มังกรซ่อนหัวใจ- 24: ลอบสังหาร

โดย  TayidaG.

มังกรซ่อนหัวใจ

24: ลอบสังหาร

มังกรซ่อนหัวใจ8: บางอย่างที่เปลี่ยนไป

“ฝ่าบาท..คราวนี้..”

“ให้เอี้ยนสิงไปจัดการตามนี้ อวี้จื่อ ตอนนี้เรารับศึกหลายด้านไม่ไหว พรรคมารจตุรพิษจำต้องหาตัวเจ้าสำนักให้เจอเร็วที่สุด เสด็จแม่เองก็กำลังสำราญกับคนของท่าน เราจะฉวยโอกาสนี้จัดการเสี้ยมเขาวัวให้ชนกัน”

“ฝ่าบาท ข้าพระองค์เกรงว่าจะกลายเป็นพวกเขาร่วมมือแบ่งขนมกันลงตัว ถึงตอนนั้นพวกเราอาจจะ..”

ร่างสูงในชุดสีดำปักดิ้นทองนั้นขยับวรกายเรียวคางแกร่งนั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า ขยับพระหัตถ์ยกขวดยาสีขาวนั้นเพ่งมองด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

“เราจะไปหาคนๆหนึ่ง...”

“ฝ่าบาท ระยะนี้อ๋องโม่หยางจับตามองเราอยู่นะพะย่ะค่ะ”

“อย่างไรเล่า อวี้จื่อ เราปล่อยให้เสด็จอามาควบคุมการเป็นอยู่ของเราตลอดไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเสด็จพ่อคงพระราชทานตำแหน่งหวงตี้ให้เขาไปแล้ว..”

“ฝ่าบาท..นี่ มันช่างเสี่ยงเหลือเกินพะย่ะค่ะ กระหม่อมเกรงว่า องครักษ์ชุดใหม่ที่ทางจวนอ๋องโม่หยางได้มานั้นอาจจะทำงานเร็วกว่าที่คิด อย่างไรก็ตาม พิธีเลือกสาวงามเข้าวังหลังปลายปีนี้เห็นทีฝ่าบาทจำต้องเลือกแล้วพะย่ะค่ะ อย่างน้อยซื้อเวลาให้เอี้ยนสิงหาหลักฐานได้มากกว่านี้”

ร่างสูงหันพระพักตร์มาที่เหยียนอวี้จื่อ ปล่อยให้อีกฝ่ายนั้นเริ่มแต่งกายให้พระองค์ด้วยความเคยชิน แต่สีหน้านั้นยังคงตกอยู่ในห้วงความคิดที่ไม่อาจจะสลัดทิ้งได้ง่าย

“แล้วงานเลี้ยงต้อนรับอ๋องน้อยหยางหมิงล่ะ เจ้าคิดว่าอย่างไรถ้าเราจะไป..”

“ฝ่าบาท ได้โปรดเถิดพะย่ะค่ะองครักษ์ในบัญชาการของเอี้ยนสิงมีที่จงรักภักดีไม่กี่คน..กระหม่อมเกรงว่าจะไม่พอเพียงหากพวกจวนอ๋องโม่หยางจะเลือกคืนนี้ลงมือ..”

“ถ้าอย่างนั้นเราจะไปแบบไม่ต้องให้พวกเขารู้ตัวดีหรือไม่?..”

“ฝ่าบาทหมายความว่า..”

“เรากับเจ้าเพียงสองคน..” เหยียนอวี้จื่อลอบกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น รอยบางอย่างในแววตาของเหนือหัวช่างทำให้เหยียนอวี้จื่อสังหรณ์ใจอย่างน่ากลัวอีกครั้งจนได้ ดวงหน้าคมคายที่เคลือบด้วยเกล็ดน้ำแข็งเป็นนิจนั้น ยามนี้มีรอยยิ้มอ่อนจางให้มา เหยียนอวี้จื่อกลับนึกสงสัย มีอะไรทำให้โอรสสวรรค์อารมณ์ดีได้เพียงนี้ ทั้งที่เพิ่งก้าวผ่านความเป็นความตายมาหยกๆ แค่ไม่นานเลย เหยียนอวี้จื่อนั้นเต็มไปด้วยความแปลกใจ หากแต่เก็บงำไว้ไม่นานก็หลุดปากออกมาจนได้

“มีอะไรทำให้พระองค์...”

เขากลืนน้ำลายลงคออีกครั้งเมื่อสบตาคู่ดำดิ่งคู่นี้ รอยเบิกบานเมื่อครู่นี้จางหายไปอย่างรวดเร็ว มันกลับกลายเป็นน้ำแข็งอีกคราจนได้ เหยียนอวี้จื่อลอบถอนหายใจ เขาอดคิดไม่ได้ว่าจะมีใครเข้าถึงพระทัยของโอรสสวรรค์ผู้นี้เล่า ตราบใดที่ยังคงประทับบนบัลลังก์ทองที่เต็มไปด้วยเพลิงริษยาอาฆาตจากผู้คนเหล่านั้น

“มอบตำแหน่งในราชสำนักแก่อ๋องน้อยหยางหมิง..”

“หือ..”

“แน่นอน นี่เป็นการขยับอาวุธใกล้กายเสด็จอามากที่สุดแล้ว อวี้จื่อ หยางหมิงถูกเลี้ยงดูมาอย่างยากลำบากในแถบชายแดน ร้อยวันพันปีไม่เคยได้เห็นหน้าพ่อตนเอง จะคิดอย่างไรที่จู่ๆเรียกตัวกลับจวนย้ายมาอยู่วังหลวงและยังหาสาวงามให้เชยชมอีก อันว่าคนย่อมหวาดระแวงกับการหยิบยื่นไมตรีให้มากล้นเหลือจนน่าเลื่อมใสศรัทธา แม้แต่แม่กวางก็ยังต้องระวังภัยให้แก่บุตรธิดาของตน แต่สำหรับเสด็จอาแล้ว เราเชื่อว่าคนอย่างหยางหมิงไม่มีทางเชื่อฟังเขาแน่ อย่างไรน่ะรึ..ลูกไม้ที่ไหนจะหล่นไกลต้นเล่า อวี้จื่อ..หยางหมิงเป็นลูกของเสด็จอา ก็ย่อมต้องมีนิสัยหวาดระแวงเหมือนพ่อ..แล้วยิ่งรู้แก่ใจว่าคนเป็นพ่อต้องการอะไรจากเขา มีหรือเขาจะไม่ต่อต้านหรือหวาดระแวง..เราจะใช้หยางหมิงเป็นตัวล่อเป้าให้เสด็จอาแสดงความกระหายออกมาให้เต็มที่ จากนั้นค่อยปล่อยให้พวกเขากัดกลืนกันเองดีหรือไม่ อวี้จื่อ..”

เหยียนอวี้จื่อหรี่นัยน์ตาลงด้วยความเข้าใจลึกซึ้งกับแผนการนี้

“แล้วแผนสาวงามของไท่โฮว่เล่าพะย่ะค่ะฝ่าบาท..ลือกันว่าองค์ไท่โฮ่วไม่ได้ต้องการแค่จวนแม่ทัพเสวี่ย แม้แต่จวนเสนาบดีเฉินลู่ก็ยังส่งเทียบไปเชิญถึงสองครั้ง รู้ทั้งรู้ว่าบุตรสาวเสนาบดีเฉินนั้นเพิ่งจะสิบสามขวบ ยังไม่ปักปิ่นด้วยซ้ำ..”

“เสด็จแม่ย่อมเห็นความงามของนาง”

“แล้วเสียงร่ำลือของจวนแม่ทัพเสวี่ยเล่าพะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะไม่ทรงพิจารณาหรอกกระมัง..ไม่เคยมีใครได้ยลโฉมของบุตรสาวแม่ทัพเสวี่ยจริงๆสักคน หรือแม้แต่คุณชายเฮ่อหลงบุตรชายของสกุลซื่อหยวนได้ยินว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามสง่าและมีเสน่ห์เสียจนไม่กล้าอวดสายตาผู้ใด ด้วยเกรงว่าจะถูกพวกแม่สื่อรุมเร้าจนอยู่สงบไม่ได้”

รอยยิ้มของโอรสสวรรค์เหยียดเป็นรอยยกโค้งเล็กๆ

“ข้าย่อมรู้จักนาง..”

เหยียนอวี้จื่ออ้าปากตาค้างจนเข่าสองข้างทรุดลงกับพื้น ท่าทีแบบนั้นสร้างความรำคาญพระทัยแก่โอรสสวรรค์ถึงกับผละออกห่าง

“กงกงซุนหมิง”

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“สั่งการลงไปเราจะไปจวนแม่ทัพเสวี่ย..”

“ดะ..เดี๋ยว..เดี๋ยวนี้หรือพะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“เดี๋ยวนี้..”ร่างสูงนั้นขยับกายไปยืนตรงหน้าเตียงใหญ่ เหยียนอวี้จื่อค่อยๆผุดลุกช้าๆ

“เจ้าจะไปไหนอวี้จื่อ”

“กระหม่อมจะไปเตรียมโอสถ”

“ไม่ต้อง เราจะไปแบบพิธีการ..จวนแม่ทัพไร้พ่ายดูสงบเงียบกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก”

เหยียนอวี้จื่อหันมามองด้านแผ่นหลังเสื้อสีดำปักดิ้นไหมสีทองด้วยภาพมังกรตัวใหญ่ประทับไว้เต็มแผ่นหลัง

“ฝ่าบาทนี่แปลว่าพระองค์คิดจะยกเลิกราชโองการ..”

“ใช่แล้ว..เราจะยกเลิกราชโองการด้วยตัวเราเอง..อวี้จื่อ”

รอยยิ้มสรวลนั้นจางหายไปกับสายพระเนตรที่ดำดิ่งในห้วงความคิดบางอย่างที่เหยียนอวี้จื่อนั้นไม่มีทางคิดออกว่าทรงหมายความว่าอย่างไรกับสีหน้าแบบนั้น มันคล้ายสาสมใจในบางอย่าง แต่ว่าอะไรล่ะ?..


เหยียนอวี้จื่อเดินหายไปแล้ว ปล่อยให้เขายืนอยู่ลำพังในห้องนี้

ความคิดของเขาหวนไปถึงป่าไผ่แห่งนั้นอีกครั้งจักรพรรดิเซียวหลงไม่แน่ใจว่าเขาหลงเข้าไปยังเขาลูกนั้นได้อย่างไร เพียงแค่ยามนั้นเขาแค่ต้องการสลัดพวกทหารและพวกพรรคมารให้หลุดจากการติดตามเท่านั้นเอง เขาจิงสุ่ยกับเขาเหลียงเป่ยนั้นหันหลังชนกันและด้านหนึ่งนั้นโอรสสวรรค์ยังไม่ได้สำรวจมัน เขาเคยเห็นผ่านสายตามาจากแผนที่ผืนหนึ่งที่เหยียนอวี้จื่อกับเอี้ยนสิง องครักษ์ที่เขาให้ความไว้วางใจมีอยู่

เขาเองเพิ่งออกจากเขตจิงสุ่ยได้เมื่อถึงจวนแม่ทัพไร้พ่ายเขาก็คิดจะกลับเมืองหลวงตั้งใจรอให้ค่ำค่อยลักลอบเข้าวังหลวง เดิมทีเขาไม่เคยเห็นตรอกโคมเขียวมาก่อน เลยคิดว่าไหนๆก็มาแล้วแวะสำรวจดูหน่อยคงไม่เสียเวลามากนัก นับว่าเขาคิดถูกจริงๆ ตรอกนั้นคับแคบมีแต่พวกขอทานและสตรีเพศที่ส่งเสียงร้องวี้ดว้ายกรี๊ดกร๊าดจนดังไปทั้งตรอก มีบรรดาบุรุษมากันเนืองแน่น ทั้งพวกแต่งกายคล้ายพ่อค้า บ้างก็แต่งกายเหมือนชาวยุทธทั่วไป ส่วนใหญ่ล้วนไปหาความสำราญกับบรรดาหญิงคณิกา เขาอยู่ในภาพพจน์ของขอทานอัปลักษณ์เฝ้ามองความเป็นอยู่ของผู้คนในตรอกนี้อย่างสนใจ

ไม่นานนักก็มีกลุ่มทหารยศผู้น้อยหลายสิบคนกระจายกำลังค้นหาขอทานอัปลักษณ์ พวกบรรดาขอทานเลยได้วิ่งวุ่นด้วยความหวาดกลัวกับการถูกทางการจับตัว โชคดีที่เซียวหลงไหวตัวทันเขาหลบหลีกเส้นทางการพบเจอกับพวกทหารนั่น

แต่แล้วก็โชคหมดลงเมื่อได้เจอกับคนของพรรคมารเข้า พวกมันรวมตัวกันล่าตัวเขาจนกระทั่งมาถึงเขตป่าไผ่ จำได้ว่าเขาถูกพวกมันซัดผงพิษใส่ขณะหลบหนี เหตุการณ์หลังจากนั้น เขาจำทิศทางแทบไม่ได้เมื่อหลุดพ้นจากการไล่ล่าของพวกพรรคมารได้เขาหมดแรงในป่าไผ่แห่งหนึ่ง ด้วยพิษร้ายกาจนั่น มันทำให้เขาอ่อนแรงเสียจนร่างกายใช้การไม่ได้ เขาได้ยาแก้พิษของแคว้นเล่ยไปแล้ว ก่อนหน้านั้นแต่พบว่าพิษพรรคมารนั้นยาแก้พิษที่เหยียนอวี้จื่อให้ไว้ใช้ไม่ได้ผล เขานึกว่าเขาคงหมดลมหายใจแน่แล้ว ไม่นึกเลย..

ดวงหน้าขาวผุดผ่องใต้ผืนผ้าบางเบานั้นทำให้เขาเห็นแววตาตื่นกลัวคู่นั้นชัดเจน

..อา..เขาจะลืมแววตาของเจ้าหนูตัวเล็กข้างกายพี่ชายของมันได้อย่างไร? โรงเตี๊ยมหวงไช่หลินคืนนั้นเขายังจดจำแววตาสีดำขลับคู่นี้ได้ดี เขากำลังครุ่นคิดถึงปากอิ่มจิ้มลิ้มราวกับเด็กหญิง แววตานั้นทอดมองเขาด้วยความสนใจกับใบหน้าอัปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย บางครากลับแสดงความสงสารเห็นใจ แต่บางคราก็แสดงอาการตื่นกลัวยามที่เขาหันไปสบตาคู่นี้ เจ้าหนูตัวน้อยกลับรีบก้มหน้าหลบหนี

เซียวซื่อเซิน ขยับรอยยิ้มบนริมฝีปากตนเองแช่มช้า นัยน์ตาคู่ดำดิ่งกลับหวนไปถึงกลิ่นหอมอ่อนจางจากลำคอผ่องของนางน้อย เสวี่ยอวี้หลัน บุตรสาวเสวี่ยหลงชวน แม่ทัพไร้พ่ายแห่งบิดาของจักรพรรดิหนุ่มผู้นี้ ไหนว่านางอ่อนแอขี้โรค และยังขี้กลัวอีกด้วย..เรื่องโกหกทั้งนั้น..นับว่าเสวี่ยหลงชวนใจกล้ามากที่กล้าเพ็ดทูลเบื้องสูง

บุตรสาวของเสวี่ยหลงชวนที่ถูกกักขังแต่ในจวนแม่ทัพไร้พ่าย ยามนี้พ้นวัยปักปิ่นมาแล้วและยังงดงามยิ่งนัก เขาแน่ใจว่าหากไท่โฮ่วเจ้าซู่หนี่ว์ได้เห็นนาง ยิ่งต้องมีความกระหายอยากมากกว่าเดิมกับการครอบครองจวนสกุลเสวี่ย แม้ยามนี้ไม่แน่นักว่านางจะส่งคนติดตามค้นหาตัวบุตรสาวเสวี่ยหลงชวนให้เจอ ด้วยอยากเห็นกับตาว่างดงามหรือขี้โรคสักเพียงใด คำร่ำลือนั้นก็ยังเป็นคำร่ำลือ ตราบใดไม่เจอหน้านางย่อมไม่มีทางจะวางใจได้ จวนแม่ทัพไร้พ่ายนั้น แม้นว่าไม่ได้ออกศึกนานแล้ว แต่คนที่ให้ความเชื่อมั่นนับถือนั้นล้วนมากกว่ากองทัพของแม่ทัพเหอไป่เหลยอี้หลายเท่า

เพียงแค่เสวี่ยหลงชวนออกหน้า การกบฎก็อาจจะเกิดขึ้นได้ง่ายยิ่งกว่าจุดไฟในฤดูแล้งเสียอีก เรื่องนี้แม้แต่อ๋องโม่หยางเองก็ยังต้องระวังหลังไม่กล้าทำอะไรให้เป็นที่ผิดปกติ ทั้งไท่โฮ่วเจ้าซู่หนี่ว์เองก็เช่นกัน



รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว