เธอแรง迷人的她-บทที่ 9 ฉันกลัวเจ็บซ้ำสอง

โดย  โปรเจคพิเศษ by Hongsamut

เธอแรง迷人的她

บทที่ 9 ฉันกลัวเจ็บซ้ำสอง

หนานซื่อราวกับเข้าใจว่าหยกทงหลิงกำลังคิดอะไรอยู่

จากนั้นก็ลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ “ในความคิดของฉันคนที่ควรบำเพ็ญเพียรไม่ใช่ฉันแต่เป็นนาย สำหรับผู้หญิงที่ไม่อาจได้ครอบครอง ผู้ชายจะไม่ยอมปล่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้หญิงถูกผู้ชายคนอื่นผูกไว้ข้างตัว เขาจะถือว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษช่วยให้รอดพ้น กระตือรือร้นที่จะช่วยเธอให้หลุดพ้นจากจอมปีศาจคนนั้นในวันใดวันหนึ่ง”

หยกทงหลิงกล่าวว่า “ผู้ชายนี่มีความคิดเรื่องแปลกๆ ได้ตลอด”

หนานซื่อยิ้มพลางมอง “ถ้าวันหนึ่งนายบำเพ็ญเพียรจนกลายร่างเป็นมนุษย์ ก็ลองเลือกเป็นผู้ชายดู”

หยกทงหลิงส่ายหน้าหวือ “ฉันไม่เอาด้วยหรอก”

เธอจำอะไรบางอย่างได้ถามว่า “ตอนนี้ภารกิจนี้ได้กี่คะแนนแล้ว"

“คะแนนอาชีพเงื่อนไขที่จำเป็นคือเก้าสิบห้าคะแนน ความรักที่เป็นเงื่อนไขเสริมเก้าสิบเก้า ค่าเฉลี่ยคะแนนรวมคือเก้าสิบเจ็ด”

หนานซื่อทำได้คะแนนสูงขนาดนี้ในเวลาเพียงสามปีสั้นๆ ขณะที่คนอื่นๆ ใช้เวลาทำถึงแปดสิบปีก็ยังทำไม่ได้ หยกทงหลิงถอนหายใจ เธอคู่ควรกับฐานะเจ้าสิบพิภพจริงๆ

เขาแอบมองไปเงียบๆ เธอดูเย็นชาและไม่รู้สึกยินดียินร้ายอะไร

หยกทงหลิงกล่าวว่า “นี่ก็สุดยอดมากแล้ว ถ้านายหญิงเหนื่อยก็หยุดได้”

“ฉันน่ะเป็นโรคจิต ดังนั้นฉันต้องได้ร้อยคะแนนเต็ม” หนานซื่อยิ้มเกียจคร้าน “ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่รู้สึกเหนื่อยเลย บางทีโลกพันธกิจสามพันโลกของนาย อาจไม่เพียงพอสำหรับฉันที่จะบำเพ็ญเพียรก็ได้”

ช่วงสองปีต่อมา หนานซื่อก็ยังทำงานตามปกติ ตอนนี้เธออายุยี่สิบหก ได้รับการบันทึกให้เป็นยอดศิลปินอัจฉริยะในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์

และสองปีที่ผ่านมานี้ จ้าวเซิ่งเทียนก็ไม่ได้ไปไหนอยู่เคียงข้างเธอตลอด

เขาพาเธอไปเปลี่ยนรอยสัก ขอให้เธอสักชื่อเขาแทน สั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้เธอมองผู้ชายคนอื่น ตราบใดที่ภาพยนตร์เรื่องที่ถ่ายทำมีฉากจูบที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องไปที่กองถ่ายเพื่อสังเกตการณ์

จ้าวเซิ่งเทียนไม่สนใจคำสั่งของที่บ้านอีกแล้ว คุณหนูซุนแต่งงานไปกับคนอื่น ส่วนตัวเขาก็มีวิธีในการไล่ผู้หญิงทุกคนที่มาดูตัว พ่อแม่ของเขาหมดปัญญา สุดท้ายก็ยอมแพ้

หลายครั้งที่จ้าวเซิ่งเทียนเกริ่นว่าต้องการพาเธอไปที่บ้าน

ไม่ใช่รังรักของพวกเขา

แต่เป็นการแนะนำตัวที่คฤหาสน์จ้าว

ทว่าหญิงสาวก็ไม่เคยตอบเลยสักครั้ง

จ้าวเซิ่งเทียนไม่ต้องการขอร้องเธอ ทำเป็นไม่แยแสอยู่สองสามวันจากนั้นก็ต้องตามง้องอน

หนานซื่อสอนหยกทงหลิง “ถ้านายบำเพ็ญเพียรจนกลายร่างเป็นผู้ชายในอนาคตอย่าเลียนแบบเขานะ แบบนี้เรียกว่าหาเรื่อง”

หยกทงหลิง “...”

ปลายปีนี้เมื่อหยวนเจินเจินเสร็จสิ้นการถ่ายภาพยนตร์ เธอก็ได้รับรางวัลออสการ์สาขาเกียรติยศ (Lifetime Achievement) ตอนที่ขึ้นไปรับรางวัลจ้าวเซิ่งเทียนก็มองดูหญิงสาวจากที่นั่งผู้เข้าร่วมงาน

สายตาของคนทั้งโลกจับจ้องที่เธอ ร่างสง่างามยืนอยู่กลางเวทีพร่างพราวและเปล่งประกายนัก

เธอกล่าวว่าเพียงสั้นๆ ว่า “ชีวิตนี้ ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

หัวใจของจ้าวเซิ่งเทียนบีบรัด เขาคิดเสมอว่าเธอน่าจะต้องการอะไรบางอย่าง

คืนนี้จ้าวเซิ่งเทียนมีเซอร์ไพรส์ที่จัดเตรียมมาตลอดครึ่งปี ฉากราวกับเทพนิยายเขาถือแหวนเพชรของโชเมต์ (Chaumet) ที่ราคาแพงที่สุดในโลกคุกเข่าลง

เขาบอกว่า “แหวนเพชรนี้มีชื่อว่า ‘Tenderness Like Water’ ซึ่งแปลว่าอ่อนโยนราวกับสายน้ำ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันขอมอบความอ่อนโยนทั้งหมดที่มีให้กับเธอ แต่งงานกับฉันนะ”

ดวงตางดงามมองเขาอย่างสงบ “ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ศิลปินหญิงที่แต่งงานกับครอบครัวมหาเศรษฐีแทบไม่มีจุดจบที่ดี ฉันไม่อยากเจอเรื่องเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้นเซิ่งเทียน คุณเองก็ไม่ได้รักฉันเลย”

คำพูดที่เขาพูดตอนโกรธก่อนหน้านั้น ถูกเธอย้อนกลับคืนมา

แม้แต่ความรักและความคาดหวังของเขาก็ส่งคืนมา

การโต้กลับของนกยูงรวดเร็วไร้ความรู้สึกไม่มีทางที่จะต่อสู้กลับได้

เขาต้องการจับเธอไว้โดยไม่รู้ตัว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีเพียงความสุขทางร่างกายจากเธอที่สามารถปลอบประโลมอารมณ์ไม่สบายใจของเขาได้ แต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้

หญิงสาวหันหลังพูดเสียงเรียบเฉย “ฉันเหนื่อย คุณกลับไปเถอะค่ะ”

จ้าวเซิ่งเทียนจ้องไปแผ่นหลังของเธออย่างร้อนรน แต่ทำอะไรไม่ได้

มีผู้หญิงกี่คนที่อยากจะแต่งงานกับเขา แต่เธอกลับไม่ต้องการ

เพราะถูกรักถึงทำตามใจชอบไม่คิดอะไร ใช้นิยามกับคนแบบเธอนี่แหละ

จ้าวเซิ่งเทียนกัดฟันเค้นเสียงออกมา “พรุ่งนี้ฉันจะถามเธออีกครั้ง คืนนี้คิดให้ดี”

เขาพยายามสงบอารมณ์ ไม่คิดรีบร้อน แม้ว่าเธอจะไม่เห็นด้วยในวันพรุ่งนี้ เขาก็ยังมีเวลาที่จะใช้ตลอดชีวิตร่วมกับเธอ วันหนึ่งเธอจะตระหนักได้ว่าโชคชะตาของเธอพันธนาการกับเขา

ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้ หนานซื่อตัดสินใจแน่นอนในใจขณะนี้เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่จ้าวเซิ่งเทียนกลับไป ก็ถามหยกทงหลิง “คะแนนภารกิจเก้าสิบเก้าคะแนนแล้วใช่ไหม?”

หยกทงหลิงดู เป็นอย่างนั้นจริงๆ ความตื่นเต้นพลุ่งพล่านรอคอยการมาถึงของปาฏิหาริย์ “อีกคะแนนเดียวเท่านั้น”

หนานซื่อพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว”

วันรุ่งขึ้นจ้าวเซิ่งเทียนไม่ได้รับคำตอบจากหญิงสาว สิ่งที่รอคอยเขาคือร่างไร้วิญญาณเย็นเยือก

เธอทิ้งจดหมายลาตายไว้ “แม้ว่าทิวทัศน์จะงดงาม แต่ก็ยังมีจุดจบ ลาก่อนและอย่าจดจำ”

จ้าวเซิ่งเทียนกอดร่างไร้วิญญาณของหยวนเจินเจินร้องไห้เหมือนคนบ้า

หนานซื่อหลุดออกจากร่างหยวนเจินเจินเดินเฉียดร่างเขาไป เมื่อเดินผ่านก็ก้มลงจูบหน้าผากเขาเบาๆ

หยกทงหลิงถามอย่างเศร้าๆ “นายหญิงทำไมถึงเลือกจากไปในเวลานี้ เธอไม่ได้บอกว่าต้องการได้ร้อยคะแนนเต็มเหรอ ยังขาดอีกหนึ่งคะแนน...”

“ลองดูที่คะแนนสิ ตอนที่ฉันกำลังตายภารกิจนี้ก็ได้คะแนนเต็มพอดี อายุขัยของร่างนี้หมดลงแล้ว ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่ต่อไป เตรียมพร้อมสำหรับโลกหน้าดีกว่า”

หยกทงหลิงมองผ่านดวงตาสวรรค์ก็พบว่าเป็นเช่นเดียวกับที่หนานซื่อพูด วินาทีที่คนทั้งโลกรู้ข่าวเกี่ยวกับการตายของหยวนเจินเจิน คะแนนภารกิจก็กลายเป็นร้อยคะแนนเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาชีพหรือความรักเธอได้รับคะแนนที่สมบูรณ์แบบ

ทำได้ในระดับสูงที่ไม่มีใครเคยไปถึง...

หยกทงหลิงตกตะลึง เขาไม่เข้าใจว่าการตายของเธอทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นได้อย่างไร?

หนานซื่อกล่าวเสียงเบา “ฉันบำเพ็ญเพียรสู่ความเป็นนิรันดร์ โดยธรรมชาติก็ต้องได้คะแนนเต็ม บางครั้งทำมากก็ไม่ได้หมายความว่าผลลัพธ์จะดีขึ้นนะ”

หยกทงหลิงนึกถึงผู้ปฏิบัติงานเหล่านั้นที่อยู่ในโลกพันธกิจจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แม้ว่าคะแนนของพวกเขาจะสูง แต่ก็ไม่สามารถรักษาให้อยู่ในระดับนั้นได้ตลอดไป บางคนถอยกลับไปที่เส้นผ่านเกณฑ์ บางทีนอกเหนือจากความสามารถและความกล้าหาญแล้ว สิ่งที่พวกเขาขาดก็คือความเด็ดขาดที่หนานซื่อมี

หยกทงหลิงแอบเปิดดวงตาสวรรค์เงียบๆ เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น

หลังจากที่หยวนเจินเจินจากไป จ้าวเซิ่งเทียนก็แทบคลั่งอย่างสมบูรณ์ เขาจำวลีที่หญิงสาวพูดปฏิเสธก่อนตาย ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยบอกรักเธอเลย ตอนนี้เขาต้องการจะบอกแต่ว่าไม่มีโอกาสอีกแล้ว

เนื่องจากเธอเซ็นชื่อบริจาคอวัยวะ เขาไม่สามารถเก็บร่างครบถ้วนของเธอเอาไว้ได้ เมื่อมองย้อนกลับไปก็พบว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่ระหว่างเรานอกจากเซ็กส์ที่ไร้จุดจบ

หยกทงหลิงประหลาดใจเมื่อพบชะตาชีวิตของจ้าวเซิ่งเทียนเปลี่ยนไป เดิมทีเขาควรจะกลายเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ของโลก แต่หลังจากการตายของหยวนเจินเจินเขาเปลี่ยนเส้นทางอาชีพ มุ่งเน้นไปที่การกุศลที่เธอชอบทำตอนมีชีวิต เธอชอบความหรูหราแต่ไม่เคยเก็บเงิน รายได้ทั้งหมดถูกบริจาคออกไป

เขาใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรำลึกถึงเธอ สร้างโรงเรียนและโรงพยาบาลตั้งชื่อตามเธอในทุกมุมโลก เขาสร้างรูปปั้นเหมือนเธอมีแผ่นหินจารึกขนาดเล็กสลักไว้ว่า “แด่เจินเจินรักไม่รู้ลืม”

หยกทงหลิงหันมองไปเส้นทางชีวิตของหานเยี่ยนบ้าง หลังจากที่เขารู้เรื่องการตายของหยวนเจินเจิน เขาเฝ้าคิดว่าตนเองล้มเหลวในการปลดปล่อยเธอจากจ้าวเซิ่งเทียน หลังจากปลงตกก็ตัดสินใจออกบวชชั่วชีวิต

สำหรับแฟนคลับของหยวนเจินเจิน ไม่มีอะไรที่ทำให้แฟนๆ รำลึกได้มากไปกว่าการล่มสลายของซูเปอร์สตาร์ พวกเขายกย่องเธอราวกับนางฟ้า มองว่าผลงานทั้งหมดของเธอเป็นงานศิลปะคลาสสิกระดับโลก จนถึงขั้นคลั่ง

เมื่อนึกถึงการจากไปที่ใกล้เข้ามา หยกทงหลิงก็รู้สึกเศร้าสร้อย “จ้าวเซิ่งเทียนและหานเยี่ยนพวกเขาทำเพื่อเธอมากมาย เธอไม่คิดถึงพวกเขาเลยเหรอ?”

เมื่อข้ามแสงสีขาวสลัว ทำให้เห็นใบหน้าบอบบางและอ่อนโยนของหนานซื่อที่ราวกับดอกไลแลค ดวงตาใสกระจ่างราวกับน้ำพุเยือกเย็น

“นานมาแล้วฉันเคยหวนคิดถึง แต่ก็จบลงอย่างไม่สวย ตอนนี้ฉันเรียนรู้แล้วว่าไม่ควรยึดติดกับใครอีก ได้แต่บอกว่าการพบฉันคือภัยพิบัติของพวกเขา ไปกันเถอะ”


----------------------------


ปิดฉากโลกพันธกิจที่ 1


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว