“อวี้เอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป ฮึ แค่ขอทานสกปรกผู้หนึ่งกลับทำให้เจ้าเสียสติหรืออย่างไร”
“พี่เฮ่อหลง ข้าแค่สงสารชะตาผู้คน ดูสิ เขาโดนกรีดหน้าจนเสียโฉมขนาดนี้ ยังต้องใช้ชีวิตไปอีกกี่ปีกว่าจะยอมรับได้ว่าตนเองนั้นอาภัพในวาสนา”
คนเป็นบุรุษนั้นปรายหางตามองไปยังโต๊ะข้างๆพลางขมวดคิ้วของตนเอง รอยยิ้มนั้นบังเกิดบนมุมปากเล็กน้อย
“อวี้เอ๋อร์ ปกติแล้วเจ้าไม่เคยได้ออกมาชมดูผู้คน เจ้าคงไม่รู้ว่าโลกนี้ยังมีคนที่โชคร้ายกว่าเจ้าคนนั้นอีกหลายสิบเท่าคนที่ผ่านสงครามที่โหดร้าย แขนขาขาด ต้องกลายเป็นขอทานมากมายนัก ไม่ใช่แค่คนผู้นี้คนเดียวเสียเมื่อไหร่เล่า”
“พี่เฮ่อหลง ท่านทราบว่าข้าถูกขังในห้องหอจนแทบไม่มีอากาศหายใจอยู่แล้วนี่ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะแม่ใหญ่ของท่านหรอกรึที่ทำให้พ่อข้านั้นไม่ยอมให้ข้าออกจากจวนไปไหนสักครั้ง”
“แม่ใหญ่ข้า รักเจ้าราวกับลูกแท้ๆ อวี้เอ๋อร์ เจ้าเองก็ไม่กล้าขัดใจท่านพ่อของเจ้า แล้วจะมาโทษข้ากับท่านแม่ได้อย่างไรเล่า”คนเป็นพี่ชายนั้นกลับหัวเราะลงคอด้วยความขบขัน เขาปล่อยให้น้องสาวนั้นค้อนขวับใส่ด้วยสีหน้าบึ้งตึงราวกับเด็กน้อยที่ถูกขัดใจ
“เจ้าอยากกินบะหมี่มิใช่รึ พี่อุตส่าห์แอบพาเจ้ามากิน เราต้องรีบกลับจวนก่อนที่พ่อเจ้ากับแม่ของข้าจะกลับมานะอวี้เอ๋อร์ อย่ามัวแต่จ้องคนแปลกหน้าแบบนั้น มันไร้มารยาทรู้หรือไม่? บุรุษดีร้าย ก็เป็นบุรุษ เจ้าแม้จะยังไม่เติบโตเป็นสาวต้องเข้าใจด้วยว่าด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้านั้นอาจจะล่มเมืองได้ทั้งเมือง”
“หรือข้าจะกรีดหน้าให้เสียโฉมเหมือนพี่ชายท่านนี้ดีล่ะ พี่เฮ่อหลง ข้ากลัวว่าท่านพ่อจะถูกบังคับจิตใจให้ท่านต้องส่งข้าเข้าไปเป็นนางสนมในวังหลัง..ได้ยินว่าไทเฮาทรงสนใจจวนของท่านพ่อ ถึงกับส่งเทียบเชิญไปร่วมจิบน้ำชาหลายครั้งแล้ว..”
สีหน้าของคนเป็นพี่ชายนั้นกับสะดุ้งตกใจ
“เหลวไหล !” เขาตวาดเบาๆ จนน้องสาวนั้นสะดุ้งเฮือก หน้าตาแดงก่ำ