บทที่ 33 สิ่งที่มีค่าที่สุด
ห้องหนังสือของนายใหญ่ตระกูลฉินอยู่ชั้นหนึ่ง แม้ห้องค่อนข้างใหญ่แต่การตกแต่งนั้นเรียบง่าย เมื่อเข้ามาครั้งแรกชวนให้คิดว่าเป็นห้องหนังสือของผู้มีอำนาจจากตระกูลขุนนางโบราณ เฟอร์นิเจอร์ไม้จันทน์แดงเข้าชุดดูสง่างาม กระทั่งกระถางธูปก็ทำมาจากไม้จินสื่อหนาน*[1]
แต่ฉินอิงอิงไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด เด็กน้อยรู้เพียงว่าการจัดวางที่นี่ต่างจากบ้านของพ่อผู้ให้อาหารอย่างสิ้นเชิง มันแปลกใหม่มาก!
เพราะถูกชายชราอุ้มอยู่ เธอจึงมองซ้ายทีขวาที แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าอยากจะลงไปที่พื้นเพื่อเดินเอง
นายใหญ่ตระกูลฉินหรี่ตามองเธอ “อิงอิงน้อยไม่อยากลงไปดูหน่อยเหรอ?”
ฉินอิงอิงเม้มปากพร้อมพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยน
“อิงอิงรอให้คุณปู่อนุญาตอยู่ค่ะ”
นายใหญ่ตระกูลฉินตกใจ “รอให้ปู่อนุญาต?”
ฉินอิงอิงพยักหน้า “ที่นี่เป็นบ้านของคุณปู่ อิงอิงก็ต้องรอการอนุญาตจากคุณปู่ก่อน ถึงจะเดินดูและเที่ยวเล่นตามใจชอบได้”
นายใหญ่ตระกูลฉินปลาบปลื้ม “...”
เด็กคนนี้รู้ความมากซะจนทำให้คนหลงรักได้ง่าย ๆ
แต่ทำไมในเอกสารถึงบอกว่า ในตอนแรกเธอถูกทิ้งไว้ที่ริมชายหาดกัน
เด็กที่น่ารักว่านอนสอนง่ายแบบนี้ ใครจำใจทิ้งได้ลงคอ?
นายใหญ่ตระกูลฉินนั่งยอง ๆ วางอิงอิงน้อยลงบนพื้นและจ้องเข้าไปในดวงตากลมโต
“จากนี้ไปที่นี่ก็คือบ้านของอิงอิงน้อย ไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากใคร หลานอยากไปเล่นที่ไหนก็ไปได้ตามใจชอบ ทำเหมือนตอนที่อยู่บ้านพ่อได้เลย ไม่ต้องบังคับตัวเองหรอก”
ฉินอิงอิงพยักหน้าอย่างมีความสุข “อิงอิงเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะคุณปู่”
นายใหญ่ตระกูลฉินยิ้มมุมปาก เป็นยิ้มที่นาน ๆ ทีจะได้เห็น “อิงอิงน้อยชอบอะไรก็มองเยอะ ๆ ดูเยอะ ๆ อยากได้อะไรก็หยิบเอาเองเลย”
ฉินอิงอิงเปิดปากพูดด้วยเสียงเล็ก ๆ “ถ้าชอบคุณปู่ จะหยิบคุณปู่ได้มั้ยคะ?”
นายใหญ่ตระกูลฉินโดนดาเมจความน่ารักอีกครั้ง “...”
เด็กแบบนี้น่ารักซะจนทำให้รู้สึกว่าขาดเธอไม่ได้!
“ถ้าอย่างนั้นอิงอิงน้อยก็ต้องอยู่ที่นี่แล้วล่ะจะได้เจอปู่ทุกวันเลย”
คิ้วของฉินอิงอิงขมวดเล็กน้อย นายใหญ่ตระกูลฉินเห็นแล้วก็ขำ
“ทำไมล่ะ เมื่อกี้อิงอิงน้อยโกหกปู่เหรอ?”
ฉินอิงอิงปฏิเสธทันที “เปล่านะคะ! อิงอิงไม่เคยพูดโกหกเลย พูดโกหกเป็นเด็กไม่ดี”
โอ๊ยยย น่ารักกกก
เสียงเล็ก ๆ ดูร้อนรนขึ้นมาก เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยกำลังปิดบังความรู้สึกของตัวเองอยู่
ความเถรตรง เป็นนิสัยที่ติดมากับคนของตระกูลฉินจริง ๆ
“งั้นทำไมต้องขมวดคิ้วสงสัยด้วย?”
ฉินอิงอิงอธิบายอย่างรวดเร็ว “อิงอิงอยู่กับพ่อแล้วก็พี่ลี่เฉิง ถ้าพวกเขาไม่อนุญาต อิงอิงก็ตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้”
นายใหญ่ตระกูลฉินกลั้นขำ “รู้จักสำบัดสำนวนเสียด้วย”
ฉินอิงอิงหัวเราะฮี่ ๆ “ก็รู้อยู่… แค่ไม่กี่คำค่ะ”
เธอยื่นมือออกมาและชูสามนิ้ว
นายใหญ่ตระกูลฉินเห็นมืออวบ ๆ ก็เอ็นดู จึงจูงมือหลานสาวไปข้าง ๆ โต๊ะหนังสืออย่างอดไม่ได้
มีของมีค่าอยู่ทางนี้เยอะมาก เขาชอบเด็กน้อยคนนี้จริง ๆ สิ่งที่คุณปู่ฉินจะให้เธอเป็นของขวัญจึงต่างจากหลานชายทั้งเจ็ดคนก่อนหน้านี้ อย่างไรเสีย เด็กผู้หญิงก็ควรได้รับการเอาใจใส่ และได้สิ่งที่ดีที่สุดในโลกไปไม่ใช่เหรอ?
นายใหญ่ตระกูลฉินอุ้มเด็กน้อยไปนั่งบนเก้าอี้ทรงจีนโบราณ เขายืนอยู่ข้างโต๊ะและชี้ไปที่สี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ รวมถึงกุญแจรถกับกุญแจห้องหลากหลายประเภทที่ล้วนแต่ติดสติกเกอร์ตัวการ์ตูนสุดน่ารัก มีแม้กระทั่งสร้อยคอ เครื่องประดับหายาก และอื่น ๆ ที่เขาเตรียมไว้เมื่อนานมาแล้ว
“อิงอิงน้อยลองดูสิว่าชอบอะไร”
เครื่องประดับที่แวววาวและหยกดึงดูดความสนใจของฉินอิงอิงในแวบแรกที่ได้เห็น ในใจนายใหญ่ตระกูลฉินคิดว่า แท้จริงแล้วเด็กผู้หญิงต่างก็ชอบของสวยงามที่แวววาวเป็นประกาย
เขาไม่ได้เตรียมมาเสียเปล่า หวังว่าอิงอิงน้อยจะเอาไปทั้งหมด
ผลคืออิงอิงน้อยกวาดสายตามองของทุกชิ้นอยู่สองรอบและเริ่มมองไปทางอื่น
เธอเหลือบมองกุญแจห้องที่มีสติกเกอร์ตัวการ์ตูนติด แต่พริบตาเดียวก็ไม่ได้หันไปมองอีก
เมื่อเห็นกุญแจรถที่มีรูปลูกแมวหน้าตาน่ารักกับสัตว์ตัวน้อย เธอก็มองด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก สักพักก็หันไปทางอื่น
เจ้าตัวเล็กไม่ได้แตะต้องหรือสัมผัสอะไรเลย แค่มองดูอย่างพิจารณา ท้ายที่สุดเมื่อทนไม่ไหวจึงเริ่มถามคำถาม
“คุณปู่ นี่คืออะไรเหรอคะ?”
มันคือจานฝนหมึกเรียกว่า ‘ตวนเอี้ยน’*[2]
จานฝนหมึกตวนเอี้ยนมีคุณภาพดีเยี่ยม หมึกที่ได้จะมีความละเอียดอ่อนและชุ่มชื้น เนื้อนุ่มไม่ทิ้งรอยพู่กัน เขียนลื่น หมึกเกาะติดนาน
ของชิ้นนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหนึ่งพันสามร้อยปี เป็นของที่นายใหญ่ตระกูลฉินรักมากที่สุด
“นี่คือจานฝนหมึกตวนเอี้ยน ฝนหมึกแล้วจุ่มพู่กันลงไปเพื่อใช้วาดรูปหรือเขียนหนังสือก็ได้ทั้งนั้น
ฉินอิงอิงเห็นน้ำที่อยู่ด้านข้างก็ตาเป็นประกายแวววับ
“คุณปู่ ต้องเทน้ำใส่ตรงนี้เหรอคะ?”
นายใหญ่ตระกูลฉินพยักหน้า “ใช้กาน้ำอันเล็กนี้หยดน้ำเปล่าลงไป ก็แค่นั้นแหละ”
ไม่คิดเลยว่าอิงอิงน้อยจะชอบสิ่งนี้ นายใหญ่ตระกูลฉินชอบเด็กน้อยมากกว่าเดิมอีก
เขาเข้าไปใกล้และอุ้มหลานสาวมาไว้ในอ้อมกอดอย่างอดไม่ได้
“ปู่จะสอนเธอเอง”
ฉินอิงอิงนั่งอยู่ในอ้อมกอดของชายชราอย่างเชื่อฟัง เธอมองนายใหญ่ตระกูลฉินเทน้ำ ฝนหมึก จุ่มพู่กันลงในหมึก ยกพู่กันขึ้นและออกแรงตวัดอย่างทรงพลังในครั้งเดียว
ฉินอิงอิงพูดอย่างต้องการชมเชย
“ว้าว! คุณปู่เก่งมากเลย! สุดยอดที่สุดเลยค่ะ!”
นายใหญ่ตระกูลฉินมองเด็กน้อยที่อวยเก่ง เขาขำเธออยู่เล็กน้อย
"อิงอิงน้อยรู้ได้ยังไงว่าปู่เขียนดี? อิงอิงน้อยเขียนเป็นเหรอ?"
ฉินอิงอิงส่ายหน้าอย่างซื่อสัตย์ “ไม่เป็นค่ะ แต่ท่าทางคุณปู่ดูคล่องมือมากเลย เหมือนฝึกมาหลายร้อยหลายพันครั้งแล้ว แสดงว่าต้องเขียนได้ดีมาก ๆ ค่ะ”
“ประจบเก่งซะจริง!” นายใหญ่ตระกูลฉินจิ้มจมูกของเด็กน้อยอย่างอดไม่ได้ “มา… ปู่จะสอนเธอเขียนเอง”
ฉินอิงอิงฝึกตามหนึ่งรอบ ลายมือดูอ่อนแอขาดพลัง น่าเวทนาจนทนดูไม่ได้
นายใหญ่ตระกูลฉินมองว่านี่เป็นเรื่องปกติ ยังไงเธอก็ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน แถมยังเพิ่งจะอายุได้สามขวบครึ่ง
ขอแค่ชอบก็ดีแล้ว ยังไงความสนใจก็เป็นครูที่ดีที่สุด
ตอนที่ฝึก ในที่สุดนายใหญ่ตระกูลฉินก็พบว่าความสนใจของเด็กน้อยไม่ได้อยู่ที่การฝึกเขียนหนังสือ แต่จับจ้องน้ำที่อยู่ข้าง ๆ
เจ้าตัวเล็กมองน้ำ แล้วก็มองจานฝนหมึก
สายตาของเธอมองสลับไปมาระหว่างของสองสิ่งนี้ ดวงตาที่เหมือนองุ่นเต็มไปด้วยความสุข
นี่ก็แค่จานฝนหมึกกับน้ำเองนะ?
“อิงอิงน้อยชอบน้ำกับจานฝนหมึกเหรอ?”
ฉินอิงอิงยิ้ม “ชอบน้ำค่ะ”
นายใหญ่ตระกูลฉินแปลกใจยิ่งกว่าเดิม “ทำไมล่ะ?”
ฉินอิงอิงอยากบอกว่าเพราะเธอเป็นวาฬเพชฌฆาตเลยชอบน้ำเป็นธรรมดา
แต่เสียงในใจที่อยู่ส่วนลึกเตือนเธอว่าพูดแบบนี้กับมนุษย์ไม่ได้
ลูกวาฬน้อยเอียงหัวเล็ก ๆ คิดวิเคราะห์ จากนั้นก็ยิ้มตาหยีและพูดออกมา
“เพราะว่าน้ำปริมาณน้อยรวมตัวกันจะกลายเป็นลำธาร ลำธารรวมตัวกันก็จะกลายเป็นแม่น้ำ ทะเลสาบและทะเล อิงอิงชอบมหาสมุทรที่สุดเลย”
นายใหญ่ตระกูลฉินตกใจกว่าเดิม “ทำไมล่ะ?”
ตอนที่ฉินอิงอิงกำลังจะพูดว่า ‘เพราะมหาสมุทรเป็นบ้านของหนู’ เธอกลับเปลี่ยนเป็น “เพราะมหาสมุทรเป็นศูนย์รวมของสรรพสิ่ง!”
ฉินอิงอิงงุนงง
นายใหญ่ตระกูลฉินนิ่งไป
ฉินอิงอิงแปลกใจที่ตัวเองเปลี่ยนคำพูดได้ ทำไมถึงเปลี่ยนอย่างกะทันหัน
นายใหญ่ตระกูลฉินตกใจในคำพูดของเด็กน้อย ไม่นึกเลยว่าเด็กอายุสามขวบครึ่งจะรู้จักคำว่า ‘มหาสมุทรเป็นศูนย์รวมของสรรพสิ่ง’
ถึงจะเป็นการพูดไปเรื่อย นายใหญ่ตระกูลฉินก็ต้องตกตะลึงอยู่พักใหญ่
ไม่คิดเลยว่าเด็กน่ารักเถรตรงที่สามารถเข้าไปจับใจคนได้จะถูกทอดทิ้ง ไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ
ครู่ต่อมาชายชราก็รู้สึกมีความสุขอย่างท่วมท้น เป็นโชคของตระกูลฉินที่พาเด็กน้อยคนนี้กลับมาบ้าน
ในตอนที่นายใหญ่ตระกูลฉินกำลังซาบซึ้งใจ ฉินอี้ซิงก็ผลักประตูเข้ามา
“พ่อครับ อิงอิง ได้เวลากินข้าวแล้ว”
ดวงตาของฉินอิงอิงเป็นประกายทันที “เข้าใจแล้วค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้เลย!”
เธอพูดพลางหยิบตวนเอี้ยนกับกาใบเล็กและมองไปที่คุณปู่
“คุณปู่ หนูขอเอาสองชิ้นนี้กลับไปได้มั้ยคะ?"
สีหน้าของฉินอี้ซิงเปลี่ยนไป เขารีบร้อนพูดเตือน “อิงอิงน้อย…”
“ได้อยู่แล้ว! แต่ต้องรอให้ปู่ทำความสะอาดจานฝนหมึกก่อนนะ”
ฉินอี้ซิงพูดไม่ออก
นี่พ่อเอาจริงดิ?
[1] ไม้จินสื่อหนาน : ไม้โบราณหายาก มีอายุหลายร้อยปี
[2] ตวนเอี้ยน : จานฝนหมึกตวนเอี้ยนทำจากหินตวนสือสีดำของเขตตวนซี เมืองเจ้าชิ่ง มณฑลกวางตุ้ง ความพิเศษของจานฝนหมึกชนิดนี้คือสะดวกต่อการฝน น้ำหมึกไม่แห้งเป็นเกร็ดง่าย
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว