[NC 18+] THE ILLUSION OF LOVE มารยายั่วรัก-มารยายั่วรัก : บทที่ 5 [Loading__65%]

โดย  Mamaya

[NC 18+] THE ILLUSION OF LOVE มารยายั่วรัก

มารยายั่วรัก : บทที่ 5 [Loading__65%]

สร้อยเพชรเหยียดยิ้มด้วยความชั่วร้าย เธอมีแผนๆหนึ่งเกิดขึ้น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาใครบางคน รอเพียงไม่นานอีกฝ่ายก็รับสายแล้ว

“หนูน้ำหวาน”

“คุณน้ามีอะไรคะ น้ำหวานกำลังยุ่งอยู่ค่ะ”

สร้อยเพชรเหยียดยิ้มอย่างพอใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงของอีกฝ่ายแล้ว น่าจะกำลังหัวเสียอยู่แน่ๆ และสาเหตุเพียงหนึ่งเดียวสำหรับคนโง่ๆไร้สมองอย่างรสิตา ก็มีแค่เพียงเรื่องของจอมเทียนเท่านั้นนั่นแหละ และนี่ก็คือสิ่งที่จะทำให้เธอสามารถที่จะยืมมืออีกฝ่ายเล่นงานดวงยิหวาได้

“น้าขอโทษนะจ๊ะที่โทรมารบกวนหนู พอดีน้าเห็นคุณซีน่ะจ้ะ นึกว่า..”

“คุณน้าเจอพี่ซีที่ไหนคะ”

สร้อยเพชรยิ่งยิ้มพอใจที่เธอคาดเดาทุกอย่างถูกต้อง “อ๋อ.. ที่โรงพยาบาลน่ะจ้ะ เห็นเขามาหาผู้หญิงคนนึง”

“ใครคะ”

“น้าก็ไม่รู้หรอกนะจ๊ะ ได้ยินแต่คุณซีเรียก.. ดวงยิหวา” ความสะใจฉายชัดอยู่ในแววตาคู่นั้น ยิ่งได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความไม่พอใจของรสิตา เธอก็ยิ่งพึงพอใจ

“มันอยู่ไหนคะ น้ำหวานจะไปจัดการมัน”

“ใจเย็นนะจ๊ะ เดี๋ยวน้าจะส่งที่อยู่ให้หนูก็แล้วกัน แต่น้าว่าลองพูดกันดีๆก่อนดีกว่านะจ๊ะ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” เธอแสร้งทำทีเป็นพูดดี พูดไกล่เกลี่ยให้ ทั้งที่จริงแล้วเจตนาที่จะสาดราดน้ำมันซะมากกว่า เพราะรู้นิสัยของรสิตาดีว่าเป็นคนจองหองไม่เคยฟังใครอยู่แล้ว

“คุณน้าไม่ต้องมาสอนหรอกค่ะ รีบๆส่งที่อยู่มาเดี๋ยวนี้เลย”

หลังจากเหวี่ยงอารมณ์ใส่เสร็จ รสิตาก็กดวางสายไปเลยทันที สร้อยเพชรถึงกับจิกสายตาด้วยความเกลียดชังใส่อีกฝ่ายลับหลัง แต่ไหนแต่ไรมาเธอก็ไม่เคยชอบหน้าลูกเลี้ยงคนนี้อยู่แล้ว ยิ่งนิสัยร้ายกาจแบบนี้ เธอก็ยิ่งเกลียดเข้าไส้

“หึ ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ อีเด็กเปรต!” สร้อยเพชรด่าลับหลัง ก่อนจะส่งข้อความไปให้อีกฝ่าย จากนั้นก็แค่รอเวลาดูเรื่องสนุกๆที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า




การตรวจร่างกายของยายผ่านไปได้ด้วยดี แต่ผลตรวจทั้งหมดนั้นก็ยังต้องรอผลวิเคราะห์อีกหลายอย่าง ซึ่งอย่างเร็วที่สุดก็จะเป็นวันพรุ่งนี้ที่จะได้รู้ผล หลังจากที่เจ้าหน้าที่พายายกลับมาที่ห้องพักแล้ว ซึ่งในตอนนั้นยายดวงใจยังคงหลับอยู่ ดวงยิหวาจัดการดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ยายจนเสร็จ จากนั้นก็ห่มผ้าให้ยายเพื่อที่ยายจะได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่

สร้อยเพชรนั้นกลับไปแล้วเพราะบอกว่ามีธุระสำคัญ แต่บอกให้โทรไปหาได้ถ้าหากว่าเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ระหว่างที่ยายหลับ ดวงยิหวาก็คิดว่าจะลงไปหาซื้อข้าวและของกินที่โรงอาหารด้านล่าง เธอหยิบกระเป๋าเงินมาเท่านั้น เพราะโทรศัพท์เธอได้ปิดเครื่องเอาไว้ เพื่อป้องกันการโทรมารบกวนจากทั้งบูรพาและจอมเทียน

เธอตั้งใจที่จะไม่ติดต่อกับพวกเขาอีก เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหา แต่เหมือนว่าเธอจะคิดผิดไป เพราะขนาดจะไม่อะไรกับใครแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังหนีปัญหานั้นไม่พ้นอยู่ดี

ดวงยิหวากำลังจะลงไปที่โรงอาหาร แต่เธอกลับพบว่าที่หน้าห้อง มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนมองเธอด้วยสายตาเอาเรื่อง และที่สำคัญ.. เธอเองก็รู้จักผู้หญิงคนนี้ด้วย เพราะเธอก็คือ.. รสิตา

“แกคือดวงยิหวา ใช่ไหม?!” รสิตามองหน้าดวงยิหวาอย่างเอาเรื่อง แรกเห็นก็รู้สึกไม่ถูกชะตาแล้ว

ดวงยิหวาไม่ได้ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ แต่ถามกลับอีกฝ่ายไปเลยเพื่อไม่ให้เสียเวลา “คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า”

รสิตาหายใจแรงด้วยความโกรธ แต่ก็ยังรู้จักระงับอารมณ์ตัวเองอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะโดนพ่อตำหนิ เรื่องที่ชอบทำตัวไร้สติต่อหน้าคนอื่น แล้วถ้าเกิดว่ามีคนเอาไปฟ้องอีก คราวนี้คงได้โดนกักบริเวณไปอีกหลายวันแน่

“รู้จักพี่ซี.. ใช่ไหม?!”

ดวงยิหวาเงียบไปสักพัก เธอคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเรื่องแบบนี้ แต่เธอก็ไม่คิดจะโกหก เลยตอบออกไปตามความจริง “รู้จักสิ”

รสิตากำมือแน่น อารมณ์จวนเจียนจะระเบิดอยู่แล้ว ถ้าไม่มีประโยคต่อมาของอีกฝ่าย

“แต่เมื่อนานมาแล้ว และมันก็มีแค่นั้น”

“โกหก!”

“ฉันไม่ได้โกหก”

“แต่มีคนเห็นว่าพี่ซีอยู่กับแก”

ทั้งสองเริ่มโต้เถียงกัน แต่ดวงยิหวานั้นไม่มีอารมณ์ร่วมเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่รสิตานั้นอารมณ์กำลังไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ จนดวงยิหวารู้สึกว่าจะเถียงกันอยู่แบบนี้ก็คงไม่ดีแน่ ดีไม่ดีก็จะกลายเป็นจุดสนใจมากยิ่งขึ้น สุดท้ายแล้วเธอเลยท้าให้อีกฝ่ายหาหลักฐานมาให้มันจบๆไป

“งั้นก็เอาคนนั้นมายืนยันสิ ถ้าเขารู้จริง และพูดความจริง.. ก็ให้เขามายืนยันต่อหน้า อย่าเที่ยวมาใส่ร้ายลับหลังกันแบบนี้”

รสิตานิ่งเงียบไปเลยเมื่อเจอคำท้าแบบนั้น เธอคิดตามที่ดวงยิหวาพูด และมันก็น่าแปลกที่บุคลิกและคำพูดของดวงยิหวา กลับดูน่าเชื่อถือมากกว่าแม่เลี้ยงของเธอที่เป็นคนบอกเรื่องนี้ด้วยซ้ำ

จริงๆเธอก็รู้ว่าสร้อยเพชรเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถติดต่อจอมเทียนได้เลย พอมีคนมาพูดปลุกปั่นว่าเห็นจอมเทียนอยู่ตรงนั้น หรืออยู่กับคนนี้ เธอก็เชื่อไว้ก่อน แต่เท่าที่เห็นนอกจากจะไม่เจอจอมเทียนแล้ว ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ายังทำให้เธอรู้สึกว่า ห่างไกลจากความชื่นชอบของจอมเทียนอีกเยอะ ถึงจะสวยแต่ก็ดูซ่อมซ่อธรรมดา ไม่มีทางที่จอมเทียนจะหลงใหลคลั่งไคล้อย่างแน่นอน

“แก.. ไม่ได้โกหฉันแน่นะ” รสิตายังเคลือบแคลงอยู่นิดหน่อย

ดวงยิหวารู้ดีแก่ใจว่ารสิตาเป็นคนรักของจอมเทียน และเธอไม่มีวันแย่งของรักของใครทั้งนั้น ถึงแม้ว่าเรื่องระหว่างเธอกับเขาจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะเรียกร้องเอาอะไร เพราะไม่ว่ายังไงความรู้สึกของเธอก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจอมเทียน หรือบูรพาก็ตาม

“ฉันไม่เคยอยากได้ของๆใคร”

“จำคำพูดของตัวเองให้ดีก็แล้วกัน”

ดวงยิหวาไม่ได้โต้ตอบอะไรอีก และเลือกที่จะเดินหนีไป เพราะไม่อยากเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ แต่ทั้งสองไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่พวกเธอคุยกัน จะมีสายตาอาฆาตมาดร้ายของสร้อยเพชรมองดูอยู่ และเธอก็ยิ่งแสดงถึงความไม่พอใจออกมา เมื่อเห็นว่ารสิตาไม่ได้อาละวาดทำร้ายดวงยิหวาอย่างที่ควรจะเป็น

“อีโง่! ไม่ได้ดั่งใจเลยจริงๆ” สร้อยเพชรสบถคำหยาบที่มีต่อรสิตา ก่อนจะสาดสายตาอาฆาตไปที่ดวงยิหวาที่ค่อยๆเดินห่างออกไป

ส่วนดวงยิหวานับจากที่เธอเดินห่างออกมาจากรสิตาแล้วนั้น แววตาที่เคยเรียบเฉยในทีแรกกลับเผยถึงความเศร้าออกมา ก่อนที่เธอจะรีบเดินไปหาที่หลบมุมๆหนึ่ง แล้วความอ่อนแอที่ฝืนทนเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็เปลี่ยนเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างมากมาย

ดวงยิหวาแอบมาร้องไห้เสียใจอยู่เพียงลำพัง ใครว่าเธอเข้มแข็ง มันไม่จริงเลยสักนิด หัวใจของเธอมันอ่อนแอตั้งแต่พวกเขาทั้งสองคน กลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้งแล้ว แต่ก็รู้ดีว่าความสุขนั้นมันไม่ใช่ของเธอ.. มันไม่ใช่และไม่เคยเป็นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว




จอมเทียนและบูรพากลับมาที่โรงแรม พวกเขาตรงเข้าไปที่ประชาสัมพันธ์และสอบถามข้อมูลของหลี่เฟยเทียนทันที

“ช่วยเช็คให้ผมหน่อยว่าแขกที่เข้าพัก ที่ชื่อ หลี่เฟยเทียน เขาพักอยู่ห้องไหน”

“เอ่อ..” พนักงานสาวทำหน้าลำบากใจ เพราะกฎก็คือห้ามบอกข้อมูลของลูกค้า ไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ทว่าตอนนี้ลูกชายเจ้าของโรงแรมกลับจะละเมิดกฎซะเอง ถึงเป็นแบบนั้นก็สร้างความลำบากใจให้กับเธออยู่ดี

จอมเทียนเองก็รู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ได้ และมันผิดกฎอย่างร้ายแรงในการเปิดเผยข้อมูลของแขกที่เข้าพัก แต่ว่าวินาทีนี้ระหว่างความผิดกับการสูญเสีย เขาเลือกอย่างแรกแบบไม่ต้องคิดเลยสักนิด

“ไม่เป็นไร เขาเป็นเพื่อนของผม ถ้ามีอะไรผมรับผิดชอบเอง”

“ค่ะ”

ระหว่างนั้นทั้งสองก็ยืนรอข้อมูลจากพนักงานสาว ในขณะที่เธอกำลังจะบอก จังหวะที่เงยใบหน้าขึ้นมา ก็ได้เห็นว่าหลี่เฟยเทียนเดินเข้ามาพร้อมผู้ช่วยของเขาพอดี

“นั่นไงคะ คุณหลี่”

บูรพาและจอมเทียนหันไปมองพร้อมกัน เขาเห็นหลี่เฟยเทียนกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับใครอีกคน ที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ แต่ใบหน้าของหลี่เฟยเทียนนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่

บูรพาสะกิดจอมเทียนให้เดินตาม โดยที่พวกเขาทำตัวเนียนเดินไปพร้อมกับอีกฝ่าย จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์ไปด้วยกัน บูรพาตั้งใจหันไปมองหลี่เฟยเทียนอย่างเปิดเผย เพราะอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้จักเขาไหม แต่เหมือนว่าเขาจะคาดหวังมากเกินไป เพราะถึงแม้ว่าหลี่เฟยเทียนจะหันมามองตอบ แต่ท่าทางของอีกฝ่ายก็ดูจะนิ่ง โดยที่ไม่มีอาการตกใจอะไรเลย

บูรพาค่อนข้างมั่นใจว่าหลี่เฟยเทียนไม่รู้จักเขา เขายิ้มออกมาอย่างนึกสนุกก่อนจะหันหน้ากลับไปมองตรงตามเดิม

ส่วนหลี่เฟยเทียนเองก็นึกแปลกใจที่อยู่ๆ ก็โดนใครที่ไหนก็ไม่รู้มามองหน้า แต่เขาก็ยังคงเก็บอาการจนกระทั่งได้ยินเสียงของเฉินฮ่าวรับและคุยโทรศัพท์ แน่นอนว่าเฉินฮ่าวคุยเป็นภาษาของตัวเอง นั่นเลยทำให้บูรพากับจอมเทียนฟังไม่รู้เรื่อง แต่หลี่เฟยเทียนได้ยินชัดทุกถ้อยคำ

“เข้าใจแล้ว คอยดูคุณหนูเอาไว้ให้ดีล่ะ”

“เกิดอะไรขึ้น” หลี่เฟยเทียนหันไปถามเฉินฮ่าวทันที

“คนของเราบอกว่าเห็นคุณหนูแล้วครับ เธออยู่ที่โรงพยาบาล แต่ดูเหมือนว่าเธอมาเฝ้าคนป่วยมากกว่าจะมาหาหมอตามที่นัด” เฉินฮ่าวรายงานไปตามนั้น

“เฝ้าคนป่วย” หลี่เฟยเทียนทำหน้าสงสัย

“ครับ”

หลี่เฟยเทียนครุ่นคิดอย่างหนัก ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าดวงยิหวายังมีชีวิตอยู่ แต่จากรายงานที่ได้รับมาจากคนที่คอยให้เฝ้าดูความเคลื่อนไหวอยู่ที่โรงพยาบาล ได้บอกว่าเธอมาเพื่อเฝ้าใครบางคนมากกว่า ใครบางคนที่ว่านั้นคงสำคัญกับดวงยิหวามากแน่ๆ และคนๆเดียวที่จะสำคัญกับเธอได้ก็มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น

“ยาย!”

“นายน้อยว่ายังไงนะครับ”

“ต้องเป็นยายของฉันแน่ๆ ทั้งยายและน้อง.. พวกเขายังมีชีวิตอยู่” หลี่เฟยเทียนเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ดวงตาของเขาเป็นประกายวาวด้วยหยดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาด้วยความยินดี

และทุกอากัปกิริยาของหลี่เฟยเทียน ก็อยู่ในสายตาของบูรพาและจอมเทียนตลอด ทั้งคู่ต่างก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกันสักนิดเดียว

หลังจากประตูลิฟท์เปิดไปยังชั้นที่เป็นจุดหมาย ระหว่างที่เดินออกจากลิฟท์นั้น หลี่เฟยเทียนก็สั่งงานเฉินฮ่าวไปด้วย

“เฉินฮ่าว นายสั่งให้คนไปทำความสะอาดที่บ้านพักนั้นนะ แล้วเก็บของๆฉันไปไว้ที่นั่นด้วย อ้อ.. สั่งให้คนจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อม ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ทุกอย่าง เอาที่ดีที่สุด เดี๋ยวฉันจะรีบโทรหาป๊า”

“ครับนายน้อย”

ทั้งหลี่เฟยเทียนและเฉินฮ่าวลืมไปเลยว่านอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีอีกสองคนที่ขึ้นลิฟท์มาด้วย โดยที่ตอนนั้นพวกเขาไม่ทันได้สังเกตเลยว่า ผู้ชายสองคนแปลกหน้านั้นตอนนี้กำลังยืนมองพวกเขาอย่างจับผิดอยู่

“มันไม่รู้จักกูจริงๆด้วย” บูรพายิ้มเหมือนสนุกที่ได้ทำอะไรแบบนี้

“และดูเหมือนว่า มันเองก็ยังไม่เจอตัวเล็กเหมือนกัน” จอมเทียนตั้งข้อสงสัย หลังจากที่ลองสังเกตดูแล้ว ใบหน้าของหลี่เฟยเทียนดูจะมีความกลุ้มใจมากกว่าสุขใจด้วยซ้ำ ยกเว้นเมื่อสักครู่นี้ ที่ดูเหมือนจะดีใจกับอะไรสักอย่าง

“แต่เมื่อกี้มันดีใจอะไรวะ” จอมเทียนตั้งข้อสังเกต

“ไม่รู้.. กูฟังไม่ออก” บูรพาหน้านิ่งทันที รู้สึกว่าตัวเองพลาดมากที่ไม่เรียนภาษา เหมือนอย่างที่แม่คอยบังคับในตอนแรก

“กูฟังออกแค่เหม่เหม บ้านมึงมีเชื้อจีนไม่ใช่หรอ เหม่เหมแปลว่าอะไรอ่ะ” จอมเทียนหันมาถามหน้าตาย ทั้งประโยคฟังออกแค่คำนี้คำเดียวจริงๆ รู้สึกเหมือนจะเป็นชื่อคนหรือเปล่า

บูรพาแค่นยิ้ม “หึ! ทั้งบ้าน.. มีแค่ยัยเมย์ที่พูดได้คนเดียว”

“อ้อ.. ป๊ามึงก็ไม่ได้หรอ”

“ป๊ากูเสิ่นเจิ้นล่ะมั้ง!”

จอมเทียนถึงกับกรอกตามองบน จบเลยงานนี้ แม้แต่ลูกหลานสายตรงอย่างพ่อมัน ยังสู้ลูกสาวคนเดียวอย่างบูรณาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ดีที่ว่าบูรณาเรียนจบเอกภาษามา แต่ก็เพื่อที่จะมาเป็นล่ามส่วนตัวให้พ่อตัวเอง ตลกดีไหมล่ะ





รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว