หลังจากลำแสงสีทองหายเข้าไปในหน้าผาก หลงก็สลบไสลไม่ได้สติไปเนิ่นนาน
ไม่รู้ว่าวันเวลาที่หมดสตินั้นผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มีร่างของดรุณีน้อยที่งดงามร่างหนึ่ง ร่างที่เคยนอนแน่นิ่งไม่ได้สติมานานนับสิบวันกำลังพยายามลืมตาขึ้น
“อืม!!! ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” เมื่อลืมตาขึ้นมาหลงก็จ้องมองไปรอบตัว พบว่าตอนนี้ตนนอนอยู่ในห้องที่มีการตกแต่งแปลกตา ลักษณะคล้ายคลึงกับห้องนอนแบบจีนที่เคยเห็นในหนังในซีรีส์
“สงสัยเป็นโลกจีนโบราณแน่ๆ เลย หืม!!! เสียงของเราแปลกไป” ทันทีที่เปล่งเสียงออกมา หลงก็พบกับความผิดปกติใหญ่หลวง เพราะเสียงที่ดังออกมานั้นไม่ใช่เสียงที่นุ่มทุ้มน่าฟังเหมือนเดิม แต่กลับเป็นเสียงที่แหลมเล็กสดใสราวกับเสียงของสาวน้อย เมื่อรู้สึกดังนั้นหลงก็ก้มมองสำรวจร่างกายของตนเอง
“นะ นะ นี่มัน ผู้หญิง ผู้หญิงล่ะ ร่างใหม่ข้าเป็นผู้หญิงล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เมื่อพบว่าตนเองเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าตัวก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
ในระหว่างนั้นประตูห้องที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดด้วยความรวดเร็ว
“คะ คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้ว ฮื่อ! ฮื่อ! เสี่ยวหงดีใจที่สุดเลยเจ้าค่ะ” ทันทีที่ประตูเปิดออก ก็มีเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งวิ่งเข้ามากอดตน พลางร้องห่มร้องไห้ทั้งยังเรียกตนว่าคุณหนูไม่ขาดปาก
การกระทำของเด็กน้อยตรงหน้าทำให้หลงงุนงงเป็นอย่างมาก ทั้งยังไม่รู้ว่าเหตุใดเด็กน้อยน่ารักคนนี้ถึงได้วิ่งมากอดตนแล้วร้องห่มร้องไห้ออกมา แต่ไม่ทันที่หลงจะได้พูดอะไรจู่ๆ ก็มีความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัว
“อึก! อ๊าก!!!” หลงตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำให้สาวใช้ตัวน้อยที่กอดคุณหนูของตนอยู่ต้องหยุดชะงัก
“คะ คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ นะ นายท่าน นายท่านเจ้าคะ คุณหนูฟื้นแล้วเจ้าค่ะ ทะ ท่านหมอ ท่านหมอด้วย ท่านหมออยู่ไหนเจ้าคะ คุณหนูฟื้นแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อได้สติขึ้นมา สาวใช้ตัวน้อยก็รีบออกไปตามหมอมาดูอาการของคุณหนูตนทันที พร้อมกับตะโกนเรียกนายท่านของตนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและตื่นตระหนก
หลังจากความเจ็บปวดเริ่มขึ้น พร้อมกับความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างหลั่งไหลเข้ามาดั่งสายน้ำ ภาพที่ปรากฏอยู่ในหัวของหลงในตอนนี้ราวกับการฉายภาพด้วยความรวดเร็ว
จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ความเจ็บปวดและความทรงจำก็หยุดลงตรงจุดที่เจ้าของร่างนี้สิ้นใจ ทำให้หลงได้รับรู้ว่าเจ้าของร่างนี้มีชื่อว่าหลิวลี่หงอายุสิบห้าปี เป็นลูกสาวคนรองของอดีตแม่ทัพใหญ่หลิวหลี่เฉิน
ปัจจุบันลาออกมาดูแลกิจการของตระกูล มีแม่ชื่อจ้าวลี่ฮวาเป็นนักหลอมโอสถระดับสูง มีพี่ชายชื่อหลิวลี่หยางอายุยี่สิบปีเป็นรองแม่ทัพใหญ่ อีกทั้งยังมีน้องสาวที่เป็นฝาแฝดอีกสองคนคือหลิวลี่หรงและหลิวลี่หลานทั้งคู่มีอายุสิบสามปี ส่วนเด็กน้อยน่ารักที่วิ่งเข้ามากอดตน ชื่อเสี่ยวหงเป็นสาวใช้คนสนิทของเจ้าของร่างนี้
สาเหตุที่ทำหลิวลี่หงคนเดิมตายจากไป เนื่องจากในงานพิธีปักปิ่นเป็นวันที่องค์ชายรองหวงชิงหลงมาประกาศยกเลิกงานหมั้นหมาย ทั้งยังพาสตรีที่ตนชอบพอคนใหม่มาด้วย
ด้วยความโกรธและคับแค้นใจ ทำให้หลิวลี่หงสลบไสลไม่ได้สติจนหมดลมหายใจไปในที่สุด ทว่าเรื่องราวที่หลงรู้นั้นกลับไม่ได้เป็นดั่งที่คนภายนอกเห็น เบื้องลึกเบื้องหลังมันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น
เมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหลิวลี่หง หลงถึงกับเลือดขึ้นหน้าเพราะสาเหตุที่ทำให้หลิวลี่หงตายจากไป แท้จริงแล้วไม่ได้เกิดจากการตรอมใจตายอย่างที่ใครๆ คิด
เดิมทีตัวหลิวลี่หงหาได้มีใจต่อองค์ชายรองแม้แต่น้อย แต่เป็นอำนาจของบิดาในตอนที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักรแห่งนี้ต่างหากที่องค์ชายรองต้องการ ทั้งยังเป็นฝ่ายขององค์ชายรองเองที่ขอพระราชทานหมั้นหมายกับหลิวลี่หง โดยเจ้าตัวและทางครอบครัวไม่รู้เรื่องราวแม้แต่น้อย
แต่เมื่อสี่ปีก่อนหลิวหลี่เฉินได้รับบาดเจ็บจากการออกไปปราบกองโจรเงาทมิฬ พลาดท่าโดนพิษสลายปราณและพิษสะบั้นชีพจร ทำให้ไม่สามารถกลับมาใช้ลมปราณได้อีก เจ้าตัวจึงตัดสินใจลาออกจากราชการมาดูแลโรงเตี๊ยมและร้านโอสถของตระกูลแทน
เมื่ออำนาจที่มีเริ่มถดถอยแม้แต่ญาติพี่น้องก็ถอยห่าง ทำให้องค์ชายรองผู้ฝักใฝ่อำนาจบาตรใหญ่หันหลังให้ตระกูลหลิวเช่นกัน เมื่อหลงได้ทราบเรื่องราวจากความทรงจำของเจ้าของร่างก็ต้องกัดฟันด้วยความเจ็บแค้น
“หลิวลี่หง จากนี้ไปเราคือคนคนเดียวกัน เธอก็คือฉัน ฉันก็คือเธอ ครอบครัวของเราฉันจะไม่ให้ใครมาแตะต้องเด็ดขาด ส่วนการตายของเธอฉันจะต้องหาสาเหตุและแก้แค้นให้เธอเอง” หลงหรือหลิวลี่หงพูดขึ้นด้วยความมุ่งมั่น
ด้วยตนเป็นคนที่มาจากโลกที่แตกต่าง เรื่องราวเหล่านี้มีให้เห็นเพียงในละครเท่านั้น ทั้งยังไม่เคยคิดว่าผู้คนในโลกใบนี้จะโหดเหี้ยมและน่ากลัวแบบนี้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลงแย้มยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ที่ได้กลับมามีชีวิตในร่างของหลิวลี่หงนั่นก็คือครอบครัวใหม่ของตน
เนื่องจากชีวิตที่ผ่านมา ครอบครัวของหลงไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันอย่างครอบครัวอื่น แต่ในชีวิตนี้ทุกคนในครอบครัวล้วนอยู่กันพร้อมหน้า
ทำให้หลงสัญญากับร่างหลิวลี่หงนี้ว่าจะปกป้องครอบครัวนี้ด้วยชีวิต ไม่ยอมให้มีอะไรมาทำร้ายครอบครัวใหม่ของตนเด็ดขาด
ส่วนสาเหตุที่ทำให้หลิวลี่หงตายจากไปนั้น หลงจะต้องหาสาเหตุและลากคอมันออกมารับโทษแน่นอน ไม่ว่าจะสูงส่งแค่ไหน หากประสงค์ร้ายกับตนและครอบครัวใหม่นี้หลงก็จะไม่มีไมตรีใดๆ ทั้งสิ้นและต้องได้รับสิ่งตอบแทนอย่างสาสมแน่นอน
ในขณะที่หลงจมอยู่กับความคิด ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากหน้าห้อง
“หงเอ๋อร์ลูกแม่ เจ้าฟื้นแล้ว ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์” เมื่อได้ยินเสียงที่แสนอบอุ่น หลงจึงเงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นเสียง
ทันทีที่พบกับหญิงวัยกลางคน ที่มีใบหน้าสะสวยดวงตาแดงเรื่อจากการร้องไห้มานาน พร้อมกับวิ่งเข้ามาหาตนด้วยรอยยิ้มยินดี เห็นดังนั้นหลงก็ต้องเบิกตากว้าง แม้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าจะดูมีอายุ แต่ก็ยังคงความงามไว้อยู่หลายส่วน ที่สำคัญหญิงวัยกลางคนตรงหน้ามีใบหน้าคล้ายคลึงแม่ของตนที่โลกเดิมมาก มากซะจนหลงคิดว่าเป็นคนคนเดียวกัน
“ละ ลูกฟื้นแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ลูกขออภัยที่ทำให้ท่านแม่เป็นห่วง” ด้วยความทรงจำที่ได้รับมา ทำให้หลงสามารถปรับตัวเข้ากับร่างเดิมนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้หลงกำลังกอดอยู่กับมารดาของลี่หงหรือก็คือมารดาของหลงในโลกใบนี้ที่มีนามว่าจ้าวลี่ฮวา ทั้งคู่กอดกันอยู่นานใบหน้างามของทั้งคู่ต่างก็เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ในขณะที่ทั้งสองกำลังกอดกันอยู่นั้นก็มีเสียงใหญ่ทุ้มดังมาจากทางประตู
“หงเอ๋อร์” ได้ยินดังนั้นหลงก็เงยหน้าออกจากอกนุ่มนิ่มของมารดาในโลกใหม่ เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นใคร น้ำตาที่พึ่งหยุดก็หลั่งไหลออกมาอีกครั้ง
เบื้องหน้าของหลงในตอนนี้มีชายวัยกลางคนยืนอยู่ แม้ใบหน้าชายวัยกลางคนจะหมองลงไปหลายส่วน แม้จะดูมีอายุแต่ก็ยังคงหล่อเหลาตามวัย ที่สำคัญก็คือชายวัยกลางคนที่พึ่งเข้ามา มีใบหน้าคล้ายคลึงกับพ่อของตนในโลกเดิมกว่าเก้าส่วน
เห็นดังนั้นลี่หงก็คลายอ้อมกอดจากมารดา แล้วลุกจากเตียงลากสังขารที่อ่อนปวกเปียกของตน วิ่งตรงไปหาเจ้าของเสียงด้วยความยากลำบาก
“พ่อ” เพียงแค่คำพูดสั้นๆ ที่เปล่งออกมา แต่น้ำเสียงกลับแสดงถึงความโหยหาและความคิดถึงอย่างหาที่สุดมิได้ ทันทีที่หลงอยู่ในอ้อมกอดของชายวัยกลางคนหรือก็คือหลิวหลี่เฉินบิดาของลี่หงในโลกใหม่นี้ หลงก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร
ทำให้คนที่พบเห็นต้องหลั่งน้ำตาออกมาแทบทุกคน ไม่เว้นแม่แต่ชายวัยกลางคนเจ้าของอ้อมกอด
กระทั่งเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ร่างบางที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของผู้เป็นพ่อ ที่ตนโหยหามาตลอดก็คล้อยหลับไปด้วยความอ่อนล้า
หลิวหลี่เฉินเห็นดังนั้นก็อุ้มบุตรสาวของตนขึ้นมา แล้วพาไปยังเตียงนอนพร้อมกับหันไปสั่งให้ทุกคนออกจากห้องไป ทั้งยังกำชับห้ามให้เข้ามารบกวนบุตรสาวของตน ยกเว้นแต่เพียงตนกับภรรยาและสาวใช้ส่วนตัวของบุตรสาวเท่านั้น
จากนั้นไม่นานพ่อบ้านก็เข้ามาแจ้งว่าหมอหลวงเดินทางมาถึงจวนแล้ว ไม่รอให้หลิวหลี่เฉินและจ้าวลี่ฮวาออกไปต้อนรับ แต่หมอหลวงที่ว่ากลับเดินเข้ามาในห้องตามพ่อบ้านชรามาติดๆ
เห็นดังนั้นหลิวหลี่เฉินและคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครกล้าต่อว่าหรือตำหนิใดๆ เพราะหมอหลวงคนดังกล่าว นอกจากจะมีศักดิ์เป็นหัวหน้าหมอหลวงส่วนพระองค์ของจักรพรรดิแล้ว ยังเป็นลุงจอมหวงหลานสาวอีกด้วย
“คารวะท่านหมอหลวง” เมื่อเห็นหมอหลวงวัยกลางคนเดินเข้ามาในเรือนของบุตรสาว หลิวหลี่เฉินและจ้าวลี่ฮวาก็รีบทักทายทันที
“ข้าบอกว่ายังไง พวกเจ้าไม่คิดจะจำเลยงั้นรึ! ช่างพวกเจ้าเถอะ! พวกเจ้าสองคนหลีกไปได้แล้ว ให้ข้าจะดูอาการหลานสาวของข้าหน่อย” ได้ยินดังนั้นหลิวหลี่เฉินและจ้าวลี่ฮวาได้แต่เพียงส่งยิ้มให้กันเท่านั้น
ชายวัยกลางคนตรงหน้าของพวกตนนั้นนอกจากจะมีศักดิ์เป็นหัวหน้าหมอหลวงแล้ว ยังมีศักดิ์เป็นพี่ชายของจ้าวลี่ฮวามารดาของลี่หง มีนามว่าจ้าวหลิงเฟิง
การที่จ้าวหลิงเฟิงออกจากวังมารักษาอาการป่วยของลี่หงได้ เพราะนอกจากลี่หงจะเป็นหลานสาวของตนแล้ว ยังเป็นบุตรสาวของสหายร่วมรบร่วมเป็นร่วมตายขององค์จักรพรรดิอีกด้วย
ที่สำคัญต้นเหตุที่ทำให้บุตรสาวของสหายต้องป่วยไข้ก็มาจากการกระทำที่สิ้นคิดของบุตรชายตน ทันทีที่ได้ข่าวองค์จักรพรรดิก็ทรงกริ้วองค์ชายรองเป็นอย่างมาก ทั้งยังรับสั่งให้หมอหลวงส่วนตัวของตนออกจากวังมาดูอาการบุตรสาวของสหายทันที
“เป็นยังไงบ้างท่านพี่” เมื่อเห็นพี่ชายตนทำหน้าเคร่งเครียด จ้าวลี่ฮวาก็พูดขึ้นด้วยความกังวล
“ไม่มีอะไรมากหรอก หงเอ๋อร์แค่เหนื่อยอ่อนจากการสลบไปนานเท่านั้น รอให้ตื่นขึ้นมาแล้วค่อยบำรุงร่างกายไม่นานคงหายเป็นปกติ ตอนนี้ปล่อยให้หงเอ๋อร์พักผ่อนไปก่อน ส่วนพวกเจ้าสองคนก็กลับไปพักผ่อนซะ เดี๋ยวข้าดูแลหลานสาวของข้าเอง” ได้ยินดังนั้นทั้งสองก็ยิ้มออกมา
“รบกวนท่านพี่เขยแล้ว” หลิวหลี่เฉินพูดขึ้นพร้อมกับพาภรรยาของตนไปพักผ่อน ตั้งแต่บุตรสาวของตนสลบไป สิบวันที่ผ่านมาภรรยาของตนก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทำให้ภรรยาที่งดงามของตนซูบซีดไปไม่น้อย
“รบกงรบกวนอะไรกัน หงเอ๋อร์ก็หลานของข้า แม้เจ้าบ้านั่นไม่มีรับสั่ง ยังไงข้าก็ต้องมาดูแลหลานสาวของข้าอยู่แล้ว เจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถอะ โดยเฉพาะเจ้าฮวาเอ๋อร์ หากลูกตื่นขึ้นมาแล้วเห็นสภาพของเจ้าผอมแห้งแบบนี้ มีหวังสลบไปอีกครั้งแน่” เมื่อถูกพี่ชายพาดพิง จ้าวลี่ฮวาก็ได้แต่มุ่ยหน้าแล้วเดินจากไป
เมื่อทั้งสองออกไปแล้ว จ้าวหลิงเฟิงก็หันมาตรวจสอบร่างกายของหลานสาวอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งยังส่งลมปราณของตนเข้าไปตรวจสอบร่างกายของหลานสาวทุกส่วน เมื่อมั่นใจว่าหลานสาวตนหายเป็นปกติแล้ว จ้าวหลิงเฟิงก็ยกยิ้มขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ
หากเป็นการหมดสติทั่วไป ตนจะไม่เป็นห่วงหลานสาวมากมายขนาดนี้ แต่ด้วยหลานสาวของนั้นมีร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด แถมครั้งนี้หลานสาวของตนยังหมดสติไปนานกว่าสิบวัน
สิบวันที่ผ่านมาตนได้แต่มาดูอาการของหลานสาวเท่านั้น ไม่แม้แต่จะทำการรักษาใดๆ ได้ แม้ตนจะเป็นหมอหลวงส่วนพระองค์ แต่ก็ไม่สามารถหาสาเหตุอาการป่วยไข้ของหลานสาวได้เลยแม้แต่น้อย
“ใครมันบังอาจทำกับหลานสาวข้าแบบนี้ อย่าให้ข้าได้รู้เชียว” จ้าวหลิงเฟิงพึมพำกับตนเองด้วยความโมโห เพราะตนมั่นใจว่าอาการของหลานสาวไม่ใช่อาการป่วยไข้ทั่วไปแน่นอน แม้จะมั่นใจอย่างนั้นแต่ตนก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้
หลังจากที่หลงหลับไปนานกว่าสองชั่วยาม ร่างบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนุ่มก็ลืมตาขึ้นมา พร้อมกับแสงสว่างที่เริ่มเลือนราง
“พ่อจ๋า แม่จ๋า พวกเราได้มาอยู่ด้วยกันแล้วนะ ต่อจากนี้ไปหลงจะใช้ชีวิตในฐานะหลิวลี่หง หลงจะไม่ยอมให้อะไรมาพรากพวกเราจากกันอีกแล้ว” เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลงหรือหลิวลี่หงก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาภายในใจ พลางยกมือขึ้นมากุมบริเวณอกด้านซ้ายแล้วยิ้มขึ้นมา สายตาก็ทอดมองออกไปยังดวงตะวันที่กำลังจะลับของฟ้า ในระหว่างนั้นประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง
“อ๊ะ! คุณหนูตื่นแล้ว” เสียงสดใสของสาวใช้ตัวน้อยดังขึ้น เมื่อเห็นคุณหนูของตนลุกขึ้นมานั่งมองดวงตะวันยามเย็น
“ยัยเจน เอ๊ย! เสี่ยวหงข้าก็ดีใจเหมือนกัน เจ้าเข้ามาใกล้ๆ ข้าหน่อยสิ” ลี่หงพูดขึ้น พลางกวักมือเรียกสาวใช้ตัวน้อยที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับลูกพี่ลูกน้องของตน
“จะ เจ้าค่ะ อ๊ะ! คุณหนูทำอะไรเจ้าคะ” เมื่อเสี่ยวหงเดินเข้ามาใกล้ ลี่หงก็ไม่รอช้าดึงตัวสาวใช้ตัวน้อยเข้ามากอดทันที
“อยู่นิ่งๆ สิ ข้าขออยู่แบบนี้อีกหน่อยนะเสี่ยวหง” ลี่หงพูดขึ้นพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่น
“จะ เจ้าค่ะ” เสี่ยวหงแม้จะตกใจกับอาการของคุณหนูของตน แต่ก็ยอมให้คุณหนูกอดพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
“พี่รองตื่นแล้วหรือเจ้าคะ อ๊ะ! ท่านทำอะไรน่ะ” ในขณะที่ลี่หงกอดอยู่กับเสี่ยวหง ก็มีเสียงแหลมเล็กน้ำเสียงสดใสร่าเริงดังขึ้นมาสองเสียง
เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ลี่หงก็พบกันดรุณีน้อยน่ารักน่ากอดอยู่สองคน คนหนึ่งใส่ชุดสีแดงเข้ากับใบหน้าที่จิ้มลิ้มน่ารัก ดวงตาที่สดใสและรอยยิ้มที่แสดงความซุกซนออกมาได้อย่างชัดเจน ส่วนอีกคนนั้นอยู่ในชุดสีม่วงอ่อนเข้ากันกับใบหน้าที่น่ารักน่าชังเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งสองแม้จะมีหน้าตาที่เหมือนกัน แต่แววตาของทั้งสองกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งมีแววตาเจ้าเล่ห์ขี้เล่นซุกซน ส่วนอีกคนมีแววตาที่ดูสุขุมเรียบร้อยและสงบนิ่ง
“อ้าว! หรงเอ๋อร์ หลานเอ๋อร์ มามะมานี่ มาให้พี่สาวคนนี้กอดหน่อยเร็ว” ลี่หงพูดจบก็คลายกอดจากเสี่ยวหง หันมากอดหรงเอ๋อร์หรือหลิวลี่หรงและหลานเอ๋อร์หรือหลิวลี่หลานน้องสาวฝาแฝดของตนแทน ทั้งสองคนไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกลี่หงดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแล้ว ลี่หลานที่ตื่นขึ้นจากความตกใจก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สดใส
“หลานเอ๋อร์ดีใจจริงๆ ที่พี่รองหายดีแล้ว”
“ใช่ ใช่ ข้าก็ดีใจมากเลยที่พี่รองหายดี” ทางด้านหลิวลี่หรงก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองคนลี่หงก็แย้มยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ขอบใจทั้งสองคนมากนะจ๊ะ” พูดจบลี่หงก็คลายอ้อมกอด แล้วหันไปหอมแก้มคนละฟอดใหญ่ ทั้งสองก็ไม่ยอมแพ้พลางยื่นหน้าน้อยๆ มาหอมแก้มลี่หงคนละข้าง จนคนที่พึ่งเดินเข้ามาอิจฉาไม่น้อย
“แอ้ม! ให้พ่อ กับแม่ร่วมวงด้วยคนสิ” เสียงของหลิวหลี่เฉินดังขึ้น ทำให้ทั้งสามสาวต้องหันไปมอง
“ท่านพ่อ ท่านแม่” พูดจบทั้งสามคนก็เดินไปกอดทั้งคู่ทั้งยังผลัดกันหอมแก้ม สร้างรอยยิ้มให้แก่เหล่าข้ารับใช้ที่อยู่แถวนั้นไม่น้อย
“อะแฮ่ม!!” ในระหว่างที่ทั้งห้ากอดกันอยู่ก็มีเสียงกระแอมไอดังขึ้นมาจากหน้าห้อง
เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบกับบุรุษหนุ่มรูปงามใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาทั้งคู่คมดูดุดันแต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่น เมื่อประกอบกับคิ้วกระบี่ที่พาดเฉียงและจมูกที่โด่งได้รูป ทันทีที่ลี่หงเห็นบุรุษหนุ่มรูปงามตรงหน้าก็อุทานขึ้นมาในใจ
‘หล่อ! แต่ก็ยังน้อยกว่าท่านมหาเทพ หื๋ม!! ท่านมหาเทพไหนอีกเนี่ย อ๋อ! พี่ชายรูปหล่อ อกแกร่ง หัวนมแข็งคนนั้นนั่นเอง อุ๊ป!!’
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่” ลี่หรงและลี่หลานพูดขึ้นพร้อมกัน พลางวิ่งเข้าไปหาพี่ใหญ่หรือหลิวลี่หยางด้วยความรวดเร็ว ลี่หงมองภาพพี่ชายของตนอยู่นานกว่าจะได้สติก็ตอนที่หลิวลี่หยางอุ้มสองแฝดมายืนอยู่ต่อหน้าตน
“อย่าทำให้คนอื่นเป็นห่วงแบบนี้อีกล่ะ เจ้าตัวแสบ” ลี่หยางพูดขึ้นพร้อมกับวางสองแฝดลง แล้วยื่นมือแกร่งมาวางบนศีรษะของลี่หง ทันทีที่มือหยาบสัมผัสกับศีรษะ ลี่หงก็พุ่งเข้าไปกอดลี่หยางด้วยความรวดเร็ว
“เจ้าค่ะท่านพี่” จากนั้นสองแฝดก็พุ่งเข้ามากอดลี่หยางด้วยอีกคน ทางด้านหลิวหลี่เฉินกับจ้าวลี่ฮวาก็มองดูลูกๆ กอดกันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม