เดี๋ยวเธอจะหาว่าเขารังเกียจแล้วจะเป็นเรื่อง มุกรวียิ่งขี้งอนอยู่ด้วย

“แจ๊คกี้คะ”

“ครับ”

“คุณรู้มั้ยว่าคุณเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมาก”

“อ้อ..เหรอครับ” แจ๊คกี้เริ่มเกาต้นคอแก้เก้อ งงหนักไม่รู้ว่ามุกรวีต้องการจะสื่ออะไร

“มันบังเอิญหรือจงใจกันแน่ที่เราต้องมาเป็นแฟนกัน แต่มุกก็คิดว่าเหมือนฟ้าประทานโชคดีให้มุกได้มาเจอคุณ” เธอลูบมือผ่านหน้าท้องที่มีมัดกล้ามบางๆ ของเขาก่อนจะโอบเอวชายหนุ่มไว้

แจ๊คกี้อยากจะลองหยิกตัวเองดูสักที

นี่เขากำลังฝันอยู่ใช่มั้ย คุณหนูมุกรวีที่แสนเรียบร้อยไม่มีทางจะทำแบบนี้

ถ้าเขากำลังฝัน...ก็ช่วยมีใครสักคนมาปลุกเขาให้ตื่นที

นี่มันฝันร้ายชัดๆ

แจ๊คกี้ไม่ได้ตายด้าน แต่ถ้าเขาเผลอใจไปนิดเดียว ชีวิตของเขาต้องถูกจองจำกับความฝืนใจไปจนตาย แค่เห็นหน้ามุกรวีแล้วต้องนึกถึงแม่ของเธอกับกองทัพแมวอีกสิบกว่าตัว และความยุ่งยากที่จะตามมา มันก็ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปในทันใด

ชายหนุ่มเริ่มขยับตัวพยายามจะออกจากสิ่งพัวพัน แต่มุกรวีทำเหมือนไม่สนใจ เธอเลื่อนใบหน้าขึ้นมาแล้วก็ทำในสิ่งที่แจ๊คกี้ไม่คาดคิด นั่นก็คือทำเหมือนจะจูบเขา

แจ๊คกี้ตกใจราวกับเป็นสาวน้อยพรมจารีย์ก็ไม่ปาน

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...

พอเธอเอาปากบางเฉียบมาแตะริมฝีปากหนาของเขา แจ๊คกี้ซึ่งแม้จะตกใจในตอนแรกหากแต่เขาก็ยังตั้งสติทันพอที่จะไม่ให้เธอมา ‘รุกล้ำ’ ได้มากกว่านี้ จึงค่อยๆ ดันร่างเธอออกห่างอย่างนุ่มนวลที่สุด

“คุณมุกครับ ผมว่าเรากลับกันเถอะ เดี๋ยวจะถึงกรุงเทพฯ ดึกเกินไปนะครับ” เขาตัดบทก่อนจะเรียกบริกรมาเช็คบิล จากนั้นก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา อย่างน้อยเหตุการณ์เมื่อครู่นี้จะได้ไม่ติดตากลับบ้านไป

มุกรวีเองก็เข้าไปยืนมองตัวเองในกระจกห้องน้ำ

เธอยังสวยไม่พออีกหรือ ทำไมแจ๊คกี้มีท่าทีปฏิเสธเธอ

ตลอดเส้นทางที่แจ๊คกี้ขับรถพาเธอกลับกรุงเทพฯ มีเพียงความเงียบงันคั่นกลางระหว่างคนทั้งสอง แจ๊คกี้ได้แต่เปิดเพลงแก้เก้อ ส่วนมุกรวีก็แกล้งทำเป็นหลับทั้งที่ในใจเริ่มปั่นป่วน แต่ก็ยังนึกปลอบใจตัวเองว่าแจ๊คกี้คงจะเป็นสุภาพบุรุษจึงยับยั้งชั่งใจไม่ยอมล่วงเกินเธอในคราวแรก

ไม่เป็นไร....เธอจะลองดูใหม่ในครั้งต่อไป


“คราวนี้นึกอะไรถึงได้บินมาไหว้พระพรหมเอาตอนนี้ล่ะครับคุณลู่” ลูกน้องคนสนิทของลู่เสียนจงเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มที่นั่งเครื่องบินส่วนตัวมาจากฮ่องกงในตอนบ่ายด้วยเหตุผลที่ว่าอยากจะมาไหว้พระพรหม

เวลานี้สี่ทุ่มแล้ว พระพรหมเอราวัณก็ยังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่แวะเวียนมาบูชาสักการะไม่ขาดสาย ลู่เสียนจงอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบลำลองยี่ห้อดี ทิ้งคราบเจ้าพ่อในชุดสูททักซิโดโดยสิ้นเชิง

“ไม่รู้ซิ แต่อยู่ๆ ก็นึกอยากมา ฉันมาขอทีไรได้ดั่งใจทุกที แล้วก็เอาเครื่องสักการะมาไหว้แก้บนทุกครั้ง”

“แล้วคราวนี้คุณลู่จะขออะไรล่ะครับ? ”

“บอกไม่ได้หรอกหม่าหมิง บอกไปก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์น่ะสิ เอาเป็นว่าถ้าได้สมความปรารถนาล่ะก็ คุณจะได้เห็นผมรำแก้บนก็คราวนี้แหละ”

“ถ้าคุณลู่ถึงกับยอมรำแก้บนนี่คงจะเป็นความปรารถนาใหญ่แน่เลย” หม่าหมิงว่า

มาเฟียหนุ่มได้แต่อมยิ้มก่อนจะจ่ายเงินค่าเครื่องบูชาสักการะแล้วนำไปไหว้พระพรหมจนครบสี่ทิศ จากนั้นจึงไปยังอ่างน้ำมนต์เพื่อตักน้ำมนต์มาพรมกายเป็นสิริมงคล แล้วเขาก็ได้เห็นร่างสูงที่กำลังจะเดินเข้ามาที่อ่างน้ำมนต์

ลู่เสียนจงไม่ได้ตาฝาด เขาแน่ใจว่านี่คือแจ๊คกี้

“แจ๊คกี้! ” เขาร้องเรียก

แจ๊คกี้เองไม่ได้สังเกตเห็นลู่เสียนจงมาตั้งแต่แรกเพราะคนเยอะและลู่เสียนจงก็อยู่ในชุดลำลองที่ไม่ค่อยคุ้นเคยด้วยส่วนหนึ่ง

“ลู่เสียนจง? ” แจ๊คกี้ขมวดคิ้ว

เขาพามุกรวีกลับบ้านแล้วก็แวะซื้อหูฉลามที่เยาวราชไปฝากที่บ้านโยทะกา ก่อนจะพาจิตใจที่ว้าวุ่นมาไหว้พระพรหม

แจ๊คกี้รู้สึกว่าตนเองสติแตกเมื่อเจอจูบของมุกรวี แม้จะแค่แตะปากก็ตาม

“ดีใจจังที่ได้เจอคุณ..” มาเฟียหนุ่มมีท่าทางดีใจ “เราไปหาอะไรดื่มกันหน่อยมั้ย ผมเลี้ยงเอง”

“คุณก็รู้ว่าผมแพ้แอลกอฮอล์”

“ดื่มน้ำผลไม้ก็ได้นี่ บนดาดฟ้าโรงแรมนี้ก็มี เอาน่าเรามาคุยกันหน่อย” ลู่เสียนจงกล่าวอย่างมีไมตรี

แจ๊คกี้แม้จะเคยกลัวเสียบั้นท้ายให้ลู่เสียนจง แต่จะว่าไปเขาก็ไม่ได้รังเกียจไมตรีที่มาเฟียหนุ่มผู้นี้หยิบยื่นให้ ถ้าตัดเรื่องเป็นเกย์ออกไป ลู่เสียนจงก็นับว่ามีน้ำใจดีอยู่ โดยเฉพาะในยามที่แจ๊คกี้กำลังสติแตกอย่างนี้ ถ้ามีเพื่อนคุยสักคนก็ไม่เลวเหมือนกัน

ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งคู่ก็มานั่งดื่มเครื่องดื่มชมดาวเคล้าเสียงดนตรีอยู่บนชั้นดาดฟ้าโรงแรมหรูของศูนย์การค้าย่านนั้น

ที่นั่งโอเพ่นแอร์มองเห็นทิวทัศน์เมืองกรุงได้กว้างไกล แสงไฟระยิบสุดสายตาจากภูเขาคอนกรีตสูงๆ ต่ำๆ ที่ติดป้ายไฟโฆษณากะพริบวิบวับ กับรถราที่เคลื่อนตัวไปตามท้องถนนราวกับเป็นเส้นเลือดสายใหญ่ที่กำลังสูบฉีดบ่งบอกถึงการไม่หลับใหลของเมืองกรุง

แจ๊คกี้ดื่มน้ำสับปะรด ในขณะที่ลู่เสียนจงจิบไวน์รสเลิศ

“คุณยังทำงานที่นี่ไม่เสร็จอีกเหรอ เห็นบอกอจางบอกว่าคุณไม่มีกำหนดกลับ” ลู่เสียนจงเริ่มสนทนา

“อือม์...ใช่” แจ๊คกี้ตอบสั้นๆ แววตาเลื่อนลอย

ลู่เสียนจงสังเกตอาการก็รู้ว่าฝ่ายนั้นมีเรื่องไม่สบายใจ

“คุณมีปัญหาอะไรเหรอ? ”

“ไม่มีอะไรมากหรอก ปัญหานิดหน่อยเดี๋ยวมันก็ผ่านไป” แจ๊คกี้บอกอย่างปลงๆ

“คุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้รู้ไว้นะว่าผมยินดีช่วยคุณทุกเรื่อง ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรก็บอกผมได้ หรือจะระบายให้ผมฟังก็ได้ ผมชอบคุณจริงๆ นะแจ๊คกี้” ลู่เสียนจงหันมามองแจ๊คกี้

“เอ่อ..” แจ๊คกี้เริ่มเสียวบั้นท้ายขึ้นมาและค่อยๆ ถดออกห่าง พลางคิดว่าทำไมวันนี้เขาช่างซวยเสียนี่กระไร เมื่อกี้หนีมาจากถูกผู้หญิงลวนลาม คราวนี้มาเจอผู้ชายจ้องจะทำมิดีมิร้ายอีก

ลู่เสียนจงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของแจ๊คกี้

“ไม่เอาน่า...ผมรู้ว่าคุณไม่ได้มีรสนิยมแบบเดียวกับผม ความรักมันก็มีได้หลายแบบนี่นา แต่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตามสำหรับผมแล้วแค่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุขก็พอ เราเป็นเพื่อนกันก็ได้นี่”

“อ้อ..” แจ๊คกี้ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก

ลู่เสียนจงกล่าวต่อไปอย่างปลอดโปร่งว่า

“บางทีก็ใช่นะ ที่บอกว่ารักกันอยากเห็นหน้ากัน คิดถึงกันตลอดเวลา แต่สุดท้ายแล้วเราก็บังคับใจใครไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ตาม เราก็ยังสามารถมอบความรักความหวังดีให้คนที่เรารักได้ ขอให้คุณวางใจได้ว่าผมจะไม่ทำอะไรที่คุณไม่ชอบ”

“แน่นะ” แจ๊คกี้ถามย้ำ

“ผมเป็นนักธุรกิจนะ พูดคำไหนคำนั้น ไม่งั้นก็คงยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ไม่ได้หรอก”

“อือม์” แจ๊คกี้พยักหน้ารับรู้

“ผมเห็นคุณเหมือนน้องชาย เหมือนเพื่อน แต่ถ้าคุณจะคิดมากกว่านี้ผมก็ไม่ว่านะ” ลู่เสียนจงแกล้งแหย่

“ฮึ่ย! ไม่เอาหรอก! ”

“ฮ่าๆๆๆ พูดเล่นน่า เรามาดื่มเพื่อมิตรภาพของเราดีกว่า” มาเฟียหนุ่มยกแก้วขึ้น

แก้วไวน์กับแก้วน้ำสับปะรดชนกันเบาๆ แสดงมิตรภาพระหว่างมาเฟียหนุ่มกับคุณชาย

ขณะเดียวกันเบียร์ที่เหลือครึ่งแก้วของทัตเทพซึ่งนั่งเดียวดายอยู่ในผับก็ถูกรินเติมลงมาจนเต็มแก้ว เขาเพียงนึกถึงภาพที่โยทะกาถูกแจ๊คกี้กอดแล้วก็สะท้อนใจอย่างไรพิกล ภาพนี้มันคอยวนเวียนหลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลา

คุณชายใหญ่ชอบคุณหยกจริงๆ หรือนี่...

สองคนนั่นดูสนิทกันมากตั้งแต่แรกแล้ว แม้จะดูไม่ชัดเจนว่าคุณหยกคิดยังไง แต่คนอย่างคุณชายใหญ่ทั้งหล่อทั้งรวยและมีเสน่ห์ ผู้หญิงที่ไหนจะปฏิเสธ

ทัตเทพอยากจะสมน้ำหน้าตัวเอง

เขาไม่น่าเลย

ไม่น่าคิดเกินเลยจริงๆ


โยทะกามาถึงบ้านนางกิมลั้งแต่เช้าหลังจากที่กลับไปนอนค้างที่บ้านของตน

เมื่อคืนนี้แจ๊คกี้อุตส่าห์หอบหิ้วหูฉลามมาฝากตอนสามทุ่ม และได้พบกับคมกริชที่เป็นแขกประจำอาหารเย็นที่บ้านเธอ พอแจ๊คกี้ขับรถออกไปแล้วคมกริชถึงกับแซว

คุณชายมาหาถึงที่ ดูท่าจะคิดถึงหยกมาก

เขาคงเซ็งๆ น่ะ ไปเที่ยวกับคุณมุกมาทีไรต้องมีเรื่องเซ็งทุกที

แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว อย่าบอกนะว่าดูไม่ออก

เรื่องอะไร?

นี่คุณนายหยก ถามจริงเหอะว่าไม่รู้รึว่าแกล้งไม่รู้กันแน่

แล้วฉันต้องแกล้งไม่รู้เรื่องอะไรล่ะ? โยทะกาพาซื่อ

พอคมกริชเห็นเพื่อนมีท่าทีงุนงงของจริงไม่ได้แก้เก้อหรือแก้เขินแต่อย่างใดก็ถึงกับร้องออกมา

โอ๊ย...จะบ้าตาย นี่สมองแกบรรจุขี้เลื่อยไว้รึไงมันถึงได้มองอะไรไม่เห็นเลย คุณแจ๊คกี้เขาทำขนาดนี้ไม่รู้รึไงว่าเขาชอบแกนะ คุณนายบื้อ

คมกริชเท้าสะเอวมอง แต่ ‘คุณนายบื้อ’ กลับส่ายหน้าแล้วว่า

แกนี่ท่าจะไปกันใหญ่ ผู้ชายให้ของแล้วมาทำดีด้วยนี่แปลว่าเขาต้องมาจีบเหรอ จำไม่ได้เหรอตอนที่ฉันแอบชอบเพื่อนร่วมชั้นตอนมหาลัยคนนั้นน่ะ เขาก็ดีกับฉันสารพัด สุดท้ายก็เป็นฉันมโนไปเองทั้งนั้น

เรื่องนั้นถึงกับทำให้แกกลายเป็นคนโง่ไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ ไอ้เพื่อนร่วมชั้นของแกน่ะมันจงใจปั่นหัวแกให้ชอบมันชัดๆ แต่พอแกจะเอาจริงมันกลับไม่ได้จริงจังอะไร ผู้ชายแบบนั้นจะนับเป็นอะไรได้ อย่าเอามาเทียบกับคุณแจ๊คกี้เลย

“ฉันว่าอย่าไปคิดอะไรให้มันวุ่นวายดีกว่าน่า ฉันว่าแกคิดมากไปแล้วนะ

ไม่เชื่อก็ตามใจ

โยทะกานึกถึงหน้าคมกริชที่ทำท่าระอาใจเต็มทน

เขาหาว่าแจ๊คกี้ชอบเธอ...

ที่จริงเธอชินเสียแล้วที่ใครๆ พากันคิดสงสัยว่าเธอกับแจ๊คกี้มีความสัมพันธ์แบบใดกัน ในเมื่อผู้ชายกับผู้หญิงสนิทสนมกัน อย่าว่าแต่กับแจ๊คกี้เลย แม้แต่กับคมกริชก็ยังมีคนคิดว่าเขาเป็นแฟนเธอ ถ้าเธอจะมานั่งเหมาว่าคนที่ดีกับเธอทุกคนต้องมาจีบเธอ อย่างนั้นโยทะกาคงจะมีแฟนไปหลายคนแล้ว

ยามเช้าของวันหยุดอากาศกำลังดี วันนี้เธอมาถึงคฤหาสน์เช้าเป็นพิเศษ เพราะมีคนจ้างเหมาน้ำเต้าหู้ของพ่อแม่เธอไปทำบุญบ้านเลี้ยงพระเพล เธอจึงออกบ้านพร้อมพ่อแม่ที่แยกไปส่งน้ำเต้าหู้ให้ลูกค้า ส่วนโยทะกาก็กลับมาที่คฤหาสน์นี้

ดูเหมือนแจ๊คกี้จะยังไม่ตื่น สุพรรณหงส์บอกว่าเมื่อคืนเขากลับดึก ไม่รู้ว่าไปไหนมา

โยทะกาได้แต่เดินเล่นอยู่รอบๆ บ้านจนกระทั่งได้ยินเสียงกีต้าร์กับเสียงร้องเพลงของยงยุทธดังมาจากข้างสระว่ายน้ำที่เรือนพักผ่อน

เขานั่งอยู่ที่นั่นจริงๆ อยู่กับสุนัขคู่ใจพันธุ์ลาบราดอร์ที่ชื่อ ‘เต้าฮวย’

โยทะกาชอบแอบมองเขา ท่าทางเย็นชาหน้านิ่งๆ ดวงตายาวรีเหมือนพระเอกเกาหลี ดูแล้วมีเสน่ห์ยิ่งนัก ท่าทางสันโดษ เย็นชาแปลกๆ กลับสะท้อนความโรแมนติกจากเบื้องลึกออกมาได้อย่างน่าประหลาด

หญิงสาวกำลังแอบมองเขาอย่างเคลิบเคลิ้ม อารมณ์ก็พังลงเมื่อร่างสูงของอลงกตเดินเข้ามาหา ‘พระเอกเกาหลี’ ของเธอ โยทะการีบหลบเข้ามุมในทันใด

ท่าทางเหมือนซาตานของอลงกตขัดกับความเย็นชาของยงยุทธโดยสิ้นเชิง

“ไอ้ย้ง ขอบัตรเครดิตแกหน่อยสิ” อลงกตสั่งเสียงกระด้าง

ยงยุทธหยุดมือที่กำลังเกากีตาร์ เงยหน้ามองพี่ชายด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะถาม

“เฮียจะเอาไปทำอะไร บัตรเฮียก็มีตั้งหกใบแล้ว”

“ก็มันใช้ไม่พอ วงเงินมันหมดแล้ว”

“ใช้อะไรนักหนา” ยงยุทธขมวดคิ้ว

“เอ๊ะ! ฉันจะสาธยายได้หมดมั้ยว่าใช้อะไรไปบ้าง แกไม่ค่อยใช้อะไรก็เอามาให้ฉันใช้ก่อน”

“ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าไม่ได้ใช้อะไร ฉันก็มีค่าใช้จ่ายเหมือนกัน”

“ฉันขอยืมใช้ก่อน! เดี๋ยวจะคืนให้! ไม่มีน้ำใจรึไงวะ! ” อลงกตเริ่มฉุนตรงเข้ากระชากคอเสื้อน้องชายให้ลุกขึ้น

โยทะกาอุดปากตัวเองไม่ให้เสียงร้องเล็ดลอดออกมาเพราะความตกใจ อลงกตดูท่าจะเป็นคนเอาแต่ใจที่ชอบใช้กำลังจริงๆ

“เฮียก็ไปขอมาม้าซิ! เฮียขออะไรมาม้าก็ให้อยู่แล้วนี่! ” ยงยุทธเคยน้อยใจที่แม่ของเขาลำเอียงรักพี่ชายมากกว่า ทว่าเขาก็หันเหความสนใจออกจากความน้อยใจนั้นด้วยการเลือกที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองสบายใจอยู่ในพื้นที่ของตัวเองเพื่อขีดแบ่งเส้นออกจากความวุ่นวายต่างๆ

แต่ตอนนี้อลงกตกำลังล้ำเส้นที่ยงยุทธขีดไว้ นั่นทำให้น้องเล็กอย่างเขาเริ่มฉุนขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

“ปากดีนะแก! กล้าต่อปากต่อคำกับฉันเหรอ! ” อลงกตเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะเงื้อมมือเตรียมปล่อยหมัดใส่น้องชาย แต่ก็ยังช้ากว่าโยทะกาที่ร้องออกมา

“คุณเล้งอย่าค่ะ! ”


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว