The Oger Power สาวน้อยพลังยักษ์-ตอนที่ 19 ปั่นกระแส

โดย  KwangLover

The Oger Power สาวน้อยพลังยักษ์

ตอนที่ 19 ปั่นกระแส

ตอนที่หยางเฉินและชางกวนหยานมองหน้ากัน มู่เหยาก็ยิ้มและพูดขึ้นมา “นี่คือหมายเลขหอพักของเจ้า” นางพูดขึ้นแล้วส่งแผ่นไม้ให้แต่ละคน


ซงเทียนเอ๋อมองไปที่แผ่นไม้ ก่อนจะมองไปที่แผ่นไม้ของหยางเฉิน นางก็พึมพำบอกกับมู่เหยา “ข้าอยากอยู่กับท่านพี่ ข้าเปลี่ยนได้หรือไม่?”


“ไม่ได้!” มู่เหยาปฏิเสธทันที “ศิษย์ในสำนักชีจี แบ่งแยกหอพักชายและหญิงอย่างชัดเจน ห้ามใครฝ่าฝืนกฎนี้ เป็นอันขาด แม้ว่าจะเป็นพี่น้องกันก็ตาม”


ซงเทียนเอ๋อมองไปที่หยางเฉินด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ตอนนั้นเองเว่ยหยานหลานก็จับมือนางแล้วพูดขึ้น “เทียนเอ๋อ เราก็ยังอยู่ด้วยกันไม่ใช่รึ?”


เมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยหยานหลาน ซงเทียนเอ๋อก็เผยรอยยิ้มหวานๆออกมาอีกครั้ง และเงยหน้าขึ้นมองหยางเฉิน ก่อนจะพูดออกมา “ท่านพี่ ท่านอย่าลืมมาหาเราด้วยนะ”


“เทียนเอ๋อสบายใจได้ ข้าจะไปหาเจ้าแน่ ” หยางเฉินหัวเราะออกมาแล้วลูบหัวซงเทียนเอ๋อ


...


หลังจากที่จัดการเรื่องหอพักแล้ว หยางเฉินและคนอื่นๆก็เดินไปที่หอพัก ตัวหอพักและบันไดนั้นทำมาจากไม้ ฝีมือของช่างไม้ถือว่าดี หอพักที่หยางเฉินและกั้วติงอยู่นั้น คือ หมายเลข 109


เมื่อเข้ามาในหอพักก็ไม่พบใครอยู่ด้านใน มันมีเตียงไม้ 4 เตียงที่ว่างเปล่าไม่มีอย่างอื่น


“หัวหน้า ห้องพักแต่ละห้องต้องมี 4 คน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีแค่เราสองคน” กั้วติงมองไปรอบๆห้องแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม


“ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะได้อยู่ห้องนี้ด้วย ” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา จากนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้อง ชายคนนั้นคือชางกวนหยาน


หยางเฉินและกั้วติงหันไปมองตามเสียง ตอนนั้นเองชางกวนหยานก็ยิ้มและพูดขึ้น “ข้าชางกวนหยาน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชื่ออะไร?”


“นี่คือหัวหน้าของข้า หยางเฉิน ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเราจะได้อยู่ห้องเดียวกัน” กั้วติงมองไปที่ชางกวนหยานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนหน้านี้ตอนที่ชางกวนหยานพากั้วติงและคนอื่นๆไปหามู่เหยา กั้วติงได้ทำความรู้จักกับชางกวนหยานมาแล้ว


“กลับเป็นน้องหยางนี่เอง” ชางกวนหยานยิ้มออกมา “น้องหยางโชคดีจริงๆที่มีน้องสาวอย่างแม่นางเว่ย”


‘ข้าว่าเด็กสาวสองคนนั้นต้องสร้างปัญหาให้ข้าเป็นแน่’ หยางเฉินมองความคิดที่ชางกวนหยานมีต่อเว่ยหยานหลาน และซงเทียนเอ๋อออก เมื่อได้ยินคำพูดของชางกวนหยาน เขาก็ยิ้มออกมา “พวกนางก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่”


“หือ ? น้องหยางพูดเช่นนั้นได้อย่างไร ในสายตาของข้าแล้วพวกนางล้วนแต่เป็นคนที่โดดเด่น” ชางกวนหยานหัวเราะออกมา


หยางเฉินพยักหน้าและยิ้มออกมา “ข้าไม่รู้ว่าพี่ชางกวนคิดอะไรถึงได้พูดกับข้าเรื่องนี้?”


ชางกวนหยานไม่คิดเลยว่าหยางเฉินจะถามเขาตรงๆแบบนี้ หลังจากที่แปลกใจได้ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา “ข้าสู้กับเจ้าเพื่อชิงพวกนาง”


เมื่อได้ยินที่ชางกวนหยานพูดมา สีหน้าของกั้วติงก็เปลี่ยนไปทันที เขาหันมามองหยางเฉินและคิดว่าหยางเฉินคงโกรธ แต่หยางเฉินกลับยักไหล่แล้วพูดว่า “ข้าควรตอบอย่างไร ? เรื่องพวกนี้มันน่าเบื่อ เจ้าไปเล่นกับคนอื่นเถิด”


“เจ้ากลัวรึ ? เจ้ากลัวจะแพ้ข้ารึ?” ชางกวนหยานพูดออกมา “เจ้าไม่กล้ารับคำท้าของข้า เจ้าไม่คู่ควรกับนางแม้แต่น้อย ”


ก่อนที่หยางเฉินจะพูดออกมานั้น กั้วติงก็พูดออกมาก่อน “ฮึ่ม หัวหน้าไม่ได้กลัวเจ้าสักหน่อย”


“งั้นรึ ? หากเขาไม่กลัว ทำไมเขาถึงไม่รับคำท้าข้า?” ตอนที่ชางกวนหยานเห็นเว่ยหยานหลานเป็นครั้งแรก เขาก็อึ้ง เมื่อเขาเห็นสีหน้าเว่ยหยานหลานที่มองหยางเฉิน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าหากเขาอยากได้ใจนางมาครอง เขาต้องพิสูจน์ว่าเขาเหนือกว่าหยางเฉิน ดังนั้นชางกวนหยานจึงยื่นข้อเสนอสู้เพื่อแย่งนางกับหยางเฉิน เขาไม่เชื่อว่าหยางเฉินจะชนะเขาได้


เมื่อเห็นว่าหยางเฉินไม่กล้ารับคำท้าของตน ชางกวนหยานก็ไม่เห็นหยางเฉินในสายตา คนแบบนี้ไม่คู่ควรให้เขามองด้วยซ้ำ ชางกวนหยานจึงมองไปที่กั้วติง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา “ไม่ใช่ว่าข้าดูหมิ่นเขา น้องชาย แต่เขาทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”


ในตอนนั้นเองหยางเฉินก็พูดขึ้นมา “ในเมื่อเจ้าอยากจะสู้เพื่อแย่งนาง งั้นก็บอกมาว่าเจ้าจะแข่งอะไร?”


ชางกวนหยานหันกลับไปมองหยางเฉินและยิ้มออกมา “แสดงให้ข้าดูทีว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอจะปกป้องนาง!” พูดจบเขาก็โจมตีหยางเฉินทันที


สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไป เขารีบถอยกลับเพื่อหลบการโจมตีของชางกวนหยาน ก่อนจะโต้กลับโดยการต่อยเข้าที่อกของชางกวนหยาน


ชางกวนหยานเผยสีหน้าแปลกใจออกมา แต่ในพริบตาเขากลับยิ้มออกมา เมื่อเห็นหยางเฉินต่อยออกมา เขาก็หลบการโจมตีของหยางเฉินไปได้


จากนั้นเขาก็ม้วนตัวในอากาศและโผล่มาที่ด้านหลังของหยางเฉิน ก่อนที่นิ้วทั้งห้าจะกำเข้าหากันอย่างแรง จนทำให้เกิดเสียงตัดอากาศดังขึ้น


“เร็วจริงๆ!”หยางเฉินพึมพำ เขารีบใช้ก้าววายุอสนีเดินหน้าไปครึ่งก้าว ในเวลาเดียวกันก็สะบัดมือใส่กรงเล็บของอีกฝ่าย


กรงเล็บมังกร !


หลังจากนั้นอากาศก็ระเบิดออกมา นิ้วของหยางเฉินมีแสงสีทองเปล่งออกมาและจับไปที่มือของชางกวนหยาน จนทำให้ชางกวนหยานตกตะลึงไป เสียงตัดอากาศดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับแสงสีทองที่สว่างจ้าไปทั่วทั้งห้อง


กั้วติงตื่นเต้นเมื่อเห็นพลังของหยางเฉิน แต่เขาไม่รู้ว่าในใจของหยางเฉินนั้นเคร่งเครียดแค่ไหน เพราะหยางเฉินรู้ว่าชางกวนหยานยังไม่ได้เอาจริง


ซู่ ! ร่างของชางกวนหยานหายไปจากเตียงไม้ จึงทำให้หยางเฉินข่วนไปที่เตียงไม้ จนทำให้เตียงไม้แตกออกพร้อมกับเศษไม้ที่กระจายไปทั่ว


เมื่อหยางเฉินหันกลับมา ชางกวนหยานก็โผล่มาที่ประตูแล้ว ‘ความเร็วนี่แปลกประหลาดจนน่าเหลือเชื่อ’


“เสี่ยวหยาง อย่าแข่งเรื่องความเร็วกับเขา ใช้โล่สายฟ้าจัดการเขาซะ!” เถาเถาส่งข้อความบอกกับหยางเฉิน


หยางเฉินไม่ลังเลเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาประกบมือเข้าหากันพร้อมกับปราณที่ไหลออกมาตรงหน้าอัดแน่นเป็นกระบี่สายฟ้านับไม่ถ้วน กระบี่เหล่านั้นได้พุ่งเข้าใส่ชางกวนหยานทันที


สีหน้าของชางกวนหยานเปลี่ยนไป เขาถอยไปที่ประตู ในตอนที่เขาถอยกลับไปนั้น ที่เท้าของเขาก็มีควันดำลอยออกมา และเหมือนกับว่าเขาตั้งใจจะโจมตี


แต่ทันใดนั้น ควันสีฟ้ากลับลอยมาจากด้านหลังของเขา ไม่ ! นี่ไม่ใช่ควัน แต่เหมือนบางอย่างที่เผาไหม้ สิ่งที่ปะทุขึ้นมานี้เหมือนจะเป็นหมอกไฟ


ไฟได้อ้อมตัวของชางกวนหยานและเข้าไปพัวพันกระบี่สายฟ้าที่พุ่งมาที่ประตู จนทำให้กระบี่สายฟ้าโดนเผาพร้อมกับอุณหภูมิโดยรอบที่เพิ่มสูงขึ้นราวกับกลายเป็นห้องอบ น้ำในอากาศถึงกับระเหย


“นี่มัน...” สีหน้าของทุกคนกลับเปลี่ยนไปทันที


เมื่อน้ำระเหยไป คนที่โผล่มาด้านหลังของชางกวนหยานก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าเหมือนไม่ได้มีเรื่องแค้นเคืองอะไรกัน ทำไมถึงต้องสู้กันจนตายด้วย”


‘กั้วซงหยาง’ หยางเฉินใจสั่น คนที่โผล่มานี้คือเด็กหนุ่มที่มาถามทางเขา แต่ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะไม่ได้มาด้วย


‘ทำไมกั้วซงหยางถึงอยู่ที่นี่ ใช่สิ เขาเหมือนจะถามทางไปเมืองหลวง เมื่อโผล่มาในสำนักชีจี งั้นเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะเป็นสมาชิกของสำนักชีจี?’


“เจ้าก็อยู่ห้องนี้รึ? ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เราจะเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ข้ากั้วซงหยาง พวกเจ้าชื่ออะไรกัน?” ในตอนที่พูดนั้น กั้วซงหยางก็ได้เดินเข้ามาในห้อง


“ก่อนที่จะบอกชื่อข้า ข้าอยากสู้กับเจ้าก่อน” ชางกวนหยานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา


กั้วซงหยานหันไปมองชางกวนหยานแล้วยิ้มออกมา “เจ้าด่าข้าที่มาช่วยเจ้า อยากยืนยันว่าความแข็งแกร่งของเจ้าไม่ด้อยกว่าข้า ข้าพูดถูกหรือไม่?”


“ใช่ แล้วยังไง?” เมื่อพูดจบชางกวนหยานก็หันไปมองหยางเฉิน “หากไม่ใช่เพราะเขาลงมือแล้ว คนที่แพ้อาจจะเป็นเจ้า”


“หากเจ้ายังอยากที่จะสู้ ข้าก็จะเล่นกับเจ้า” หยางเฉินยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ใช่สิ นี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงไม่รับคำท้าเจ้าเมื่อครู่ เพราะเจ้าไม่คู่ควรให้ข้าลงมือ เจ้าสู้เพื่อความพึงพอใจของตัวเจ้าเอง คนแบบเจ้านี่มัน....”


หยางเฉินไม่ได้พูดอะไรต่อ เขายิ้มออกมาและส่ายหน้า ก่อนจะหันกลับไปมองกั้วติง “ กั้วติง เราออกไปเดินเล่นเถอะ ข้าได้ยินมาว่ามีสาวงามหลายคนในสำนักชีจี อย่าไปสนใจเจ้าเด็กนี่เลย” พูดจบเขาก็ตบไหล่กั้วติงแล้วกระแทกไหล่ชางกวนหยานเดินออกไป


“หัวหน้า รอข้าก่อน” กั้วติงรีบไล่ตามไป ทิ้งให้กั้วซงหยางและชานกวนหยานไว้ในห้อง


“เขาน่าสนใจจริงๆ...” กั้วซงหยางมองแผ่นหลังของหยางเฉินและยิ้มออกมา


“ไม่คิดเลยว่าจะมีคนบอกว่าข้า...ชางกวนหยานไม่คู่ควรให้สู้ด้วย ใช่ ชายคนนั้นน่าสนใจจริงๆ” ชางกวนหยานก็มองไปที่แผ่นพลังของหยางเฉินและยิ้มออกมา


...


หลังจากที่หยางเฉินพากั้วติงออกมาจากห้อง เขาก็ไม่ได้ไปดูสาวๆ แต่ออกจากสำนักชีจีไปยังโถงเถียของเมืองหลวง เตายาราชาอมตะบันทึกไว้ว่าเมื่อขึ้นมาถึงขอบเขตธุลีได้จะไม่อาจใช้ยาเร่งความเร็วในการบ่มเพาะได้อีก


ในการบ่มเพาะขอบเขตธุลี มันจำเป็นต้องดูดซับปราณหยินอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่ถุงอากาศในตันเถียนนั้นจะได้ขยายตัว จากนั้นเมื่อถุงอากาศถึงขีดจำกัด ก็จะอัดแน่นเป็นถุงอากาศใบที่สองขึ้นมา และถือว่าเป็นการทะลวงขั้นต่อไป การที่จะทวงผ่านขอบเขตธุลีขั้น 9 ผู้บ่มเพาะจะมีถุงอากาศ 10 ใบ ก่อนจะทะลวงไปยังขอบเขตปรมาจารย์ได้ แต่สำหรับหยางเฉินนั้น เขามีถุงอากาศมากกว่าผู้บ่มเพาะทั่วไปถึง 3 เท่า ดังนั้นก็จะทำให้เขาดูดซับปราณได้มากกว่าคนปกติ


ทุกคนที่มาถึงขอบเขตธุลีได้จะดูดซับปราณหยินในมิติปราณหยินได้ พวกเขาต้องบ่มเพาะวันแล้ววันเล่า และต้องพึ่งทักษะที่บ่มเพาะและดูดซับปราณหยินอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะอัดแน่นถุงอากาศและพัฒนาการบ่มเพาะขึ้นไปอีกระดับ


บันทึกยันต์บนเตายานั้นจะเร่งความเร็วในการดูดซับมันได้ ใช่ สิ่งที่หยางเฉินวางแผ่นเอาไว้ว่าจะปรุงไม่ใช่ผงยาแต่เป็นเม็ดยา เขาไม่รู้ว่าโถงเถียจะมีสมุนไพรสำหรับการปรุงยาของเขาหรือไม่


แต่โถงเถีย คือ ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิฮั่น มันคงเป็นไปได้ที่จะขาดสมุนไพรล้ำค่า


ไม่นานหลังจากนั้น หยางเฉินก็พากั้วติงมาที่โถงเถีย กั้วติงมองไปที่หยางเฉินด้วยความสงสัย ก่อนจะถามออกมา “หัวหน้า เรามาทำอะไรที่นี่?”


“มาที่โถงการค้า แน่นอนว่าต้องมาซื้อของ” ตอนที่พูดนั้นหยางเฉินก็ได้เดินเข้าไปในโถงเถีย โดยมีกั้วติงตามมาติดๆ



รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว