You Are Mine รักนาย...แฮมสเตอร์ของฉัน [นิยายแปล]

ตอนที่ 1 (6)

หลังจากเงียบสงบมาหลายวัน จวนตระกูลหลี่ที่โดดเดี่ยว แม้จะอยู่ใกล้เคียงกับโรงเตี๊ยมและสำนักคุ้มภัยแต่ก็ไม่ได้นับว่าใกล้กันมาก เสียงความวุ่นวายจึงไม่มีทางรบกวนคนในเรือนได้เลย

ท้องฟ้ามืดมิดทุกเรือนต่างดับไฟภายในห้องแล้วนอนพักผ่อน หลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว ภายใต้เงาของรัตติกาลมีแสงของดวงจันทร์นำทาง เงาสีดำหนึ่งเงากระโดดหายเข้าไปในเรือนอันโดดเดี่ยวท้ายจวนตระกูลหลี่อย่างเงียบเชียบ

การมาถึงของคนมาใหม่ทำให้เจ้าของเรือนลืมตาตื่นขึ้น ก่อนจะหยิบเอาเสื้อคลุมผ้าฝ้ายธรรมดามาสวมแล้วเดินออกมาด้านนอก

“ท่านอ๋อง” ชายหนุ่มในชุดรัดกุมสีดำประสานมือก่อนจะก้มหน้าลง

คนตรงหน้าของเขาก็คือ เยี่ยนมู่หยาง รุ่ยอ๋องของแคว้นเยี่ยน

เยี่ยนมู่หยางนิ่วหน้าถาม “สืบได้ข่าวอะไรบ้าง”

“ไม่มีใครสามารถสืบข่าวได้เลยพ่ะย่ะค่ะ คนของเราสืบข่าวทั้งแคว้นเยี่ยนแล้ว ได้ข้อมูลเพียงสำนักคุ้มภัยเมิ่งอิงขนส่งสินค้าให้ลูกค้าทั่วไปเท่านั้น” ชิวถิงรายงาน

เยี่ยนมู่หยางขมวดคิ้ว หรือว่าพวกเขาคิดมากจนเกินไป สำนักคุ้มภัยเมิ่งอิงมีหน้าที่เพียงขนส่งสินค้าเท่านั้นจริงหรือ

“พวกเขาติดต่อร้านค้าอื่นหรือไม่” มีความเป็นไปได้ที่พวกเขายังสืบข่าวไม่ได้มากกว่า

รองแม่ทัพชิวถิงส่ายหน้ายื่นหนังสือรายงานให้ “ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ สำนักคุ้มภัยไม่ได้ติดต่อกับร้านค้าในเมืองหลวงเป็นพิเศษ พวกเขาเพียงรับสินค้าจากเมืองอื่น ๆ ส่งเข้ามาในเมืองหลวง แล้วรับสินค้าจากเมืองหลวงกระจายไปส่งให้เมืองต่าง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ฟังแล้วเหมือนสำนักคุ้มภัยทั่วไป เพียงแต่พวกเขารับจ้างขนส่งสินค้ามากมายเท่านั้น ได้ยินมาว่าเพื่อตอบสนองความต้องการของพ่อค้าวาณิชย์ในเมืองหลวง สำนักคุ้มภัยเมิ่งอิงกำลังสร้างสาขาอีกสามสาขาทั้งประตูทางทิศเหนือ ตะวันออก และตะวันตกอีกด้วย

นี่ไม่เท่ากับว่าพวกเขาขยายอำนาจมากขึ้นหรอกหรือ

เยี่ยนมู่หยางอ่านรายงานที่ไม่มีประโยชน์จบรอบหนึ่ง “จำนวนคนของสำนักคุ้มภัยมีเท่าไหร่”

“มีประมาณ 1,000 คนพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่าล้วนเป็นชาวบ้านทั่วไปเท่านั้น”

คนเหล่านี้ไม่นับว่าน่ากลัว เทียบไม่ได้แม้แต่ทหารหนึ่งกองในกองทัพของท่านอ๋อง เขาไม่เข้าใจว่าท่านอ๋องกำลังกังวลเรื่องอะไรกันแน่

เยี่ยนมู่หยางขมวดคิ้วเพราะพวกเขาสืบเรื่องนี้มาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว แต่กลับไม่สามารถหาพิรุธของสำนักคุ้มภัยเมิ่งอิงได้เลย หากบอกว่าพวกเขาทำสิ่งผิดกฎหมายก็ไม่ใช่ เพราะเป็นเพียงกลุ่มที่ช่วยขนส่งสินค้าจากที่หนึ่งไปที่หนึ่งเท่านั้น

แต่พอดูสินค้าที่พวกเขาดูแลแล้ว...ทั้งหมดแทบจะเป็นเส้นทางเศรษฐกิจของแคว้นเยี่ยนทั้งหมด

รู้ตัวอีกทีเขาก็ไม่สามารถควบคุมสำนักคุ้มภัยเมิ่งอิงได้แล้ว ยิ่งไม่รวมถึงโรงเตี๊ยมจงเยี่ยนที่เพิ่งเปิดขึ้นมา เพียงไม่กี่วันก็กลายเป็นสถานที่นิยมของชนชั้นสูงในเมืองหลวง แม้จะอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงชั้นใน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับคนมีเวลาว่างเหล่านั้นจะมาหาความสนุกที่ประตูเมืองทางทิศใต้

“คนของเราแฝงตัวเข้าไปได้หรือไม่” เยี่ยนมู่หยางถามอีกครั้ง

ชิวถิงคิ้วกระตุกกระแอมไอให้คอโล่ง “หลายวันมานี้ สำนักคุ้มภัยเมิ่งอิงไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลยพ่ะย่ะค่ะ”

คนเหล่านั้นเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา พวกเขาเคยแอบเข้าไปหลายครั้งก็มีเพียงบัญชีทำการค้าทั่วไปไม่พบพิรุธ จะแฝงตัวเข้าไปเพื่อสืบข่าว แม้หญิงสาวไร้ที่พึ่งใบหน้างดงาม สำนักคุ้มภัยยังใจดีช่วยพาสายลับของพวกเขาไปทิ้งไว้ในโรงหมอได้

หรือจะเป็นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่แข็งแรง พวกเขาก็แค่ส่ายหน้าไม่ต้อนรับ ไม่ลืมแนะนำว่ามีจวนไหนต้องการบ่าวรับใช้เพิ่มอีก

ทุกกลยุทธ์ที่เคยใช้ได้ดี แต่พอเจอสำนักคุ้มภัยเมิ่งอิงและโรงเตี๊ยมจงเยี่ยน บ่าวรับใช้เหล่านั้นภายนอกยิ้มแย้มต้อนรับและดูแลอย่างดี แต่กลับไม่ยินยอมให้ใครแฝงตัวเข้าไปสักคน

หรือต่อให้ซื้อคนภายในได้ก็เป็นเพียงบ่าวรับใช้ไม่มีบทบาททั่วไปเท่านั้น

เจ้าของโรงเตี๊ยมจงเยี่ยนและเจ้าของสำนักคุ้มภัยเมิ่งอิงเป็นใครกันแน่

แต่ที่แน่ ๆ ทั้งสองแห่งนี้เกี่ยวกับจวนตระกูลหลี่สายรองไม่มากก็น้อยแน่นอน

คนที่สามารถปลอมตัวเข้ามาในตระกูลหลี่ได้ก็มีเพียง......ท่านอ๋องคนเดียว...ใครจะคิดว่าท่านอ๋องแค่เดินอยู่หน้าโรงเตี๊ยมเพื่อดูสถานการณ์ และรอคอยฟังผลการสืบข้อมูลจากลูกน้องที่ส่งออกไป จะถูกบ่าวรับใช้ในโรงเตี๊ยมพาตัวเข้ามาและยังกลายเป็นองครักษ์ของตระกูลหลี่อีกด้วย

“ท่านอ๋องจะกลับจวนตอนไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้น้อยถามหาพระองค์แล้ว” ตอนนี้แม้ในวังหลวงจะไม่มีเรื่องปวดหัวแต่ว่าทุกคนก็ต้องการท่านอ๋องอยู่ดี

“หากเขาคิดอะไรไม่ออก ให้ไปถามไทเฮาก็ได้”

“พ่ะย่ะค่ะ” รองแม่ทัพชิวถิงพยักหน้ารับไม่กล้าถามเรื่องในวังหลวงอีก เปลี่ยนมาถามเรื่องสำคัญแทน “แล้วท่านอ๋องจะกลับจวนตอนไหนพ่ะย่ะค่ะ”

“...............” ชายหนุ่มเงียบจนทำให้รองแม่ทัพข้างกายเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ ท่านอ๋องคงไม่ได้หมายความว่า “ท่านอ๋องจะอยู่ในจวนตระกูลหลี่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ได้หรือ” น้ำเสียงเย็นเยียบถามกลับ

“แค่ก ๆ ตระกูลขุนนางไม่เหมือนสนามรบ หากท่านอ๋องไม่พอพระทัยเผลอฆ่าคนตายจะทำอย่างไร...” น้ำเสียงสุดท้ายเบาลงจนกลายเป็นอยู่ในลำคอ

ชิวถิงสบสายตากับดวงตาอินทรีของเจ้านายคล้ายถามเขากลับมาว่า ข้าเป็นคนอย่างนั้นหรือ

รองแม่ทัพหนุ่มร้องไห้ทั้งน้ำตา ท่านจะไม่ใช่คนแบบนั้นได้อย่างไร อยู่ในสนามรบขอเพียงท่านไม่พอใจใครก็จะฆ่าคนทันที กลับเข้าเมืองหลวงไม่กี่เดือน ภายใต้ดาบสั้นของท่านมีใครรอดตายไปบ้าง กองเลือดครั้งที่แล้วนางกำนัลยังขัดออกไม่หมดเลย

“ท่านอ๋องจะอยู่ที่นี่อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ” ชิวถิงถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

เห็นชายหนุ่มพยักหน้ารับจึงไม่กล้าทำให้ท่านอ๋องมีโทสะอีก ก่อนไปเขาไม่ลืมกำชับ “ท่านอ๋องห้ามฆ่าคนตายนะพ่ะย่ะค่ะ”

เยี่ยนมู่หยางไม่ตอบเพียงขมวดคิ้วคิดในใจว่าตนเองก็ฆ่าคนไม่ได้มากจนทำให้พวกเขาหวาดกลัวนี่นา เด็กน้อยสามคนนั่นยังบอกว่าเขาเป็นคนดีมากอยู่เลย

แม้หญิงสาวคนนั้นจะดูแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่ก็พออยู่อาศัยร่วมกันได้

“แล้วตอนนี้ท่านอ๋องสามารถสืบข่าวในจวนตระกูลหลี่ได้ข่าวอะไรบ้างแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ก่อนจากไปชิวถิงจึงหันมาถามอีกครั้ง

แต่พอเห็นท่านอ๋องเหม่อลอยเหมือนคิดเรื่องอื่นอยู่ จึงประสานมือแล้วจากไปนำความไปบอกให้เผยกงกงปลอบฮ่องเต้น้อยอย่าได้ถามถึงท่านอ๋องอีกเลย

“น่าสนใจดี” น้ำเสียงเรียบเรื่อยเอ่ยออกมาเพียงประโยคเดียวก่อนจะหันกายกลับเข้าไปในเรือนเพื่อนอนพักผ่อนเช่นกัน

ไม่รู้ว่า น่าสนใจประโยคเมื่อสักครู่หมายถึงเรื่องอะไรกันแน่

“พี่มู่หยาง มาเล่นสร้างเรือนแข่งกัน” เช้าวันใหม่เด็กน้อยยังชื่นชอบไม้ที่พี่สาวทำให้เมื่อวันก่อน

หลี่เป่าเหวินหอบเอาไม้ไปกองใส่หน้าชายหนุ่ม “พี่มู่หยาง สร้างบ้านของตัวเองขอรับ”

เห็นว่าปฏิเสธเด็กน้อยไม่ได้ ท่านอ๋องที่นำทหารออกรบมาหลายปีจึงนั่งลงบนพื้นดินช่วยพวกเขาสร้างเรือนให้สูงขึ้นกว่าเดิม ไม้เพียงไม่กี่ชิ้นแต่สามารถสร้างสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย ดวงตาสีเข้มมองไปทางประตูเรือนหลายครั้ง

แม้จะผ่านมื้อเที่ยงไปแล้วแต่หญิงสาวคนนั้นยังไม่มาหาน้องชายอีก

“พี่มู่หยาง พังแล้วขอรับ” เพราะเหม่อลอยทำให้สิ่งที่สร้างขึ้นมาล้มอย่างง่ายดาย

ท่านอ๋องหนุ่มขมวดคิ้วช่วยสร้างให้เด็กชายใหม่อีกอัน

“พี่มู่หยาง ตั้งใจสร้างด้วยขอรับ” หลี่เป่าหลินเตือนเพราะมันจะพังอีกแล้ว

“อืม” ชายหนุ่มพยายามกลั้วคอให้โล่ง ถามถึงคนอื่นที่อยู่เรือนหน้า “คุณชายใหญ่ไปไหนหรือขอรับ”

เมื่อวานเขาพบคุณชายของบ้านนี้ไม่นาน หลังจากให้คนสืบ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นบัณฑิตที่มีความสามารถคนหนึ่ง กำลังเตรียมตัวสอบเซียงซื่อในฤดูร้อนนี้

“ท่านแม่บอกว่าอีกสามวัน พี่ใหญ่จะไปสอบขุนนาง ห้ามรบกวนพี่ใหญ่ขอรับ” พวกเขาสองคนฉลาดมาก ท่านแม่บอกว่าไม่ให้รบกวน พวกเขาก็ไม่เคยพูดถึงพี่ใหญ่เลย

“นายท่านล่ะ มาเล่นที่นี่บ่อยหรือไม่ขอรับ” ในเมื่อสืบจากคนอื่นไม่ได้ต้องสืบจากเด็กน้อยสองคนนี้ก่อน

“ท่านพ่อหรือ ท่านพ่อ....อืม.... ท่านพ่อ ก็คือท่านพ่อ” หลี่เป่าเหวินเค้นสมองคิด ท่านพ่อก็คือท่านพ่อนี่นา ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว

“ช่วงนี้นายท่านไม่ว่างหรือขอรับ” เยี่ยนมู่หยางพยายามถาม

หลี่เป่าหลินเอียงคอคิด “ท่านพ่อ...ท่านพ่อว่างมาก”

“ใช่ ๆ ท่านพ่อว่างมาก ท่านพ่อออกจากบ้านไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลย ตอนบ่ายก็กลับมาแล้ว อืม...แล้วก็อยู่แต่ในเรือนไม่ได้ไปไหนอีก” หลี่เป่าเหวินช่วยตอบ

พี่รองบอกว่า ท่านพ่อชอบปลูกต้นไม้กับต้นหญ้า สิ่งของไร้ประโยชน์ ดังนั้นวันทั้งวันจึงอยู่ในจวนไม่ได้ออกไปไหน

เยี่ยนมู่หยางขมวดคิ้วเพราะถามเด็กน้อยกลับไม่มีข้อมูลอะไร “แล้วคุณหนูรองล่ะขอรับ” ทำไมวันนี้นางยังไม่มาอีก

“พี่รองหรือ พี่รองยุ่งมากๆ”

“ใช่ พี่รองยุ่งมาก ๆ พี่รองไม่ค่อยมีเวลาหรอก”

ท่านอ๋องไม่ค่อยพอใจคำตอบของเด็กชายทั้งสองคนเท่าไหร่นัก เป็นเพียงดรุณีในห้องหอที่เพิ่งพ้นวัยปักปิ่นมีเรื่องอะไรให้ยุ่งวุ่นวายกัน

เขาจึงสามารถสรุปจวนตระกูลหลี่ได้เพียงว่า เป็นจวนที่จำนวนคนน้อยหากเทียบกับครอบครัวใหญ่ และมีการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมาก ๆ เด็กน้อยฝาแฝดสองคนจะเรียนเขียนอักษรกับอาจารย์ในตอนเช้า ตอนเที่ยงกินข้าวด้วยตัวเอง ตอนบ่ายก็จะเล่นตามที่พวกเขาต้องการ

“ไม่สนุกแล้ว ไปเล่นอย่างอื่นดีกว่า” หลี่เป่าเหวินหอบเอาไม้ไปเก็บใส่หีบเหมือนเดิม หลี่เป่าหลินเห็นน้องชายเลิกเล่นแล้วจึงช่วยกันเก็บไม้ไปใส่ไว้ในหีบ

“พวกเจ้ามาช่วยคุณชาย” เยี่ยนมู่หยางขมวดคิ้วไม่พอใจ เพราะบ่าวรับใช้ข้างกายทั้งสองคนเอาแต่นั่งมองไม่เข้ามาช่วย

“ไม่เป็นไรขอรับ คุณหนูรองบอกว่าต้องให้คุณชายน้อยเก็บของด้วยตัวเอง ของเล่นเป็นของพวกเขา เล่นเองได้ก็ต้องเก็บเองได้” ต้านโหลวอธิบาย

“ให้คุณชายเก็บเอง” เยี่ยนมู่หยางทวนคำอีกครั้ง

ไม่มีเรือนไหนให้ทายาทสายตรงทำงานของบ่าวรับใช้แบบนี้มาก่อน

“คุณหนูรองบอกว่า.....”

คุณหนูรองบอกอีกแล้ว!

นี่มันครอบครัวของหลี่เสียงซู หรือเป็นครอบครัวของคุณหนูรองกันแน่

“พี่มู่หยางก็เก็บของตัวเองด้วย พี่รองบอกว่า เล่นเองได้ก็ต้องเก็บเองได้ขอรับ” หลี่เป่าหลินชี้ไม้ที่กองอยู่หน้าชายหนุ่ม

ท่านอ๋องที่ไม่เคยทำงานเหล่านี้มาก่อนมองเด็กน้อยสองคนทยอยเก็บไม้ และก้มลงมองสิ่งของที่อยู่เบื้องหน้าตัวเอง ภายใต้สายตาใสซื่อของฝาแฝดและสายตาไม่รู้ความของบ่าวรับใช้

เยี่ยนมู่หยางมุมปากกระตุก ก้มลงเก็บไม้ของตัวเองเช่นกัน

ครอบครัวนี้แปลกจนเกินไปแล้ว

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว