Deceive เล่ห์เหลี่ยมลวงหลอก-อิมเมจ|ตัวละคร

โดย  SUNISAYOK

Deceive เล่ห์เหลี่ยมลวงหลอก

อิมเมจ|ตัวละคร

“ไอ้คุณเสาไฟฟ้า คุณดูแลหมาของคุณยังไงถึงปล่อยให้มาอึรดหน้าบ้านฉันแบบนี้!” รินลดาเท้าสะเอวยืนด่าเพื่อนบ้านหนุ่มหน้าดำหน้าแดง คนอย่างเธอมันต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทนมาหลายครั้งแล้วนะ!

“แล้วแมวบ้านคุณล่ะ กระโดดขึ้นมาบนกำแพง ชนกระถางต้นไม้ของผมตกแตกกระจัดกระจายแล้วไม่ทราบว่าคุณดูแลยังไงไม่ทราบคร๊าบคุณหลักกิโลฯ นมแบน”

ณกรเท้าสะเอวมองเธออย่างยีกวน รินลดาแทบจะกรีดร้องกับฉายาที่เขาตั้งให้เธอ นมแบนแล้วไง เตี้ยแล้วไง นึกว่าสูงแล้วดีหรือวิเศษวิโสกว่าคนอื่นหรือไง

“นมแบนแล้วไง ไอ้คุณเสาไฟฟ้า” รินลดาโต้ตอบกลับไปด้วยความโมโห

“ขอบคุณในคำชมนะครับ” เขาก้มศีรษะให้เธออย่างล้อเลียน

“ใครชมคุณเมื่อไหร่มิทราบ สมองผิดปกติหรือไง ฉันกำลังด่าคุณอยู่”

“อ้าว... ก็คุณบอกว่าผมสูงยาวเข่าดี หุ่นน่าขย้ำ มาปล้ำผมก็ยอมนะครับ”

“ไอ้บ้า ไอ้ลามก ไอ้หลงตัวเอง”

“คุณบอกว่าผมสูงเพรียวหุ่นเหมือนนายแบบ ผมก็ยอมรับได้นะ”

“โอ๊ย! เจ้าข้าเอ๊ย หลงตัวเองไม่มีใครเกิน ฉันกำลังด่าคุณว่าคุณสูงน่าเกลียดเหมือนเสาไฟฟ้า แถมยังผิดเพศอีก”

“ผมนี่นะผิดเพศ!” ณกรชี้นิ้วมาที่ตัวเองทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก

“แหมๆๆ พ่อเกย์เสาไฟฟ้า ฉันรู้น่าว่าคุณแอ๊บแมน ไม่ต้องแอ๊บหรอกน่า ฉันรู้ว่าคุณน่ะเป็นเกย์ ก็เพื่อนสาวของคุณมาหาออกบ่อยไม่ใช่เหรอ”

“ผมนี่นะเป็นเกย์!” ณกรถามอย่างตกใจ

“ไม่ต้องอายหรอกจ๊ะเพื่อนสาว ฉันเข้าใจ”

“เหอะ! แล้วเรื่องแมวของคุณว่ายังไง” เขาไม่อยากอธิบาย ปล่อยให้เธอเข้าใจไปแบบนั้นแล้วกัน

“เรื่องหมาของคุณล่ะว่าไง”

“มันแค่อึ คุณก็แค่โกยไปทิ้ง แต่กระถางต้นไม้ของผมมันมีราคานะครับ”

“แล้วคุณเอาไปวางไว้บนนั้นทำไมล่ะ ใช้สมองส่วนไหนคิด หรือใช้หัวแม่เท้าคิด”

“นั่นมันกำแพงบ้านผม” เขาชี้ไปยังกำแพงบ้าน

“นั่นมันก็กำแพงบ้านฉันเหมือนกัน”

“คุณไม่ควรปล่อยแมวมาวิ่งเล่นซนแบบนี้”

“คุณก็ไม่ควรปล่อยหมามาอึหน้าบ้านฉันเหมือนกัน” ทั้งสองจ้องตากันแบบไม่มีใครยอมใคร เรียกว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน

“มันก็แค่อึ” เขายั่วต่อ การได้ยั่วเธอคือความสุขอันล้ำค่า

“แค่อึเหรอ เหอะ! ฉันเดินเหยียบขี้หมาของคุณ รู้ตัวบ้างไหม” เธอเหวใส่เสียงดัง เขาหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น

“นี่หยุดขำเดี๋ยวนี้นะไอ้เกย์เสาไฟฟ้า” เธอหน้างอ ทำปากยื่น เท้าสะเอวมองเขาอย่างเอาเรื่อง

“โอเคๆ ผมไม่หัวเราะแล้วก็ได้ แหม... คุณนี่โชคดีเป็นบ้าเลย”

“โชคดีอะไรของคุณ”

“ผมเลี้ยงเจ้านิกกี้มาตั้งแต่เด็ก ยังไม่เคยเหยียบขี้มันเลย คุณนี่โชคดีเป็นบ้า ได้มีบุญเหยียบขี้มันเป็นคนแรก”

“โชคร้ายสิไม่ว่า จ่ายมาเลยค่าเก็บกวาดขี้หมา” เธอแบมือไปด้านหน้า สีหน้าท่าทางบอกว่าไม่ได้พูดเล่นสักนิด

“ค่ากระถางต้นไม้ของผมด้วย” เขาเลียนแบบ แบมือมาข้างหน้าขอค่าเสียหายจากเธอ

“ฉันจะซื้อมาเปลี่ยนใหม่ให้ก็ได้” เธอสะบัดหน้าหนี เถียงกับคนหน้าด้านแบบเขา ไม่ชนะหรอก ผู้ชายอะไรปากร้าย จิกกัดผู้หญิง

“ขอบคุณคร๊าบ” เขาทำท่าตะเบ๊ะรับรู้ เธออยากจะหาอะไรมาเขวี้ยงใส่เขานัก ท่าทางยียวนกวนประสาททำเอาเธอเกลียดขี้หน้าเขาจับใจ

“เกลียด...”

“คุณนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว”

“รู้อะไร”

“เขาว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น เกลียดผมมากๆ ระวังได้ผมเป็น...”

“เป็นอะไร”

“ไม่บอก” เขาเล่นลิ้น

“เชอะ!” เธอสะบัดหน้าหนีเดินเข้าบ้าน ก่อนจะชะงัก

“นี่คุณ” เธอเดินกลับมาคุยกับเขาใหม่

“อะไรอีกขอรับคุณผู้หญิง”

“คุณมาโกยขี้หมาของคุณออกจากหน้าบ้านฉันด้วย ถ้าฉันเห็นว่าเจ้าหมาของคุณมาอึหน้าบ้านฉันอีก ฉันจะเอาหนังสติ๊กไล่ยิง”

“คุณจะโหดร้ายไปไหนนี่” เขาโอดครวญ

“นี่ยังน้อยไปนะ อย่าให้เห็นอีก ไม่งั้นตายทั้งคุณทั้งลูกรักของคุณแน่” เธอชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ เขายักไหล่ยียวน เธอสะบัดหน้าพรืดเดินหนีเข้าบ้านอีกครั้ง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นเบอร์ของบิดามารดา รินลดาจึงรีบกดรับทันที

“สวัสดีค่ะแม่”

“ริน สุดสัปดาห์นี้แม่จะไปเยี่ยมลูกที่กรุงเทพฯ นะจ๊ะ”

“ห้ะ! แม่ว่าอะไรนะคะ”

“ทำเสียงตกอกตกใจอะไรกันลูก ไม่ดีใจหรือไงที่พ่อกับแม่จะไปเยี่ยม”

“อ้อ... ดีใจสิคะ” เธอยิ้มแห้งๆ ให้โทรศัพท์

“ลูกบอกว่ามีแฟนแล้ว พ่อกับแม่ก็จะไปทำความรู้จักเสียหน่อย”

“บอกตอนไหนคะ” เธอถามเสียงหลงก่อนจะครุ่นคิด วันนั้นนั่นเองที่บิดามารดาอยากให้เธอตกลงปลงใจกับผู้ชายที่ท่านหาให้เธอก็เลยอ้างไปว่ามีแฟนแล้ว

ตายละ!!! แล้วนี่เราจะไปหาแฟนกำมะลอที่ไหนมาแอบอ้างกันล่ะ เธอเป็นนักเขียนนิยายมีเพื่อนร่วมงานเสียที่ไหนกันล่ะ วันๆ เจอแต่ตัวหนังสือกับหน้าจอคอมพิวเตอร์

“เอ๊ะ! หรือว่าลูกโกหก”

“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้โกหก แต่เขาไม่ว่างน่ะค่ะ พ่อกับแม่มาสุดสัปดาห์นี้เขาอาจจะไม่สะดวกอยู่คอยต้อนรับก็ได้นะคะ” รินลดาถอนใจเฮือกใหญ่ เธอโกหกคำโตอีกแล้ว

“ว่างไม่ว่างก็ต้องว่าง ในเมื่อเขาอยากได้ลูกสาวแม่ ไม่รู้ละ ถ้าแม่ไม่เจอว่าที่ลูกเขยแสดงว่าลูกโกหก ดังนั้นลูกต้องกลับมาแต่งงานกับพี่นทีเขานะ เขารักจริงหวังแต่ง อยากได้ลูกไปเป็นศรีภรรยา พ่อแม่เขาก็ดี เรียกสินสอดไปเท่าไหร่ก็ยินดี ตอบตกลงแบบไม่เกี่ยงงอนเลย”

“โธ่แม่ หนูไม่ใช่สินค้านะคะ ถึงจะเรียกเงินเท่าไหร่เขาก็ยอมจ่าย”

“ไม่รู้ละ ถ้าแม่ไม่เจอว่าที่สามีของลูก แม่จะถือว่าลูกโกหก ปั้นน้ำเป็นตัว แค่นี้แหละ” มณีนุชชิงตัดสายไปเสียก่อน ไม่ทันให้บุตรสาวได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักกับคนเป็นสามี ท่านก็อยากรู้เหมือนกันว่าลูกสาวจะหาใครมาเป็นแฟน เพราะสืบมาแล้วว่าลูกสาวยังโสดสนิท

“แม่ เดี๋ยวก่อนสิคะ โธ่... แม่” รินลดาหน้างอ เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาแรงๆ ก่อนจะกดโทรศัพท์หาเพื่อนรัก

“ยายนรีมาหาฉันหน่อยสิ”

“ทำเสียงแบบนี้เป็นอะไรของแก”

“มาให้ฉันระบายอารมณ์แล้วก็ปรับทุกข์กับแกหน่อยสิ”

“อ้าว... ยายนี่! ฉันไม่ใช่ส้วมนะ” ปลายสายสะบัดเสียงตอบกลับมา รินลดาอมยิ้ม

“มาหาหน่อย คิดถึง”

“ถ้าไม่มีเรื่องไม่คิดถึงนะแม่นักเขียนเงินล้าน”

“เงินล้านที่ไหน ไส้แห้งหมดแล้ว”

“ถ้าแกไส้แห้ง ฉันคงไส้เน่าแล้วล่ะ”นรีพูดแล้วยิ้มกว้าง เธอกับรินลดารู้จักกันมาหลายปีตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย รินลดาเรียนจบก็ไปทำงานบริษัทเดียวกับเธอ แต่มีเรื่องกับหัวหน้าแผนกเลยลาออก จับพลัดจับผลูมาเป็นนักเขียน เป็นนักเขียนแนวไหนไม่เป็น ดันไปเป็นนักเขียนแนวอีโรติก แถมยังขายดีเสียอีกด้วย คนไม่เคยมีประสบการณ์ไม่เคยมีแฟนมาก่อนแบบรินลดา เธอไม่คิดว่าจะเขียนนิยายแนวนี้แล้วขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นึกว่าพวกประสบการณ์โชกโชนเสียอีกถึงจะขายดี

“พูดเกินไปแล้ว ยายแม่ค้าออนไลน์เงินล้าน” รินลดาพูดแล้วยิ้มกว้าง เพื่อนของเธอทำงานบริษัทก็จริง แต่อาชีพเสริมเพิ่มรายได้คือขายของออนไลน์ เรียกว่ากำไรจากการค้าขายดีกว่าทำงานบริษัทเป็นสิบเท่า ด้วยความที่นรีเป็นคนพูดเก่ง เข้าสังคมเก่ง เพื่อนฝูงมากมาย เลยค้าขายได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ แถมยังขยัน มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ ไม่ว่าจะขายอะไรเชียร์อะไร ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

มีข้อเสียอยู่อย่างที่เธอคิดว่าชีวิตนรีน่าสงสารคือ พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน นรีสู้ชีวิตตั้งแต่เด็ก ทำงานไปเรียนไป พอโตขึ้นรายได้ที่หามาเป็นกอบเป็นกำก็ต้องส่งเสียที่บ้านทุกเดือน เธอไม่อยากพูดว่าบ้านของนรีเบียดบังเงินลูก แต่ตอนเด็กๆ บิดามารดาก็ใช่จะใส่ใจนรีเท่าใดนัก ถ้านรีไม่ต่อสู้ดิ้นรนมาด้วยตัวเองก็ไม่มีกินจนทุกวันนี้หรอก แถมลูกคนอื่นก็คอยสูบเงินสูบทอง ไม่เคยเห็นส่งเสียบิดามารดา หรือให้เงินบุพการีเหมือนนรีเลยสักคนดียว

“แกก็เวอร์ไป”

“แกรีบมาหาฉันที่บ้านเลยนะ”

“ฉันใกล้จะกลับแล้ว เดี๋ยวจะแวะไปหา จะไปฝากท้องบ้านแกด้วย” จริงๆ แล้วนรีก็ซื้อบ้านอยู่ใกล้กับรินลดา ตอนนั้นอาศัยอยู่คอนโดฯ ด้วยกัน พอเก็บเงินได้ก็มาดาวน์บ้านและย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ นรีมีเพื่อนฝูงมากก็จริง ผู้ชายหลายคนมาขายขนมจีบ แต่อีกฝ่ายบอกว่าคงไม่แต่งงาน เพราะไม่อยากมีชีวิตครอบครัวเหมือนบิดามารดา คนมีปมในใจเข็ดขยาดกับความรัก

“ฝากท้อง แกไปเสียตัวให้ใครเลท้อง ถึงต้องมาฝากท้องกับฉัน ฉันไม่ใช่หมอนะ” รินลดาเล่นมุกห้าบาทสิบบาท

“ปากดีนะแก เดี๋ยวตบด้วยปาก” วางสายจากเพื่อนไปแล้วเธอก็ถอนใจพรืดใหญ่ รีบจัดการทำกับข้าวรอเพื่อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านรีเองต้องหอบหิ้วข้าวของติดไม้ติดมือมาฝากอีกแน่ๆ เพราะอีกฝ่ายเป็นคนมีน้ำใจมากๆ เลยคบกับเธอได้นานหลายปี

นรีมาถึงก็ช่วยเพื่อนจัดอาหารใส่จาน ก่อนจะนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน

“ปัญหาโลกแตกเลยนะแก” นรีตักข้าวเข้าปากเคี้ยวด้วยความหิว ก่อนจะหลุดขำสีหน้าของเพื่อน หลังจากเพื่อนเล่าว่าบิดามารดาจะมาเยี่ยมที่กรุงเทพฯ เธอรู้นิสัยของบิดามารดาเพื่อนรักดีเพราะคบกันมานาน บางทีก็นึกหนักใจแทนเพื่อนอยู่เหมือนกัน

“โลกแตกจริงๆ นั่นแหละ แกช่วยแนะนำผู้ชายให้ฉันสักคนสิ”


รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว