The Oger Power สาวน้อยพลังยักษ์-ตอนที่ 17 ปล่อยวาง

โดย  KwangLover

The Oger Power สาวน้อยพลังยักษ์

ตอนที่ 17 ปล่อยวาง

แม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ขอบเขตเดียวกัน แต่ความแข็งแกร่งของเสี่ยวยู่เหรินนั้นสูงอย่างมาก คนแซ่ไป่นั้นไม่อาจจะเทียบกับเขาได้เลย หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย


ในขณะที่หยางเฉินกำลังตกตะลึงอยู่นั้น เสี่ยวยู่เหรินก็ได้สะบัดมือทั้งสองข้างออกไป ทำให้ริบบิ้นพุ่งตัดอากาศเข้าใส่ไป่ซานตู


“นังบ้านี่....” ไป่ซานตูอยากจะด่าออกไป แต่เขาคิดขึ้นมาได้ว่าเสี่ยวยู่เหรินไม่ใช่สตรี เขาจึงเงียบและรีบถอยกลับไป!


“ข้าไม่กินเจ้าหรอก เจ้าจะหนีทำไม?” เสี่ยวยู่เหรินหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง จากนั้นเขาก็บิดข้อมือทำให้ริบบิ้นพุ่งตรงไปยังทิศทางที่ไป่ซานตูหนีไป และไม่ว่าริบบิ้นจะผ่านไปที่ไหนก็จะมีเกล็ดน้ำแข็งโปรยปรายลงมาที่นั่น


ทันใดนั้น ก็มีปราณหนึ่งที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากปรากฏขึ้น พร้อมกับมีเสียงพูดดังตามมา “ฮึ่ม!คนของวังวูหลินคิดจะรังแกคนของตระกูลไป่รึ?”


เมื่อเสียงนี้สิ้นสุดลง ก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของไป่ซานตู หลังจากนั้นเขาก็กำหมัดแน่น ทำให้ปราณรวมตัวกันกลายเป็นรูปร่างคล้ายหมัดขนาดใหญ่แล้วพุ่งเข้าใส่เสี่ยวยู่เหริน ไม่ว่าหมัดนี้ผ่านไปที่ไหน ก็ทำให้พื้นดินยุบลงและเกิดรอยแตกร้าว


เมื่อเห็นเช่นนี้ เสี่ยวยู่เหรินก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา เขารีบถอยกลับแต่มันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อหมัดปราณนั้นได้กดทับเขาเอาไว้ และด้วยแรงกดดันอันน่ากลัวนี้ก็ได้ทำให้เขากระอักเลือดออกมา


“ท่าไม่ดีแล้ว!” หยางเฉินรีบส่งข้อความบอกเถาเถา “เถาเถา รีบไปช่วยเขาเร็วเข้า!”


เมื่อได้รับข้อความจากหยางเฉิน พู่กันก็หยุดโจมตีฮั่นจางทันที แล้วบินไปหาเสี่ยวยู่เหริน จากนั้นพู่กันก็ขีดเขียนตัวอักษรออกมา ทุกครั้งที่สะบัดตัวนั้นจะมีปราณไหลไปยังปลายพู่กันแล้วอัดแน่นเป็นตัวอักษรที่มีพลังออกมา


ในพริบตาตัวอักษรก็ได้รวมตัวกันเป็นคำว่า’ทลาย’ และพลังงานในตัวอักษรนี้ทำให้มิติบิดเบี้ยวไป


เถาเถาในพู่กันได้ใช้เงินทั้งหมดในการโจมตีในครั้งนี้ จากนั้นคำว่า’ทลาย’ ก็ได้พุ่งออกไปชนกับหมัดปราณที่กดทับเสี่ยวยู่เหรินเอาไว้ ปัง ! พลังงานทั้งสองได้ปะทะกัน ทำให้พลังสะท้อนออกมารอบด้าน ส่งผลให้พื้นดินยุบตัวลงหลายเมตรในทันที พร้อมกับฝุ่นที่ตลบอบอวลไปทั่ว


พลังสะท้อนนี้ ทำให้เสี่ยวยู่เหรินกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เขาเซถอยหลังไปหลายสิบเมตรก่อนจะประคองตัวเองได้ และพู่กันเองก็ถอยหลังไปหลาย 10 เมตรเช่นกัน แต่โชคดีที่พู่กันแข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากพลังนี้ แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ทว่าเสี่ยวยู่เหรินนั้นกลับได้รับบาดเจ็บหนัก จนสีหน้าของเขาซีดเผือดไป


หลังจากที่ฝุ่นจางลง ชายวัยกลางคนกลับปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของไป่ซานตู ชายวัยกลางคนผู้นี้คือคนที่ลงมือเมื่อครู่นี้ และดูเหมือนว่าไป่ซานตูจะมีหน้าตาคล้ายกับชายวัยกลางคนผู้นี้อยู่ไม่น้อย หยางเฉินจึงคิดว่า ชายวัยกลางคนผู้นี้ ต้องมีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับไป่ซานตูอย่างแน่นอน


และแล้วหยางเฉินก็เดาถูก เพราะชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นบิดาของไป่ซานตู และเป็นผู้นำตระกูลไป่ มีนามว่าไป่ฮั่น ซึ่งตระกูลไป่ก็เป็น 1 ใน 3 ตระกูลใหญ่ของจักรวรรดิฮั่น


“สมบัตินี้เสียหายจริงๆด้วย” มุมปากของไป่ฮั่นเผยรอยยิ้มออกมา ขณะมองไปที่พู่กัน “หากเจ้าเต็มใจจะไปยังจักรวรรดิฮั่นกับข้า จักรวรรดิฮั่นเต็มใจจะช่วยเต็มที่เพื่อฟื้นฟูเจ้า”


‘เขาพูดกับเถาเถา!’ สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหันกลับไปมองพู่กันและพูดขึ้น “เถาเถา เจ้าคงไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนหรอกนะ? ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี”


“เขาคิดว่าข้าเป็นสมบัติขอบเขตจักรพรรดิ จึงพูดภาษามนุษย์กับข้า แม้ว่าข้าจะพูดกับเขาได้ แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตน” เถาเถาส่งข้อความบอกหยางเฉินแล้วก็พูดกับชายวัยกลางคน “ฮึ่ม แค่จักรวรรดิฮั่น ข้ากลัวว่าคงไม่อาจจะซ่อมข้าได้?”


ไป่ฮั่นไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของเถาเถา แต่กลับยิ้มออกมาแทน “ หากจักรวรรดิฮั่นไม่อาจจะซ่อมเจ้าได้ ข้าคิดว่าคงไม่มีผู้ใดที่จะช่วยเจ้าได้อีกแล้ว ” พูดไปแล้วเขาก็มองไปที่หยางเฉิน แล้วพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าดูถูก “และหากเป็นเขา ยิ่งไม่มีโอกาส!”


‘เจ้าแก่บัดซบนี่!’ หยางเฉินฮึดฮัดออกมาในใจ ‘พู่กันนี่ไม่ใช่สมบัติขอบเขตจักรพรรดิเลย ฮึ่ม ! เจ้าคิดว่าจักรวรรดิฮั่นจะซ้อมพู่กันได้รึ? ฝันเฟื่อง!’


ไป่ฮั่นไม่รู้ว่าหยางเฉินด่าเขาอยู่ เขายิ้มออกมาและมองไปที่พู่กัน เขารอคำตอบจากพู่กัน สมบัติขอบเขตจักรพรรดินั้นสำคัญต่อจักรวรรดิฮั่นอย่างมาก มันสำคัญมากกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตจักรพรรดิเสียอีก


เพราะผู้บ่มเพาะขอบเขตจักรพรรดิมีอายุขัยที่จำกัด ไม่นานก็ต้องตาย แต่สมบัติไม่เป็นเช่นนั้น ชีวิตของสมบัตินั้นยาวนานอย่างมาก มันสามารถคุ้มครองจักรวรรดิไปได้อีกหลายปี


นอกจากนี้หากผู้บ่มเพาะขอบเขตจักรพรรดิมีสมบัติขอบเขตจักรพรรดิแล้ว ความแข็งแกร่งก็จะเพิ่มขั้นมาอย่างมาก ดังนั้นสมบัติขอบเขตจักรพรรดิจึงมีความสำคัญ


“หากข้าไม่ตอบรับล่ะ?” เถาเถาในพู่กันยิ้มออกมา


“ไม่ตอบรับงั้นรึ?” น้ำเสียงของไป่ฮั่นเย็นชาขึ้นมาทันที “ข้าคงต้องบังคับนำเจ้ากลับไป เจ้าก็น่าจะรู้ว่าด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว เจ้าไม่ใช่คู่ประมือของข้า!”


“ฮึ่ม ข้าเตือนเจ้าก่อนว่าข้าไม่ชอบคนที่ข่มขู่ผู้อื่น!” เถาเถาฮึดฮัดออกมา


“ข้าเองก็ไม่ชอบคนที่ไม่ฟังคำสั่งข้าเช่นกัน!” ไป่ฮั่นยิ้มออกมา สายตาของเขามองไปยังหยางเฉิน “ข้าสงสัยว่าความแข็งแกร่งของเขาอ่อนแอเช่นนี้ เจ้าอยู่กับเขาได้อย่างไรกัน? เขามีอะไรพิเศษงั้นรึ?”


จากนั้นไป่ฮั่นก็หายตัวไปและมาโผล่ตรงหน้าของหยางเฉิน และพูดกับหยางเฉินว่า “เขาไม่มีอะไรพิเศษ ขยะเช่นนี้ไม่ได้มีประโยชน์กับโลกด้วยซ้ำ”


หลังจากที่พูดจบ ไป่ฮั่นก็ได้ยกมือขึ้น ตอนที่เขายกมือขึ้นนั้น เขาก็หันกลับไปมองพู่กัน เมื่อเห็นว่าพู่กันไม่เคลื่อนไหว เขาก็ยิ้มออกมา “ ไม่หรอก การฆ่าขยะเช่นนี้มีแต่จะทำให้มือของข้าเลอะเสียเปล่าๆ ข้าไม่ฆ่ามันหรอก”


ตอนนี้แผ่นหลังของหยางเฉินชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าไป่ฮั่นทดสอบพู่กันดูว่าพู่กันให้ความสำคัญกับเขาหรือไม่ หากเถาเถาเคลื่อนไหว ไป่ฮั่นก็จะจับตัวเขาเอาไว้และใช้เป็นตัวประกัน เพื่อให้เถาเถายอม


เสี่ยวยู่เหรินที่อยู่ไม่ห่างนัก เมื่อเห็นว่าหยางเฉินไม่เป็นอะไรก็ไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน


“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะตามข้าไปยังจักรวรรดิฮั่นหรือไม่?” ไป่ฮั่นหันกลับไปมองพู่กันและยิ้มออกมา


“อยากให้ข้ากลับไปกับเจ้ารึ ฝันเฟื่อง!” เถาเถาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ด้วยเกียรติที่มีเขาจะยอมให้กับศัตรูได้อย่างไร


“ฮึ่ม งั้นก็อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน...” เมื่อไป่ฮั่นพูดถึงจุดนั้น รูปปั้นหินรอบตัวก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่นานรูปปั้นหินก็พังลงและแตกออก!


ทันใดนั้นพื้นดินก็สั่นไหวและแตกออก มันมีรอยแยกที่กว้างหลายร้อยเมตรปรากฏขึ้นมาพร้อมกับท้องฟ้าที่มืดลง


ทุกคนพากันอึ้ง พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีแค่หยางเฉินที่รู้ว่าตั้วโฟคงได้บอกว่าที่นี่ไม่นานจะปิดไปตลอดกาลหลังจากที่สร้างร่างแยกได้สำเร็จ มีแค่ร่างแยกที่อยู่ด้านในเท่านั้นที่จะเปิดประตูนี้ออกได้


เมื่อคิดแบบนั้นหยางเฉินก็ไม่คิดอะไรต่อ เขาได้ตะโกนบอกพู่กันและเสี่ยวยู่เหริน “เร็วข้า อีกไม่นานประตูจะปิดลง!”


เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน เถาเถาก็ได้บินไปตรงหน้าของหยางเฉินแล้วขยายขนาดออก


หยางเฉินกระโดดขึ้นไปบนพู่กันและหันกลับไปมองเสี่ยวยู่เหริน “ขึ้นมา!”


“ข้าเป็นสตรี...” ในตอนวิกฤตนั้นเสี่ยวยู่เหรินยังขยิบตาให้หยางเฉินอยู่ มันทำให้หยางเฉินอยากด่าแม่อีกฝ่ายขึ้นมาทันที


“เลิกไร้สาระ ! ขึ้นมา!”


เมื่อได้ยินเสียงตะคอกของหยางเฉิน เสี่ยวยู่เหรินก็หัวเราะออกมาและรีบโดดขึ้นพู่กัน ขาขาวเรียวยาวโผล่มาจากใต้กระโปรงยาวของเขา


‘นี่เขาใช่ผู้ชายจริงๆรึเปล่า?’ แต่เดิมหยางเฉินคิดว่าขาของเสี่ยวยู่เหรินต้องเต็มไปด้วยขน แต่ไม่คิดเลยว่าขานี้จะเรียบเนียนยิ่งกว่าขาของสตรีหลายคนเสียอีก


ตอนที่หยางเฉินแสดงสีหน้าแปลกใจออกมานั้น ปลายพู่กันก็ได้ส่องแสงสีม่วงออกมาห่อหุ้มตัวของหยางเฉินและเสี่ยวยู่เหรินเอาไว้ ก่อนจะพุ่งออกไปที่ประตูหิน


“ฮึ่ม เจ้าหนีไม่ได้หรอก!” ไป่ฮั่นก้าวขึ้นไปในอากาศข้างๆไป่ซานตูแล้วจับตัวลูกชายเอาไว้ก่อนจะไล่ตามพู่กันไป แต่ความเร็วของเขาไม่อาจจะเทียบกับพู่กันได้


ขณะที่หยางเฉิน, ไป่ฮั่นและคนอื่นๆพุ่งไปที่ประตูหิน มันก็มีร่างสามร่างตกลงมาที่พื้น พวกเขากลับเป็นหยวนมู่, หยุนเหลาและหยูเหวินเล่ย


เมื่อเห็นพื้นดินที่ถล่มลงไป สีหน้าของทั้งสามก็เปลี่ยนไป พวกเขาพากันพุ่งไปที่ประตูหินทันที


หยางเฉินหันกลับไปมองและพบทั้งสามคน เขาอดไม่ได้ที่จะสบถในใจ ‘เจ้าคง! เจ้าบัดซบ! เจ้าปล่อยสามคนนี้มาได้อย่างไร! เจ้ากับสามคนนี้ใครชั่วกว่ากัน!’


แกร๊ก แกร๊ก....ประตูหินเริ่มที่จะปิดตัว สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไป “เถาเถา เร็วเข้า!”


เถาเถาในพู่กันส่ายหน้าด้วยท่าทีหมดหนทาง “เงินถูกใช้ไปหมดแล้ว ข้าไม่อาจจะเร็วกว่านี้ได้”


“เจ้ามีเงินเท่าไหร่ รีบเอาออกมาให้หมด!” หยางเฉินหันกลับไปมองเสี่ยวยู่เหรินและพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล


เสี่ยวยู่เหรินอึ้งไป ก่อนจะเอาเงินในแหวนมิติออกมาและหรี่ตาลง “ล้านหนึ่งพอหรือไม่?”


หยางเฉินคิ้วขมวด เสี่ยวยู่เหรินกลับเอาบัตรเงินออกมา มันไม่ใช่เหรียญเงิน!


“ทำไมเจ้าไม่ตายไปซะเลย!” หยางเฉินสบถออกมา สีหน้าของเขาหม่นไปเพราะความโกรธ เขากำหมัดแน่นและอยากจะอัดเสี่ยวยู่เหรินจริงๆ








รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว