ตอนที่คนทั้งเจ็ดถูกเผาจนกลายเป็นมัมมี่แห้ง อีกเก้าคนที่ยืนดูอยู่ด้านข้างก็อดใช้สายตาพรั่นพรึงมองซือหม่าเจียวไม่ได้ เดิมทีพวกเขาคิดว่าซือหม่าเจียวถูกสยบมาหลายปีคงจะอ่อนแอลงบ้างแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังน่ากลัวถึงเพียงนี้ หรือว่าเผ่าเฟิ่งชานจะแข็งแกร่งจริงๆ กระทั่งวงแหวนเวทที่ทับซ้อนกับการควบคุมหลายชั้นก็ยังทำอะไรไม่ได้เลย
“ฉือฉางเต้าจวิน คนพวกนี้ไม่เคารพท่าน ได้รับโทษทัณฑ์ย่อมสมควรแล้ว หลังจากพวกข้ากลับไปจะจัดการลงโทษสาขาที่คนพวกนี้สังกัดเอง” คนที่เอ่ยวาจาเห็นได้ชัดว่ายิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากกว่าเดิม
ทว่าซือหม่าเจียวไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไป เขากวาดสายตาผ่านคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในที่นั้นก่อนจะเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ข้ายังต้องการอีกหนึ่งคนรั้งอยู่ที่นี่”
คนทั้งหมดต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน
คนที่เอ่ยปากพูดตอนแรกสุดแผดเสียงร้องโหยหวนขึ้นมากะทันหัน ตลอดทั้งร่างกลายเป็นมนุษย์เพลิงในพริบตาอย่างไม่อาจขัดขืน ส่วนคนอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าปั้นยาก ผู้เฒ่าที่มีใบหน้าสัตย์ซื่อผู้หนึ่งเบิกตาโพลง “แย่แล้ว! หรือว่า...”
คำพูดยังไม่ทันจบก็เห็นศพของสตรีชุดขาวผู้นั้นลอยออกมา ศพทั้งเก้ากระจัดกระจายไปทั่วเจดีย์กลาง เก้าคนนี้สืบสายเลือดของแปดมหาตำหนักและเจ้าสำนักเกิงเฉินเซียนฝู่เมื่อห้าร้อยปีก่อนพอดี และตอนนั้นก็เป็นบรรพบุรุษของทั้งเก้าที่วาดวงแหวนมหาเวทแห่งพันธนาการเอาไว้ที่นี่
“ข้าทนผนึกที่ขัดนัยน์ตาพวกนี้มานานแล้ว”
จบประโยคของซือหม่าเจียว ศพทั้งเก้าต่างหล่นวูบอย่างรวดเร็ว ร่วงลงไปในตำแหน่งที่กำหนดไว้เป็นพิเศษ ทันใดนั้นพื้นดินก็สั่นรุนแรงจนสะเทือนไปทั้งขุนเขา โซ่เส้นยักษ์ของเจดีย์กลางกระแทกเข้าใส่กันส่งเสียงเคร้งคร้างดังลั่นไม่หยุดก่อนจะขาดสะบั้นเป็นท่อนๆ ตกใส่ตำหนักที่อยู่ทางด้านล่างจนเกิดเป็นเสียงกัมปนาท ทำเอาตำหนักน้อยใหญ่กลายเป็นซากปรักหักพังในพริบตา
ท่ามกลางเสียงร้องอย่างตระหนกและเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เลี่ยนถิงเยี่ยนได้ยินซือหม่าเจียวหัวเราะออกมาเบาๆ เป็นเสียงหัวเราะที่เบิกบานใจอย่างยิ่งยวด
หลังจากผ่านเรื่องราวทั้งหลายมาแล้ว เลี่ยนถิงเยี่ยนก็มีสีหน้าแข็งทื่อ ในสมองล้วนว่างเปล่า เพียงรู้สึกว่า---เอวของท่านปรมาจารย์ช่างบอบบางเสียจริง
ซือหม่าเจียวมองภาพตรงหน้าอย่างสำราญใจ ก่อนจะพบว่าเจ้าไส้ศึกแดนมารที่กำลังใช้มือข้างหนึ่งกอดเอวของตนอยู่นั้นตกใจจนนิ่งงันไปแล้ว เขาเชยปลายคางของนางขึ้นด้วยอารมณ์ดียิ่ง “ลองดูคนพวกนี้สิ พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ทำให้ผู้คนเกรงกลัวทั้งนั้น ทว่าสภาพของพวกเขาในตอนนี้ช่างน่าหัวเราะยิ่ง เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?”
“เอวท่านบางชะมัด” BUFF พูดความจริงฆ่าฉันอีกแล้ว เขาจะใช้ BUFF พูดความจริงบ่อยๆ ทำซากอะไรเนี่ย!
รอยยิ้มที่ไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดของซือหม่าเจียวชะงักไปวูบหนึ่ง ชักสงสัยว่าตนเองหูเฝื่อนฟังผิดหรือไม่
บนเขาซานเซิ่งชานไม่สามารถรวบรวมพลังได้
เรื่องนี้ช่างเป็นเรื่องแสนจะอึดอัดประการหนึ่งสำหรับเหล่าผู้บำเพ็ญ คล้ายกับปลาตัวโตติดแหง็กอยู่ในแอ่งน้ำตื้นที่ขอดจนเห็นก้น
ซือหม่าเจียวถูกขังอยู่ที่นี่มานานถึงห้าร้อยปี ในที่สุดก็สามารถหลบหนีออกจากกรงขังแห่งนี้ได้สำเร็จ
การขาดสะบั้นของโซ่และการแตกสลายของป้ายหยกคำว่า ‘ผนึก’ ทำให้ไอทิพย์แรงกล้าพวยพุ่งออกมาจากซากปรักหักพังที่ระเนระนาดอยู่ข้างใต้ พลังที่เข้มข้นจนแทบจะจับต้องได้ปกคลุมทั่วทั้งขุนเขาซานเซิ่งชานราวกับไอหมอก ชั่วพริบตามันก็รวมตัวกันกลายเป็นทะเลเมฆขนาดใหญ่
พลังชีวิตเต็มเปี่ยมเช่นนี้ ต่อให้เลี่ยนถิงเยี่ยนไม่รู้ว่าการบำเพ็ญคืออะไรก็ยังเริ่มดูดพลังปราณที่พรั่งพรูเข้ามาในร่างตามสัญชาตญาณ เทียบกับความรู้สึกเมื่อคราวก่อนถือว่าสบายกว่ามาก
ผู้ยิ่งใหญ่สองสามคนที่ยังมีชีวิตอยู่ถูกพลังปราณสายนี้กระแทกใส่ สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู
เดิมทีเขาซานเซิ่งชานเป็นภูเขาวิเศษที่มีพลังไอทิพย์เข้มข้นบริสุทธิ์ที่สุดลูกหนึ่ง ตอนที่กักขังซือหม่าเจียวเอาไว้ คนจำนวนหนึ่งต้องสิ้นเปลืองความคิดความอ่านสารพัดเพื่อทำให้วงแหวนมหาเวทสกัดกั้นปราณแห่งพสุธาของสถานที่แห่งนี้แล้วทำให้ปราณพวกนั้นกระจายไปยังสถานที่อื่นๆ ในสำนักเกิงเฉินเซียนฝู่ผ่านทางใต้ผืนดิน ผู้ที่ได้เสพสุขอยู่บนพื้นที่เหล่านี้คือผู้ใด ไม่ต้องเอ่ยก็รู้ได้ พอ
ซือหม่าเจียวลงมือก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมากน้อยแค่ไหนในสำนักเกิงเฉินเซียนฝู่ที่เสียผลประโยชน์
ทว่าเรื่องร้ายแรงที่สุดก็คือเวลานี้ซือหม่าเจียวหลุดพ้นพันธนาการโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาเคยเอ่ยไว้ก่อนหน้าว่าไม่มีทางละเว้นคนที่เคยทำร้ายตนแน่
ช่างเป็นเรื่องน่าขบขันเสียจริง ตอนแรกคนมากมายคิดว่าซือหม่าเจียวอยู่ที่นี่มานานถึงห้าร้อยปีและมีสภาพคลุ้มคลั่งจะต้องอ่อนแออย่างยิ่งยวด ดังนั้นหากพวกเขาทั้งหมดลงมือพร้อมกันยังต้องกลัวว่าจะสยบคนผู้นี้ไม่ได้อีกหรือ
หนำซ้ำครึ่งเดือนก่อนเจ้าสำนักหมายจะกล่อมให้เขาสงบลงชั่วคราวจึงส่งคนที่มีความคิดความอ่านแตกต่างกันเข้ามาสอดแนมมากมาย มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกว่าเจ้ามหันตภัยร้ายผู้นี้ไม่ได้น่ากลัวจนต้องกังวล ทว่าตอนนี้หากจะพูดว่ากังวลก็ยังน้อยไปเพราะสถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงไปทุกที
“ฉือฉางเต้าจวิน ยามนี้เขาซานเซิ่งชานถูกทำลายจนย่อยยับแล้ว มิสู้ท่านย้ายไปพำนักที่เขาป๋ายลู่หยาเป็นการชั่วคราวก่อน รอจนเขาซานเซิ่งชานบูรณะเสร็จแล้วค่อยเชิญท่านกลับมาอีกทีดีหรือไม่?” บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมาราวกับไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นทั้งนั้น
คนอื่นๆ ต่างแอบด่าทอเขาว่าหน้าไม่อายอยู่ในใจ คนผู้นี้เป็นพวกพ้องของเจ้าสำนัก เป็นฝ่ายที่เสนอให้สร้างสัมพันธ์อันดีมาเกลี้ยกล่อมซือหม่าเจียวให้สงบลง ยามนี้เขาลุกขึ้นแสดงจุดยืนของตนอย่างชัดเจนเพื่อกันตัวเองออกจากกลุ่ม จะได้ไม่ถูกท่านปรมาจารย์สังหารทิ้งยามไม่พอใจเหมือนหลายคนที่ผ่านมา ดังนั้นเขาย่อมกระทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้แน่
จะฆ่าทิ้งหรือแล่เนื้อเถือหนังย่อมต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองสักอย่าง ทว่าซือหม่าเจียวกลับไม่ได้แยแสพวกเขาเลยสักนิด เอาแต่จ้องเลี่ยนถิงเยี่ยนที่อยู่ในอ้อมแขนของตนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
อันที่จริงก่อนหน้านี้พวกเขาก็สังเกตเห็นสตรีในอ้อมกอดของท่านปรมาจารย์แล้ว เพียงแต่มีเรื่องใหญ่ระดับความเป็นความตายอยู่ตรงหน้าจึงไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจมากนัก หญิงสาวที่พลังบำเพ็ญต่ำต้อยขนาดนั้น ในสายตาของพวกเขาก็เป็นเพียงแค่มดปลวก แต่พอมือท่านปรมาจารย์คว้ามดปลวกตัวนั้นเอาไว้จึงกระตุ้นความสนใจของพวกเขาขึ้นมาได้บ้าง การนิ่งเงียบของซือหม่าเจียวพลอยทำให้คนที่เหลือเบนสายตาไปยังสตรีผู้นั้นโดยไม่รู้ตัว
ดูเหมือน...นางจะเป็นหนึ่งในศิษย์หญิงร้อยคนที่ถูกส่งเข้ามาก่อนหน้านี้
ใครกัน?
ศิษย์หญิงหนึ่งร้อยคนนี้ถึงจะพูดว่าคัดเลือกมาจากสายสาขาทั้งหมดทว่าอันที่จริงแต่ละตำหนักกำหนดรายชื่อไว้เป็นการภายในอยู่ก่อนแล้ว นางสามารถเข้ามาที่นี่ได้ย่อมต้องเป็นคนสำคัญของสักตำหนักที่วางตัวเอาไว้เป็นแน่ ทว่านางกลับมีบางอย่างที่แตกต่างไม่รู้ว่านางเป็นขุมอำนาจของฝ่ายใดถึงสามารถเอาชีวิตรอดเป็นปกติสุขได้จนถึงตอนนี้
พวกเขามองเศษซากปรักหักพังใต้เท้าแวบหนึ่ง ยามนี้หนึ่งร้อยนางที่ถูกส่งเข้ามาดูเหมือนจะเหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวเท่านั้น นางมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่น ท่านปรมาจารย์ผู้คลุ้มคลั่งและกระหายการฆ่าฟันจึงยอมให้ติดตามข้างกาย นอกจากนี้ยังคุ้มครองไม่ยอมห่างหรือว่าท่านปรมาจารย์จะถูกตาต้องใจศิษย์หญิงผู้นี้เข้าเสียแล้ว?
เป็นไปไม่ได้... ครั้นนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนแรกพวกเขาก็ปฏิเสธการคาดเดานี้ทันที
หากวันใดซือหม่าเจียวสามารถชมชอบสตรี วันนั้นพระอาทิตย์คงได้ขึ้นทางทิศตะวันตก เหมือนที่โลกของผู้บำเพ็ญพรตจะเกี่ยวดองเป็นญาติกับแดนมารนั้นไม่มีทางเป็นไปได้โดยเด็ดขาด
เลี่ยนถิงเยี่ยนรู้สึกได้ถึงสายตาร้อนแรงหลายคู่ที่จับจ้องมา เธอจึงแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ ได้แต่กอดเอวท่านปรมาจารย์ไว้ด้วยเนื้อตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเขยื้อนราวกับกดปุ่มหยุดเอาไว้ชั่วคราว
“เอวของข้า...บางงั้นหรือ?” เนิ่นนานกว่าซือหม่าเจียวจะค่อยๆ ทวนคำพูดของเธออีกครั้ง
เพราะเป็นประโยคคำถาม เลี่ยนถิงเยี่ยนที่อยู่ในโหมดแกล้งตายเลยถูก BUFF พูดความจริงบีบให้เปิดปากอีกครั้ง “ถูกต้อง อาจเป็นเพราะท่านถูกขังนานเกินไป เลยหิวจนท้องกิ่วแบบนี้”
เขาซานเซิ่งชานไม่มีของกินอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเขาต้องทนหิวหรืออย่างไร เวลาว่างเธอก็มักจะจินตนาการไปเรื่อยเปื่อยว่าขณะที่ท่านปรมาจารย์ติดอยู่ในคุก ไม่มีคนคอยส่งข้าวส่งน้ำจึงต้องทนหิวโหยนับวันเลยโรคจิตขึ้นเรื่อยๆ
ถึงจะจินตนาการไปเช่นนั้นทว่าเรื่องนี้ไม่อาจเอ่ยออกมาโดยเด็ดขาด ไม่งั้นเธอได้ตายคามือเขาแน่ๆ เข้าใจก็ส่วนเข้าใจแต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวย พอท่านปรมาจารย์เปิดเจ้า BUFF พูดความจริงปุ๊บ มันก็เริ่มการทำงานอัตโนมัติ ทำให้เธอไม่อาจสื่อสารได้อย่างเป็นสุข ทั้งที่เธอคิดจะสร้างไมตรีอันดีงามระหว่างเจ้านายกับ
ลูกน้องสักหน่อย ทว่าแค่พริบตามันก็ผิดเพี้ยนไปหมด
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่