แฟนผมเหนือมนุษย์ 帅哥!你掉了个通灵女友 -บทที่ 16 สัมภาษณ์ฆาตกร

โดย  โปรเจคพิเศษ by Hongsamut

แฟนผมเหนือมนุษย์ 帅哥!你掉了个通灵女友

บทที่ 16 สัมภาษณ์ฆาตกร

“คุณเป็นใคร?”

คำถามเปล่งออกจากปากเสอหยู่ที่ดูอ่อนแรง แต่กลับทะลวงลึกตีกระหน่ำหัวใจหลินอีซินรุนแรง สมองรู้สึกถึงความมืดมิดรอบตัว ตอนนี้ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งโดยที่ทุกคนจ้องมองมาอย่างงงงวย สายตาเข้มข้นที่สุดมาจากเสอหยู่

ดวงตาแต่ละข้างของพวกเขาเป็นเหมือนแหล่งกำเนิดแสง สายตาช่างเหมือนเลเซอร์ส่องมา เหมือนนักโทษถูกสอบปากคำ หลินอีซินรู้สึกอาย แต่กลับไม่มีที่ให้หนีไปได้

“อาหยู่ คุณคนนี้คือคนที่เธอเคยช่วยไว้ก่อนหน้า ครั้งนี้เป็นเพราะคุณคนนี้ทางเราถึงจับคนร้ายได้” หลินอีซินได้ยินคนอธิบายให้เสอหยู่ฟัง

“เอ่อ... ฉันแค่อยากขอบคุณ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉัน... และขอโทษที่ทำให้เธอบาดเจ็บเพราะฉัน...” หลินอีซินถอยออกมา เปิดทางให้ตัวเองก้าวออกจากสถานการณ์นี้

เธอจำฉันไม่ได้จริงๆ เหรอ?

“คุณจับฆาตกรต่อเนื่องได้สำเร็จ ทำเอาฉันที่เป็นตำรวจยังรู้สึกอายเลย!” เสอหยู่ยิ้มพลางพูดติดตลก แต่หลินอีซินหัวเราะไม่ออก

“เธอจำฉันไม่ได้จริงๆ เหรอ” หลินอีซินยังคงหมกมุ่น อยากถามสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอด พูดประโยคนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว

“คุณพูดอะไรนะ” บางทีเสียงอาจเบาเกินไป เสอหยู่ได้ยินไม่ชัด จึงถามขึ้นอีกครั้ง

หลินอีซินส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “เปล่า ไม่มีอะไร! ฉันบอกว่าขอให้เธอหายดีเร็วๆ เธอเป็นตำรวจที่ยอดเยี่ยมมาก”

หลินอีซินโค้งให้ทุกคนแล้วรีบวิ่งออกไป หนีไปจากความอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

อาจเป็นเพราะมนุษย์เห็นแก่ตัว หลินอีซินเริ่มคิดถึงตอนที่เสอหยู่เป็นวิญญาณ ความรู้สึกที่มีอีกฝ่ายเคียงข้างตลอดเวลา

เสอหยู่เป็นคนแรกที่หลินอีซินนับเป็นเพื่อน เธอช่วยฉัน ฉันช่วยเธอ เธอลืมฉัน แต่ฉันยังจำเธอได้ ช่างให้ความรู้สึกเหมือนเดินสวนกันไปมา สุดท้ายก็ไม่ยุติธรรมกับฉันสักนิดเลยใช่ไหม

ตอนไปมีความสุขล้น ตอนกลับเหงาหงอยเศร้าซึม เข้ามาในห้องพักฟื้นอย่างอ้างว้าง ทั้งร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าเหลือเกิน เมื่อมาถึงเตียงก็ล้มลงนอนคว่ำ คางวางบนที่นอน มองดูกิ่งไม้แกว่งไปมานอกหน้าต่าง เริ่มคิดเกี่ยวกับชีวิต

ใบไม้เสียดสีเกิดเสียง จังหวะที่ไร้การควบคุมก็เหมือนสภาพจิตใจที่หงุดหงิดไร้ระเบียบ

หลินอีซินลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างเปิดออก ความหนาวเย็นยามค่ำคืนกรูเข้ามาในห้องอย่างไร้ปรานี เธอรู้สึกตัวสั่นเพราะแรงลม แต่ก็ไม่มีความคิดจะปิดหน้าต่าง ก็ดีจะได้ปลุกสมองคิดเองเออเองด้วยสายลมเย็นเยือก

“แบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัด” จู่ๆ ก็มีมือมาผลักหน้าเธอปิดหน้าต่างลง หน้าต่างโปร่งใสสะท้อนใบหน้าของซูหยาง

“นายยังไม่กลับไปอีกเหรอ?” หลินอีซินมองภาพซูหยางที่หน้าต่างกระซิบว่า “ดึกแล้ว นายรีบกลับบ้านเถอะ”

“ทำไม? เมื่อกี้ยังดี๊ด๊าอยู่เลยนี่ ทำไมพอกลับมาก็ทำเหมือนมะเขือยาวโดนหิมะ”

“ถ้าอยากเยาะเย้ยก็ไม่ต้อง ฉันไม่อยากฟังตอนนี้ ไปเลย”

“โอเคๆ ฉันเข้าใจ นี่ไม่ใช่การเหน็บแนม ถึงตอนนี้จะไม่ใช่เวลาพูดเรื่องนี้ แต่ฉันคิดว่ายังไงก็ต้องพูด…” น้ำเสียงของซูหยางเริ่มลังเล เริ่มดูจู้จี้จุกจิก ทำเอาอดเดาไม่ได้ว่าหมอนี่ไม่ได้พยายามจะสารภาพรักใช่ไหม?

“พูดสิ ไม่เป็นไร!” ในใจแอบมีความคาดหวังเล็กน้อย ดวงตากลับมาสดใสอีกครั้ง

“ก็เรื่องนั้นไง!” ทันใดนั้นซูหยางก็จับมือทั้งสองข้างฉันขึ้น กุมด้วยมือตัวเอง

“นายพูดมา!” แหม...ชักกลัวว่าการคาดเดาจะเป็นจริง อารมณ์ตอนนี้คือกลัวผสมตื่นเต้น ไม่กล้ากะพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว กลัวว่าจะพลาดช่วงเวลาสำคัญไป

“ก็เรื่องที่เคยบอกว่าจะให้ฉันเจอกับฆาตกร...” ซูหยางมองตาหลินอีซิน

เมื่อเขาเปิดปากขึ้น หัวใจหญิงสาวก็แข็งค้าง วันนี้อะไรกันหนักหนาฉันเจอเรื่องสะเทือนใจมากเกินไปแล้วนะ!

“ฆาตกรถูกยิงตายแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่สามารถปลุกมันให้ฟื้นคืนชีพมาคุยกับนายเรื่องจิตใจบิดเบือนได้รับการปลูกฝังมายังไงไม่ได้หรอก” แม้ว่าจะเห็นฆาตกรฟุบลงไปต่อหน้า แต่ก็ไม่อยากเห็นมันอีกครั้ง

ซูหยางส่ายหัว ดวงตาเต็มไปด้วยความโหยหาการฆาตกรรม “มันยังไม่ตาย แค่บาดเจ็บ ฉันต้องการให้เธอบอกตำรวจ ฉันอยากพบมันจริงๆ ดีที่สุดถ้าเป็นไปได้ฉันอยากร่วมสอบปากคำด้วย”

“ฉันจะทำได้ยังไง สอบปากคำผู้ร้ายเป็นงานของตำรวจ คนธรรมดาอย่างเราจะมีส่วนร่วมได้ด้วยเหรอ”

“ไม่ใช่สำหรับเธอ! เธอเป็นเหยื่อในเหตุการณ์นี้และเป็นผู้มีส่วนร่วมมากที่สุดในการจับตัวฆาตกร ถ้าเธอขอ พวกเขาน่าจะเห็นด้วย”

“ถึงไปก็เป็นฉัน แล้วเกี่ยวอะไรกับนาย” หลินอีซินดึงมือออกจากมือใหญ่ของซูหยาง หลังจากเช็ดถูสองสามครั้ง ก็กลับไปที่เตียงนอนลง

“ฉันก็ตามเธอเข้าไปนะสิ อย่าลืมสิ่งที่เธอสัญญากับฉัน ถ้ากล้ากลับคำ ฉันจะ...”

“แล้วไง” หลินอีซินเงยหน้าขึ้น มองไปที่ซูหยางอย่างเอาเรื่อง

ซูหยางเปลี่ยนสีหน้าดุดันเป็นฉีกยิ้มกว้าง ลูบหัวอีกฝ่ายเหมือนลูกสุนัข “อีซินของเราสวยขนาดนี้ จะต้องรักษาสัญญาอย่างแน่นอนใช่ไหม”

สวรรค์ช่วย? เพื่อที่จะได้เห็นฆาตกร เขายอมละทิ้งแม้แต่ศักดิ์ศรีของตัวเอง? ชมฉันว่าสวย? เดี๋ยวนะนี่หมายความว่าอะไร? ชักจะแปลกๆ ล่ะ...

“โอเค รู้แล้ว ฉันจะบอกตำรวจให้ แต่รับรองไม่ได้ว่าจะได้ผลนะ เข้าใจไหม”

“ฉันเชื่อว่าเธอทำได้แน่!” ซูหยางเป็นเอามาก ท่าทางเขามีความสุขมากกว่าเด็กสามขวบที่ได้ขนมซะอีก ดีใจจนยิ้มปากจะฉีกอยู่แล้ว เธอไม่เข้าใจว่าการไปพบคนโรคจิตน่าดีใจตรงไหน

ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็ลูบหัวเธออย่างอ่อนโยนอีกครั้งพูดด้วยรอยยิ้ม “นอนพักรักษาตัวซะ เดี๋ยวฉันมาเยี่ยมใหม่พรุ่งนี้”

ฉันรู้สึกว่าซูหยางแตกต่างจากครั้งแรกที่เห็นมาก ฉันเคยคิดว่าเขาเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เรือไททานิคชน แต่ตอนนี้ฉันพบว่าเขาสามารถเป็นนวมเล็กๆ โอบรอบคอ

ฉันจะเริ่มชอบเขาหรือไม่?

หลินอีซินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาคำว่าซูหยางบนอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง

นักเขียนอัจฉริยะที่อายุน้อยที่สุด

นักเขียนยอดฮิตแนวสอบสวนสยองขวัญ

นักเขียนชายยอดนิยมที่สุดในเว็บสำรวจ

พวกนี้คือคาแรกเตอร์ของซูหยาง

เมื่อหลินอีซินลองพิมพ์ชื่อตัวเองบนเว็บเบาว์เซอร์ กลับกลายเป็น ‘ค้นหาคนชื่อเหมือนกันในเมืองไม่ก็ทั่วประเทศ’

เป็นไปได้ไหมที่คนสองคนที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วจะมาพบกัน ณ จุดหนึ่ง?

หลินอีซินเอนตัวบนเตียงคนป่วย เฝ้าห้องที่ว่างเปล่านี้ เตือนตัวเองว่า ‘อย่าเพ้อเจ้อ! ถ้าเขารู้ว่าฉันสนใจ เขาอาจจะคิดว่าฉันอยู่ในบ้านเขาด้วยแรงจูงใจไม่บริสุทธิ์ และไล่ฉันออกก่อนที่ห้องจะซ่อมเสร็จ ไม่ก็ไล่ฉันไปอยู่ที่อื่น’

น่ากังวลจริงเลยๆ! เรื่องแอบชอบใครบางคนเนี่ย...


“เธอจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร?”

“เธอติดต่อตำรวจหรือยัง?”

“ฆาตกรได้สติวันนี้และถูกกักตัวไว้เรียบร้อย”

“การสอบปากคำกำลังจะเกิดเร็วๆ นี้ เธอคิดยังไง?”

ทุกวันซูหยางจะพูดเกี่ยวกับฆาตกรไม่ต่ำกว่าสิบครั้งต่อหน้าเธอ วนลูปอยู่อย่างนั้น ดังนั้นสิ่งแรกที่หลินอีซินทำหลังจากออกจากโรงพยาบาลคือติดต่อเสอหยู่ ขอพาเขาไปที่สถานกักกันฆาตกรที่ถูกจัดไว้ชั่วคราว

แม้ว่าเสอหยู่จะจำไม่ได้อีก แต่เนื่องจากหลินอีซินมีส่วนร่วมในคดี เสอหยู่ก็ตกลงให้ทั้งสองสามารถไปที่ศูนย์คุมขังเพื่อพบฆาตกรต่อเนื่อง

“เธอจะไปพบมันจริงๆ เหรอ” ซูหยางถามอย่างกังวลขณะที่ยืนอยู่ตรงประตูหน้าห้องเยี่ยม

“ทำไม? อย่าลืมว่ามันถูกจับได้เพราะฉัน” ใจจริงก็ค่อนข้างย้อนแย้ง ด้านหนึ่งไม่อยากเจอฆาตกรที่โหดเหี้ยมคนนั้นอีก แต่อีกด้านหนึ่งกลับอยากเห็นสภาพมันหลังจากถูกคุมขัง

หลินอีซินคิดอยู่เสมอว่าหลังจากที่ได้เห็นท่าทางทนทุกข์ของมันแล้ว หัวใจคงจะคลายกังวลลงมาก

หลังจากที่ซูหยางกับหลินอีซินเข้าไปข้างใน รออยู่ครู่หนึ่งฆาตกรก็ถูกนำตัวมาพร้อมใส่กุญแจมือ เมื่อมันเห็นก็นั่งลงตรงหน้าด้วยสีหน้าเยาะเย้ย เอนตัวพิงพนักพิงหลังเก้าอี้อ้าขาออกกว้าง จ้องมาที่หลินอีซินตาเขม็ง

หลินอีซินก็มองตอบกลับไปอย่างว่างเปล่า จนกระทั่งซูหยางพูดขึ้นว่า “คุณรู้ไหมว่าเราเป็นใคร?”

ฆาตกรค่อยๆ ขยับสายตา หันไปมองที่ซูหยาง ฉายอารมณ์เต็มไปด้วยความเคียดแค้น “ฉันไม่รู้จักแก แต่รู้จักหล่อน ต้องขอบคุณหล่อน ที่ทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพแบบนี้”

“นี่เป็นผลกรรมที่แกฆ่าคน น่าเสียดายที่แม้ว่าแกจะตาย แต่คนที่ถูกแกฆ่าก็ไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้” หลินอีซินพูดอย่างโกรธแค้นและยังต้องการพูดอะไรต่อ ทันใดนั้นมือซูหยางก็ตบมือเธอที่ใต้โต๊ะเบาๆ ขอให้เงียบลงก่อน

หลินอีซินหายใจเข้า ข่มใจ หลุบตาลงมองพื้นข้างๆ หยุดพูด

“ผมเป็นนักข่าวที่มาขอสัมภาษณ์คุณ” ซูหยางเริ่มสร้างฐานะ “ผมได้ยินมาว่าคุณลงมือกับเหยื่อสิบคนและสารภาพทั้งหมด ทำไม?”

ฆาตกรเย้ยหยัน “ทำไม? สารภาพก็ผิด ในความคิดแกหมายถึงฉันไม่ควรสารภาพเรอะ”

“ผมแค่สงสัย หลักฐานที่ทางตำรวจนำเสนอสามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณเกี่ยวข้องกับคดีนี้เท่านั้นและไม่สามารถเสนอหลักฐานอื่นใดเพื่อฟ้องคุณในคดีทั้งเก้าก่อนหน้านี้ ทำไมคุณถึงคิดที่จะสารภาพทุกอย่าง?”

“ตอนที่ฉันถูกจับได้ ฉันถึงเป็นตัวเองจริงๆ เข้าใจยัง?” ฆาตกรก้มหน้าพับแขนบนโต๊ะ “ฉันได้แจ้งเกิดใหม่เพราะมีคนอย่างแก ฉันจะยอมละทิ้งผลงานชิ้นเอกที่ทุ่มทุนสร้างเพื่อจะมีชีวิตอยู่อย่างหดหู่ทำไม? ผลงานที่สมบูรณ์แบบเหล่านี้เป็นของฉันเท่านั้น!"

โรคจิต!!! หลินอีซินไม่ได้ยินคำขอโทษหรือรู้สึกผิดจากปากมันแม้แต่คำเดียว ตรงกันข้ามกับที่คาดหวังก่อนมาที่นี่ ไม่อยากฟังอีกแล้ว หญิงสาวลุกขึ้นพูดกับซูหยาง “ฉันจะกลับไปรอที่รถก่อนนะ”

ซูหยางยื่นกุญแจรถให้ หลินอีซินรับไปออกจากห้องโดยไม่ลังเล


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว