เกาหย่งก็วางนางลงบนแคร่ไม้ไผ่ หนิงซวงไล้มือไปตามกล้ามเนื้อแผงอกเขาคล้ายกับไม่ตั้งใจ แต่ลึก ๆ แล้วนางรู้สึกอยากจะกอดให้แน่น ๆ กว่านี้
เกาหย่งรู้สึกเสียววูบวาบกับสัมผัสนั้น จึงเอ่ยเสียงพร่าแหบว่า “รอสักครู่ ข้าไปหยิบยามาทาให้”
เขารีบเดินหนีไปเพราะกลัวว่านางจะเห็นแท่งหยกที่กำลังตั้งผงาดอยู่ใต้อาภรณ์
เกาหย่งกัดฟันข่มอารมณ์ลงไป แล้วรีบเอายามา
“เจ้าเจ็บตรงไหนรึ ข้าจะทายาให้”
“ที่.... ที่...” หนิงซวงหน้าแดงก่ำเขินอาย ลมหายใจหอบกระชั้นจนทรวงอกกระเพื่อม
หมอหนุ่มเห็นทรวงอกของนางขยับไหวขึ้นลง เลือดในกายก็พลันร้อนฉ่าขึ้นมา เขาเกรงว่าตนเองจะระงับอารมณ์ของตนไม่ได้จึงตะคอกออกไปว่า
“เจ้าจะอ้ำอึ้งอยู่ไย รีบบอกมา ข้าจะรีบใส่ยาให้”
หนิงซวงได้ยินเช่นนั้น ก็รีบร้องออกมาว่า
“เจ็บที่สะโพกเจ้าค่ะ”
นางรีบคว่ำหน้านอนลง แล้วโก้งโค้งสะโพกงอนงาม พร้อมกับถลกกระโปรงขึ้นให้เขาดู
เกาหย่งหัวใจแทบวาย ใบหน้าแดงก่ำ ลมหายใจกระชั้นขึ้น เมื่อเห็นสะโพกขาวแต้มด้วยรอยซ้ำสีแดงเล็กน้อยที่เกิดจากการกระแทก
เขามิอาจหักห้ามใจได้อีกต่อไปแล้ว แต่จะลุกเข้าหานางทันทีก็เกรงว่าดรุณีน้อยจะเตลิดหนีไป เขาจึงใช้อุบายว่า
“โอ้.... แผลเจ้าน่าแทงมาก”
“อะไรนะเจ้าคะ”
หนิงซวงเอี้ยวใบหน้าสวยมาถาม เพราะตนเองได้ยินไม่ชัด
เกาหย่งจึงรีบแก้ตัวว่า “ข้าบอกว่าแผลเจ้าน่ากลัวมาก ต้องรีบทายาเดี๋ยวจะเกิดแผลเป็น”
“งั้นรีบทายาสิเจ้าคะ ข้าไม่อยากมีแผลเป็นน่าเกลียด”
“ได้ ๆ”
เขาค่อย ๆ ทายาหม่องลงไปที่สะโพกของนางด้วยมือสั่นเทา เพราะความต้องการส่วนลึกของบุรุษ
“โอ๊ย.... ซี๊ดดดด.. เจ็บเจ้าค่ะ” หนิงซวงหน้ายู่ร้องออกมา นางรู้สึกแสบร้อนที่ผิวบริเวณนั้น
เขาถาม “เจ็บรึ”
หนิงซวงตอบ “ยาท่านแสบจังเลยเจ้าค่ะ”
“งั้นข้าจะเป่าให้”
สิ้นคำ เขาก็ก้มลงไปเป่าลมที่สะโพกของนาง ในระยะใกล้เช่นนี้ เขาได้กลิ่นกายสาวโชยเข้าจมูก
เกาหย่งไม่ได้ร่วมหอกับสตรีมานานแล้ว เมื่อได้กลิ่นหอมรัญจวนของดรุณีแรกสาวก็เกิดอารมณ์กลัดมันขึ้นมา จึงทั้งเป่า ทั้งเอาจมูกถูกไถไปตามร่องก้น
“อืม.... อา... ท่านทายาดีเหลือเกิน อืมมม อู้ยยย อา”
หนิงซวงหลับตาพริ้มครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน ความแสบของยาหายไปแล้ว เพราะตอนนี้นางกำลังเพลินกับความเสียวสบายที่ถูกจมูกของบุรุษถูไถไปตามร่องก้น
สะโพกของนางแอ่นขึ้น เพื่อให้ปลายจมูกเขาถูไถโดนติ่งเสียว