วาสนาของปลาเค็ม 向师祖献上咸鱼-21.เหมือนเสนอตัวเข้าหาผู้ชายอยู่ไหมเนี่ย?

โดย  โปรเจคพิเศษ by Hongsamut

วาสนาของปลาเค็ม 向师祖献上咸鱼

21.เหมือนเสนอตัวเข้าหาผู้ชายอยู่ไหมเนี่ย?

เลี่ยนถิงเยี่ยนนอนหลับสนิทไปจนถึงเวลาพลบค่ำ

ด้านนอกหลอกกันไปลวงกันมา บุญคุณความแค้นยุ่งเหยิงซับซ้อน ทว่าทั้งหมดล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเธอ สิ่งที่เกี่ยวกับเธอมากที่สุดก็คือซือหม่าเจียวที่ฆ่าคนราวกับบีบเปลือกถั่วลิสงผู้นั้นต่างหาก

เขาไม่ได้อยู่บนเปลญวนของเธอแล้ว เรื่องนี้ทำให้เลี่ยนถิงเยี่ยนผ่อนคลายลงไปมาก บอกแล้วไงว่าแค่นอนสักตื่นเรื่องราวทุกประการล้วนแก้ไขได้ นี่ไม่ใช่ว่าเรื่องจบลงแล้วหรอกหรือ

เธอตะกายขึ้นมาสัมผัสพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันก็รู้สึกว่าตนเองงดงามยิ่งเหมือนปลาเค็มที่พอแช่น้ำก็จะตัวพองขึ้นมา เขาซานเซิ่งชานในตอนนี้มีไอเซียนลอยละล่อง แม้สถานที่มากมายจะกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้วทว่ากลับทอประกายความงามท่ามกลางความเสื่อมสลายอย่างน่าประหลาด เหมือนเป็นโฟโต้ฟิลเตอร์ที่หมอกทิพย์พวกนี้สร้างขึ้น ทั้งหมดล้วนแฝงความงามอันคลุมเครือเลือนรางเอาไว้

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเธอยังไม่เห็นเจ้างูดำยักษ์และซือหม่าเจียวมีเพียงกองเพลิงที่ฟื้นคืนความคึกคักกำลังเท้าสะเอวด่าทออยู่ตรงนั้น “เจ้าพวกไม่ได้เรื่อง เจ้าพวกลูกเต่าไม่ได้ความ เมื่อวานโอกาสดีขนาดนั้นยังปลิดชีพซือหม่าเจียวไม่ได้อีกงั้นหรือ!”

บางครั้งเลี่ยนถิงเยี่ยนก็ไม่เข้าใจจุดยืนของเจ้าเปลวเพลิงจริงๆ เดี๋ยวก็บอกว่าหากตนเองเกิดเรื่อง ซือหม่าเจียวย่อมไม่มีทางจะดีไปได้ สองฝ่ายมีความสัมพันธ์แบบต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เดี๋ยวก็แค้นที่ไม่อาจมีคนมาปลิดชีพเขาทิ้งได้

เจดีย์กลางทลายลงไปกว่าครึ่ง เลี่ยนถิงเยี่ยนเดินมาถึงบริเวณช่องโหว่ที่แหว่งหายไปจากนั้นก็ก้มมองลงไปข้างล่าง ความสูงที่มากจนเกินไปทำให้เธอไม่กล้ายืนใกล้ เพียงชั่วพริบตาเธอก็เห็นเงาสีดำร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างแปลงดอกไม้ด้านล่าง ยังมีเจ้างูดำที่กำลังใช้ลำตัวดันเศษหินข้างแปลงดอกไม้ออกไปอย่างยากลำบาก

นั่นคือดอกรื่อเยว่โยวถาน พืชเพียงหนึ่งเดียวบนเขาซานเซิ่งชาน ส่วนเจ้าดอกบัวแดงเพลิงน่าจะไม่ถือเป็นพืชกระมัง? เธอนึกถึงดอกบัวแดงวิเศษที่ตนเองใส่ไว้ในถุงพก ในใจพลันเกิดความอยากรู้เกี่ยวกับดอกรื่อเยว่โยวถานที่อยู่ด้านล่างขึ้นมาเล็กน้อยตอนแรกที่หญิงสาวพวกนั้นเห็นดอกไม้ชนิดนี้ก็มีท่าทางแปลกประหลาด จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจเรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังของมันเลยสักนิด

จู่ๆ ซือหม่าเจียวที่ยืนอยู่ข้างแปลงดอกไม้ก็หันขวับมาทางเจดีย์กลางพร้อมขยับมือทำท่า ‘มานี่’

สายตาของผู้บำเพ็ญร้ายกาจแบบนี้นี่เอง เลี่ยนถิงเยี่ยนคิดจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นทว่ากลับไม่สามารถทำได้ ในที่สุดเธอก็เดินลงบันไดยี่สิบกว่าชั้นผ่านหมอกสีม่วงจางๆ ไปจนถึงข้างแปลงดอกไม้ที่เขายืนอยู่ แต่ซือหม่าเจียวที่เคยยืนอยู่ที่นี่กลับหายไปเสียแล้ว มีเพียงเจ้างูดำที่ยังคงรับหน้าที่เป็นกรรมกรแบกหินอยู่ตรงนั้น

เธอหันมองรอบๆ ทันใดนั้นข้างหูพลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น “ทำไมถึงลงมาช้าขนาดนี้”

ท่านปรมาจารย์ที่ไปมาเงียบเชียบราวกับภูตพรายปรากฏตัวอยู่ข้างหลัง เกือบจะทำเธอตกใจจนเด้งตัวเข้าไปในดงดอกรื่อเยว่โยวถานเสียแล้ว เธอยังจำได้แม่นว่าปกติหญิงสาวพวกนั้นหากไม่มีเรื่องอะไรล้วนไม่เฉียดเข้าใกล้ดงดอกไม้นี่ส่งเดช ข้างในนั้นจะต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่เป็นแน่ ดังนั้นเธอเลยเบี่ยงตัวหลบไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว...จนกระแทกเข้าไปในอ้อมอกของซือหม่าเจียว

คือว่า...เหมือนเสนอตัวเข้าหาผู้ชายอยู่ไหมเนี่ย?

ขณะที่เธอกำลังคิดใคร่ครวญปัญหานี้อยู่ ทั้งที่ความจริงกลับรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ปัญหา ถึงอย่างไรพอท่านปรมาจารย์เปิดโหมด BUFF พูดความจริงแล้วถามว่า ‘สาวน้อย เจ้ากำลังเสนอตัวเข้าหาข้าอยู่งั้นหรือ?’ เธอก็จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ทันที

ทว่าซือหม่าเจียวกลับไม่ได้ถาม ใช้เพียงสีหน้าสื่อว่า ‘เรื่องพรรค์นี้ข้าเคยพบเห็นมามากเกินไปแล้ว เจ้าก็เพลาๆ ลงหน่อยเถอะ’ จากนั้นปรายตามองเธอแวบหนึ่ง

อะไรเนี่ย! ทำไมเวลาแบบนี้กลับไม่ใช้ BUFF พูดความจริง! รีบใช้เร็วเข้า! ให้เธอได้บอกความจริงหน่อย!

“เจ้ารู้ไหมว่านี่คืออะไร?” ซือหม่าเจียวมองดอกไม้พวกนั้นพลางเอ่ยถาม

“...ดอกรื่อเยว่โยวถาน” น่าโมโหชะมัด

ซือหม่าเจียวยกมือขึ้นวาดผ่านดอกไม้ที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีสันไปทีละน้อยเหล่านั้น ดอกไม้นี้ยามทิวาตัวดอกจะมีสีขาวใบสีดำ ตอนนี้ดวงตะวันกำลังลับเหลี่ยมเขาพอดี มันจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นตัวดอก
สีดำใบสีขาวแทน สายตาของเลี่ยนถิงเยี่ยนจับจ้องดอกไม้ที่ซือหม่าเจียวสัมผัส มันพลันเปลี่ยนเป็นสีดำไปในพริบตา... ย้อมสีด้วยมือ สุดยอดไปเลย!

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าดอกไม้ชนิดนี้มีที่มาอย่างไร?”

“ไม่รู้เจ้าค่ะ”

ราวกับซือหม่าเจียวชมชอบการทำลายต้นไม้ใบหญ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งชอบมือบอนดึงกลีบดอกไม้เป็นพิเศษ เขาทึ้งกลีบดอกสีดำมาเป็นแถบจากนั้นโยนไปไว้ด้านข้าง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้สูงต่ำ

“เมล็ดของดอกรื่อเยว่โยวถานพิเศษยิ่ง เป็นมุกที่คนตระกูลซือหม่าหลงเหลือเอาไว้ภายในร่างหลังเสียชีวิต มุกหนึ่งเม็ดสามารถปลูกดอกรื่อเยว่โยวถานออกมาได้หนึ่งต้น”

ขณะเลี่ยนถิงเยี่ยนมองดอกรื่อเยว่โยวถานพลันเกิดอาการหนาวสะท้านไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ถ้างั้นที่นี่...ไม่ใช่สุสานหรอกหรือ?ดอกรื่อเยว่โยวถานมากมายขนาดนี้แล้วจะมีคนตายไปมากมายแค่ไหนกัน

ซือหม่าเจียวกล่าวต่อ “หลังจากคนตระกูลซือหม่าตายไปแล้วไม่อาจหลงเหลือร่างกายเอาไว้ได้ ที่เหลือได้มีเพียงมุกเม็ดเดียวเท่านั้น เดิมมีมุกมากมายถูกเก็บไว้ ต่อมาล้วนถูกข้าโปรยไว้ที่นี่จนหมด สุดท้ายก็งอกออกมาเป็นดอกไม้พวกนี้... งดงามหรือไม่?”

หากจะพูดตามความจริง แม้จะน่าสะพรึงกลัวไปสักหน่อยแต่ยังคงความโรแมนติกไม่เบา เลี่ยนถิงเยี่ยนพยักหน้าอย่างประจบเอาใจ “งดงามเจ้าค่ะ”

“งั้นข้ามอบให้เจ้าดอกหนึ่ง เจ้าเลือกเองแล้วกัน” เขาชี้ไปยังดอกไม้สีดำที่กำลังไหวเอนอยู่ในแปลง

สัญชาตญาณของเลี่ยนถิงเยี่ยนบอกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ ทว่าซือหม่าเจียวยืนหัวโด่จ้องมองอยู่ตรงนั้น แถมยังตีสีหน้าเคร่งเร่งเธออีก แล้วเธอยังจะทำอะไรได้...

“เด็ดมาสักดอกสิ”

เลี่ยนถิงเยี่ยนยื่นมือออกไปเด็ดดอกไม้มาหนึ่งดอก

ยามนี้ซือหม่าเจียวค่อยเอ่ยต่อ “ความพิเศษของดอกรื่อเยว่โยวถานอยู่ตรงที่มันสามารถเป็นได้ทั้งโอสถวิเศษขจัดยาพิษได้ทุกชนิดและก็เป็นยาพิษร้ายแรงที่ไร้โอสถใดจะขจัดได้ ได้ยินว่าหลังคนตระกูลซือหม่าตายไปแล้ว หากเป็นคนชั่ว ดอกรื่อเยว่โยวถานที่มุกกระดูกปลูกออกมาจะเป็นวัตถุที่มีพิษร้ายกาจนัก ส่วนมุกกระดูกของคนดีงามพอปลูกออกมาจะเป็นโอสถวิเศษ ทว่ารูปร่างลักษณะของพวกมันเหมือนกันทุกประการ ไม่มีผู้ใดสามารถแยกแยะได้”

“...” เพราะงั้นที่เขาบอกว่าเป็นยาวิเศษที่ขจัดพิษได้ทุกอย่าง จะสามารถขจัดพิษร้ายที่ไร้ยาใดขจัดได้ด้วยหรือเปล่า?

“การที่เจ้ายังยืนอยู่ตรงนี้ได้ ดูเหมือนดอกไม้ที่เลือกคงจะเป็นโอสถวิเศษกระมัง โชคไม่เลวเลย”

เขาเพิ่งจะเอ่ยจบ เลี่ยนถิงเยี่ยนก็ล้มตึงลงไปบนพื้นแล้ว


เลี่ยนถิงเยี่ยนนึกว่าตนเองจะไม่รอดเสียแล้ว

หลังจากเธอพกความประหลาดใจและคำด่าทอจนเต็มอกสลบเหมือดไป เศษเสี้ยวความทรงจำที่กระจัดกระจายอยู่หลายท่อนก็ปรากฏขึ้นมา

ตัวเอกในจอเป็นสาวน้อยช่างฝันและไร้เดียงสามีนามว่าซือหม่าเอ้อ เธอกับพี่ชายฝาแฝดเป็นสองคนสุดท้ายของตระกูลซือหม่า ตระกูลของพวกเขาใกล้จะล่มสลายลงไปทุกที ทว่าตระกูลซือหม่าไม่อาจดับสูญได้ พวกเขาจึงจำเป็นต้องสืบทอดสายเลือดต่อไป นับตั้งแต่ซือหม่าเอ้อถือกำเนิดก็อยู่ในสภาพแวดล้อมอันบิดเบี้ยวพิกลพิการ นางถูกลิขิตให้ต้องแต่งงานกับพี่ชายของตนเพื่อสืบทอดทายาทให้ตระกูลคงอยู่

เพื่อจะรักษาสายเลือดอันบริสุทธิ์ของเผ่าเฟิ่งชานเอาไว้ แต่ไหนแต่ไรมาคนตระกูลซือหม่าไม่เคยแต่งงานกับคนนอกมาก่อน สำหรับพวกเขาแล้วการทำให้สายเลือดเฟิ่งชานแปดเปื้อนถือเป็นความผิดมหันต์ซึ่งไม่อาจให้อภัยได้ ตรงกันข้ามหากแต่งงานกันเองภายในหมู่เครือญาติใกล้ชิดกลับไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ยาก ทุกการกระทำของพวกเขาล้วนทำเพื่อสืบสายเลือดอันบริสุทธิ์เท่านั้น มีเพียงสายเลือดบริสุทธิ์แห่งเฟิ่งชานจึงจะสามารถหล่อเลี้ยงบำรุงเพลิงแห่งเขาหลิงชานไว้ได้

เลี่ยนถิงเยี่ยนเห็นเพลิงแห่งเขาหลิงชานนั่นแล้ว มันเป็นเหมือนกองไฟกองเล็กๆ กองหนึ่งกำลังลุกไหม้อยู่เหนือดอกบัวแดงที่มีขนาดเท่ากับปากชาม เทียบกับเจ้ากองเพลิงจิ๋วที่พูดจาหยาบคายด้วยเสียงเด็กน้อยนั่นแล้วยังโชติช่วงกว่ามาก มันเป็นของวิเศษที่สำคัญยิ่งและซือหม่าเอ้อก็คือผู้ที่มีหน้าที่ปรนนิบัติดูแลเพลิงแห่งหลิงชาน

ซือหม่าเอ้อเติบโตอยู่บนเขาซานเซิ่งชานมาตั้งแต่เด็ก แม้จะมีข้ารับใช้และศิษย์ปรนนิบัตินับไม่ถ้วน การกินอยู่ก็ล้วนเลอเลิศ นับว่าเป็นองค์หญิงอันดับหนึ่งก็ยังได้ ทว่าหากจะพูดกันตามความจริงชีวิตของนางกลับน่าเวทนายิ่ง

ซือหม่าเอ้อชอบเจ้ากองเพลิงนั่น ในความทรงจำช่วงนี้เจ้ากองเพลิงไม่ได้มีเสียงคล้ายเด็กน้อย แต่เป็นหนุ่มอารมณ์ร้อนผู้หนึ่ง ไม่ว่าใครมาปรนนิบัติรับใช้ล้วนถูกเขาด่าสาดเสียเทเสียไปจนหมด มีเพียงซือหม่าเอ้อคนเดียวที่เขาไม่เคยด่าทอเลยสักครั้ง

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว