ฝูซื่อฝาน : พูดกันขนาดนี้เรียกฉันว่า ยายเถอะ! (สนพ.เฟยฮุ่ย)-บทที่ 20 ตอน เต็มใจช่วย

โดย  ฮวางจือฟาง

ฝูซื่อฝาน : พูดกันขนาดนี้เรียกฉันว่า ยายเถอะ! (สนพ.เฟยฮุ่ย)

บทที่ 20 ตอน เต็มใจช่วย

บทที่ 20

ตอน เต็มใจช่วย

เสียงหายใจหอบกระเส้าดังระงมอย่างเหน็ดเหนื่อย หานอิงหลิวก้มมองคนในอ้อมแขนอีกครา ใบหน้าซีดเซียวของนางอาบไปด้วยหยาดเหงื่อ ริมฝีปากบางสั่นแทบสิ้นใจ

นิ้วเรียวลูบไล้สัมผัสใบหน้าซื่อฝานพร้อมนึกถึงตำรารักษาขั้นสูงว่า ยาแก้พิษจากกระบี่ไร้นามจะรักษาได้อย่างไร

ตำรารักษาขั้นสูง หน้าที่ หนึ่งพันหนึ่งร้อยห้าสิบสอง ย่อหน้าที่สอง ถูกเขียนอย่างชัดเจนว่า ผักใบหญ้าดอกไม้ต้านพิษ เกล็ดมังกร ขนจิ้งจอก ปีกหงส์เงิน น้ำตกจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็ไม่อาจต้านพิษของอาวุธไร้นามนั้นได้ นอกจากจะดื่มโลหิตของเผ่าเทพเซียนมากตบะ แต่ถ้าเทพเซียนผู้นั้นไม่มีตบะมากพอยิ่งจะทำให้ผู้ที่ถูกพิษตายเร็วขึ้นไม่สามารถไปเกิดได้ และอาวุธที่พูดถึงนี้ในใต้เหล้ามีอาวุธอาบพิษเพียงหนึ่งเดียวที่ร้ายแรงที่สุด คือ หนึ่งในกระบี่ที่เทพบรรพกาลเก่าแก่ได้สร้างขึ้น

หานอิงหลิวคิ้วขมวดหันมองไปยังกระบี่ของซื่อฝานที่หลุดจากมือตกพื้นจมกองเลือด ชายหนุ่มถอนหายใจเก็บคำถามมากมายที่อยู่ในหัวพร้อมจับประเด็นสำคัญในตำรา

‘โลหิตเผ่าเทพเซียน’

“จะต้องถอนพิษอย่างไร?!” เซียวเมิ่งรีบวิ่งมาจับข้อมือนับชีพจรซื่อฝานทันควัน

สายตาเหม่อของหานอิงหลิวกำลังครุ่นคิดหนักก่อนตอบไปพลางๆ “โลหิตเผ่าเทพเซียน”

คำว่าเทพเซียนดังก้องอยู่ในหัวไม่อาจเลือนหาย สายตาคมจับจ้องเซียวเมิ่งก่อนจะหันหน้าหนีมองที่อื่นแทน กำลังทหารของแม่ทัพหานไล่ปลิดชีพศัตรูจนหมดปล่อยให้หยางเถิงหลบหนีไปเพียงผู้เดียวตามคำสั่ง ทว่าหานอิงหลิวไม่ได้สนใจภาพตรงหน้า เขาสนแค่ว่าถ้าซื่อฝานดื่มเลือดของเซียวเมิ่งไปแล้ว เซียวเมิ่งย่อมกลายเป็นผู้มีบุญคุณกับนาง แต่ว่าเมื่อครู่ที่ข้าใช้พลังปราณอยู่นั้น…

“ดี” เซียวเมิ่งเปล่งเสียงปลุกหานอิงหลิวหลุดจากความคิดพร้อม กระชากหญิงสาวออกจากอ้อมแขนของท่านแม่ทัพหานอย่างว่องไว หานอิงหลิวเปลี่ยนสีหน้าจากครุ่นคิดเป็นดุดันเดือดพล่านพร้อม กระชากร่างบางกลับสู่อกตนก่อนซัดฝ่ามือใส่เง็กเซียนฮ่องเต้สวรรค์ตามสัญชาตญาณ ทำให้เทพสวรรค์อย่างเซียวเมิ่งถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะตั้งหลักได้ หนแรกเซียวเมิ่งกะว่าจะแย่งซื่อฝานมาอีกรอบแต่ภาพที่เห็นตรงหน้า...ช่างชวนให้ตะลึง ทหารมากมายต่างยืนอึ้งอ้าปากค้างไม่แพ้เซียวเมิ่ง

ร่างบางพิงซบอก หนึ่งแขนโอบประคอง หนึ่งมือลูบไล้ลำคอระหงให้เชิดหน้า คมเขี้ยวขบกัดริมฝีปากของตนเองจนโลหิตไหลซึม

การกระทำของหานอิงหลิวรวดเร็วไม่มีความลังเล จวบจนริมฝีปากเปื้อนเลือดประกบบรรจงจูบหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างนุ่มนวล ฝ่ามือที่คอยประคองลำคอนางพลางลูบไล้ปลอบโยนอย่างเบามือ

เมื่อครู่ที่ใช้พลังปราณใช่ว่าหานอิงหลิวจะไม่ตะขิดตะขวงใจ เพราะตั้งแต่วัยเยาว์ยันอายุปูนนี้เขายังไม่เคยที่จะใช้พลังอะไรมากมายขนาดนั้นมาก่อน แต่โทสะพาไปจนได้กลิ่นอายพลังเซียน ถ้าพลังเซียนเข้มข้นแจ่มชัดขนาดนี้แน่นอนว่าพลังตบะต้องมากล้น ซึ่งเขาจะลองช่วยนางอย่างไม่ลังเล...ถึงจะต้องสงสัยจนปวดขมับกับพลังเซียนของตัวเองก็เถิด แต่ถ้าผิดคาด...เขายอมนำกระบี่คู่กายของนางแทงกลางใจล้มตายตาม

โลหิตสีแดงฉาน ณ ริมฝีปากล่างหลั่งไหลลงริมฝีปากนุ่มอย่างต่อเนื่อง ขนตางามเรียงเป็นแพรขยับสั่นไหว กลิ่นคาวเลือดจางๆเตะปลายจมูกของซื่อฝาน แต่สิ่งที่ไหลลงคอนั้นเหมือนน้ำเย็นดับร้อน อาการแสบร้อนรุมไปทั้งกายค่อยๆหายเมื่อนางดื่มของเหลวนั้น ซื่อฝานกลืนคออย่างเชื่องช้าก่อนจะขยับริมฝีปากดูดเม้นหนักแน่นขึ้น

สายตาคมจ้องกิริยาตอบโต้ของอดีตรองแม่ทัพสาวตาไม่กระพริบ การกระทำนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยๆของหานอิงหลิวคันยุบยิบยากจะระงับ

ดวงตาที่ปิดสนิทเหมือนคนนอนหลับมีความสุขจนลืมทุกข์ ซื่อฝานเขย่งเท้าทั้งสองหวังว่าริมฝีปากของตนจะได้เข้าใกล้แหล่งน้ำเต็มที่ ริมฝีปากนุ่มบดขยี้ริมฝีปากชายหนุ่มอย่างเอาแต่ใจ

ซื่อฝานแทบจะกลืนกินริมฝีปากของหานอิงหลิวอยู่ร่อมร่อ มีหรือที่หานอิงหลิวจะไม่เขินอายแต่ถึงจะมีคนหมู่มากยืนมองตาค้าง เขาก็จะสนับสนุนนางในอ้อมแขนอย่างเต็มที่ ในเมื่อซื่อฝานอาการดีขึ้นทันตาและยังชมชอบจูบดุเดือดเร่าร้อนแบบนี้อีก เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ย่อมยอมร่วมอุดมการณ์ไม่ปฏิเสธ ถึงจะมีคำว่ากบฏติดตัวนางก็เถิด

ชายหนุ่มแอบอมยิ้มมุมปากก่อนบรรจงขบเม้มริมฝีปากงาม หานอิงหลิวเผยอริมฝีปากเปิดทางให้ลิ้นนุ่มอันหอมหวานของนางล่วงล้ำสำรวจโพรงปากเสียหนำใจ จวบจนฝ่ามือนุ่มเอื้อมคว้าร่างแกร่ง ยิ่งทำให้ร่างทั้งสองแนบชิดเบียดเข้าอ้อมอกกำยำเหมือนวิญญาณที่หลอมรวมกับกายหยาบ

ซื่อฝานรู้สึกเหมือนที่กินของหวานอาหารโปรด หลังจากที่นางมาอยู่ในร่างยายแก่แทบจะไม่ได้กินของหวานเลยสักนิด แต่เมื่อตอนนี้มีของหวานมาป้อนถึงปากนางไม่มีทางปล่อยผ่านไปหรอก

หานอิงหลิวสำรวจใบหน้างามอีกรอบพร้อมค่อยๆถอนริมฝีปากอย่างโหยหา ดวงตาของซื่อฝานที่ปิดสนิทยังไม่ยอมลืมตาตื่นเหมือนกับว่า นางได้มีความสุขไร้ความเจ็บปวดถ้าลืมตาตื่นขึ้นมานางกลัวว่าความเจ็บปวดเจียนตายจะหวนกลับมาอีก

“น่าเสียดาย” เสียงทุ้มแหบพร่ากล่าวปลุกทลายฝันหวานลงฉับพลัน “...ที่นี่ไม่ได้มีแค่ข้ากับเจ้านะ” ซื่อฝานเบิกตาตื่นขึ้นทันควัน

ดวงตางามแทบถลนออกจากเบ้าก่อนไล่มองริมฝีปากของชายหนุ่ม ริมฝีปากบางถูกนางดูดเม้มแดงก่ำ หานอิงหลิวจับจ้องอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของซื่อฝานอย่างจริงจัง

“ถ้าเปลี่ยนสถานที่นี้เป็นห้องนอนสักห้อง ข้าจะยกทั้งกายให้เจ้าโดยที่ไม่ขัดขืนเลย” คำพูดชวนคิดไกลของท่านแม่ทัพช่างองอาจชัดเจน จนเหล่าทหารแทบหยุดหายใจร้อยวันพันปีคำพูดหยอกเย้าสตรีไม่ได้หลุดออกจากปากท่านแม่ทัพบ่อยๆ ยิ่งสตรีตรงหน้าเป็นอดีตรองแม่ทัพ แต่ว่าตอนนี้นางเป็นกบฏยิ่งไม่ต้องหวังว่าจะได้ยินวาจาหยอกเย้าชวนใจเต้น แต่ท่านแม่ทัพหานกลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือไม่มีใครคาดเดาความคิดของเขาได้ โดยเฉพาะซื่อฝานที่ได้แต่ขมวดคิ้วยิ้มแห้งหน้าซีดพร้อมมองริมฝีปากของหานอิงหลิวที่ตนเพิ่งสัมผัสไป

เหล่าทหารพากันกลั้นยิ้มกับคำพูดชวนคิดของท่านแม่ทัพ

ซื่อฝานพยายามตั้งสติตอบทันควัน “ถึงท่านขัดขืนข้าก็ไม่เอา” ซื่อฝานกล่าวตัดน้ำใจทันควัน แต่ก็แอบลอบกลืนน้ำตาเบาๆ ทว่าซื่อฝานรีบปรับสีหน้าเพ่งแววตาจ้องดวงตาแดงเข้มตรงหน้าอย่างใจกล้า ในหัวนางพลางคิดถึงสิ่งตนเองต้องมาเจอเหตุการณ์นี้

‘หยกว่ายเหมิงอวี้ รูปร่างดั่งมังกรขย้ำพยัคฆ์’

เสียงของเจินหมิ่นดังขึ้นในหัวแทบฉับพลัน ทีแรกซื่อฝานกะว่าจะออกแรงผลักเขาให้รู้แล้วรู้รอดถึงตัวเองจะต้องล้มหงายหลังนางก็ไม่หวั่น ทว่าความคิดนั้นกลับต้องพับเก็บเมื่อหยกว่ายเหมิงอวี้อยู่กับหานอิงหลิว...คงมีแค่โอกาสนี้ที่จะเอาของมาจากเขาได้ แต่ปัญหาที่ชวนปวดขมับก็คือเขาเก็บมันไว้ไหน...แน่นอนว่าคนอย่างหานอิงหลิวต้องเก็บเอาไว้กับตัวในเมื่อมันใช้ต่อรองกับนางได้

ยังไงก็ต้องหาหยกให้เจอก่อนที่เขาจะเอามาต่อรองกับฉัน ถ้าฉันโดนต่อรองก่อนละก็...ขาดทุนย้อยยับแน่ ยิ่งเหมือนคนเจ้าเล่ห์อยู่ด้วย

ร่างบางยังคงยืนบนหลังเท้าของหานอิงหลิวไม่ขยับ แต่สองมือกลับลูบคลำพร้อมเอ่ยวาจาชวนหลงใหลยิ่ง

“เมื่อครู่ที่ข้าเอ่ยว่า ถึงท่านขัดขืนข้าก็ไม่เอา...ข้าคงต้องกลับคำเสียแล้ว” มือนุ่มลูบไล้ต้นแขนของชายหนุ่มอย่างเชื่องช้า หานอิงหลิวเลิกคิ้วสายตาคมแลมองมองมือเรียวงาม “ข้าน่ะชอบบุรุษกำยำและดูเหมือนว่าท่านจะซ่อนรูปไม่น้อย” นิ้วมือกรีดกรายลูบคลำแผงอกแกร่งก่อนจะเคลื่อนมือเข้าสาบเสื้อหานอิงหลิวอย่างไม่ลังเล สายตาทั้งคู่สบประสานหยาดเยิ้ม ลมหายใจสั่นกระเส้าของท่านแม่ทัพทำเอาทหารมากฝีมือยืนลุ้นไปตามๆกัน หานอิงหลิวหน้าแดงก่ำพลางหวนคิดถึงวันวานที่นางยืนนิ่งดั่งรูปปั่นไม่ได้เย้ายวนขนาดนี้ แต่ที่สำคัญอนุภรรยาทั้งห้าที่จวนยังไม่เคยทำให้ชายหนุ่มร้อนผ่าวทนไม่ไหวขนาดนี้มากก่อน

ใบหน้าหล่อเหลาโน้มประชิดแก้มนวลปลายจมูกได้รูปไล่สัมผัส ซื่อฝานตัวเกรงขนลุกยิ่งกว่าอะไรดี สายตานางไล่มองสีหน้าพลทหารนับร้อยที่ยืนอึ้ง นางรีบคลำหาของในสาบเสื้อชายหนุ่มทันที จวบจนหยกเนื้อเย็นสัมผัสปลายนิ้ว

ลมหายใจผ่อนเข้าออกอย่างเชื่องช้าวาจาจากปากท่านแม่ทัพ ทำให้ซื่อฝานตัวเย็นยิ่งกว่าศพ “ไว้คราวหน้าก่อนเจ้าตายข้าจะไปมอบความหฤหรรษ์ให้ดีหรือไม่” ว่าแล้วฝ่ามือเรียวหยาบรวบมือนุ่มกระชากออกจากสาบเสื้อ หยกว่ายเหมิงอวี้ยังคงอยู่ที่เดิม “อีกอย่างลงไปจากหลังเท้าข้าได้ละ หนัก…”

ซื่อฝานยิ้มแห้งก้าวถอยหลังได้นอบน้อม “คราวหน้ารึ?...ข้าว่าอย่ามีเลยคราวหน้าน่ะ ให้เรื่องมันจบภายในวันนี้เถิด” นางแบมือต่อหน้าเขาอย่างว่าง่าย “ข้าขี้เกียจแอบไปลักเล็กขโมยน้อยกับผู้อื่นแล้ว รวมถึงท่านด้วย ข้าเลยจะกล่าวซึ่งๆหน้าเนี่ยแหละ”

เซียวเมิ่งก้าวเท้ามายืนข้างกายนางเหลือบมองฝ่ามือขาวและหน้าหานอิงหลิวไปมา “เจ้าจะทำอะไร?”

“ทวงของไง” ซื่อฝานกระดิกมือใส่หานอิงหลิว ทำเอาทหารในกองทัพตาแทบถลนออกจากเบ้าพลางซุบซิบว่า อดีตรองแม่ทัพเป็นสตรีที่ไม่รักตัวไม่กลัวตายของแท้

“หยกอะไรนั้นน่ะ ข้าขอหยกคืน” ชื่อมันยาวนางจำไม่ได้

ในเมื่อนั้นเป็นของที่นางเสี่ยงตายมาหลายครั้งต้องกัดฟันเอาของคืนให้ได้...อีกอย่าง...งานวาดฉันก็ยังทำไม่เสร็จเลยเอาเวลามาเสียกับเรื่องพวกนี้ก็ออกจะทรมานตัวเองไปหน่อยมั้ง

“ไม่ให้”

ท่านแม่ทัพตอบ

“งั้นท่านก็ฆ่าข้าเสีย” นางเปิดทางลองเชิงได้เด็ดขาด

“ไม่ฆ่า ข้าจะเก็บเจ้าไว้ดูเล่น” ประโยคของเขาเด็ดขาดยิ่งกว่า

“ของก็ไม่ให้ ให้ฆ่าก็ไม่ฆ่า” หญิงสาวเกาหัวถอนหายใจเหลือบตามองหน้าเง็กเซียนอย่างทำใจ “เอาเถิดข้าไม่ใช่คนที่ชอบเซ้าซี้” นางยักไหล่ก้าวถอยหลัง “ถ้าไม่ให้ ข้าก็ไม่เอา ท่านเอ่ยปากว่าไม่ฆ่าข้าก็อย่ามาลงมือทีหลังก็ละกัน”

วาจาตัดจบกระทันหันช่างแปลกใหม่ในสายตาของผู้คนโดยรอบ ร่างบางหันกายเดินจากไปไม่สนอะไรทั้งสิ้น ถึงแม้จะมีทหารมากมายยืนขวางทาง ซื่อฝานทำเพียงหันหน้ามองไปที่หานอิงหลิวเป็นเชิงบอกว่า เขาบอกแล้วว่าไม่ฆ่าข้าไง ปล่อยข้าได้แล้ว! ผู้คนพร้อมใจกันก้าวถอยให้นางทันท่วงที

ข้าช่วยนางไว้แท้ๆ บุญคุณครั้งนี้คงไม่อยู่ในหัวนางเลยมั้ง…

“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยอมแพ้ง่ายขนาดนั้น” เสียงชายหนุ่มเอ่ยทักข้างกาย ซื่อฝานเหลือบมองด้วยหางตา เซียวเมิ่งถือกระบี่ไพล่หลังพร้อมสังเกตสีหน้าอีกฝ่าย

“ไม่ได้บอกว่ายอม แต่ข้าแค่รู้สึกว่าหยกนั้นข้ายังไม่ต้องการ...” นางเอ่ยออกมาอย่างไร้อารมณ์

เซียวเมิ่งเลิกคิ้วแปลกใจกับการตัดสินใจของซื่อฝานไม่น้อย “เจ้าเลยคิดจะฝากไว้ที่หานอิงหลิว?”

“ใช่ เพราะถ้าข้าได้มา แน่นอนว่าอีกไม่กี่วันภัยต้องมาถึงตัวข้าแน่ ข้าไม่ยอมชักศึกเข้าบ้านหรอกนะ” นางอธิบาย “...อีกอย่างหานอิงหลิวเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ย่อมเก่งหาญในเรื่องฆ่าฟันคนมากกว่าข้า หรือถ้าเขาถูกสังหารเพราะหยกชิ้นเดียวถือว่าไร้น้ำยาจริงๆ”

“จะว่าไปเจ้าก็พูดถูก แต่...” เซียวเมิ่งเพ่งมองซื่อฝานอย่างละเอียดถี่หยิบ “จูบกันหนนี้...เจ้าถึงกับใจหลอมละลายไว้ใจเขาปานนั้นเชียว”

วงแก้มนวลพลันแดงระเรื่อเก็บอาการแทบไม่มิด ซื่อฝานรีบเม้มปากปิดแน่นหันหน้าหนีให้สิ้นเรื่อง

ดูเหมือนว่าเขาแค่ช่วยฉันไว้ก็เท่านั้น…อย่าคิดเกินเลยซื่อฝาน!

เง็กเซียนอย่างเซียวเมิ่งมองออกว่าสตรีอย่างซื่อฝานมีความเขินอายพร้อมกับมีความสงสัย “เจ้าคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับหานอิงหลิวสินะ ความจริงแล้วที่เทพชะตาอย่างเจินหมิ่นบอกให้เจ้ามาเอาหยก มันเป็นเพียงงานรอง แต่งานหลักของเจ้าคือถอนมนต์สะกดใจให้แก่หานอิงหลิว”

“หา?” สองเท้าหยุดชะงัก “ข้าไปทำตอนไหน”

“ข้าว่าแต่เดิมหานอิงหลิวก็น่าจะเจ็บปวดไม่น้อยที่เสียเจ้าไป ไม่อย่างนั้นเขาจะตามหากบฏอย่างเจ้าด้วยตัวเองรึ? ข้าว่าในใจเขาลึกๆแล้ว เจ้าอาจจะอยู่ในนั้นตั้งนานแล้วเพียงแต่เขาไม่ได้แสดงออกมา เจ้าก็มักจะปิดปากเงียบรับฟังคำสั่งจากเขาเพื่อแสดงถึงว่าเจ้าชอบเขาแต่ไม่เคยสนใจหยอดคำหวานสักนิด ยิ่งเขาถูกมนต์สะกดใจด้วย…ยิ่งไม่เหลือ แต่พอเจ้า..กลับมา เหมือนเป็นภาพวาดที่ขาดหายไปมาเต็มเติมสิ่งที่ขาดหายไป ตัวเจ้าเลยน่าสนใจในสายตาหานอิงหลิวมากขึ้นมั้ง...” เซียวเมิ่งว่าตามที่ตนคิด เรื่องชายหญิงอย่างน้อยเง็กเซียนฮ่องเต้สวรรค์อย่างเขาก็มีประสบการณ์มากกว่าทั้งสองคน

ซื่อฝานว่า “ข้ากับนางที่เขาตามหานั้น...”

“เป็นคนละคนกัน...จริงรึ?” คำกล่าวของเซียวเมิ่งทำเอาหญิงสาวหันมองบุรุษตรงหน้าไม่ไหวติง

“ท่านรู้” ซื่อฝานกัดฟันว่า

“ข้ารู้มากกว่าเจ้า แต่ก็มีคนที่รู้มากกว่าข้าเช่นกัน”

คำพูดชวนคิดของชายหนุ่มเหมือนระเบิดลูกใหญ่ที่วางไว้หน้าบ้านของนางอย่างไงอย่างงั้น ซื่อฝานนิ่งเงียบคิ้วขมวดปวดขมับ “ข้าว่าเรื่องบางเรื่องเดี๋ยวถึงเวลาเจ้าก็รู้เอง ไปกันเถิดข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน”

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว