นางหงครองภพ สยบมังกร-ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม

โดย  TonMaiBiYa

นางหงครองภพ สยบมังกร

ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม


เมื่อได้สติกลับคืนมา ทุกคนก็ต้องอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ


“หะ หงเอ๋อร์ที่นี่มันที่ไหน” หลิวหลี่เฉินที่รู้สึกตัวขึ้นมาก่อนใคร พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็ได้สติกลับคืนมา ส่วนลี่หยางที่รับรู้อยู่แล้วว่าน้องสาวตนพามาที่ใด ก็มองใบหน้าตื่นตกใจของทุกคนด้วยรอยยิ้มขบขัน


“ที่นี่คือมิติพิเศษ ที่ท่านอาจารย์มอบให้ลูกไว้ใช้ฝึกฝนเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินคำพูดของลี่หง ทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง เพราะสิ่งที่พวกตนได้ยินนั้นหาใช่เรื่องเล็กน้อยไม่


“มะ มิติพิเศษงั้นรึหงเอ๋อร์ ทะ ท่านอาจารย์ของลูกท่านมอบมิติพิเศษให้ลูกครอบครองงั้นรึ ละ แล้วเราเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน” จ้าวลี่ฮวาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ตอนนี้เจ้าตัวทั้งตื่นเต้นและตกใจในเวลาเดียวกัน


“พี่ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนว่าเจ้าสามารถเข้ามาในมิตินี้ได้จากทุกที่ใช่รึเปล่า” เป็นลี่หยางที่พูดขึ้น เพราะตนก็สงสัยในข้อนี้เหมือนกัน


เดิมทีแล้วมิติพิเศษต่างก็อยู่ในพื้นที่พิเศษที่มีแต่อันตรายและมีทางเข้าออกแค่เพียงทางเดียว หรือไม่ก็ต้องครอบครองสมบัติล้ำค่าที่เป็นมิติพิเศษเหมือนค่ายสำนักใหญ่ แต่ที่ตนเห็นน้องสาวตนไม่ได้ครอบครองสิ่งใดแม้แต่ชิ้นเดียว แต่น้องสาวตนกลับเข้าออกมิติพิเศษแห่งนี้ได้จากทุกที่


“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิดเจ้าค่ะท่านพี่ เพราะจากอาจารย์ได้หลอมรวมมิติพิเศษแห่งนี้เข้ากับจิตวิญญาณของข้า ทำให้ข้าเป็นเจ้าของมิติแห่งนี้โดยสมบูรณ์เจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินคำตอบของลี่หงทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง


“หงเอ๋อร์ ลูกห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดเลยนะ” เมื่อได้ยินสิ่งที่บุตรสาวพูด หลิวหลี่เฉินก็กำชับกับทุกคนทันที หากมีใครรู้เรื่องนี้ มีหวังได้เกิดสงครามแย่งชิงตัวบุตรสาวของตนแน่นอน


“เรื่องนี้มีเฉพาะคนในครอบครัวเราเท่านั้นที่ได้รับรู้ ท่านพ่อไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ”


“เดี๋ยวข้าจะแนะนำสัตว์เลี้ยงของข้าให้ทุกคนได้รู้จักนะเจ้าคะ ทุกคนออกมาได้แล้ว” ทันทีที่ลี่หงพูดจบก็มีสัตว์อสูรตัวสูงใหญ่เกือบสิบตัวออกมาจากป่าสนยักษ์ มุ่งหน้ามายังจุดที่พวกตนอยู่ด้วยความรวดเร็ว


เมื่อเห็นดังนั้น หลิวหลี่เฉินก็รีบเอาตัวเข้ามาขวางหน้าทุกคนทันที


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านพ่อท่านทำอะไรน่ะขอรับ” เมื่อเห็นการกระทำของบิดา ลี่หยางระเบิดเสียงหัวเราะออกมา


“จะ เจ้ายังจะมาหัวเราะอยู่อีก ไม่เห็นสัตว์อสูรพวกนั้นรึไง พะ พวกมันกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้นะ” เมื่อเห็นท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของบุตรชาย หลิวหลี่เฉินก็ตวาดขึ้นมาด้วยความเดือดดาล


“ท่านพ่อไม่ต้องกลัวหรอกขอรับ สัตว์อสูรเหล่านี้เป็นสัตว์เลี้ยงของหงเอ๋อร์เอง” เมื่อได้ยินคำพูดของบุตรชาย หลิวหลี่เฉินก็จ้องไปยังบุตรสาวของตนเพื่อขอคำยืนยัน


“จะ จริงงั้นรึหงเอ๋อร์”


“เจ้าค่ะท่านพ่อ มาเถอะเดี๋ยวลูกจะแนะนำทุกคนให้พวกท่านรู้จัก” พูดจบลี่หงก็แนะนำครอบครัวของตนให้รู้จักกับเหล่าสัตว์อสูรเบื้องหน้า พร้อมกับแนะนำเหล่าสัตว์อสูรให้ทุกคนได้รู้จักเช่นกัน


“หะ หงเอ๋อร์ ละ แล้วสี่คนนี้ล่ะ” จ้าวลี่ฮวาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะบุตรสาวตนบอกว่าจะแนะนำสัตว์อสูรให้พวกตนได้รู้จัก แต่เจ้าตัวก็ภาวนาขอให้ทั้งสี่ไม่ใช่อย่างที่ตนคิด


แต่กลับหลิวหลี่เฉิน เมื่อเห็นหั่วหลง เฮยหลงและลวี่หลงเดินเข้ามาหาบุตรสาวตน อาการหวงบุตรสาวก็บังเกิดขึ้นทันที พลางจ้องมองสามบุรุษหนุ่มรูปงามด้วยสายตาแข็งกร้าว


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูท่านพ่อทำหน้าเข้า ท่านพ่อไม่ต้องห่วงว่าพวกนี้จะมาจีบลูกหรอกเจ้าค่ะ พี่สาวรูปงามคนนี้ชื่อหั่วหงเป็นภรรยาของหั่วหลง ส่วนบุรุษชุดดำคนนี้ชื่อเฮยหลงแล้วก็บุรุษชุดเขียวคนนี้ชื่อลวี่หลงเจ้าค่ะ ทั้งสี่ก็เป็นสัตว์อสูรเช่นเดียวกัน” เมื่อได้ยินคำพูดของลี่หง ทุกคนก็เหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่ร่างกาย


“หะ หะ หงเอ๋อร์ ละ ลูกบอกว่าทั้งสี่ ปะ เป็นสัตว์อสูรงั้นรึ งะ งั้นก็แสดงว่า ทะ ทั้งสี่คน ยะ อยู่ในระดับราชันย์งั้นรึ!” หลิวหลี่เฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก จนเผลอก้านถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความตกใจและหวาดกลัว


ไม่ให้ตนหวาดกลัวได้ยังไง ในเมื่อคนตรงหน้าเป็นถึงสัตว์อสูรระดับราชันย์ ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สามารถทำลายอาณาจักรแห่งหนึ่งได้อย่างง่ายดาย


‘มะ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดอาจารย์ของหงเอ๋อร์มอบของล้ำค่าให้หงเอ๋อร์มากมายแบบนี้ ทะ ที่แท้ก็ให้สัตว์อสูรระดับราชันย์มาคุ้มครองหงเอ๋อร์นี่เอง’ หลิวหลี่เฉินได้แต่รุ่นคิดอยู่ในใจ แต่หารู้ไม่ว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นเป็นฝีมือบุตรสาวตนล้วนๆ


จากนั้นลี่หงก็หันไปพูดคุยกับเหล่าสัตว์อสูรทั้งหลาย ให้จำแลงกายให้เล็กลงเพื่อให้เป็นเพื่อนเล่นและพาลี่หรง ลี่หลานเที่ยวชมพื้นที่ต่างๆ ในมิติ ส่วนลี่หยางก็เรียกไป๋หู่ออกมาและปลีกตัวไปบ่มเพาะพลังที่ริมน้ำตก


“เดี๋ยวก่อนท่านพี่ รับนี่ไปด้วยเจ้าค่ะ” พูดจบลี่หงก็นำผลึกวิญญาณฟ้ามานับสิบก้อนส่งให้พี่ชายของตน เมื่อหลิวหลี่เฉินและจ้าวลี่ฮวาเห็นดังนั้นก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ


“นะ นั่นมันผลึกวิญญาณ ผลึกวิญญาณฟ้าใช่ไหมหงเอ๋อร์” หลิวหลี่เฉินพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น


“เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกว่าพวกเราเข้าไปพูดคุยกันในกระท่อมดีกว่าเจ้าค่ะ” ลี่หงพูดขึ้นพลางเดินกอดแขนทั้งสองคนเดินเข้าไปในกระท่อม


เมื่อจัดแจงให้ทั้งคู่นั่งลงบนเก้าอี้ที่ตนสร้างขึ้นมาเพิ่มแล้ว ลี่หงก็พูดขึ้น


“ท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าคะ พวกท่านทั้งสองเคยโดนพิษสะบั้นชีพจร พิษเจ็ดทิวาและพิษกร่อนวิญญาณมาก่อนรึเปล่าเจ้าคะ” เมื่อได้ยินดังนั้น หลิวหลี่เฉินก็มีสีหน้าที่มืดครึ้มทันที


เนื่องจากตนไม่อยากนึกถึงเรื่องราวอันโหดร้ายที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่เมื่อเห็นบุตรสาวจ้องมาทางตนด้วยสายตาคาดหวัง อดีตแม่ทัพใหญ่ก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้น


“พ่อไม่รู้ว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง แต่เมื่อราวสิบห้าปีก่อนตระกูลของเราถูกบุกรุกจากกลุ่มคนชุดดำนับร้อยคน พวกมันสังหารคนในตระกูลเราไปมากกว่าครึ่งและปู่กับย่าของเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น พ่อได้ใช้ทุกอย่างปกป้องทุกคนแต่ก็ยังถูกลอบโจมตีจากอาวุธลับที่อาบไปด้วยพิษพวกนั้น” พูดถึงตรงนี้หลี่เฉินก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ


“แต่แม่เจ้าได้เอาตัวเข้ามาขวางอาวุธลับอาบยาพิษนั้นไว้ ทำให้แม่ของเจ้าได้รับพิษทั้งสามตั้งแต่ตอนนั้น แต่ด้วยท่านตาของเจ้าใช้ทุกอย่างที่มีรักษาแม่ของเจ้าจนหายดี” หลิวหลี่เฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและเจือไปด้วยโทสะ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ฝังลึกลงในจิตใจ จ้าวลี่ฮวาเมื่อเห็นอาการของสามีก็เข้าไปจับมือสามีของตนแล้วพูดขึ้น


“ข้าไม่เป็นอะไรแล้วท่านพี่ ข้าก็หายดีแล้วนี่ไง” จ้าวลี่ฮวาพูดขึ้นเพื่อลดความรู้สึกผิดของสามีตน ใช่ว่าตนจะไม่รู้ว่าสามีตนเจ็บปวดเพียงใดเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคราวนั้น เมื่อเห็นดังนั้นลี่หงก็ยิ้มออกมาและพูดขึ้น


“ท่านพ่อไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ ลูกจะเอาคืนพวกมันให้สาสมเอง” ลี่หงพูดขึ้นพร้อมประกายตาอำมหิต พลางปลดปล่อยแรงกดดันออกมาโดยไม่รู้ตัว จนได้ยินเสียงของมารดาเอ่ยทัก


“หงเอ๋อร์ ลูกใจเย็นๆ ก่อนเถอะ ตอนนี้พวกเราก็ไม่เป็นอะไรแล้ว พวกเราไม่ต้องการให้ลูกไปเสี่ยงอันตรายจริงไหมท่านพี่” จ้าวลี่ฮวาพูดขึ้นเพราะเกรงว่าบุตรสาวของตนจะหาญกล้าไปแก้แค้นคนพวกนั้น


“ใช่แล้วหงเอ๋อร์ พ่อไม่อยากให้เจ้าไปเสี่ยงอันตราย อีกอย่างตอนนี้ทุกคนก็สบายดีแล้ว” หลิวหลี่เฉินพูดขึ้นเพื่อสนับสนุนภรรยาตน เมื่อได้ยินสิ่งที่บิดามารดาตนพูดลี่หงก็แค่นเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ


“หึ!! สบายดีอะไรกันเจ้าคะท่านพ่อ พิษสะบั้นชีพจร พิษเจ็ดทิวาและพิษกร่อนวิญญาณหาใช่จะรักษาได้ง่ายๆ หากลูกเดาไม่ผิด ช่วงนั้นท่านแม่กำลังตั้งครรภ์ลูกอยู่ใช่ไหมเจ้าคะ” ได้ยินดังนั้นทั้งสองก็มองหน้ากันครู่หนึ่ง


“ใช่จ่ะ ตอนนั้นแม่กำลังตั้งครรภ์เจ้าได้สามเดือน มีอะไรรึเปล่าหงเอ๋อร์” จ้าวลี่ฮวาพูดขึ้นด้วยความหวั่นใจ เนื่องจากตนเข้าใจคำพูดของบุตรสาวดี เพราะการที่บุตรสาวของตนร่างกายอ่อนแอและไม่สามารถฝึกยุทธได้ หลายคนก็คาดเดาว่าอาจจะเป็นผลกระทบจากพิษทั้งสามเหมือนกัน


“พวกท่านก็คงทราบว่าที่ผ่านมาร่างกายของลูกทั้งอ่อนแอทั้งเส้นชีพจรถูกทำลาย ทำให้ไม่สามารถฝึกยุทธได้ใช่ไหมเจ้าคะ” เมื่อได้ยินคำพูดของลี่หงทั้งสองคนก็ได้แต่พยักหน้า


“แล้วท่านพ่อ ท่านแม่ คิดว่าพิษมันจะหายไปจริงๆ หรือเจ้าคะ” ได้ยินดังนั้นทั้งสองก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงุนงง


“หงเอ๋อร์ ลูกพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไงกัน” หลิวหลี่เฉินพูดขึ้นด้วยความแปลกใจและยังสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในคำพูดของบุตรสาว ส่วนเจ้าลี่ฮวากำลังคิดไตร่ตรองตามคำพูดของบุตรสาว เนื่องจากตนเกิดในครอบครัวแพทย์หลวงดังนั้นความรู้เรื่องพิษย่อมมีมากกว่าสามีตน


“หงเอ๋อร์ ละ ลูกอย่าบอกนะว่า พิษทั้งสามยังคงตกค้างอยู่ในตัวลูก” จ้าวลี่ฮวาโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ในจุดนี้


“เจ้าค่ะท่านแม่ เมื่อวันปักปิ่นร่างกายของลูกไม่สามารถทนพิษที่สะสมมาตลอดสิบห้าปีได้ อีกทั้งยังได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจจากเรื่องไร้สาระนั่นอีก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกหมดสติไปมากกว่าสิบวัน หากไม่ได้ท่านอาจารย์มาช่วยไว้ลูกคงได้จากพวกท่านทั้งสองไปตลอดกาลแล้ว”


“นะ นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน” หลิวหลี่เฉินพูดขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ ‘ไหนว่าท่านพ่อตาที่เป็นถึงปรมาจารย์โอสถตรวจสอบแล้ว ว่าไม่มีพิษตกค้างในตัวหงเอ๋อร์ไง’ ราวกับลี่หงล่วงรู้ความคิดของบิดาจึงพูดขึ้น


“ลูกได้รับพิษตอนอยู่ในครรภ์พิษ จึงหลอมรวมเข้ากับกระแสเลือดของลูกและลูกเชื่อว่าพิษทั้งสามชนิดนี้ยังฝังตัวอยู่ในกระแสเลือดของท่านแม่ด้วย นั่นจึงเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้หรงเอ๋อร์และหลานเอ๋อร์ไม่สามารถฝึกยุทธได้เช่นกันเจ้าค่ะ” ทั้งสองคนเมื่อได้ยินคำพูดของลี่หงต่างก็นิ่งค้างด้วยความตกใจ


“แต่ท่านพ่อ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ จากความรู้ที่ลูกได้รับมาจากท่านอาจารย์ แค่พิษกระจอกพวกนี้ไม่คณามือลูกหรอกเจ้าค่ะ” ลี่หงพูดขึ้นด้วยความเชื่อมั่น ด้วยความรู้ที่ตนได้รับมาจากท่านมหาเทพีแห่งพฤกษาพิษทั้งสามก็เปรียบดั่งของเด็กเล่นสำหรับลี่หงเท่านั้น


เมื่อทั้งสองเห็นดังนั้นต่างก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ทั้งคู่ต่างก็เชื่อมั่นในคำพูดของบุตรสาวไม่น้อย


“ลูกเราโตขึ้นมากเลยนะเจ้าคะท่านพี่” จ้าวลี่ฮวาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ได้ยินดังนั้นหลิวหลี่เฉินก็พยักหน้าเห็นด้วย ในขณะนั้นเองลี่หงก็พูดขึ้น เมื่อจับได้ว่ามีหนูน้อยสองตัวแอบฟังอยู่นอกกระท่อม


“พวกเจ้าสองคนน่ะ จะแอบฟังอีกนานไหม” สิ้นคำพูดลี่หง ลี่หรงและลี่หลานก็เดินเข้ามาในกระท่อมด้วยใบหน้าก้มต่ำ


“เห็นไหมข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าพี่รองจะต้องรู้ว่าพวกเราแอบฟังอยู่” ลี่หลานหันไปต่อว่าลี่หรงเมื่อโดนจับได้


“เฮ้อ! พวกเจ้านี่นะ” หลิวหลี่เฉินถอนหายใจออกมาให้กับบุตรสาวทั้งสามคน เมื่อเห็นดังนั้นลี่หงก็ยิ้มออกมาด้วยความขบขันแล้วพูดขึ้น


“ถ้าอย่างนั้นก็มาเริ่มรักษากันเถอะเจ้าค่ะ ก่อนอื่นทุกคนเปลี่ยนชุดกันก่อนนะเจ้าคะ หากเสร็จแล้วค่อยให้หั่วหงพาทุกคนไปหาลูกที่ถ้ำหลังน้ำตก” พูดจบลี่หงก็นำชุดที่ตนซื้อไว้ออกมาให้ทั้งสี่ได้ผลัดเปลี่ยน จากนั้นจึงเดินออกจากกระท่อมไป


เมื่อขึ้นมายังถ้ำหลังน้ำตกที่สร้างไว้ ลี่หงก็ทำการเตรียมพื้นที่รักษาตัวของทั้งสี่ทันที


โดยสร้างบ่อแช่ตัวขึ้นจำนวนสี่บ่อ แล้วโคจรพลังแห่งพฤกษาเพื่อช่วยในการสลักอักขระระดับเซียน เมื่อสลักอักขระลงไปทั่วทั้งบ่อแช่ตัวทั้งสี่แล้ว ลี่หงก็นำน้ำทิพย์โอสถและน้ำทิพย์วารีพิสุทธิ์มาเติมอย่างละครึ่งจนเต็มบ่อทั้งสี่


จากนั้นลี่หงก็นำโสมคน โสมเลือด หญ้าโลหิตเพลิง หญ้ามังกร หญ้าหมื่นพิษ หญ้าปราณฟ้าและสมุนไพรอีกนับร้อยชนิด สมุนไพรแต่ละชนิดล้วนแล้วแต่มีอายุมากกว่าหมื่นปีทั้งนั้น หากสมุนไพรทั้งหมดนี้มีชนิดใดชนิดหนึ่งหลุดออกไปยังโลกภายนอก เหล่าราชวงศ์และสำนักใหญ่ล้วนแย่งชิงกันแน่นอน


นอกจากสมุนไพรกว่าร้อยชนิดแล้ว ลี่หงยังกรีดเลือดของตนหยดลงไปในบ่อแช่ตัวทั้งสี่อีกด้วย


เมื่อเตรียมบ่อแช่ตัวแล้วเสร็จ ลี่หงก็หันไปหลอมโอสถชำระกายาทมิฬ ซึ่งเป็นโอสถระดับราชันย์ มีคุณสมบัติในชำระล้างร่างกาย รักษาและชำระล้างพิษได้ทุกชนิด อีกทั้งยังช่วยในการบ่มเพาะพลังและเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งอีกด้วย


เมื่อเตรียมสมุนไพรกว่าห้าสิบชนิดพร้อมแล้ว ลี่หงก็นำแผ่นอักขระที่ใช้สำหรับหลอมโอสถออกมา แล้วก็เริ่มกระบวนการหลอมโอสถทันที ผ่านไปหนึ่งเค่อการหลอมโอสถก็แล้วเสร็จ


ด้านหน้าลี่หงตอนนี้ ปรากฏเม็ดยาสีดำเงางามอยู่สิบเม็ด เมื่อเห็นปริมาณเม็ดยาและคุณภาพของเม็ดยาที่ได้ ลี่หงก็ยิ้มขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ


แท้จริงแล้วเม็ดยาชำระกายาทมิฬหรือจะให้เรียกอีกชื่อก็คือเม็ดยาชำระกาย เป็นเพียงเม็ดยาที่หาได้ทั่วไป แต่ด้วยคุณสมบัติของสมุนไพรและน้ำทิพย์ที่ลี่หงใช้ ทำให้เม็ดยาที่ได้นั้นไม่ธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน


โดยทั่วไปแล้วเม็ดยาจะแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ รวมแล้วกว่าสิบเอ็ดระดับเหมือนกับระดับของการฝึกตน เม็ดยาแต่ละระดับยังสามารถจำแนกแยกย่อยออกไปได้อีกสี่ระดับ


หนึ่งคือเม็ดยาระดับต่ำ เป็นเม็ดยาที่มีความบริสุทธิ์หนึ่งถึงสามส่วน สองคือเม็ดยาระดับกลาง เป็นเม็ดยาที่มีความบริสุทธิ์สี่ถึงหกส่วน สามคือเม็ดยาระดับสูง เป็นเม็ดยาที่มีความบริสุทธิ์เจ็ดถึงเก้าส่วน


สุดท้ายคือเม็ดยาที่มีความบริสุทธิ์สิบส่วนเต็ม เม็ดยาระดับนี้จะเรียกว่ายาทิพย์หรือโอสถทิพย์ ยกตัวอย่างเช่นเม็ดยาชำระกายาทมิฬที่มีความบริสุทธิ์สิบส่วนเต็มอีกทั้งยังอยู่ในระดับราชันย์ ผู้คนทั่วไปจะเรียกเม็ดยาชนิดนี้ว่าโอสถทิพย์ระดับราชันย์นั่นเอง


เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ไม่นานหั่วหงก็พาทุกคนเดินขึ้นมาในถ้ำหลังน้ำตก


“ไฮ๊!! ลูกคิดว่าทุกคนจะขึ้นมาถึงพรุ่งนี้เสียอีก คิก คิก คิก” ลี่หงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยหอบของบิดาและน้องสาวของตน ส่วนมารดานั้นหาได้รับผลกระทบใดๆ จากการเดินขึ้นบันไดมายังถ้ำหลังน้ำตกแห่งนี้ไม่


“คะ ใครบอกให้มันอยู่สูงขนาดนี้กันล่ะหงเอ๋อร์” หลิวหลี่เฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ


“โธ่! ท่านพ่อเจ้าคะ แค่บันไดไม่กี่ขั้นเอง” ลี่หงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน


“ใครบอกไม่กี่ขั้นเจ้าคะพี่รอง ข้านับได้มันมากกว่าสามร้อยขั้นอีกนะเจ้าคะ” เป็นหลิวลี่หรงที่เถียงขึ้นมาทันควัน เมื่อได้ยินพี่สาวตนพูดว่าบันไดไม่กี่ขั้น


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พักให้หายเหนื่อยกันก่อน แล้วค่อยไปแช่ตัวในบ่อที่เตรียมไว้” ลี่หงพูดขึ้นพลางชี้ไปยังบ่อแช่ตัวที่เตรียมไว้ ซึ่งแต่ละบ่อก็มีขนาดเพียงพอให้คนหนึ่งคนลงไปแช่ตัวได้อย่างสบาย


โดยตรงกลางระหว่างบ่อแช่ตัวทั้งสี่บ่อมีแท่นสำหรับนั่งอยู่หนึ่งแท่น หลังจากได้ยินคำพูดของลี่หงจ้าวลี่ฮวาที่มองไปยังน้ำในบ่อ ก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจ


“หงเอ๋อร์ นะ น้ำในบ่อนี่มันใช่น้ำทิพย์รึเปล่า” จ้าวลี่ฮวาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเจือด้วยความตื่นเต้น


“เจ้าค่ะท่านแม่ ไม่ใช่แค่น้ำในบ่อนี้เท่านั้น น้ำตกด้านหลังท่านแม่ก็ด้วย” หลิวหลี่เฉินได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้าง ไม่เว้นแม้แต่จ้าวลี่ฮวาที่ตอนนี้แทบจะเป็นลม เมื่อได้ยินคำพูดของบุตรสาว


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า อย่าพึ่งตกอกตกใจไปเลยเจ้าค่ะ ทุกคนลงไปแช่ตัวกันได้แล้ว” เมื่อเห็นอาการตกตะลึงของทุกคน ลี่หงก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง


เมื่อทุกคนลงไปแช่ตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลี่หงก็เดินไปนั่งลงตรงกลางระหว่างบ่อน้ำทิพย์ทั้งสี่บ่อ แล้วก็นำเม็ดยาชำระกายาทมิฬออกมา


“ทุกคนกลืนเม็ดยาชำระกายาทมิฬนี้ แล้วก็นั่งทำสมาธินะเจ้าคะ อาจจะเจ็บปวดสักนิดใช้เวลานานสักหน่อย แต่ทนไว้นะเจ้าคะ” พูดจบทุกคนก็รับเม็ดยามา เมื่อจ้าวลี่ฮวาและหลิวหลี่เฉินเห็นเม็ดยาก็ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ


“หะ หะ หงเอ๋อร์ นะ นี่มัน มะ เม็ดยาระดับราชันย์มิใช่รึ ถะ แถมยังเป็นโอสถทิพย์อีกด้วย ละ แล้ว แล้ว” หลิวหลี่เฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แม้ว่าตนจะไม่สามารถใช้ลมปราณตรวจสอบได้ แต่ลมปราณที่แผ่ออกมาจากเม็ดยานั้นทำให้ตนสามารถรับรู้ได้ทันที


“ท่านอาจารย์ให้ลูกมาเจ้าค่ะ พวกท่านก็อย่าไปสนใจมากเลยก็แต่เม็ดยาทั่วไปเท่านั้น กลืนเม็ดยาได้แล้วเจ้าค่ะ” สิ้นคำพูดลี่หง ทั้งสี่ก็ยอมกลืนเม็ดยาลงไป


เมื่อทุกคนกลืนเม็ดยาลงไปแล้วจึงเริ่มทำสมาธิ เห็นดังนั้นลี่หงก็ทำการโคจรลมปราณไปกระตุ้นอักขระที่สลักเอาไว้ทั่วทั้งบ่อ


เมื่ออักขระเริ่มทำงาน น้ำทิพย์ทั้งสองก็ส่องแสงสีทองออกมา เนื่องจากอักขระที่ลี่หงสลักลงไปนั้นเป็นอักขระระดับเซียนที่ต้องใช้พลังแห่งพฤกษาช่วย หากลี่หงไม่ใช้พลังแห่งพฤกษาช่วยเจ้าตัวย่อมไม่สามารถสลักอักขระระดับเซียนได้แน่นอน


หลังจากกลืนเม็ดยาลงไป ความเจ็บปวดมากมายมหาศาลก็ถาโถมเข้าใส่ร่างกายของทั้งสี่ทันที แต่ไม่นานความเจ็บปวดมหาศาลก็ค่อยๆ ทุเลาลง แม้จะยังเจ็บปวดแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ทั้งสี่สามารถทนได้ สาเหตุที่ความเจ็บปวดของทั้งสี่ทุเลาลง เนื่องมาจากการทำงานของชุดอักขระระดับสูงที่ลี่หงสลักลงไปนั่นเอง


เมื่ออักขระเริ่มทำงาน ลี่หงก็ส่งลมปราณของตนลงไปยังบ่อแช่ตัวทั้งสี่บ่อ เพื่อช่วยให้การชำระล้างร่างกายและขับพิษต่างๆ ออกจากร่างกายของทั้งสี่คน


เมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม พิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของทั้งสี่ก็ถูกขับออกมาจนหมดสิ้น เห็นดังนั้นลี่หงจึงหยุดส่งลมปราณของตน แล้วเฝ้ามองทั้งสี่ด้วยความเป็นห่วง โดยเฉพาะน้องสาวทั้งสองของตนที่ต้องรับภาระหนักหน่วงกว่าบิดามารดา


หลังจากร่างกายของทั้งสี่ขับพิษทั้งหมดออกมาแล้ว จึงค่อยๆขับของเสียส่วนอื่นๆ ออกมาทีละน้อย เห็นดังนั้นลี่หงก็คอยส่งถ่ายลมปราณของตนไปยังทั้งสีเป็นช่วงๆ เพื่อให้ร่างกายของทั้งสี่ค่อยๆ ฟื้นฟูและปรับตัว


เมื่อเห็นกระบวนการทุกอย่างคงที่ ลี่หงก็นั่งฟื้นฟูลมปราณของตนที่เสียไป


รีวิวจากผู้อ่าน 10 รีวิว
  • koong
    เมื่อ 6 ปี 9 เดือนที่แล้ว
    555 ชักสนุกแล้ว
    • อ่านถึง : ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม
  • magarine05
    เมื่อ 6 ปี 9 เดือนที่แล้ว
    ฝ่าบาทซวยแล้ว
    • อ่านถึง : ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม
  • AppleBlue
    เมื่อ 6 ปี 9 เดือนที่แล้ว
    ซวยแว้ว....
    • อ่านถึง : ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม
  • พยอล
    เมื่อ 6 ปี 10 เดือนที่แล้ว
    สนุกทุกตอน..รอค่ะ
    • อ่านถึง : ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม
  • พยอล
    เมื่อ 6 ปี 11 เดือนที่แล้ว
    สนุกทุกตอนเลย
    • อ่านถึง : ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม
  • พยอล
    เมื่อ 6 ปี 11 เดือนที่แล้ว
    รอต่อนะค่ะ
    • อ่านถึง : ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม
  • Ratchanee
    เมื่อ 6 ปี 11 เดือนที่แล้ว
    รอตอนต่อไป
    • อ่านถึง : ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม
  • อี้เซียวไน่เหอ ต้าเสิน
    เมื่อ 6 ปี 11 เดือนที่แล้ว
    รอคัพรอตอนต่อไป
    • อ่านถึง : ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม
  • Nittaya Chaiyasit
    เมื่อ 6 ปี 11 เดือนที่แล้ว
    ขอบคุณค่ะที่มาอัพให้
    • อ่านถึง : ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม
  • silverwolf
    เมื่อ 6 ปี 11 เดือนที่แล้ว
    ขอบคุณครับ
    • อ่านถึง : ตอนที่ 66 : การสอบสวนที่หมดจดงดงาม

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว