ข้าจะเป็นราชาอมตะ-ตอนที่ 71 : เจ้าไม่คู่ควร

โดย  amnovel

ข้าจะเป็นราชาอมตะ

ตอนที่ 71 : เจ้าไม่คู่ควร

ตอนที่หยางเฉินและชางกวนหยานมองหน้ากัน มู่เหยาก็ยิ้มและพูดขึ้นมา “นี่คือหมายเลขหอพักของเจ้า” นางพูดขึ้นแล้วส่งแผ่นไม้ให้แต่ละคน


ซงเทียนเอ๋อมองไปที่แผ่นไม้ ก่อนจะมองไปที่แผ่นไม้ของหยางเฉิน นางก็พึมพำบอกกับมู่เหยา “ข้าอยากอยู่กับท่านพี่ ข้าเปลี่ยนได้หรือไม่?”


“ไม่ได้!” มู่เหยาปฏิเสธทันที “ศิษย์ในสำนักชีจี แบ่งแยกหอพักชายและหญิงอย่างชัดเจน ห้ามใครฝ่าฝืนกฎนี้ เป็นอันขาด แม้ว่าจะเป็นพี่น้องกันก็ตาม”


ซงเทียนเอ๋อมองไปที่หยางเฉินด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ตอนนั้นเองเว่ยหยานหลานก็จับมือนางแล้วพูดขึ้น “เทียนเอ๋อ เราก็ยังอยู่ด้วยกันไม่ใช่รึ?”


เมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยหยานหลาน ซงเทียนเอ๋อก็เผยรอยยิ้มหวานๆออกมาอีกครั้ง และเงยหน้าขึ้นมองหยางเฉิน ก่อนจะพูดออกมา “ท่านพี่ ท่านอย่าลืมมาหาเราด้วยนะ”


“เทียนเอ๋อสบายใจได้ ข้าจะไปหาเจ้าแน่ ” หยางเฉินหัวเราะออกมาแล้วลูบหัวซงเทียนเอ๋อ


...


หลังจากที่จัดการเรื่องหอพักแล้ว หยางเฉินและคนอื่นๆก็เดินไปที่หอพัก ตัวหอพักและบันไดนั้นทำมาจากไม้ ฝีมือของช่างไม้ถือว่าดี หอพักที่หยางเฉินและกั้วติงอยู่นั้น คือ หมายเลข 109


เมื่อเข้ามาในหอพักก็ไม่พบใครอยู่ด้านใน มันมีเตียงไม้ 4 เตียงที่ว่างเปล่าไม่มีอย่างอื่น


“หัวหน้า ห้องพักแต่ละห้องต้องมี 4 คน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีแค่เราสองคน” กั้วติงมองไปรอบๆห้องแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม


“ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะได้อยู่ห้องนี้ด้วย ” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา จากนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้อง ชายคนนั้นคือชางกวนหยาน


หยางเฉินและกั้วติงหันไปมองตามเสียง ตอนนั้นเองชางกวนหยานก็ยิ้มและพูดขึ้น “ข้าชางกวนหยาน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชื่ออะไร?”


“นี่คือหัวหน้าของข้า หยางเฉิน ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเราจะได้อยู่ห้องเดียวกัน” กั้วติงมองไปที่ชางกวนหยานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนหน้านี้ตอนที่ชางกวนหยานพากั้วติงและคนอื่นๆไปหามู่เหยา กั้วติงได้ทำความรู้จักกับชางกวนหยานมาแล้ว


“กลับเป็นน้องหยางนี่เอง” ชางกวนหยานยิ้มออกมา “น้องหยางโชคดีจริงๆที่มีน้องสาวอย่างแม่นางเว่ย”


‘ข้าว่าเด็กสาวสองคนนั้นต้องสร้างปัญหาให้ข้าเป็นแน่’ หยางเฉินมองความคิดที่ชางกวนหยานมีต่อเว่ยหยานหลาน และซงเทียนเอ๋อออก เมื่อได้ยินคำพูดของชางกวนหยาน เขาก็ยิ้มออกมา “พวกนางก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่”


“หือ ? น้องหยางพูดเช่นนั้นได้อย่างไร ในสายตาของข้าแล้วพวกนางล้วนแต่เป็นคนที่โดดเด่น” ชางกวนหยานหัวเราะออกมา


หยางเฉินพยักหน้าและยิ้มออกมา “ข้าไม่รู้ว่าพี่ชางกวนคิดอะไรถึงได้พูดกับข้าเรื่องนี้?”


ชางกวนหยานไม่คิดเลยว่าหยางเฉินจะถามเขาตรงๆแบบนี้ หลังจากที่แปลกใจได้ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา “ข้าสู้กับเจ้าเพื่อชิงพวกนาง”


เมื่อได้ยินที่ชางกวนหยานพูดมา สีหน้าของกั้วติงก็เปลี่ยนไปทันที เขาหันมามองหยางเฉินและคิดว่าหยางเฉินคงโกรธ แต่หยางเฉินกลับยักไหล่แล้วพูดว่า “ข้าควรตอบอย่างไร ? เรื่องพวกนี้มันน่าเบื่อ เจ้าไปเล่นกับคนอื่นเถิด”


“เจ้ากลัวรึ ? เจ้ากลัวจะแพ้ข้ารึ?” ชางกวนหยานพูดออกมา “เจ้าไม่กล้ารับคำท้าของข้า เจ้าไม่คู่ควรกับนางแม้แต่น้อย ”


ก่อนที่หยางเฉินจะพูดออกมานั้น กั้วติงก็พูดออกมาก่อน “ฮึ่ม หัวหน้าไม่ได้กลัวเจ้าสักหน่อย”


“งั้นรึ ? หากเขาไม่กลัว ทำไมเขาถึงไม่รับคำท้าข้า?” ตอนที่ชางกวนหยานเห็นเว่ยหยานหลานเป็นครั้งแรก เขาก็อึ้ง เมื่อเขาเห็นสีหน้าเว่ยหยานหลานที่มองหยางเฉิน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าหากเขาอยากได้ใจนางมาครอง เขาต้องพิสูจน์ว่าเขาเหนือกว่าหยางเฉิน ดังนั้นชางกวนหยานจึงยื่นข้อเสนอสู้เพื่อแย่งนางกับหยางเฉิน เขาไม่เชื่อว่าหยางเฉินจะชนะเขาได้


เมื่อเห็นว่าหยางเฉินไม่กล้ารับคำท้าของตน ชางกวนหยานก็ไม่เห็นหยางเฉินในสายตา คนแบบนี้ไม่คู่ควรให้เขามองด้วยซ้ำ ชางกวนหยานจึงมองไปที่กั้วติง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา “ไม่ใช่ว่าข้าดูหมิ่นเขา น้องชาย แต่เขาทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”


ในตอนนั้นเองหยางเฉินก็พูดขึ้นมา “ในเมื่อเจ้าอยากจะสู้เพื่อแย่งนาง งั้นก็บอกมาว่าเจ้าจะแข่งอะไร?”


ชางกวนหยานหันกลับไปมองหยางเฉินและยิ้มออกมา “แสดงให้ข้าดูทีว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอจะปกป้องนาง!” พูดจบเขาก็โจมตีหยางเฉินทันที


สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไป เขารีบถอยกลับเพื่อหลบการโจมตีของชางกวนหยาน ก่อนจะโต้กลับโดยการต่อยเข้าที่อกของชางกวนหยาน


ชางกวนหยานเผยสีหน้าแปลกใจออกมา แต่ในพริบตาเขากลับยิ้มออกมา เมื่อเห็นหยางเฉินต่อยออกมา เขาก็หลบการโจมตีของหยางเฉินไปได้


จากนั้นเขาก็ม้วนตัวในอากาศและโผล่มาที่ด้านหลังของหยางเฉิน ก่อนที่นิ้วทั้งห้าจะกำเข้าหากันอย่างแรง จนทำให้เกิดเสียงตัดอากาศดังขึ้น


“เร็วจริงๆ!”หยางเฉินพึมพำ เขารีบใช้ก้าววายุอสนีเดินหน้าไปครึ่งก้าว ในเวลาเดียวกันก็สะบัดมือใส่กรงเล็บของอีกฝ่าย


กรงเล็บมังกร !


หลังจากนั้นอากาศก็ระเบิดออกมา นิ้วของหยางเฉินมีแสงสีทองเปล่งออกมาและจับไปที่มือของชางกวนหยาน จนทำให้ชางกวนหยานตกตะลึงไป เสียงตัดอากาศดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับแสงสีทองที่สว่างจ้าไปทั่วทั้งห้อง


กั้วติงตื่นเต้นเมื่อเห็นพลังของหยางเฉิน แต่เขาไม่รู้ว่าในใจของหยางเฉินนั้นเคร่งเครียดแค่ไหน เพราะหยางเฉินรู้ว่าชางกวนหยานยังไม่ได้เอาจริง


ซู่ ! ร่างของชางกวนหยานหายไปจากเตียงไม้ จึงทำให้หยางเฉินข่วนไปที่เตียงไม้ จนทำให้เตียงไม้แตกออกพร้อมกับเศษไม้ที่กระจายไปทั่ว


เมื่อหยางเฉินหันกลับมา ชางกวนหยานก็โผล่มาที่ประตูแล้ว ‘ความเร็วนี่แปลกประหลาดจนน่าเหลือเชื่อ’


“เสี่ยวหยาง อย่าแข่งเรื่องความเร็วกับเขา ใช้โล่สายฟ้าจัดการเขาซะ!” เถาเถาส่งข้อความบอกกับหยางเฉิน


หยางเฉินไม่ลังเลเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาประกบมือเข้าหากันพร้อมกับปราณที่ไหลออกมาตรงหน้าอัดแน่นเป็นกระบี่สายฟ้านับไม่ถ้วน กระบี่เหล่านั้นได้พุ่งเข้าใส่ชางกวนหยานทันที


สีหน้าของชางกวนหยานเปลี่ยนไป เขาถอยไปที่ประตู ในตอนที่เขาถอยกลับไปนั้น ที่เท้าของเขาก็มีควันดำลอยออกมา และเหมือนกับว่าเขาตั้งใจจะโจมตี


แต่ทันใดนั้น ควันสีฟ้ากลับลอยมาจากด้านหลังของเขา ไม่ ! นี่ไม่ใช่ควัน แต่เหมือนบางอย่างที่เผาไหม้ สิ่งที่ปะทุขึ้นมานี้เหมือนจะเป็นหมอกไฟ


ไฟได้อ้อมตัวของชางกวนหยานและเข้าไปพัวพันกระบี่สายฟ้าที่พุ่งมาที่ประตู จนทำให้กระบี่สายฟ้าโดนเผาพร้อมกับอุณหภูมิโดยรอบที่เพิ่มสูงขึ้นราวกับกลายเป็นห้องอบ น้ำในอากาศถึงกับระเหย


“นี่มัน...” สีหน้าของทุกคนกลับเปลี่ยนไปทันที


เมื่อน้ำระเหยไป คนที่โผล่มาด้านหลังของชางกวนหยานก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าเหมือนไม่ได้มีเรื่องแค้นเคืองอะไรกัน ทำไมถึงต้องสู้กันจนตายด้วย”


‘กั้วซงหยาง’ หยางเฉินใจสั่น คนที่โผล่มานี้คือเด็กหนุ่มที่มาถามทางเขา แต่ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะไม่ได้มาด้วย


‘ทำไมกั้วซงหยางถึงอยู่ที่นี่ ใช่สิ เขาเหมือนจะถามทางไปเมืองหลวง เมื่อโผล่มาในสำนักชีจี งั้นเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะเป็นสมาชิกของสำนักชีจี?’


“เจ้าก็อยู่ห้องนี้รึ? ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เราจะเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ข้ากั้วซงหยาง พวกเจ้าชื่ออะไรกัน?” ในตอนที่พูดนั้น กั้วซงหยางก็ได้เดินเข้ามาในห้อง


“ก่อนที่จะบอกชื่อข้า ข้าอยากสู้กับเจ้าก่อน” ชางกวนหยานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา


กั้วซงหยานหันไปมองชางกวนหยานแล้วยิ้มออกมา “เจ้าด่าข้าที่มาช่วยเจ้า อยากยืนยันว่าความแข็งแกร่งของเจ้าไม่ด้อยกว่าข้า ข้าพูดถูกหรือไม่?”


“ใช่ แล้วยังไง?” เมื่อพูดจบชางกวนหยานก็หันไปมองหยางเฉิน “หากไม่ใช่เพราะเขาลงมือแล้ว คนที่แพ้อาจจะเป็นเจ้า”


“หากเจ้ายังอยากที่จะสู้ ข้าก็จะเล่นกับเจ้า” หยางเฉินยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ใช่สิ นี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงไม่รับคำท้าเจ้าเมื่อครู่ เพราะเจ้าไม่คู่ควรให้ข้าลงมือ เจ้าสู้เพื่อความพึงพอใจของตัวเจ้าเอง คนแบบเจ้านี่มัน....”


หยางเฉินไม่ได้พูดอะไรต่อ เขายิ้มออกมาและส่ายหน้า ก่อนจะหันกลับไปมองกั้วติง “ กั้วติง เราออกไปเดินเล่นเถอะ ข้าได้ยินมาว่ามีสาวงามหลายคนในสำนักชีจี อย่าไปสนใจเจ้าเด็กนี่เลย” พูดจบเขาก็ตบไหล่กั้วติงแล้วกระแทกไหล่ชางกวนหยานเดินออกไป


“หัวหน้า รอข้าก่อน” กั้วติงรีบไล่ตามไป ทิ้งให้กั้วซงหยางและชานกวนหยานไว้ในห้อง


“เขาน่าสนใจจริงๆ...” กั้วซงหยางมองแผ่นหลังของหยางเฉินและยิ้มออกมา


“ไม่คิดเลยว่าจะมีคนบอกว่าข้า...ชางกวนหยานไม่คู่ควรให้สู้ด้วย ใช่ ชายคนนั้นน่าสนใจจริงๆ” ชางกวนหยานก็มองไปที่แผ่นพลังของหยางเฉินและยิ้มออกมา


...


หลังจากที่หยางเฉินพากั้วติงออกมาจากห้อง เขาก็ไม่ได้ไปดูสาวๆ แต่ออกจากสำนักชีจีไปยังโถงเถียของเมืองหลวง เตายาราชาอมตะบันทึกไว้ว่าเมื่อขึ้นมาถึงขอบเขตธุลีได้จะไม่อาจใช้ยาเร่งความเร็วในการบ่มเพาะได้อีก


ในการบ่มเพาะขอบเขตธุลี มันจำเป็นต้องดูดซับปราณหยินอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่ถุงอากาศในตันเถียนนั้นจะได้ขยายตัว จากนั้นเมื่อถุงอากาศถึงขีดจำกัด ก็จะอัดแน่นเป็นถุงอากาศใบที่สองขึ้นมา และถือว่าเป็นการทะลวงขั้นต่อไป การที่จะทวงผ่านขอบเขตธุลีขั้น 9 ผู้บ่มเพาะจะมีถุงอากาศ 10 ใบ ก่อนจะทะลวงไปยังขอบเขตปรมาจารย์ได้ แต่สำหรับหยางเฉินนั้น เขามีถุงอากาศมากกว่าผู้บ่มเพาะทั่วไปถึง 3 เท่า ดังนั้นก็จะทำให้เขาดูดซับปราณได้มากกว่าคนปกติ


ทุกคนที่มาถึงขอบเขตธุลีได้จะดูดซับปราณหยินในมิติปราณหยินได้ พวกเขาต้องบ่มเพาะวันแล้ววันเล่า และต้องพึ่งทักษะที่บ่มเพาะและดูดซับปราณหยินอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะอัดแน่นถุงอากาศและพัฒนาการบ่มเพาะขึ้นไปอีกระดับ


บันทึกยันต์บนเตายานั้นจะเร่งความเร็วในการดูดซับมันได้ ใช่ สิ่งที่หยางเฉินวางแผ่นเอาไว้ว่าจะปรุงไม่ใช่ผงยาแต่เป็นเม็ดยา เขาไม่รู้ว่าโถงเถียจะมีสมุนไพรสำหรับการปรุงยาของเขาหรือไม่


แต่โถงเถีย คือ ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิฮั่น มันคงเป็นไปได้ที่จะขาดสมุนไพรล้ำค่า


ไม่นานหลังจากนั้น หยางเฉินก็พากั้วติงมาที่โถงเถีย กั้วติงมองไปที่หยางเฉินด้วยความสงสัย ก่อนจะถามออกมา “หัวหน้า เรามาทำอะไรที่นี่?”


“มาที่โถงการค้า แน่นอนว่าต้องมาซื้อของ” ตอนที่พูดนั้นหยางเฉินก็ได้เดินเข้าไปในโถงเถีย โดยมีกั้วติงตามมาติดๆ



รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว