ข้าจะเป็นราชาอมตะ-ตอนที่ 44 : สัตว์อสูรขอบเขตจักรพรรดิ

โดย  amnovel

ข้าจะเป็นราชาอมตะ

ตอนที่ 44 : สัตว์อสูรขอบเขตจักรพรรดิ

จีเซ็น กลูอาร์ต อัศวินสายสั่งการจากพระราชวัง รับหน้าที่สั่งการทัพเสริมเข้าช่วยด้านนอกกำแพงเมือง


ปัจจุบันได้รับบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าเสียโฉมจนไม่เหลือเค้าเดิม กระดูกแก้มแตก คางหัก ฟันร่วงหมดปาก กระดูกซี่โครงและบาดเจ็บภายในอีกหลายส่วนจนสลบไป


หลังได้พนักงานกับพวกทหารส่วนตัวที่ยังลุกไหวเข้าช่วยเหลือ จีเซ็นจึงรอดชีวิตมาได้


ส่วนใบหน้าที่เสียโฉมไปแล้วไม่อาจกู้คืนได้อีก ยกเว้นจะได้รางวัลพระราชทานเป็นอีลิกเซอร์จากราชา


ส่วนฮีลเลอร์ [แรงค์ S] แม้แต่ตระกูลขุนนางอย่างเขาก็หมดหวังไปขอความช่วยเหลือ


จีเซ็นที่ตั้งสติได้ก็รีบสั่งการพวกทหารส่วนตัวทันที


“ไลเลาลา หลึ่งลองลัน”


ทหารส่วนตัวของเขาได้แต่ทำหน้างง เพราะฟังไม่รู้เรื่อง


“โล้ยยยย ล่อลวอกลว่า ไลเลาลาลึ่งลองลัน” (โว้ยยยย ก็บอกว่า ไปเอามาหนึ่งกองพัน)


เมื่อฟังไม่รู้เรื่องพวก ทหารสาวคนนึงที่คิดได้ก็ไปขอสมุดกับปากกาขนนกจากพนักงานมาให้จีเซ็นเขียนลงไป


บนกระดาษเขียนว่า : ไปเอามาหนึ่งกองพันไล่ตามจับอีนังนั่นมาไงโว้ย อีพวกโง่ จับเป็นนะ ห้ามฆ่า


พร้อมกับยื่นตราสำรองให้เอาไปออกคำสั่ง


“รับทราบคำสั่งค่ะ”


“ลอหล่อนเหลอะ ลีลังไล่ล๋าละเลว ล่ะเลาไล่ลังลิ่งหลว่าลัวไล๋ลี่เลยเล่นลาเลย” (รอก่อนเถอะ อีนังไพร่สารเลว จะเอาให้พังยิ่งกว่าตัวไหนที่เคยเล่นมาเลย)


พวกเธอมองหน้ากันว่ามีใครเข้าใจไหม แต่ละคนต่างส่ายหน้าเหมือนกัน พวกเธอจึงแย่งกันออกไปทำตามคำสั่ง แทนที่จะมานั่งฟังคนพูดไม่รู้เรื่อง


ใช้เวลาสักพักทหารสาวของจีเซ็นที่ยังไหวและแย่งหน้าที่มาได้ก็มาถึงประตูเมือง ส่วนทัพเสริมก็ยังคงเดินทัพออกนอกเมืองไม่หยุด


หลังสอบถามหัวหน้าทหารที่คุมความเรียบร้อยแถวนั้น ก็ได้ความว่า พบเห็นเด็กสาวสวมหน้ากากไม้ผมสีทองกระโดดข้ามทัพเสริมเข้าไปในสลัมจริง


พวกเขาโชว์ตราอัศวินสำรองของจีเซ็นให้ดู แล้วถ่ายทอดคำสั่ง


ทหารที่เดินทัพอยู่โดนสั่งหยุดกลางคัน หัวแถวที่กำลังจะออกจากประตูเมืองเลี้ยวเข้าสลัมไปตั้งแถวใหม่จนครบ 1 กองพัน


และเพราะคำสั่งนี้ ทำให้แนวหน้านอกกำแพงเมืองที่ต้องการกำลังเสริมมาช่วยอย่างต่อเนื่องเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที หลังจากยื้อไว้ได้อยู่นาน


*****


คาลิก้า เนฮิว


ตอนที่วิ่งใกล้ถึงกองทัพเสริม ชั้นไม่ลดความเร็วแม้แต่น้อยแล้วกระโดดข้ามหัวพวกเขาไปเลย


ระหว่างที่ลอยข้ามหัว หูชั้นคงดีขึ้นมากจึงได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิง


พอหันไปมองก็เห็นมอนสเตอร์กุ้งตัวใหญ่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้น อวัยวะภายในไหลทะลักออกมาข้างนอก


น่าจะอยู่ข้างในเพราะเสียงร้องไห้มันดูก้องๆ


ตอนที่ลงพื้นชั้นจึงใช้เท้าเบรกเพื่อช่วยชะลอความเร็วจนฝุ่นตลบ ระหว่างนั้นก็มองหาของรอบตัว


จนไปเจอดาบพังเล่มนึงที่ใบดาบหักครึ่ง ชั้นคว้ามันขึ้นมาแล้วกระโดดขึ้นไปบนบ้าน


ง้างดาบไปข้างหลังแล้วเขวี้ยงใส่ส่วนหัว พร้อมกับตะโกนว่า


“มีคนรอดชีวิตอยู่ในนั้น!”


ตะโกนเสร็จก็วิ่งจากไป โดยไม่สนใจเสียงโหวกเหวกข้างหลัง


*****


ดาบที่คาลิก้าเขวี้ยง โดนเข้าที่ส่วนข้อต่อระหว่างหัวกับลำตัวพอดี ทำให้ส่วนหัวฉีกขาดออกจากลำตัว


หัวหน้าทหารที่ได้ยินเสียงตะโกนของคาลิก้า ด้วยความสงสัยจึงพยักหน้าให้ลูกน้องไปตรวจสอบ


และก็ได้เจอนักผจญภัยสาวอยู่ข้างในจริง หลังตรวจสอบก็พบว่าเธอชื่อเรเชล จากกิล [เขี้ยวประกายแสง]


ว่าตามกฎอัยการศึก เธอผิดที่ออกมาแล้วไม่ยอมกลับเข้าสลัม ซึ่งเขาสามารถใช้อำนาจประหารได้เลย


แต่เพราะพวกเขารู้ว่าเธอคือคนโปรดของไจเกียคนนั้น จึงได้แต่จับกุมแล้วส่งคนไปแจ้งไจเกียให้มารับแทน


ส่วนเรเชลไม่ได้รู้สึกแย่แต่อย่างใด กลับกันรู้สึกดีมากซะด้วยซ้ำ


เพราะตอนนี้ก็ไม่รู้ไจเกียจะทำเรื่องบ้าอะไรอยู่ ถ้ารู้เรื่องที่เธอโดนจับ ไจเกียต้องหยุดทำเรื่องนั้นแล้วมาช่วยเธอก่อนแน่


*****


ชั้นวิ่งมาถึงแนวหลังนักผจญภัย


สภาพที่นี่คือเละเทะมาก บนพื้นมีรอยเลือดกับร่องรอยการต่อสู้เต็มไปหมด ซากมอนสเตอร์กุ้งตัวเล็กถูกกวาดมากองพะเนินเป็นภูเขา


เสียงครวญครางจากคนเจ็บรอความช่วยเหลือมีนับไม่ถ้วน บางคนรอไม่ไหวหยุดหายใจไปแล้วก็มี


ฮีลเลอร์ หมอแล้วก็คนที่ต่อสู้ไม่เป็นทำงานกันอย่างหนักสายตัวแทบขาด ศพที่ตายแล้วถ้าตรวจสอบพบว่าไม่มีญาติก็เอาไปเผาในหลุมที่ขุดขึ้นมาชั่วคราว ควันไฟจึงลอยไม่หยุด ส่วนทรัพย์สินของศพไร้ญาติสำนักงานจะเข้ามายึดทั้งหมดก่อนส่งเข้าพระราชวัง


แต่ถ้าเป็นทาสหรือคนสลัมจะถูกโยนทิ้งลงคลอง ในคลองจึงเต็มไปด้วยซากศพลอยเต็มไปหมด


บรรยากาศจึงหดหู่และน่าเวทนามาก


ชั้นกวาดตามองคร่าวๆแล้ว ที่นี่ไม่มีเด็กเลยสักคน ทาสพอมีบ้าง ส่วนคนสลัมแทบไม่เจอ


ชั้นจึงถามคนใกล้ตัวว่าคนสลัมไปอยู่ไหนหมด คำตอบที่ได้คือแนวหน้าสุด


ชั้นจึงไม่รอช้าวิ่งที่สนามรบด้านหน้า สวนทางกันคนเจ็บที่หามไปแนวหลังไม่หยุด


ชั้นเลือกไปยังเส้นทางที่ทหารน้ำแข็งไม่ได้ค้นหา โดยตรงไปแนวหน้าให้เร็วที่สุด จนมาถึงกลางทัพ


ถึงจะไม่เห็นเด็กตลอดทางที่ผ่านมา แต่ชั้นก็ตะโกนเรียกเอลด้าไม่หยุด เสียงตะโกนของชั้นดังยิ่งกว่าตอนก่อนได้พลัง


แต่ไม่ตกเป็นเป้าสนใจ เพราะมีหลายคนที่วิ่งตะโกนหาเพื่อนหรือคนรักไปทั่วสนามรบเหมือนกันกับชั้นนับไม่ถ้วน


แค่เสียงของชั้นมันดังกว่าแค่นั้นเอง ถึงขนาดมีนักผจญภัยหลายคนเข้ามาขอร้อง จะจ่ายเงินให้ชั้นช่วยตะโกนหาคนที่พวกเขาต้องการ


บางคนก็ร้องไห้อ้อนวอน ถึงขั้นกอดขาขอร้องให้ชั้นช่วยด้วยซ้ำ ก็อยากช่วยแต่ชั้นต้องจำใจปฏิเสธไป


เมื่อเลยกลางสนามรบไปอีกหน่อย การโจมตีระยะไกลก็เริ่มมีหลุดเข้ามาทั้งแบบอาวุธและเวทมนตร์


มีสามง่ามเล่มนึงพุ่งเข้าใส่ฮีลเลอร์ที่กำลังรักษาคนเจ็บอยู่ ชั้นที่ผ่านทางมาพอดีจึงยื่นมือไปจับมันหยุดไว้ได้ทัน ก่อนจะเขวี้ยงสวนกลับไป


ชั้นช่วยเท่าที่ช่วยได้ อันไหนไม่ทันก็ต้องปล่อยไป ยิ่งไปข้างหน้าการโจมตีก็ยิ่งหลุดเข้ามามากยิ่งขึ้น


บางทีมัวแต่มองหาอีกฝั่ง หอกน้ำที่เกิดจากเวทมนตร์ก็เสียบหัวคนข้างตัวจนตายคาที่


มีบ้างที่ชั้นระวังไม่ทัน โดนเวทย์น้ำแรงอัดสูงกระแทกเข้าที่อกเต็มๆ


ตัวชั้นปลิวกระเด็นกลิ้งไปหลายตลบ จนฮีลเลอร์วิ่งเข้ามาดูอาการ แต่พอลุกขึ้นมาแบบไร้บาดแผล ฮีลเลอร์ก็ยกนิ้วให้แล้วไปรักษาคนอื่นต่อ ถึงจะรู้สึกเจ็บนิดหน่อยแต่ไม่นานก็หายไป คิดถูกจริงๆ ที่อัพความทนทานมา


ใช้เวลาสักพักใหญ่ถึงจะฝ่าการโจมตีไปใกล้แนวหน้าได้


สถานการณ์ที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ต่างฝ่ายต่างฆ่ากันราวกับโกรธแค้นกันมานาน โลหิตไหลนองพื้นจนแทบจะเป็นแม่น้ำ


การโจมตีสวนไปมาไม่หยุด คนกับมอนสเตอร์เสียชีวิตกับแทบจะเป็นรายวินาที


แนวหลังมอนสเตอร์ไกลๆ ก็มีการโจมตีใหญ่อย่างดาวตกระเบิดใส่บ่อยๆ ชิ้นส่วนกับแรงลมร้อนจึงพัดปลิวมาไม่หยุด


และก็เป็นจริงอย่างที่คนคนนั้นพูด คนสลัมกับทาสแทบจะรวมกันอยู่ที่นี่ ชั้นมองหาเด็กที่คล้ายเอลด้า เจอคล้ายอยู่หลายคน แต่ไม่ใช่เอลด้าสักคน


ส่วนเด็กทุกคนที่เจอ ชั้นจับโยนไปข้างหลังโดยเล็งใส่ใครสักคนเพื่อไม่ให้พวกเด็กเจ็บตอนหล่นลงไป


ถึงมีบางคนจะไม่พอใจเพราะอยากใช้เป็นโล่หรือเบนความสนใจ แต่สถานการณ์ต่อสู้มันติดพันจึงได้แต่ส่งสายตากับส่งเสียงไม่พอใจใส่ชั้น


ซึ่งชั้นไม่สน ตอนนี้ชั้นจะทำอย่างที่ชั้นอยากทำ


ระหว่างหาชั้นก็โดนมอนสเตอร์เข้ามาโจมตีบ่อย อย่างมอนสเตอร์ที่พวกเขาเรียกว่านากา


ตามปกติคือชั้นตั้งตัว หลบแล้วก็สวนทัน มีบ้างที่หลบไม่พ้น แต่ครั้งนี้ชั้นโดนเต็มๆ เพราะมันโจมตีตอนชั้นกำลังตกใจ


มันเกิดขึ้นตอนที่ชั้นโยนเด็กคนนึงที่เจอกลับไปแนวหลัง แล้วจู่ๆ ก็ดันมีไอ้บ้าขโมยถังน้ำของน้องชั้นฉวยโอกาสกระโดดเข้ามากอดขาเด็กคนนั้นลอยตามไปด้วย


ชั้นที่ตกใจกับการกระทำของมัน จึงโดนนากาเล่นงาน


มันอ้าปากกัดหัวชั้นเต็มแรง พร้อมกับจับแขนสองข้างชั้นฉีกออกอย่างแรง


แต่พละกำลังชั้นเหนือกว่า ชั้นดึงแขนตัวเองกลับแล้วง้างปากที่กัดหัวชั้นอยู่ออกก่อนสะบัดตัวข้ามหัวฟาดไปข้างหน้า


แล้วจบชีวิตด้วยการต่อยเข้าที่หัวมันเต็มแรง มือของชั้นทะลุผ่านหัวกะโหลกหนาๆ จมลงไปในสมองได้อย่างง่ายดาย มันชักกระตุกไม่กี่ทีแล้วแน่นิ่งไป


จากนั้นชั้นก็คว้าโล่ที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมาปาใส่หัวไอ้ปอดแหกขโมยถังน้ำคนนั้นจนมันหัวแตกนอนชักดิ้นชักงอบนพื้น


แล้วตะโกนตามหาเอลด้าต่อไป


จนกระทั่งชั้นเห็นคุณลาสวินบนฟ้า กำลังกระหน่ำยิงเวทย์ลมสีดำบไม่หยุด


งั้นกลุ่มคนด้านล่างคุณลาสวิน คงเป็นกิล [เวทย์กังวาน]


ชั้นจึงรีบตรงเข้าไปสอบถามคนในกิลแนวหลังที่ยังไม่พัวพันกับการต่อสู้


“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณลาสวินได้พาเด็กผมสีดำ สูงประมาณนี้ ชื่อเอลด้ามาบ้างไหมคะ”


คนที่ชั้นถามนึกอยู่พักนึง ก่อนจะนึกขึ้นได้


“อ๋อ เธอคือคาลิก้าใช่ไหม?”


“ใช่ค่ะ”


แล้วสายตาของเธอก็มองชั้นอย่างไม่เป็นมิตรทันที


“ถ้าน้องเธอล่ะก็ เราจ้างทหารไปส่งที่กิลพร้อมจดหมายประทับตรากิลเราแล้ว เราจ่ายค่าปิดปากไปเยอะ เพราะงั้นถึงจะเป็นคนสลัมก็น่าจะอยู่ที่นั่นแล้วแน่นอน ไปถึงก็ถามหาเอาเอง”


“ขอบคุณมากเลยค่ะ”


ชั้นขอบคุณโดยที่ก้มหัวให้ ถึงจะมีเสียงสบถไม่พอใจ แต่ชั้นก็ก้มหน้ายอมรับ


มันเป็นเพราะชั้นพวกเขาถึงเสียท่านเลร่าไป ชั้นจึงไม่ตอบโต้กลับอะไรทั้งนั้น


อย่างน้อยก็โล่งใจแล้วที่เอลด้าปลอดภัย ตอนนี้ต้องแอบพาพี่เทียร่ากับเอลด้าหนีแล้ว เพราะชั้นต้องถูกทหารทั้งอาณาจักรหมายหัวแน่


แต่พอชั้นจะหันตัวกลับไปก็มีอีกคนเรียกชั้นให้หยุดซะก่อน


“มีอะไรเหรอคะ”


“รองหัวหน้ากิลฝากคำพูดมาให้เธอ จำไว้ว่าทุกสิ่งที่ชั้นพูดเป็นความจริง เพราะรองหัวหน้ากิลเราสนิทกับท่านเลร่า”


เธอดูจริงจังมากจนชั้นเริ่มกลัวนิดๆ


“ค่ะ พูดมาได้เลยค่ะ”


“เวทย์ของท่านเลร่าหยุดความตายได้ก็จริง แต่ถ้าไม่มีท่านเลร่าคอยเติมพลังให้เรื่อยๆ เวทย์จะค่อยๆเสื่อมลง ซึ่งมันหมายความว่า พี่ของเธอกำลังจากไปอย่างช้าๆ”


ถึงจะใจหาย แต่ไม่เป็นไร ก็แค่ต้องรีบไปช่วย ชั้นมีพลังฟื้นฟูแล้ว หายแน่นอน แต่คำพูดหลังจากนั้น


“แล้วก็น้องเธอ จากสภาพที่เราเห็นพูดได้เต็มปากว่าฟื้นยาก ตอนนี้เธอเหมือนผักที่ตอบสนองอะไรไม่ได้ ก็แล้วแต่เธอว่าจะปล่อยให้อยู่แบบนั้นหรือปล่อยให้เธอจากไป”


“ทะ ทำไม ไม่สิ ใครทำคะ! ใครทำน้องชั้น!”


“ชั้นก็ไม่ทราบ ตอนท่านลาสวินช่วยมาสภาพเธอก็เป็นแบบนั้นแล้ว สิ่งที่ชั้นจะพูดมีเพี..”


ชั้นไม่ฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่ออีกแล้วรีบวิ่งไปยังเมืองชั้นนอกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


*****


หลังจากคาลิก้าวิ่งหายไปจนลับสายตา


คนในกิลที่พูดกับคาลิก้าก็กลับไปหารองหัวหน้ากิลที่กำลังพักฟื้นพลังอยู่


“ชั้นบอกเธอตามที่ท่านสั่งไปแล้วค่ะ แต่จำเป็นต้องโกหกเรื่องสกิลของท่านเลร่าด้วยเหรอคะ”


รองหัวหน้ากิลซดยาเพิ่มพลังเวทย์แล้วเสกเถาวัลย์โจมตีกับป้องกันให้ลูกกิลตัวเองอยู่สักพักก่อนจะหันมาตอบ


“ในเมื่อท่านเลร่าอยากช่วยให้เธอมีชีวิตเป็นของตัวเอง งั้นการที่มีภาระติดตัวอยู่แบบนี้เด็กคนนั้นจะตัดใจแล้วก้าวไปข้างหน้าได้ยังไง ถึงจะโหดร้ายไปหน่อย แต่เพราะมันไม่มีหวังช่วยพี่กับน้องเธอได้อยู่แล้ว ไว้สักวันที่เธอทำใจได้ เธอจะมาขอบคุณชั้นเองที่โกหกไปแบบนั้น”


“ค่ะ แล้วเรื่องทหารที่เราจ้างไปส่งน้องเธอที่กิลแต่กลับโดนดักทำร้าย ส่วนน้องเธอก็หายไปด้วย เรื่องนี้ก็ไม่ควรบอกเหรอคะ”


“ไม่ต้องบอกก็ดีแล้ว เดี๋ยวเธอก็รู้เองเมื่อไปถึงกิลเรา เราช่วยเธอมาพอแล้ว บอกไปเดี๋ยวมันก็ให้เราช่วยอีก”


ส่วนในใจของรองหัวหน้ากิลเวทย์กังวาน


ให้ตายสิ เด็กนั่นนำพามาแต่ภาระ แค่นี้กิลเราก็เสียบุคลากรมือดีไปหลายคนแล้ว ช่วยแค่นั้นกิลเราก็ดูดีในสายตาคนอื่นพอแล้ว


จะให้ช่วยมากไปกว่านี้กิลเราก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะงั้นพวกขยะไร้ประโยชน์แบบนี้ ตัดทิ้งไปได้ซะก็ดี

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว