แฟนผมเหนือมนุษย์ 帅哥!你掉了个通灵女友 -บทที่ 9 ซูหยางก็มีจุดอ่อน

โดย  โปรเจคพิเศษ by Hongsamut

แฟนผมเหนือมนุษย์ 帅哥!你掉了个通灵女友

บทที่ 9 ซูหยางก็มีจุดอ่อน

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว

เมื่อหลินอีซินออกจากสถานีตำรวจมาถึงบ้าน

หลังจากเล่าเหตุการณ์อย่างละเอียดยิบ ทันทีที่ก้าวออกจากสถานีตำรวจได้สิบก้าวก็ถูกแห่แหนด้วยฝูงนักข่าว

แสงแฟลชนับไม่ถ้วนยิงใส่เธอ แต่ละคนแย่งกันรัวคำถามใส่ เสียงดังอื้ออึงผสมเสียงแชะ-แชะ ประสานกันทั้งซ้ายขวาหน้าหลังบนถนนที่เงียบสงบ กระตุ้นแก้วหูอย่างเมามัน

“คุณคือเหยื่อรายที่สิบที่รอดชีวิตจากฆาตกรต่อเนื่อง ฉันขอถามได้ไหมว่าตอนนี้คุณรู้สึกยังไง”

“ไม่ทราบว่าคุณเห็นหน้าฆาตกรต่อเนื่องไหม”

“เล่าที่มาที่ไปให้ฟังคร่าวๆ หน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ฉันได้ยินมาว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ เป็นความจริงรึเปล่า?”

ทั้งหน้าทั้งหลังเต็มไปด้วยนักข่าวที่เบียดกันเข้ามา พวกนักข่าวที่กรูกันเข้ามารู้ได้ยังไงว่าฉันไปเผชิญหน้ากับฆาตกรต่อเนื่อง? ใครทำข่าวหลุด?

“กำลังทำอะไรกันน่ะ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจสองสามนายรุดออกมาจากสถานีดันกลุ่มนักข่าวออก จากนั้นก็ล้อมตัวหลินอีซินไว้เพื่อไม่ให้นักข่าวเข้าถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งกระซิบว่า “ตอนนี้แหละ รีบไปได้เลย”

หลินอีซินอาศัยจังหวะนั้นลอดผ่านช่องว่างมุดเข้าไปในรถแท็กซี่โดยไม่ลังเล

ภายใต้การขัดขวางของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกนักข่าวก็ไม่สามารถตามได้ หลินอีซินพิงเบาะหลังถอนใจด้วยความโล่งอก คนขับรถแท็กซี่เหลือบตามองผ่านกระจกมองหลังตลอดทาง เมื่อสายตาทั้งสองสบกันก็สามารถเข้าใจถึงอารมณ์ของเขาได้ กลางดึกรับผู้โดยสารที่ตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เป็นใครก็กลัว

“ลุงไม่ต้องกลัว นี่ไม่ใช่เลือดฉัน…” หลินอีซินพยายามปลอบใจเขา

ทันทีที่ประโยคจบลง คนขับแท็กซี่ก็เหยียบเบรกกะทันหัน สีหน้าท่าทางแตกตื่นตกใจระดับเก้าแมกนิจูด

หลินอีซินคิดว่าบางทีเขาอาจเข้าใจสิ่งที่พูดผิดไป... แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งพันตัว ต่างฝ่ายจึงนิ่งเงียบไปตลอดทางที่เหลือจนกระทั่งถึงจุดหมาย

ตอนนี้เสอหยู่กลายเป็นวิญญาณ มีเพียงหลินอีซินเท่านั้นที่มองเห็น ดังนั้นจึงได้พาอีกฝ่ายมาบ้านด้วย ผีบอดี้การ์ดหน้าประตูจ้องมองเสอหยู่อย่างตั้งใจ โห๊ะๆ... สงสัยคุณตำรวจหญิงจะสวยโดนใจเข้าละสิ?

หลินอีซินคิดว่าซูหยางน่าจะพักผ่อนนานแล้ว เพราะกลัวว่าเสียงเปิดประตูจะปลุกเขาให้ตื่นแล้วรัวหาเรื่องใส่ไม่หยุด พยายามเปิดประตูให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ เขย่งปลายเท้าเดินเข้าไป

เมื่อผลักประตูเปิดออก เสียงเงียบกริบกระทั่งระบบสั่งงานไฟที่หน้าประตูก็ไม่เปิดขึ้น หญิงสาวถอดรองเท้า ขณะกำลังเดินผ่านทางเดินเข้าไปในบ้าน ก็เห็นซูหยางนั่งอยู่ในความมืด

ซูหยางนั่งบนเก้าอี้ ขาสองข้างกางออก มือกอดอก ก้มหน้าลงหันหน้ามาทางประตู ดูเหมือนเขาจะผล็อยหลับไป อย่าบอกนะว่ากำลังรอฉันอยู่... ในท่าแบบนี้เนี่ยนะ? หลินอีซินชี้ไปที่ประตูห้องนอนตัวเองเพื่อบอกเสอหยู่ให้เข้าไปรอที่นั่น

หลังจากเสอหยู่ไปแล้ว ก็เดินเข้าไปผลักซูหยางเบาๆ “ตื่น! ตื่น!”

ร่างกายซูหยางขยับนิดหน่อย จากนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อ หลินอีซินผลักเขาอีก คราวนี้ออกแรงมากขึ้น “นายอย่านอนตรงนี้สิ! เดี๋ยวเป็นหวัด กลับไปที่ห้อง…”

ทันใดนั้นซูหยางก็คว้ามือเธอ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นจ้องมองมา นี่ทำให้เธอใจสั่นด้วยความตกใจ

“ไปไหนมาเนี่ย? ทำไมกลับมาดึกขนาดนี้” ตรงข้ามกับที่คาดคิดเอาไว้ ซูหยางไม่ได้ใช้น้ำเสียงหงุดหงิดหรือเย่อหยิ่งตามปกติ แต่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดปกติ

แต่การที่เขาทำอย่างนี้ เธอยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ” ซูหยางถามพลางมองเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด

“อยากจะคุยก็มาคุย แต่ช่วยปล่อยมือฉันก่อนได้ไหม” หลินอีซินมองมือที่ถูกซูหยางจับเอาไว้ “ชายหญิงต้องรักษาระยะห่างกันไว้หน่อยนะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว ซูหยางก็รีบสะบัดมือออก ราวกับปฏิกิริยาสะท้อน เขาวางมือลงพลางอธิบายด้วยความตื่นตระหนก “ฉันไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรนะ เป็นเพราะเมื่อกี้เธอปลุกฉัน…”

หลินอีซินพยักหน้าตบไหล่เขา พูดด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติที่สุด “ฉันรู้นายไม่ได้ตั้งใจ ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก”

หญิงสาวเปลี่ยนมาใส่รองเท้าเดินในบ้าน เดินเข้าไปข้างใน

“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลย ทำไมเธอถึงกลับมาในสภาพอย่างนี้ได้?” ซูหยางชี้ไปที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด โน้มตัวเข้าใกล้ขึ้น ทั้งที่ในบ้านก็มีกันสองคน แต่เขาก็ยังมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง กระซิบข้างหู “เธอไม่ได้ไปฆ่าใครมาใช่ไหม”

“ถ้าฉันฆ่าใครสักคน นายคิดว่าฉันยังจะกลับบ้านอย่างใจเย็นขนาดนี้ได้ไหม รอให้นายโทรแจ้งตำรวจแห่มาจับตัวฉันรึไง”

ปฏิกิริยาของซูหยางก็ทำให้หลินอีซินประหลาดใจเช่นกัน สมกับเป็นนักเขียนที่เชี่ยวชาญด้านนิยายอาชญากรรม เขายังสงบนิ่งได้เมื่อเห็นตัวเธอเต็มไปด้วยเลือด เมื่อเปรียบเทียบกับคนขับรถแท็กซี่ที่กลัวจนหัวหด เห็นได้ชัดว่าซูหยางไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

สัตว์ประหลาดชัดๆ

“เธอเหรอ... ด้วยนิสัยน่าเบื่อของเธอ ไม่ใช่ว่าไปทะเลาะกับใครแล้วถูกแทงเข้าใช่ไหม?” ซูหยางสร้างสมมติฐานอีกแบบขึ้น

นายมีสิทธิ์ที่จะพูดเกี่ยวกับปัญหาด้านบุคลิกภาพของฉันเรอะ? หลินอีซินทำเสียงหึตอกกลับไปว่า “ฉันไม่ใช่แมลงสาบตายยากนะ ถ้าโดนแทงจะยังมายืนต่อหน้านายแบบนี้ได้ไหม? ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้แทงใครแล้วก็ไม่มีใครแทงฉัน เพียงแต่ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งพยายามช่วยชีวิตฉัน ตอนนี้เธอยังอยู่ในห้องไอซียูอยู่”

หลินอีซินหยิบขวดน้ำจากตู้เย็น เตรียมตัวกลับไปที่ห้องนอน

ก่อนจะเข้าไป หลินอีซินจงใจถลึงตาใส่ซูหยางเตือนว่า “ฉันมีเรื่องสำคัญมาก อย่ารบกวนฉัน ดึกแล้ว กลับไปนอนในห้องตัวเองซะ!”

หลังจากเดินเข้าห้อง เสอหยู่เกาะติดอยู่ข้างหน้าต่างโยกตัวไปมาโดยมีผีเมียน้อยห้อยหัวอยู่ที่ด้านนอก หลินอีซินรีบปิดม่านพูดว่า “อย่าเลียนแบบสิ่งไม่ดี นั่นเป็นงานอดิเรกไร้สาระของหล่อน”

จากนั้นหลินอีซินก็นั่งลงบนเตียง กวักมือเรียกเสอหยู่ให้มานั่งด้วย

“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอวันนี้ ฉันอาจจะ… ไม่… ฉันตายแน่” หลินอีซินยื่นมือไปจับมือเสอหยู่อย่างเคยชิน แต่สุดท้ายก็คือคว้าอากาศ

หลินอีซินยิ้มออกมาแบบฝืดเฝื่อน พยายามปลอบเสอหยู่ “จากการคาดเดาของฉัน ตอนนี้เธอยังไม่ตาย แค่วิญญาณหลุดออกจากร่างชั่วคราว เธอเคยดูซีรีส์อ่านนิยายประเภทนี้ไหม วิญญาณแยกออกจากร่างน่ะ นั่นคือเธอในตอนนี้… อ่า จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจมากหรอก ตามหลักเธอยังมีโอกาสรอด อย่าเพิ่งหมดหวัง!”

หลินอีซินพูดไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะได้เห็นปฏิกิริยาของเสอหยู่ ประตูห้องก็เปิดผ่าง ซูหยางหันข้างอยู่หน้าประตู กวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวหญิงสาวด้วยความระแวดระวังสุดขีด

เมื่อไม่เห็นอะไร สีหน้าเขาก็สับสน “เธอกำลังพูดกับใครอยู่?”

“ใครใช้ให้นายเข้ามา?” หลินอีซินแหววใส่ “ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามรบกวน”

ซูหยางจ้องมองมาอย่างไม่สะทกสะท้าน สายตาจับผิด “ฉันไม่ได้เข้าไปนี่ ไม่เห็นเรอะฉันยืนอยู่ข้างนอก?”

“นายต้องการอะไร มีอะไรก็พูดมาเลย ฉันกำลังยุ่ง”

ซูหยางยกมือขึ้นเคาะประตูสองครั้ง

“หมายความว่ายังไง?”

“ให้ฉันเข้าไป”

“ประตูเปิดอยู่แล้ว ก็เข้ามาเองสิ อะไรกันนักหนา จะให้ฉันไปแบกเข้ามารึไง?”

ซูหยางทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับความโกรธของหญิงสาว เขาเคาะประตูอีกสองครั้ง “พูดว่าให้ฉันเข้าไป”

หลินอีซินสังเกตเห็นบางอย่าง รอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏที่มุมปาก “ซูหยาง ถ้าฉันไม่พูด นายก็จะไม่เข้ามาใช่ไหม”

ซูหยางผงะไปแม้จะหลุดมาดเพียงไม่กี่วินาที แต่ก็ยังไม่พ้นตาเหยี่ยวของหลินอีซินไปได้

ที่แท้ซูหยางก็มีจุดอ่อนแบบนี้เหรอเนี่ย! ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ถ้าคนอื่นไม่บอกให้เข้ามา เขาจะไม่มีวันเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่น

นี่คือการคาดเดาของฉัน

“เธอกำลังคุยกับใครกันแน่? ในสัญญาระบุไว้อย่างชัดเจนว่าถ้าจะพาเพื่อนมาที่บ้านจะต้องได้รับการอนุมัติจากฝ่ายเอ ซึ่งก็คือฉัน…”

“เพื่อน? นายเห็นใครในห้องนี้อีกไหมล่ะ?” หลินอีซินพูดอย่างมั่นใจ

“ฉันต้องเข้าไปก่อนถึงจะพิสูจน์ได้ ให้ฉันเข้าไปสิ” เอ๊ะมองผิดไปเปล่า? ซูหยางผู้ยิ่งใหญ่ตอนนี้กำลังทำแก้มป่องและมีอารมณ์ที่น่าเอ็นดูเหมือนมนุษย์

“ประตูเปิดอยู่ ไม่มีใครขวางนายสักหน่อย” หลินอีซินแกล้งไม่พูดสองคำที่ซูหยางต้องการได้ยิน อยากให้เขาโกรธจนพ่นไฟไปได้ยิ่งดี

ซูหยางยกมือกอดอก “เธอจงใจทำแบบนี้ใช่ไหม?”

หลินอีซินกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา แบมือออก “ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด แต่ถ้านายไม่รีบบอกอะไรละก็ ฉันจะปิดประตูแล้วก็คุยกับตัวเองต่อไปแล้วนะ!”

ใบหน้าของซูหยางเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียว ท่าทางโกรธมาก เพราะกลัวว่าเขาจะระเบิดจนเตะเธอออกจากบ้าน โอเคเลิกยั่วก็ได้

“เชิญเจ้าค่ะ”

คำนี้สำหรับซูหยางไม่ต่างอะไรกับเสียงปืนปล่อยตัวนักกีฬา เขาพุ่งเข้ามาในห้องนอนหลินอีซินทันที “ถ้าฉันเจอว่าเธอพาใครมาที่นี่ละก็ เธอเสร็จแน่”

“เชิญค้นตามสบาย แต่ถ้าหาไม่เจอ ฉันไม่ยอมให้นายกล่าวหาเลื่อนลอยอีกแล้วนะ!” หลินอีซินรู้ว่ายังไงเขาก็มองไม่เห็นเสอหยู่อยู่ดี ดังนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

ก็ตามคาด ขนาดเสอหยู่อยู่ตรงหน้า ซูหยางก็ไม่ได้รับรู้อะไรเลย เขาเดินผ่านวิญญาณเสอหยู่ไปดื้อๆ

“ฉันได้ยินชัดว่าเธอคุยกับใครสักคน…” ซูหยางพูดเองเออเองเดินตรวจเปิดนู่นเปิดนี่ สำรวจกระทั่งใต้เตียงก็ก้มไปดูด้วยซ้ำ

“นี่นายแอบฟังเหรอ? นิสัยไม่ดี” หลินอีซินกลอกตาไปที่ซูหยางที่กำลังนอนราบบนพื้นพยายามมุดเข้าไปใต้เตียง เธอไม่สนเขาถอดเสื้อเปื้อนเลือดออก เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าค้นเสื้อใหม่มาใส่


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว