บทที่ 36 อันธพาลตัวน้อยแห่งตระกูลฉินก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน
ใบหน้าของฉินเฉิงฮ่าวซีดลง มือเล็ก ๆ จับขากางเกงไว้แน่นและส่งเสียงออกมา
“ขอโทษ”
ใบหน้าของฉินอี้หานเย็นชา ดวงตาทั้งสองข้างราวกับน้ำแข็งที่กำลังละลาย
“หืม?”
ฉินเฉิงฮ่าวสูดหายใจเข้าลึก ๆ ทัังเสียใจทั้งน้อยใจ จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง
“อิงอิงน้อย ขอโทษ!”
ความแค้นครั้งนี้ เขาจะจำไว้
คุณอาเล็กยุ่งมากไม่สามารถปกป้องเธอได้ตลอดเวลาหรอก
พี่ชายลี่เฉิงก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ฉินอิงอิงจะต้องอยู่คนเดียว
เขาเพิ่งจะอายุเจ็ดขวบ ถึงแม้จะเอ่ยปากขอโทษ แต่ทุกคนได้ก็เห็นถึงความโกรธและความคับข้องใจที่ปรากฏอยู่ทั่วทั้งใบหน้า
ฉินอี้เฉินปวดหัวและกำลังจะตำหนิ แต่น้องชายคนเล็กกลับเป็นฝ่ายเปิดปากพูดอีกครั้ง
“ฉินเฉิงฮ่าว นายอายุเจ็บขวบแล้ว อาคิดว่าเด็กผู้ชายอายุเจ็ดขวบควรมีความสามารถในการแยกแยะดีชั่ว แต่เห็นได้ชัดว่านายไม่มี”
“ฉินเฉิงฮ่าว หลานอายุเจ็ดขวบแล้ว อิงอิงน้อยอายุเพียงสามขวบครึ่ง แต่นายแอบจู่โจมเธอจากด้านหลัง ถ้าลี่เฉิงอุ้มเธอขึ้นมาไม่ทัน ตอนนี้ขาข้างหนึ่งของนายคงจะพิการไปแล้ว”
“ฉินเฉิงฮ่าวอายุเจ็ดขวบแล้ว กลับถูกเด็กอายุสามขวบครึ่งทำให้กลัว ถ้าเด็กคนนี้ไม่ใช่อิงอิงน้อยแต่มีแรงเหมือนกับเธอ นายคิดว่าตนเองยังจะมีแขนขาดี ๆ มายืนพูดอยู่ที่นี่หรือไม่?”
ฉินเฉิงฮ่าวรวมถึงทุกคนในตระกูลฉินอึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินฉินอี้หานพูดเยอะขนาดนี้
ทุกครั้งแต่ละประโยคที่ฉินเฉิงฮ่าวได้ยินจะขึ้นต้นด้วย ‘คุณอายุเจ็ดขวบแล้ว’ เสียงที่กระทบหูของเขาราวกับคำสาป
เด็กชายถูกต้อนให้จนมุมด้วยคำว่า ‘อายุเจ็ดขวบแล้วแต่ถูกเด็กน้อยวัยสามขวบครึ่งตี’
ตีก็ตีแล้ว ผลแพ้ชนะทุกคนก็รู้แล้ว หน้าตาของเขาล่ะจะเอาไปไว้ที่ไหน?
สุดท้ายยังต้องก้มหัวขอโทษคุณอาเล็กอีก
ขอโทษก็ขอโทษแล้ว ทำไมยังต้องทำให้ขายหน้าด้วย...
จอมอันธพาลของตระกูลฉินไม่เคยรู้สึกอาย โกรธ เสียใจและหดหู่ขนาดนี้มาก่อน
แต่เมื่อคิดให้รอบคอบ คุณอาเล็กก็พูดถูก
เขายังไม่เคยเจออิงอิงน้อยก็เชื่อคำพูดของคนอื่นก่อนแล้ว อีกทั้งยังคิดว่าน้องสาวเป็นคนปัญญาอ่อนที่ไม่สามารถพูดได้จึงไม่ชอบเธอจากก้นบึ้งของหัวใจ
ต่อมาจึงรู้สึกตกตะลึงกับเจตนาฆ่า ความรุนแรง และความเย็นชาของอิงอิงน้อย ความรู้สึกหายใจไม่ออกแบบนั้นนึกแล้วยังทำให้กลัวจนถึงตอนนี้
ฉินเฉิงฮ่าวยิ่งคิดก็ยิ่งละอายใจมากขึ้น ท้ายที่สุดเขาก็ก้มหัวลงและกัดฟันเอ่ยเสียงดัง
“อิงอิงน้อย ขอโทษ พี่ผิดไปแล้ว”
ฉินอิงอิงมองดูและเบ้ปากใส่ หลังจากนั้นจึงหันหลังไม่สนใจเขา
ฉินเฉิงฮ่าวหมดคำพูด “...”
คำขอโทษของเขายังไม่จริงใจมากพอเหรอ?
พอกันที!
อันธพาลตัวน้อยแห่งตระกูลฉินก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ!
เยี่ยนลี่เฉิงมองไปยังอิงอิงน้อยและบีบแก้มอ้วน ๆ ของเธอ
“อิงอิงน้อยทำไมต้องเมินเฉยต่อพี่ชายคนที่เจ็ดล่ะ?”
ฉินอิงอิงแค่นเสียง ‘ฮึ’ อย่างทะนง “เขารังเกียจที่หนูพูดไม่ได้และปัญญาอ่อน แต่สมองเขาเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หนูไม่มีพี่ชายคนที่เจ็ดโง่เขลาขนาดนี้!”
ลูกวาฬน้อยเลียนแบบท่าทางของฉินเฉิงฮ่าวที่น่ารังเกียจก่อนหน้านี้และพูดอีกสามคำออกมา
“น่าขายหน้า!”
เยี่ยนลี่เฉิงตกใจ “...”
ฉินเฉิงฮ่าวตกตะลึง “...”
คนอื่น ๆ ในตระกูลฉินตกอยู่ในความเงียบ “...”
เยี่ยนลี่เฉิงปลอบเธออย่างอ่อนโยน “อิงอิงน้อย พี่ชายคนที่เจ็ดของเธอเป็นลูกของลุงรองและป้าสะใภ้รอง ก็เหมือนกับเธอที่เป็นลูกสาวของคุณอาฉิน พวกเราคือคนที่สนิทกันมากที่สุด”
ฉินอิงอิงสับสน “แต่พี่เขาโง่จริง ๆ นี่!”
ฉินเฉิงฮ่าวแย้ง “ฉัน… ฉันโง่ยังไง?”
ฉินอิงอิงยืนตัวตรงและจ้องมองไปที่ฉินเฉิงฮ่าวที่ตัวสูงกว่าเธอครึ่งหนึ่ง สองมือเท้าสะเอวและเริ่มประณาม
“พี่ก็รู้ดีว่าฉันเป็นลูกสาวของอาพี่ แต่หลังจากที่เจอฉันแล้ว พี่ก็ยังเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่กับคำพูดของคนนอกที่บอกว่าฉันเป็นเด็กโง่ แถมยังเรียกฉันว่าเด็กปัญญาอ่อนหลายครั้ง ในโลกนี้มีครอบครัวไหนบ้างไม่เชื่อครอบครัวของตัวเองแต่กลับไปเชื่อคนนอก? ถ้าแบบนี้ไม่โง่แล้วเรียกว่าอะไร? หรือว่าพี่เชื่อคนนอกมากกว่าญาติของตัวเอง? ทุกสิ่งในโลกนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่มีเพียงความสัมพันธ์ทางสายเลือดเท่านั้นที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและน่าเชื่อถือที่สุด ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อ แต่ฉันได้รับการยอมรับจากพ่อ พี่ชายลี่เฉิง คุณปู่ คุณย่า ลุงใหญ่ ลุงรอง ป้าสะใภ้ใหญ่ ป้าสะใภ้รองและพี่ชายทั้งหกคน! ฉันก็เป็นคนในตระกูลฉินเหมือนกัน!”
ฉินเฉิงฮ่าวกลั้นใจฟังคำพูดยาวเหยียดนั่น “...”
ถึงแม้ว่าอิงอิงน้อยจะพูดยาวและรวดเร็วแต่เขาก็ได้ยินหมดทุกคำพูด
หลังจากได้ยินสิ่งนี้เด็กชายจึงรู้สึกละอายใจมากกว่าโกรธ
ถึงแม้ว่าเขาเพิ่งจะอายุเจ็ดขวบ แต่ตระกูลฉินก็สอนเด็กในตระกูลอย่างดี
ใช่!
โลกนี้จะมีอะไรสำคัญกว่าคนในครอบครัวและญาติของตัวเองอีกล่ะ?
ไม่มี!
เขาเป็นคนโง่จริง ๆ
ฉินเฉิงฮ่าวขอโทษอย่างจริงใจอีกครั้ง “น้องสาว ขอโทษจริง ๆ พี่ชายรู้สึกผิดแล้ว”
ฉินอิงอิงรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของอีกฝ่ายและยอมรับอย่างไม่เต็มใจนัก
แม้ว่าการขอโทษจะไม่สำคัญสำหรับเธอ แต่ดูเหมือนพ่อและคนอื่น ๆ จะรอให้เธอพูดอยู่
ฉินอิงอิงแสดงรอยยิ้มที่น่ารักออกมาทันที ดวงตากลมโตขององุ่นโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว เธอยื่นตวนเอี้ยนและกาต้มน้ำขนาดเล็กให้กับเยี่ยนลี่เฉิง แล้วเดินไปข้าง ๆ ฉินเฉิงฮ่าว
“พี่ก้มศีรษะลงหน่อย!”
ฉินเฉิงฮ่าวไม่รู้ว่าอิงอิงน้อยจะทำอะไร แต่ในเมื่อตัดสินใจขอโทษอย่างจริงจังแล้ว เขาจึงรีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว
ฉินอิงอิงยืนเขย่งเท้าของเธอและจุ๊บไปที่แก้มของเขาหนึ่งที
“มอบของขวัญให้กับพี่ชายคนที่เจ็ด”
ฉินเฉิงฮ่าวสติหลุดออกจากร่าง “...”
ฉินเฉิงเฟิงและฉินเฉิงหนิงเข้ามาใกล้ ๆ “อิงอิงน้อย พวกเราล่ะ? ไม่มีของขวัญเหรอ?”
ฉินอิงอิงวิ่งเตาะแตะไปด้านหน้าของพี่ชายทั้งสองคนและจุ๊บไปที่ใบหน้าของพวกเขา
“พี่ชายคนที่ห้า พี่ชายคนที่หก ฉันคืออิงอิงน้อย”
ฉินเฉิงเฟิง ฉินเฉิงหนิง และฉินเฉิงฮ่าวอายุค่อนข้างน้อยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญให้อิงอิงน้อย
แต่พวกเขาก็มีวิธีที่จะตอบแทน
“อิงอิงน้อย อีกสักพักพวกเราจะพาเธอไปซื้อของขวัญ”
ฉินอิงอิงหันไปมองข้างนอก “แต่ฟ้ามืดแล้ว”
ฉินเฉิงเฟิงลูบศีรษะของตนเอง “ก็จริง อย่างนั้นพรุ่งนี้เป็นอย่างไร?”
ฉินอิงอิงมองไปยังฉินอี้หาน “พ่อคะ พรุ่งนี้พวกเรายังมาอีกไหม?”
คุณย่าฉินจึงเอ่ยปาก “วันนี้ตอนค่ำทุกคนพักอยู่ที่นี่เถอะ ก่อนเปิดเทอมค่อยกลับ”
ฉินเฉิงเฟิงและฉินเฉิงหนิงอดไม่ได้ที่จะดีใจ “ดีมากเลย! พรุ่งนี้พวกเราจะพาอิงอิงน้อยไปเลือกของขวัญด้วยตัวเอง”
ทั้งสองคนเข้าไปอยู่ใกล้กันโดยมีอิงอิงน้อยอยู่ตรงกลาง ตั้งใจจะพาน้องสาวไปทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกัน
ฉินเฉิงฮ่าวมองภาพนั้นอย่างขัดเขิน “...”
เด็กชายค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ “อิงอิงน้อย พรุ่งนี้ฉันจะไปด้วยได้ไหม?”
ฉินอิงอิงมองเขา “แน่นอนว่าพี่จะต้องไปด้วยกันกับพวกเรา พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
ฉินเฉิงฮ่าวตาเป็นประกาย “...”
เขารู้สึกละอายใจอีกครั้ง
ฉินเฉิงเจ๋อกำลังมองเห็นใบหน้าละอายใจที่แดงก่ำของฉินเฉิงฮ่าวจึงหัวเราะคิกคักออกมา
ผู้ใหญ่ในตระกูลฉินแต่ละคนที่กำลังมองต่างก็กลั้นหัวเราะไม่ไหว
น้องเจ็ดเด็กที่สุด แต่จริง ๆ เขาเกิดช้ากว่าน้องหกเพียงแค่สองนาทีเท่านั้น เขาจึงได้รับตำแหน่งน้องเล็กและได้รับการสปอยล์จากพี่น้องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เด็กชายกลายเป็นอันธพาลตัวน้อยของครอบครัวโดยไม่รู้ตัว
ไม่คิดว่าเมื่ออิงอิงน้อยมาถึง ลูกคนเล็กจอมอันธพาลของตระกูลฉินจะก่อปัญหา
พวกเด็ก ๆ เล่นด้วยกันเป็นกลุ่ม เพราะมีเยี่ยนลี่เฉิง ฉินเฉิงเจ๋อและเด็กโตเป็นผู้ดูแล พวกผู้ใหญ่จึงไม่ต้องกังวลมากนัก
คุณย่าฉินกำลังพาลูกสะใภ้ทั้งสองไปจัดโต๊ะทานข้าว ทุกคนพร้อมรับประทานอาหาร
คุณปู่ฉินเลิกคิ้วและมองไปยังลูกชายคนเล็ก
“เกิดอะไรขึ้นกับอิงอิงน้อย”
ฉินอี้หานคิดอยู่สักพักจึงให้คำตอบ “เธอมีพลังเหนือธรรมชาติ”
คุณปู่ฉินตีบุตรชายด้วยสายตา “...”
แกคิดว่ากำลังแสดงละครเรื่องอะไรอยู่!
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว