ในเวลานี้เองซูหยางก็ลุกขึ้นสบตากับหลินอีซินพอดี
เมื่อเห็นหญิงสาวสวมเสื้อกล้ามตัวเดียวก็รีบเอามือปิดตา หันหลังกลับ พูดตะกุกตะกักว่า “ทะ...เธอถอดเสื้อทำไม ประสาทไปแล้วเหรอ”
“เสื้อผ้าฉันมีแต่เลือดก็ต้องเปลี่ยนชุดใหม่สิ ไม่งั้นนายจะให้ฉันสวมชุดนี้จนถึงฤดูหนาวเลยรึไง?” แต่อาการตอบสนองของซูหยาง ทำให้คนมองสงสัยขึ้นมา
ซูหยางพูดไม่ออก
หลังจากเงียบไปนาน เขาก็พูดเสียงขึงขังอีกครั้ง “ในสัญญาบอกชัดเจนว่าเธอห้ามเปิดเผยเนื้อตัวในพื้นที่ส่วนกลาง ลืมไปแล้วเรอะ เธออยากจะละเมิดสัญญาหรือไง”
“คุณชายคะ ที่นี่พื้นที่ส่วนกลางเหรอคะ นี่ห้องนอนฉัน! อีกอย่างฉันก็ไม่ได้แก้ผ้าด้วย นายเห็นเสื้อกล้ามที่ฉันใส่อยู่ไหม เนี่ยๆ” หลินอีซินพูดพลางตบหลังซูหยาง
ใครจะคิดว่าเมื่อฉันทำแบบนี้ ซูหยางจะสะดุ้งโหยงเหมือนถูกเข็มแทง จากนั้นก็หลับตาวิ่งหัวซุนออกไป กระแทกผนังโครมใหญ่ก่อนจะปิดประตูตามลงมาด้วย
“เธอกล้าถอดเสื้อต่อหน้าผู้ชายเชียวเหรอ ยัยโรคจิต” ซูหยางตะโกนผ่านประตู
“นาย!” หลินอีซินกระชากประตูเปิดออกจ้องซูหยางที่ยังอยู่หน้าประตูเขม็ง วางมือลงที่ชายเสื้อด้านล่าง แกล้งทำเป็นเลิกขึ้น
อย่างที่คาดไว้ เมื่อเขาเห็นว่าหญิงสาวใจกล้าขนาดนี้ ซูหยางก็วิ่งปรู๊ดเข้าไปในห้องนอนตัวเอง
ชิชะ? คิดจะต่อกรกับคนอย่างฉันเรอะ? หลินอีซินยิ้มอย่างกำชัยชนะ ปิดประตู หันกลับมาชูสองนิ้วบอกถึงชัยชนะให้เสอหยู่ที่นั่งอยู่ “ฉันพบจุดอ่อนของตาบ้านั่นแล้ว”
หนึ่งคนหนึ่งวิญญาณคุยกันต่อ แต่ก็ไม่สามารถหาวิธีแก้ปัญหาไห้ หลินอีซินเปิดแล็ปท็อปค้นข้อมูลเกี่ยวกับวิญญาณออกจากร่าง หวังว่าจะพบอะไรเป็นประโยชน์
แต่เว็บไซต์ส่วนใหญ่ไร้สาระ ยิ่งค้นหามากเท่าไร ก็ยิ่งหมดหวังมากเท่านั้น ด้วยความคิดจะรักษาม้าที่ตายไปแล้วเหมือนม้าที่ยังมีชีวิตอยู่[1] หลินอีซินทิ้งคำถามไว้ในกระดานสนทนาเพื่อเสาะหาคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการนำวิญญาณกลับร่าง
หลังจากรออยู่นาน ก็มีคนมาตอบ แต่กลับเป็นการหัวเราะกระเซ้าเย้าแหย่
อีกสักพักก็มีคนมาตอบอีก แต่ก็เป็นความคิดเห็นเหน็บแนมไม่ก็โฆษณาประหลาดๆ
วิธีนี้ท่าทางจะล้มเหลว หลินอีซินเหมือนตกลงไปในเขาวงกตความคิด สายตาจ้องมองไปที่เสอหยู่ ทันใดนั้นก็นึกบางอย่างออก ตบมือฉาดอย่างตื่นเต้น “เสอหยู่กลับไปที่โรงพยาบาลกันเถอะ!”
พูดจบก็สวมเสื้อคลุมตั้งท่าจะเดินออกไป
“ฉันเคยดูหนังเรื่องหนึ่งมาก่อน ในเมื่อวิญญาณออกจากร่าง งั้นก็มุดกลับเข้าร่างให้จบๆ ใช่ไหม? ตามหลักวิทยาศาสตร์ร่างกายเธอยังมีชีวิต ควรกลับเข้าไปได้ ไปที่โรงพยาบาลลองดูกัน!”
หลินอีซินเดินไปที่ประตูด้วยความกระวนกระวายใจ “เอ๊ะ? ทำไมประตูเปิดไม่ออก”
เมื่อออกแรงหมุนลูกบิดซ้ายขวา แต่ลูกบิดก็ไม่ขยับเลย เมื่อครู่ตอนที่แหย่ซูหยางยังหมุนได้อยู่เลย
ความคิดหนึ่งวาบขึ้น หลินอีซินตบประตูตะโกนว่า “ซูหยาง! นายทำอะไรอีกน่ะ?”
ไม่มีใครตอบ
“ซูหยาง! ฉันรู้นะว่าเป็นนาย! มาเปิดประตูให้ฉันซะดีๆ! ฉันมีเรื่องด่วนต้องออกไปทำเดี๋ยวนี้!” ไม่เข้าใจเขาเลยจะขังฉันไว้ในห้องเพื่ออะไร
ไม่นานก็มีกระดาษโน้ตลอดช่องประตูเข้ามาเขียนว่า
[เนื่องจากวันนี้เธอเหมือนผ่านสงครามใหญ่บางอย่างมา ฉันใจดีจึงไม่เอาเรื่องพฤติกรรมประหลาดและฝ่าฝืนสัญญาของเธอ และในฐานะรูมเมตที่จิตใจดีมีเมตตา ฉันตัดสินใจว่าจะให้เธอพักผ่อนสบายๆ ในห้องเพื่อแสดงความเอื้ออารี]
สวรรค์โปรด! วงจรสมองนักเขียนชอร์ตแบบนี้กันหมดเลยเหรอ? ตรรกะบ้าอะไรเนี่ย? สมองเขากระทบกระเทือนตอนที่เดินชนกำแพงใช่ไหม?
“ตอนนี้ฉันมีเรื่องด่วนมากจริงๆ เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ไม่ว่าจะเคาะประตูแรงแค่ไหน ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ด้วยความเหนื่อยล้า
หลินอีซินหันกลับมาอย่างช่วยไม่ได้ พูดกับเสอหยู่ “ดูเหมือนวันนี้เราออกไปไม่ได้แล้ว ต้องไปพรุ่งนี้แทนแล้วแหละ”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินอีซิน เสอหยู่ก็เดินผ่านกำแพงเข้าออก กลับไปกลับมาต่อหน้า
คุณพี่ตำรวจ ถึงเธอทะลุผ่านกำแพงได้ แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันคิดกับตัวเองพลางปรบมือพูดว่า “ว้าว! เทคนิคทะลุกำแพง! เก่งจังเลย… เธอล้อฉันเล่นเหรอ?”
ดูเหมือน เสอหยู่จะรับรู้สิ่งที่หลินอีซินต้องการสื่อ เธอเข้าใจนั่งยองๆ ที่มุมห้องเล่นกับผีแมว
พูดอย่างจริงจังเสอหยู่ยังนับว่าเป็น ‘มนุษย์’ เพราะร่างกายยังมีชีวิต ดังนั้นนี่คือครั้งแรกที่มีคนคนหนึ่งเต็มอกเต็มใจนอนค้างกับเธอ
หรือว่านี่คือคืนแห่งเพื่อนรักที่ว่ากัน?
เมื่อคิดอย่างนั้น หัวใจหลินอีซินก็เต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูก บางครั้งก็เหลือบมองเสอหยู่เป็นช่วงๆ ก็ยังเห็นอีกฝ่ายเล่นกับทอมอยู่
นี่คือเพื่อนในอุดมคติของฉันไม่ใช่เหรอ สวย ซื่อสัตย์และกล้าหาญ! ที่สำคัญที่สุดไม่รังเกียจฉัน! ไม่รู้ว่าเสอหยู่เต็มใจหรือไม่ แต่หลินอีซินให้อีกฝ่ายขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดไปเรียบร้อย
ที่จริงหลินอีซินไม่ค่อยแน่ใจนิยามคำว่าเพื่อนรักเท่าไร แต่ตอนนี้เธออยากใช้คำนี้มานิยามกับเสอหยู่
ไม่ๆๆๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนี้ ถึงออกไปไม่ได้แต่จะมานั่งเฉยๆ ไม่ได้ ไอ้ฆาตกรนั่นฉันต้องจับมันให้ได้
และฉันยังมีข้อได้เปรียบที่คนอื่นไม่มี นั่นคือสามารถเห็นผีสองตนที่ติดตามฆาตกร เพื่อระบุตำแหน่งของมัน
แต่คำถามคือฉันจะเห็นผีสองตนนั้นได้อีกยังไง?
หลินอีซินเปิดข่าวล่าสุดเกี่ยวกับฆาตกรบนอินเทอร์เน็ต ไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามนุษย์คนหนึ่งจะชั่วร้ายขนาดนี้ได้ยังไง?
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนคดีฆาตกรรมคล้ายคลึงกันทั้งหมดเก้าคดี ซึ่งสงสัยว่าเป็นฝีมือของฆาตกรโรคจิตคนเดียวกัน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังจับตัวมันไม่ได้
เก้าคดี ตายเจ็ดคน อีกสองคนยังไม่ได้สติ
เหยื่อสองคนไม่ได้สติ? บางทีนี่อาจจะเป็นเบาะแสนำไปสู่การค้นหาฆาตกร ไม่ต้องพูดถึงความสะดวกสบายของโลกออนไลน์ ภายในสองนาที ก็พบรูปถ่ายของเหยื่อสองคนที่รอดชีวิต
“นี่มัน?” ดวงตาจ้องไปที่ใบหน้าบนจอคอมพิวเตอร์แทบติดด้วยความประหลาดใจ พวกเขาคือผีที่ติดตามฆาตกรไม่ใช่เหรอ!
ที่แท้พวกเขายังไม่ตาย งั้นก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกับเสอหยู่รึเปล่า...
ที่บังเอิญเข้าไปใหญ่ โรงพยาบาลที่พวกเขารักษาตัวก็อยู่ที่เดียวกับเสอหยู่ ในที่สุดก็เริ่มเห็นแสงแห่งความหวังแล้ว
มีการแจ้งเตือนจากกระดานสนทนา [ท่านมีคำตอบใหม่]
มีคนมาตอบอีกแล้วเหรอ? เพราะไม่อยากคาดหวังอะไรอีกแล้ว แต่เพราะโรคย้ำคิดย้ำทำ ทำให้เกิดความไม่สบายใจเมื่อเห็นจุดสีแดงที่แจ้งเตือน ตอนที่ต้องการเปิดเพื่อกำจัดทิ้งซะ ก็เหลือบมองคำตอบโดยไม่ได้ตั้งใจ คนตอบถามว่า [วิญญาณหลุดจากร่างในสถานการณ์อย่างไร?]
หรือว่าฉันได้เจอกับมืออาชีพเข้าแล้ว?
มือพิมพ์รีบตอบอย่างรวดเร็ว [ร่างกายอยู่ที่โรงพยาบาล อวัยวะทุกอย่างทำงานปกติ แต่วิญญาณไปมาแบบอิสระจะนำวิญญาณกลับเข้าสู่ร่างกายได้ยังไง?]
คนคนนั้นถามอีกครั้ง [เธอรู้ได้ยังไงว่าวิญญาณเป็นอิสระ?]
หลินอีซินตอบ [ฉันเห็น]
โดยปกติเมื่อถึงตรงนี้คนส่วนใหญ่จะหัวเราะเยาะหรือไม่ก็เลิกสนใจ แต่คนคนนี้แตกต่างออกไป เขาตอบว่า [น่าสนใจ พรุ่งนี้บ่ายสามโมงมาที่ชิงถาน โซนเอ ตึกสิบหก ห้องหนึ่งแปดศูนย์สี่จะมีคนไขข้อสงสัยให้เมื่อเธอมาถึง]
จากนั้นก็ไม่มีข้อความอะไรต่อ
ไม่ว่าจะถามอะไร คนคนนั้นก็ไม่ตอบ มองสถานะของเขาขึ้นว่าออฟไลน์แล้ว หลินอีซินกลัวว่านี่จะเป็นการหลอกลวง แต่ก็ไม่มีทางอื่น ดังนั้นขอจดที่อยู่เอาไว้ก่อน
ชิงถาน โซนเอ ตึกสิบหก ห้องหนึ่งแปดศูนย์สี่ สถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน
ตอนนี้หลินอีซินชักเริ่มง่วงนอนมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เป็นวันที่ตื่นเต้นเขย่าขวัญมาก ร่างเอนตัวพิงหัวเตียง มองเสอหยู่ที่ยังเล่นกับทอม ค่อยๆ เคลิ้มหลับไป
ในความฝันซูหยางปรากฏตัวขึ้น นี่ไม่ใช่ความฝันพิเศษอะไร พื้นหลังของความฝันเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ซูหยางสวมชุดนักเรียนมัธยมปลายหลวมๆ ยืนตรงหน้าเธอตะโกนว่า “ยืนเซ่อตรงนั้นทำไม? ยังไม่ไปไหนอีก?”
หลินอีซินอึ้งไปครู่หนึ่งจ้องมองซูหยาง นิ้วยกขึ้นชี้ที่ตัวเอง “นายกำลังพูดกับฉันเหรอ?”
ซูหยางยิ้มแบบเอ็นดู ก้าวเข้ามาวางมือลงบนศีรษะเธอเอนตัวเข้าหา “ยัยโง่ แน่นอนว่าฉันกำลังคุยกับเธออยู่!”
“ทำไมฉันกับ…” เพราะการเข้าใกล้ของซูหยาง หลินอีซินจึงสัมผัสได้ถึงแก้มสองข้างร้อนผ่าวขึ้น ดวงตาก็ไม่สามารถละจากใบหน้าสมบูรณ์แบบของเขาได้อีก
“ถ้าเธอยังยืนเซ่อ ฉันจะหายตัวไปนะ” ซูหยางขู่เบาๆ
หลินอีซินสั่นหน้า “ฉันไม่เชื่อ นายจะหายไปได้จริงเหรอ”
หญิงสาวพยายามคว้ามือของเขาแต่ก็คว้าไว้ไม่ได้ ในที่สุดร่างกายของซูหยางก็ค่อยๆ โปร่งแสงที่เบื้องหน้า
“นาย…”
“ก็บอกแล้วว่าอย่าซื่อบื้อนัก ฉันต้องไปก่อนล่ะ” ท่าทางเห็นซูหยางยังจับอยู่ที่หัวเธอ แต่เธอกลับสัมผัสไม่ได้ ได้แต่มองเขายิ้มค่อยๆ เลือนหายไป เธอถูกทิ้งไว้คนเดียวท่ามกลางสีขาวบริสุทธิ์นี้
ไม่นานพื้นที่สีขาวก็ไม่ได้บริสุทธิ์อีกต่อไป รู้สึกราวกับโลกสับสนวุ่นวายพันธนาการตัวเอาไว้
ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับซูหยางในความฝันคืออะไร? ฉันไม่รู้
แต่สิ่งที่ฉันรู้คือความรู้สึกที่มีต่อซูหยางในความฝันเปลี่ยนไป ไม่ใช่ความรู้สึกที่ไม่พอใจทุกทีเมื่อเห็นเขาในชีวิตจริง
แต่เป็นความรู้สึกที่ไม่ควรพบกับตัวเองในตอนนี้
นี่คือความรู้สึกที่หัวใจสั่นไหวของสาวน้อย
------------
[1] 死马当活马医 รักษาม้าที่ตายไปแล้วเหมือนม้าที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นสำนวนแปลว่ารู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังพยายามเหมือนยังมีหวัง ทำทุกอย่างให้ถึงที่สุด
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่