ย้อนเวลามาเป็นภรรยานายพลหนุ่มในยุค70-ตอนที่4-ช่วยรักษา

โดย  warisara.231044@gmail.com

ย้อนเวลามาเป็นภรรยานายพลหนุ่มในยุค70

ตอนที่4-ช่วยรักษา

บทที่ 7 ชอบจดจำความแค้น!


ผู้ชายคนนี้เห็นได้ชัดว่าชอบจดจำความแค้น! โรคจำหน้าคนไม่ได้นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว!


“ขนาดเลขาหลินที่อยู่ข้าง ๆ เขายังไม่นึกจะจำเลย เลขาหลิน...” ชีเสิ่งเทียนยังคงพูดต่อไป ก่อนจะถูกเสียงเย็นชาเอ่ยขัด


“คืนนี้เลขาหลินจะส่งเอกสารให้คุณ เริ่มทำแผนการโฆษณาให้เสร็จภายในคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าผมต้องเห็นมันวางอยู่บนโต๊ะทำงาน” สิ้นเสียง จิ่งเป่ยเฉินก็ลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปทันที


ทว่าเดินไปได้สองสามก้าว เขาก็ได้ยินน้ำเสียงแหบแห้งดังมาจากด้านหลัง


“ท่านประธานจิ่ง คุณจำหน้าคนไม่ได้จริง ๆ เหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันต้องมีป้ายชื่อที่สั่งทำเป็นพิเศษด้วยหรือเปล่าคะ”


ชีเสิ่งเทียนฟังแล้วทนไม่ไหว หัวเราะออกมาดัง ๆ “เลขาหลินติดป้ายสีแดงสดที่สั่งทำเป็นพิเศษทุกวัน ถ้าเธอถอดป้ายออก ประธานจิ่งคงไม่รู้จักเลขาหลินเลย”


ชีเสิ่งเทียนทั้งพูดทั้งหัวเราะ แต่เมื่อสบสายตาอำมหิตของชายหนุ่ม เขาก็หยุดหัวเราะทันที


“ไม่ต้องมีป้ายชื่อพิเศษหรอก ผมจำคุณได้”


ประโยคนี้ทำให้ชีเสิ่งเทียนตกใจมาก อีกฝ่ายบอกว่าจำเธอได้


เขายังคิดว่ามีแค่คุณหนูใหญ่ตระกูลอันเท่านั้น...


“แต่เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ฉันจะเลือกไว้ แล้วพรุ่งนี้จะนำมาด้วย ถึงยังไงก็เป็นแผนกวางแผน และต้องรับผิดชอบ...” เธอเพียงอยากพิสูจน์ว่าเขามีอาการแบบนั้นจริง ๆ หรือไม่...


หากมีอาการอย่างที่ว่าจริง ๆ เธอน่าจะรู้ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว


“ผมบอกว่าไม่ต้องก็คือไม่ต้อง คุณฟังไม่รู้เรื่องหรือไง” จิ่งเป่ยเฉินส่งสายตาเย็นชา จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกไป


“บ้าไปแล้ว! แผนการโฆษณาชิ้นใหญ่ขนาดนั้น นอกจากจะมอบหมายให้คุณรับผิดชอบเรื่องพรีเซนเตอร์ ยังจะบอกว่าจำหน้าคุณได้อีก เหอะ ๆ...” ชีเสิ่งเทียนยกขาพาดโต๊ะ “คุณว่านี่มันหมายความว่ายังไง”


“หมายความว่าฉันคงต้องไปแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องเอาแผนงานไปส่งที่ห้องทำงานของท่านประธานอีก”


“ผู้หญิงที่เขาจำได้มีไม่มากหรอก เธอนับเป็น...” ชีเสิ่งเทียนยกยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก เธอนับเป็นคนที่สาม


นี่มันละครเรื่องใหญ่แห่งปีชัด ๆ!


จิ่งเป่ยเฉินคงยังไม่รู้ว่าอันอวี้หานมีลูกแล้ว


อันโหรวไม่สนใจเขา และเดินออกไปทันที


ในห้องสัมภาษณ์จึงเหลือเพียงชีเสิ่งเทียนที่ยังคงเพ้อฝันอยู่


เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง อันโหรวเพิ่งจะก้าวออกมาก็เห็นลูซี่กำลังเดินมาหาด้วยท่าทางเดือดดาล


“คนหนุนหลังเธอเป็นใคร” ลูซี่มองอันโหรวด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม


“คนที่คุณไม่ควรยุ่งด้วย” อันโหรวเชิดหน้ามองเธอตรง ๆ พลางยิ้มเล็กน้อย


เธอพูดแบบนี้ไป เพราะแค่อยากหลีกเลี่ยงการยุ่งเกี่ยวให้มากที่สุดเท่านั้น


“ฉันเป็นแฟนของเป่ยเฉิน ประธานของบริษัทจิ่ง คนหนุนหลังของเธอ ทำไมฉันจะไปยุ่งด้วยไม่ได้ บอกมาว่าเป็นใคร” ลูซี่ถลึงตา คำพูดมีแต่ความแค้นเคือง


“ถ้าคุณอยากรู้ว่าเป็นใคร ก็ไปถามกับท่านประธานจิ่งเองสิ” อันโหรวไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอต่อจึงหมุนตัวจากไป


ท่วาลูซี่กลับรั้งเธอไว้จากด้านหลัง “ปากดีจริง ๆ นะ เธอกล้าพูดเหรอว่าเป็นคนของท่านประธานจิ่งแล้ว”


เมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มมองมามากขึ้นเรื่อย ๆ อันโหรวจึงสะบัดมือของลูซี่ออก “ฉันเป็นคนทำอะไรก็ใช้สมอง แต่ฉันขอถามหน่อยว่าคุณมีสมองบ้างหรือเปล่า”


เธอหยุดพูด ก่อนมองอีกฝ่ายทั่วตัว แล้วเผยรอยยิ้มไม่สุภาพ “อีกอย่าง ฉันไม่รู้เลยว่าคุณทำศัลยกรรมอะไรมาบ้าง คิดว่าคู่ควรที่จะเอามาเปรียบเทียบกันได้เหรอ”


ครั้นประโยคนี้เอ่ยจบ ที่แห่งนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นมา สีหน้าของลูซี่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไปหมด


ผู้คนโดยรอบต่างหยุดฝีเท้ามองมา บางคนเริ่มกระซิบนินทา


“เธอถึงกับด่าว่าลูซี่ไม่มีสมอง ลูซี่เป็นแฟนสาวในข่าวลือของท่านประธานจิ่งนะ เธอช่างกล้าหาญจริง ๆ คงไม่อยากทำงานที่นี่แล้วแน่ ๆ”


“ลูซี่เป็นถึงนางแบบชื่อดังแห่งวงการ ทั้งยังมีท่านประธานจิ่งให้พึ่งพิง ผู้หญิงคนนั้นทำให้ลูซี่โกรธก็เหมือนรนหาที่ตายชัด ๆ”


ลูซี่ได้ยินคำพูดของคนรอบข้าง จึงยิ่งทำให้เธอรู้สึกได้ใจมากขึ้น “ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเธอจะไปสัมภาษณ์เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาได้ยังไง ภาพลักษณ์ไม่ได้เรื่องสักนิด ขนาดน้ำเสียงยังฟังดูแย่”


อันโหรวชะงักไป “สัมภาษณ์พรีเซนเตอร์โฆษณาเหรอ” แต่เธอมาสัมภาษณ์งานที่แผนกวางแผนชัด ๆ


“ยังจะทำไขสืออีก เมื่อกี้มันเป็นการสัมภาษณ์รอบสุดท้ายของพรีเซนเตอร์โฆษณา เธอคิดว่าจะสู้ฉันได้หรือไง” ลูซี่เอ่ยพลางยกมือเพื่ออวดรูปร่าง


สีหน้าของอันโหรวเปลี่ยนไปทันที เมื่อครู่เธอไปผิดที่นี่เอง! หลินจือเสี่ยวบอกสถานที่สัมภาษณ์กับเธอผิด!


เมื่อเห็นลูซี่กำลังโอ้อวดรูปร่างอยู่ตรงหน้า อันโหรวก็หัวเราะออกมาเบา ๆ


“คุณคงทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์สินค้าตัวใหม่ของบริษัทจิ่งไม่ได้หรอก”


ลูซี่ชะงัก “พูดเรื่องเหลวไหลอะไร ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าฉันอีกแล้ว”


เอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเธอก็แหลมสูง “แล้วเธอเป็นใคร ถึงมีสิทธิ์มาสั่งสอนฉัน”


รอยยิ้มบนใบหน้าของอันโหรวยิ่งเจิดจ้า “ขอโทษนะ แต่การวางแผนโฆษณาสินค้าตัวใหม่ รวมถึงการคัดเลือกพรีเซนเตอร์ ฉันเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด คุณลูซี่ ถ้าคุณมีข้อสงสัย เชิญไปถามท่านประธานจิ่งโดยตรงได้เลย”


“เธอ!...” ลูซี่อ้าปากค้าง มองแผ่นหลังของอันโหรวที่เดินจากไป ทว่ากลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ


เมื่อกลับถึงบ้าน อันโหรวยังไม่ทันจะหยิบกุญแจออกมา ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก


ใบหน้าสดใสของลูกสาวตัวน้อยทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก


“แม่ กอดหนูหน่อย” อันหน่วนยื่นแขนทั้งสองข้าง ออดอ้อนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


“หน่วนหน่วนเป็นเด็กดีหรือเปล่า พี่ชายลูกล่ะ” เธอรวบตัวลูกสาวขึ้นมากอด ก่อนปิดประตูลง


“พี่บอกว่าแม่ทำงานกลับมาเหนื่อย ๆ เขาเลยอยากทำอาหารให้แม่กิน”


อันโหรวฟังแล้วยิ่งร้อนใจ เด็กคนนี้ทำไมถึงเข้าไปในครัวอีกแล้ว เธอรีบวางตัวลูกสาวลง แล้ววิ่งไปที่ห้องครัวทันที


“หยางหยาง”


“แม่ ไม่ต้องรีบร้อนนะ อีกเดี๋ยวก็กินได้แล้ว ป้าจือเสี่ยวกลับมาด้วยหรือเปล่า” อันหยางถามพลางตักซุปมะเขือเทศใส่ไข่ลงในถ้วยใบใหญ่ไปด้วย


หลังเห็นกับข้าวสามอย่างกับซุปหนึ่งถ้วยที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ อันโหรวรู้สึกว่าลูกชายของเธอมีความสามารถมากจริง ๆ


“แม่ วันนี้การสัมภาษณ์งานเป็นยังไงบ้างครับ” อันหยางมองด้วยสายตาเป็นห่วง ท่าทางของเขาราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย ๆ


อันโหรวมองลูกชาย ทว่าใบหน้าของผู้ชายคนนั้นกลับฉายเข้ามาในความคิด หากเธอถูกจับได้ว่า...


“แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า” อันหน่วนเบะปากน้อย ๆ สีหน้าเหมือนใกล้จะร้องไห้


อันโหรวรีบยื่นแขนออกไป โอบกอดทั้งลูกชายลูกสาวเข้ามาในอ้อมแขน “พวกลูกเป็นดวงดาวนำโชคของแม่ การสัมภาษณ์ราบรื่นมาก แค่ครั้งเดียวก็ได้งานเลย”


ขณะกำลังเติมเต็มจิตใจกันอยู่นั้น ประตูบ้านก็ถูกเปิดออกเสียงดังปัง หลินจือเสี่ยวเดินเข้ามาอย่างร้อนรน


“โหรวโหรว เธอตีฉันเถอะ ฉันบอกสถานที่สัมภาษณ์กับเธอผิด” หลินจือเสี่ยวเห็นอันหยางขมวดคิ้วก็พลันชะงักไป ยิ่งมองแบบนี้ หน้าตาอันหยางกับคุณจิ่งก็ยิ่งดูคล้ายกันมากจริง ๆ!


เมื่อความคิดนี้ผุดเข้ามาในห้วงความคิด สีหน้าของหลินจือเสี่ยวก็เปลี่ยนไป เธอคว้าตัวอันโหรว แล้วหยั่งเชิงถามเสียงเบา “โหรวโหรว เธอไม่คิดเหรอว่าอันหยางกับคุณจิ่งหน้าตาคล้ายกันมาก”


หัวใจของอันโหรวเต้นแรง “ในโลกนี้มีเรื่องบังเอิญเยอะแยะจะตายไป เธอดูอย่างหน่วนหน่วนสิ เธอกับหยางหยางเป็นฝาแฝดกันแท้ ๆ แต่คนหนึ่งหน้าตาคล้ายลูกครึ่ง ส่วนอีกคนกลับมีหน้าอย่างจีน”


“ก็จริง คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นแหละ แต่ว่าเธอต้องไม่ให้คุณจิ่งเจอตัวหยางหยางเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น...”


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว