บทที่ 36 การจัดการเรื่องทำอาหาร
เฉินเสวี่ยเป็นหนึ่งในสาวที่สวยที่สุดของเหล่าปัญญาชน แม้จะเทียบซูม่านไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นสาวงามคนหนึ่ง และรู้สึกว่าหนุ่ม ๆ หลายคนให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษ
แต่ตัวเธอเองดูเหมือนจะขี้อาย แทบไม่ได้พูดอะไรเลยทั้งคืน
ที่เหลือก็มีเสิ่นชิงชิงที่เป็นเพียงเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง ได้ยินว่าตอนลงมาอยู่ชนบทเธอมีอายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น ครอบครัวของเธอจำเป็นต้องเพิ่มอายุให้เธออีกสองปี เพื่อให้เธอสามารถมาลงมาอยู่ชนบทแทนพี่ชายของเธอได้ แม้ปัจจุบันเธอจะมีอายุเพียงสิบหกปี แต่ก็ยังดูเด็กมาก
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกพี่ ๆ ดูแลเธอเป็นพิเศษ
โดยรวมแล้ว ดูเหมือนว่าเหล่าปัญญาชนในชนบทแห่งนี้ค่อนข้างกลมเกลียวกัน ซึ่งลู่เซี่ยเองก็ค่อนข้างพอใจ
เธอไม่ได้ตั้งใจจะเอาตัวละครทุกตัวมาเทียบเคียงกับเนื้อเรื่องในนิยาย ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็คือโลกแห่งความเป็นจริง
ยิ่งไปกว่านั้น เวลาที่เธออ่านนิยาย เธอมักจะสนใจเพียงตัวเอก ส่วนตัวประกอเธอก็อ่านผ่าน ๆ ไปอย่างรวดเร็ว สำหรับเรื่องราวของตัวละครและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในที่พักของเหล่าปัญญาชน เธอแทบจะลืมไปหมดแล้ว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรมากมาย
ขอแค่ระวังตัวเองชายและตัวเอกหญิงก็พอแล้ว
ทุกคนคุยกันจนฟ้ามืด คุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนถึงเรื่องบ้านเกิดของแต่ละคน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอน
จริง ๆ แล้วลู่เซี่ยและเพื่อน ๆ ยังไม่ง่วงนอน แต่ชนบทในยุคนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ เป็นปกติที่จะต้องเข้านอนเร็ว และที่สำคัญ พวกเขาทั้งหมดต้องเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นต้องพักผ่อนแต่หัวค่ำ
การอยู่รวมกันหลายคนในช่วงเวลากลางคืนแบบนี้ไม่ค่อยสะดวกเลย แม้แต่จะพลิกตัวก็ยังไม่กล้าทำให้เกิดเสียงดัง
ลู่เซี่ยคิดว่าแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง แม้แต่กินข้าวก็ไม่ค่อยสะดวก กินด้วยกันแบบนี้ เธอไม่มีทางทำอาหารอร่อย ๆ กินคนเดียวได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ห้องครัวก็อยู่ในบ้าน แม้จะแอบทำอาหารอร่อยๆ คนอื่นก็จะรู้ ไม่มีความเป็นส่วนตัว สร้างความไม่สะดวกอย่างมาก
แต่เธอก็ไม่รีบร้อน เพราะเธอรู้ดีว่านางเอกจะไม่ยอมใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอด รอให้นางเอกคิดหาวิธีออกมาได้ เมื่อถึงเวลานั้นเธอก็แค่ตามออกไปก็พอ
แต่สำหรับเรื่องที่พักเธอจำเป็นต้องคิดให้ดี ๆ หากไปพักกับชาวบ้านก็ยังไม่สะดวก อย่างไรก็สู้ที่พักของปัญญาชนไม่ได้ อย่างน้อยที่นี่ก็มีเพียงปัญญาชนด้วยกัน ซึ่งน่าเชื่อถือกว่าหน่อย
เฮ้อ หากมีบ้านเป็นของตัวเองก็คงจะดีไม่น้อย ไม่รู้ว่าในหมู่บ้านจะอนุญาตให้สร้างบ้านหรือเปล่า อีกสองสามวันค่อยแอบไปถามดู
เพราะตอนบ่ายได้งีบไปแล้ว ตอนนี้ลู่เซี่ยเลยไม่ง่วงสักนิด หลังจากนอนลงเธอก็เข้าไปในช่องว่างมิติอีกครั้ง
ก่อนอื่นเธอต้องจัดการกับสิ่งของที่นำมาให้เรียบร้อย พบว่าในระยะเวลาอันสั้นนี้ไม่น่าจะมีอะไรขาดแคลน
ส่วนพื้นที่เพาะปลูกของช่องว่างมิติในตอนนี้ได้ปลูกธัญพืชขึ้นมาใหม่แล้ว เธอจึงเริ่มรดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ลงไปในแปลง เนื่องจากพื้นที่กว้างใหญ่ ในคืนนี้เธอจึงรถได้เพียงหนึ่งในสามของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น ส่วนที่เหลือเธอตั้งใจจะรดในภายหลัง
หลังจากทำงานไปสักพักก็รู้สึกเหนื่อย เมื่อออกมาจา่กช่องว่างมิติเธอก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
ตอนเช้าเมื่ออวี๋ฟางตื่นขึ้นมา ลู่เซี่ยและเพื่อน ๆ ก็ตื่นแล้วเช่นกัน
เวรทำอาหารวันนี้เป็นของโจวหลายเอ๋อร์และเฉินเสวี่ย เมื่อเหล่าปัญญาชนตื่นขึ้นมา ทั้งสองก็ทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และยังบอกปัญญาชนรุ่นใหม่ว่า เช้านี้ผู้นำหมู่บ้านได้ให้คนนำเสบียงที่พวกเขาต้องการยืมมาให้แล้ว รวมถึงธัญพืชไม่ขัดสีอีกคนละห้าสิบจิน
จริง ๆ แล้วปริมาณนี้กินได้ไม่ถึงสิ้นปี แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น หากไม่พอพวกเขาก็ต้องแก้ปัญหากันเอง
ทุกคนเอาเสบียงไปรวมกับของคนอื่น ๆ แล้วกินด้วยกันตามวิธีที่พวกเขาทำก่อนหน้านี้
หลังจากนี้การทำอาหารก็จะผลัดกันทำ เนื่องจากจำนวนคนค่อนข้างเยอะ การทำอาหารแต่ละครั้งจึงจำเป็นต้องช่วยกันสองคน ฝ่ายชายก็เหมือนกัน ปัญญาชนรุ่นเก่าที่อยู่มาหลายปีต่างก็เรียนรู้จนทำอาหารเป็นแล้ว
หากปัญญาชนรุ่นใหม่ทำอาหารไม่เป็น ก็ให้ไปขอความช่วยเหลือจากปัญญาชนฝ่ายหญิง แลกกับการช่วยทำงานเพื่อให้พวกเธอกลับมาทำอาหารก่อน
เนื่องจากปัญญาชนฝ่ายชายทานมากกว่าปัญญาชนฝ่ายหญิง เพื่อความเป็นธรรม เสบียงขอพวกเขาที่นำออกมาแต่ละเดือนจึงมากกว่าฝ่ายหญิง
เรื่องเหล่านี้ลู่เซี่ยและเพื่อน ๆ ไม่ได้ติดใจ เพียงแค่ทำตามในสิ่งที่พวกเขาเคยทำกันมา ถึงอย่างไรพวกเธอก็ยังเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่ผักในแปลงผักก็เป็นของที่เปัญญชนรุ่นเก่าปลูกเอาไว้ แล้วพวกเธอก็ยังได้กินด้วย
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว