ตอนที่ 1 (11)
เหยาซุ่นอวี่กำลังจะไปรินน้ำ เดินไปได้ไม่กี่ก้าวทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงหยุดฝีเท้า หันกลับมาหาซย่าซังโจว
“ผู้จัดการทั่วไป ขออนุญาตถามว่าคุณต้องการน้ำหมักผลไม้หรือน้ำเปล่าครับ”
“น้ำเปล่า” ความอดทนของซย่าซังโจวใกล้จะผลาญมาถึงสุดขอบแล้ว
“น้ำธรรมดา น้ำอุ่นหรือว่าน้ำร้อนครับ”
ซย่าซังโจวสะกดข่มโทสะ กัดฟันตอบกลับ “...น้ำอุ่น”
“ถ้าอย่างนั้นคุณอยากได้อุณหภูมิสี่สิบองศา หกสิบองศา หรือว่า...”
ซย่าซังโจวที่ปวดหัวแทบระเบิดเส้นเลือดปูดนูน ตัดบทคำพูดของเลขานุการจอมบื้อทันที “แล้วแต่สิ! ฉันอยากได้น้ำอุ่นสักแก้ว เดี๋ยวนี้!”
เสียงคำรามดังสะเทือนแก้วหูทำให้เหยาซุ่นอวี่หุบปากฉับ รีบวิ่งไปเทน้ำก่อนจะเดินเร็วๆ กลับมาเบื้องหน้าหัวหน้า
แย่แล้ว ทำให้ผู้จัดการทั่วไปโมโหอีกแล้ว...เขาคร่ำครวญในใจ หดหู่อยู่บ้าง
ตอนนั้นเองก็เห็นซย่าซังโจวถือยาแก้ปวดไว้ในใจ จึงถามว่า “ผู้จัดการทั่วไป คุณไม่สบายเหรอครับ” พอกล่าวจบ เหยาซุ่นอวี่ก็สังเกตเห็นรอยคล้ำที่ปิดไม่มิดใต้ตาบอส พลันตระหนักได้ว่าเขาอาจไม่ได้นอนพักผ่อนดีๆ
ซย่าซังโจวที่ปวดศีรษะแทบแตกไม่อยากตอบคำถาม แย่งแก้วน้ำมาอย่างหมดความอดทน
แต่เจ้าเด็กตาไร้แววนั่นกลับเจื้อยแจ้วต่อ “ยาแบบนี้กินมากไปจะมีผลที่ตามมามากมายเลยนะครับ ไม่ดีต่อร่างกาย แถมยังทำให้ดื้อยาง่ายด้วย”
นายเป็นผู้ช่วย ไม่ใช่แม่นมฉัน เลิกพูดเจื้อยแจ้วสักที!
“...ไสหัวไป!” ซย่าซังโจวพูดเสียงอู้อี้ด้วยความไม่สบอารมณ์ เปิดฝาขวดยาออกทันที
ถูกตวาดใส่แบบนี้เหยาซุ่นอวี่ลังเลสักพัก ไม่รู้ว่าเส้นประสาทส่วนไหนกระตุก ถึงได้เอื้อมมือไปแย่งยามาถือไว้
อาจเพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะหุนหันพลันแล่นแบบนี้ ซย่าซังโจวยังค้างอยู่ในท่าทางถือขวดยาอยู่เลย ผ่านไปหนึ่งวินาทีสติถึงกลับเข้าร่าง จากนั้นเขาก็ถลึงตาใส่เหยาซุ่นอวี่ทันที นัยน์ตาฉายแววเดือดดาลระคนเหลือเชื่อ
“นายทำอะไร!?”
เสียงบอสเย็นชายิ่งกว่ายามปกติ แปลว่าเขาโกรธจัดจริงๆ เหยาซุ่นอวี่ตัวสั่น แต่ในเมื่อทำลงไปแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด!
เขากัดฟัน พูดอย่างห้าวหาญว่า “ผู้จัดการทั่วไป ยาแบบนี้แค่ระงับอาการไม่ได้รักษาตัวโรค แม่ผมเองก็ปวดหัวบ่อย กินยายังไงก็ไม่ดีขึ้น ดังนั้นผมเลยไปเรียนวิชานวดเปิดเส้นลมปราณมา ได้ผลกับอาการปวดหัวดีมากเลยนะครับ...”
แต่ไม่รอให้เขาพูดจบ ซย่าซังโจวก็ยื่นมือออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดอีกครั้ง หมายจะแย่งขวดยาในมือเขากลับไป พอเห็นเขาดื้อรั้น เหยาซุ่นอวี่พลันบังเกิดความกล้า เอายาไปแอบไว้ด้านหลังตัวเอง
“เอามานี่” หัวคิ้วซย่าซังโจวกระตุก เสียงทุ้มต่ำราวกับอสนีบาตแผดเสียงกัมปนาทอยู่กลางกลุ่มเมฆหนาทึบ
ชั่วขณะนั้นเหยาซุ่นอวี่หนังศีรษะชาวาบ แต่พอนึกถึงการให้กำลังใจของรองผู้จัดการทั่วไปหลี่ก็ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าว เงยหน้า พูดเสียงดังฟังชัดทีละคำ “ผู้จัดการทั่วไป ให้ผมลองดูไหมล่ะครับ”
ไอ้เด็กนี่!
ซย่าซังโจวโมโหจนด่าคนไม่ออกแล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามรักษาสติสัมปชัญญะเสี้ยวสุดท้ายของตนไว้ “ฉันขอเตือนนาย อย่าได้ท้าทายความอดทนของฉัน นาย...”
เพิ่งสิ้นเสียง ผู้ช่วยตัวน้อยกลับออกไปด้านหลังเขา ยื่นสองมือออกมา คลำลงบนขมับเขาทันที
สัมผัสที่มาโดยไม่ทันตั้งตัวรวมถึงอุณหภูมิอบอุ่นจากอีกฝ่ายทำให้ซย่าซังโจวตัวแข็งทื่อประหนึ่งกลายเป็นหิน วาจาครึ่งหลังถูกกลืนกลับลงคอทั้งอย่างนั้น
ท้องนิ้วอ่อนโยนนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายรวมถึงการกดลงบนศีรษะที่ปวดตุบๆ ของเขาอย่างชำนาญ ค่อยๆ นวดคลึงขยับปลายนิ้วเบาๆ ความปวดร้าวที่แผ่ขยายอยู่ในจุดลึกสุดที่เขาไม่เคยแตะโดนสักทีกลับค่อยๆ ผ่อนคลายลงทีละน้อยๆ
นี่มันอะไรกัน ความรู้สึกแบบนี้คืออะไร...
ซย่าซังโจวตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เขาควรจะดิ้นรนขัดขืน แต่มือคู่นั้นที่กดอยู่บนศีรษะเขาอ่อนโยนมากจริงๆ อ่อนโยนจนทำให้เขาลืมป้องกันตัว แม้แต่หัวคิ้วที่ขมวดแน่นมาตลอดก็ยังผ่อนคลายลงอย่างเป็นธรรมชาติ
เขาช้อนตามองเลขานุการตัวน้อยที่กำลังปรนนิบัติตนอยู่อย่างแช่มช้า ในดวงตากลมโตดำขลับของอีกฝ่ายสะท้อนภาพเขาที่กำลังตกตะลึงอึ้งงัน
โชคดีที่เวลาปกติเขาแสดงอารมณ์น้อยนิด ประกอบกับเหยาซุ่นอวี่ไม่กล้าสบตากับเขา ซย่าซังโจวที่รู้ว่าตนอึ้งงันจนนิ่งค้างไปแล้วรีบเก็บสีหน้าท่าทาง คืนกลับสู่ภาพลักษณ์บุปผาบนยอดเขาสูงตามเดิม
แต่เหยาซุ่นอวี่สัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายจากร่างกายเขา จึงคลี่ยิ้มบางๆ ออกมาอย่างดีใจ เหมือนเด็กนักเรียนที่ได้รับรางวัลจากคุณครู เห็นเขาไม่ได้ต่อต้านก็จับสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของเขาไปพลาง ถามเสียงเบาไปพลางว่า “...พวกเราไปที่โซฟากันดีไหมครับ”
ซย่าซังโจวรู้สึกว่าตนเองไม่ควรรื่นรมย์ไปกับมัน แต่สายตาคาดหวังระคนเศร้าสร้อยของผู้ช่วยตัวน้อยกลับเปล่งประกายระยับวับวาวมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา ไม่รู้ทำไมถึงพูดคำว่า ‘ไม่’ ออกมาไม่ได้ เบะปากน้อยๆ ปากไม่ยอมพูดทว่าร่างกายกลับเคลื่อนไปนั่งลงบนโซฟาสำหรับใช้รับแขกอย่างซื่อตรง
เห็นเขานั่งตัวตรง เหยาซุ่นอวี่ก็ไปยืนด้านหลังโซฟาอย่างดีใจแล้วช่วยนวดให้อีกฝ่ายต่อ
“ค่อนข้างสบายเลยใช่ไหมครับ” เลขานุการตัวน้อยถามเสียงอ่อนโยน
ซย่าซังโจวเอนหลังพิงพนักโซฟา ไม่อยากยอมรับว่าตนสบายสุดๆ จริงๆ เขาเม้มปาก ตอบกลับคลุมเครือ “ก็งั้นๆ...”
แต่คำตอบที่ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรนี่กลับทำให้เหยาซุ่นอวี่ที่อกสั่นขวัญหายถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ยิ่งนวดอย่างตั้งอกตั้งใจกว่าเดิม
‘บางทีอาจค้นพบข้อดีพิเศษของเขาก็ได้นะ’
เสียงเจือรอยยิ้มของหลี่ฮุ่ยวั่งดังสะท้อนกลับไปกลับมาในหัวซย่าซังโจว เขารับรู้ได้ถึงการดูแลอย่างพิถีพิถันรอบคอบของเลขานุการตัวน้อย ภายใต้สถานการณ์ที่ตนไม่รู้ตัว สีหน้าอันตึงเครียดก็ผ่อนคลายลง
เอาเถอะ เขาขอถอนคำพูดที่บอกว่าแค่สามชั่วโมงก็ทนเจ้าเด็กนี่ไม่ไหวแล้วคืน ให้เวลาสังเกตการณ์เขาอีกสามวันแล้วกัน...
ซย่าซังโจวคิดเช่นนี้ก่อนหลับตาลงช้าๆ สุดท้ายก็ระบายลมหายใจยืดยาวที่ปราศจากความขุ่นข้องหมองใจออกมาจากในอกจนได้
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว