บทที่ 29 สมควรแล้วที่จะตาย
หันหลังกลับมามองกำแพงสูงกว่าหนึ่งจั้ง เหลียงเฟยอดหัวเราะไม่ได้ วรยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นถึงระดับปรมาจารย์ยุทธ์แล้ว มันช่างรู้สึกดีจริง ๆ !
เขาไม่อยากให้เซียวหนิงเสวี่ยตามมา ปลายทางของเขามันอันตรายเกินกว่าจะให้นางมาเสี่ยงด้วยได้ จึงรีบใช้ฝีเท้าลมกรดวิ่งไปที่จวนตระกูลโหลวอย่างรวดเร็ว
มาถึงหน้าประตูจวนตระกูลโหลว ทหารยามที่เห็นเหลียงเฟย ผู้ผิดปกติกลับมาอีก ต่างตกใจยิ่งนัก คราวนี้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะชักกระบี่ หันหลังวิ่งเข้าไปในจวนโหลวพร้อมร้องป่าวตะโกนว่าไม่ดีแล้ว!
เหลียงเฟยส่ายหัวหัวเราะเยาะอย่างดูแคลนกับเรื่องนี้
หากเป็นเขา ต่อให้พลังห่างชั้นกันจนไม่มีหวังชนะแม้แต่น้อย ก็ยังต้องชักกรับี่ออกมาสู้สักตั้ง! ต่อให้ตาย ก็ต้องทำให้พวกที่ใช้อำนาจข่มเหงรังแกผู้อื่น ใช้กำลังข่มเหงคนอ่อนแอ รู้ไว้ว่าเขานั้นไม่ใช่เบี้ยล่าง ไม่ใช่มดปลวกให้จับต้องได้ตามใจชอบ!
อย่าคิดว่าแข็งแกร่ง แล้วจะสามารถเหิมเกริมไม่เห็นหัวใคร ไม่มีใครกล้าแตะต้อง!
ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่เหลียงเฟยไม่ปล่อยผ่าน แต่เขายังจะบุกเข้าไปจัดการอย่างเปิดเผยอีกด้วย ให้คนเหล่านี้ได้เห็นสีสันบ้าง! ฮึ่ม แม้จะเป็นเพียงคนธรรมดา เป็นคนยากจน แต่ก็ไม่ใช่พวกที่จะถูกรังแกได้ง่าย ๆ หรอก!
เหลียงเฟยก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลโหลวโดยตรง แม้ว่าเขาจะเห็นฝีมือของตระกูลโหลวมากมาย ไหนจะการที่ครั้งนี้ก็ไม่มีตระกูลเย่ช่วยเหลืออีก แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงไม่พบความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ก้าวไปข้างหน้าอย่างองอาจกล้าหาญ
จากตอนที่จากไป จนกลับมาอีกครั้ง ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ตระกูลโหลวทั้งผู้อาวุโสระดับสูงรวมถึงลูกหลานชั้นล่าง ทุกคนต่างสวมใส่ชุดไว้ทุกข์ มีผ้าขาวแขวนอยู่ทั่วไป เสียงร้องไห้ดังระงม เป็นภาพที่หดหู่อย่างยิ่ง
เมื่อคนในตระกูลโหลวรู้ว่าเหลียงเฟยกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวชุดผ้าไหมสีเขียวคนก่อนหน้านี้ วิ่งออกมาเป็นคนแรก ตะโกนใส่เหลียงเฟยด้วยใบหน้าเย็นชา "กำลังจะไปตามหาเจ้าเพื่อแก้แค้นให้สามีของข้าที่ถูกฆ่าตาย ระบายความแค้นที่สูญเสียสามีไป ไม่คิดว่าเจ้ากลับส่งตัวเองมาเอง ดี! ข้าจะได้ชำระแค้นกันให้สาสมใจ พวกเราจะจบมันเสียที!"
ทว่าโหลวอิงป้ากลับวิ่งตามออกมา ขวางนางไว้ "น้องสะใภ้ หยุดก่อน!" พูดเช่นนั้นแล้วเขาก็มองไปที่เหลียงเฟย แววตานั้นเยือกเย็นไม่ต่างกันนัก เจ้าตระกูลโหลวเปล่งเสียงวาจา "เจ้ากลับมาด้วยเหตุใดอีก? อย่าคิดว่ามีตระกูลเย่หนุนหลัง พวกเราตระกูลโหลวก็จะกลัวเจ้า!"
พูดจบ สายตาของเขาก็มองซ้ายขวา ตรวจสอบว่ามีคนจากตระกูลเย่ตามมาด้วยหรือไม่!
เหลียงเฟยไม่ได้สนใจว่าคนเหล่านี้จะทำอย่างไร เพียงแต่ใบหน้าสงบนิ่ง เดินอ้อมผ่านหญิงสาวชุดผ้าไหมสีเขียวและโหลวอิงป้า เข้าไปในห้องโถง ที่หน้าโลงศพของชายหน้าดำผู้เป็นอาสามของตระกูลโหลวแสดงความเคารพด้วยการคำนับสามครั้ง
คนในตระกูลโหลวเห็นเขาไหว้ศพ ก็ยังคงอดทนไม่ระเบิดอารมณ์ชั่วคราว เช่นเดียวกับโหลวอิงป้าที่ยังมองซ้ายขวาดูว่ามีคนจากตระกูลเย่ตามมาหรือไม่
ใครจะคิดว่าหลังจากที่เหลียงเฟยไหว้ศพแล้ว เจ้าตัวจะเอ่ยอะไรเช่นนี้ออกมา "ที่ฆ่าท่าน ข้าขออภัยอย่างสุดซึ้ง! หวังว่าชาติหน้าท่านจะได้เกิดในตระกูลที่ดี ทำความดีมาก ๆ อย่าเหมือนชาตินี้ที่ใจคอโหดเหี้ยม วิธีการทารุณ ทำชั่วมากมาย สมควรแล้วที่จะตาย!"
สมควรแล้วที่จะตาย?
สี่คำนี้เหลียงเฟยพูดออกมาเบา ๆ แต่สำหรับคนตระกูลโหลวแล้ว ฟังดูเหมือนฟ้าผ่าลั่นสนั่น!
ฆ่าเขาแล้วยังกล้าพูดว่าเขาสมควรตายงั้นหรือ?
ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมาก่อน "ทุกคนไม่ต้องกลัว คนตระกูลเย่ไม่ได้มา! ไอ้หมอนี่วิ่งมาคนเดียว พวกเราฆ่าเขาซะ!"
ยังพูดไม่ทันขาดคำ ในลานวับวาวไปด้วยแสงระยิบระยับ คนตระกูลโหลวต่างก็ปรากฏอาวุธออกมา สายตาเย็นชาไร้ความปรานีมองไปที่เหลียงเฟย ทุกคนกระหายที่จะลงมือ!
โหลวอวี้ตี๋เห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็อดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ คิดในใจ ‘เหลียงเฟย เจ้ามาคฤหาสน์ตระกูลโหลวเพียงลำพัง ถ้าไม่ตาย ก็ต้องถลกหนังเป็นอย่างน้อย! หึ ๆ ๆ แค่ถลกหนังมันยังไม่พอ ต้องแช่น้ำเกลืออีก แล้วเฆี่ยนด้วยแส้หนัง ทรมานเจ้าจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ก็ตายไม่ได้ ทรมานเจ้าจนตาย!’
จากนั้น เขาก็ส่งเสียงในลำคอด้วยสีหน้าเย็นชาทันใดว่า "ความแค้นกับเจ้านั้นมันไม่มีทางสาสมแน่! ความเคียดแค้นที่เจ้ามาฆ่าคนในตระกูลของข้า แค้นที่ภรรยาถูกแย่งชิง! เหลียงเฟย เจ้าฆ่าอาสามผู้เหมือนกับฆ่าบิดาของข้า แย่งเอาแม่นางเซียวไป ผู้เป็นดั่งภรรยาของข้า! ความแค้นระหว่างเจ้ากับข้า ไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้ วันนี้ต้องล้างแค้นให้สาสม!"
เหลียงเฟย มองดูท่าทางของคนในตระกูลโหลว ก็อดโบกมือไม่ได้ เอียงหัวพูดกล่าว "พวกเจ้านี่จะทำอะไรกัน จะใช้กำลังหรือ? ข้ามาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อต่อสู้นะ!"
โหลวอวี้ตี๋ ได้ยินดังนั้น รีบตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที "คนของตระกูลเย่ไม่อยู่ เป็นโอกาสที่หาได้ยาก พวกเราช่วยกันฆ่ามันเสีย ฆ่ามันเสีย! เพื่อแก้แค้นให้ท่านอาที่ตายไป!"
ในใจคิด ‘เหลียงเฟย หึ ๆ เจ้าก็มีเวลากลัวเหมือนกันนะ ไม่ได้มาต่อสู้งั้นหรือ ไม่ว่าเจ้าจะมาทำอะไร ก็ต้องถูกฆ่าอยู่ดี!’
หลังจากนั้นก็มีคนตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน พากันพูดว่าต้องกำจัด เหลียงเฟย โดยเร็ว
แต่ชายผอมที่พูดน้อยมากคนนั้น กลับก้าวออกมา มองไปที่โหลวอิงป้า ครู่หนึ่งจึงเดินไปข้างหน้าเพื่อกล่าวถาม "เหลียงเฟย งั้นเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร?"
"ยาที่พวกเจ้าให้ข้าเพื่อช่วยชีวิตพ่อแม่ของแม่นางเซียว ไม่เพียงแต่ไม่ใช่ยาแก้พิษ แต่ยังเป็นยาพิษด้วย! ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะให้คำตอบกับข้า!" เหลียงเฟยพูดอย่างไม่ลังเลและสงบนิ่ง
ชายผอมได้ยินดังนั้น อดตะโกนเสียงดังไม่ได้ "คนตายไปแล้ว เจ้ายังจะเอาคำตอบอะไรอีก?"
หญิงชุดผ้าไหมสีเขียวหัวเราะอย่างเศร้าสร้อย
หลังจากนั้นคนในตระกูลโหลวก็หัวเราะตามกันไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ยามหน้าประตูและคนรับใช้ที่ไม่มีวรยุทธ์ติดตัวเลย
โหลวอวี้ตี๋เป็นคนแรกที่พูดขึ้น "นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่ข้าเคยเจอมาในชีวิต!"
ต่อมา นอกจากคนส่วนน้อยแล้ว ก็พากันพูดตามว่าเหลียงเฟย คนนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ ไม่ดูเลยว่าตอนนี้เป็นสถานการณ์แบบไหน ยังกล้าพูดแบบนี้ได้ ตระกูลโหลวของพวกเขายอมปล่อยเขาไปก็ถือว่าดีมากแล้ว ยังคิดจะให้พวกเขาให้คำตอบอีก!
เหลียงเฟยยังคงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สีหน้าเย็นชาหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับทุกคน "อย่างไร? พวกเจ้าไม่คิดจะให้คำตอบข้างั้นหรือ?"
"ข้าจะให้คำตอบเจ้าเอง!" หญิงชุดผ้าไหมสีเขียวพูดจบ ก็โบกดาบกระบี่มรกตขึ้นฟ้า พุ่งขึ้นไปบนอากาศ ปล่อยพลังปราณออกมาหลายระลอกติดต่อกัน กลายเป็นแสงสีเขียวหลายสาย พุ่งเข้าใส่เหลียงเฟยพร้อมกัน!
นางในชุดผ้าไหมสีเขียวแข็งแกร่งยิ่งกว่าชายหน้าดำถึงสองระดับ เป็นจ้าวยุทธ์ระดับสูง พลังที่ปล่อยออกมาแม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็ทรงพลังอย่างยิ่ง มันฉีกห้วงอากาศจนระเบิดดังสนั่น คลื่นพลังกวาดไปทั่วจนพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน!
เหลียงเฟยตกอยู่ในอันตราย!
ตระกูลโหลวไม่สนใจเรื่องคุณธรรม พวกเขากล้าที่จะใช้กำลังมากรังแกน้อยและการที่ฝ่ายที่มีฝีมือสูงจำนวนมากรุมรังแกคนที่เพิ่งจะก้าวข้ามขีดจำกัดบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ระดับสูงเพียงคนเดียวก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาอับอายอะไรด้วย
หากต้องตกเป็นขี้ปากของใครสักคน มันผู้นั้นจะเป็นใคร? ใครมันจะกล้าพูดจาเสียหายเกี่ยวกับตระกูลโหลวของพวกเขา?
ส่วนตระกูลเย่ ก็ค่อยว่ากันทีหลัง ไม่ต้องกลัวพวกเขา!
ดังนั้นตามหลังหญิงสาวชุดผ้าไหมสีเขียวไป ยอดฝีมือของตระกูลโหลวจำนวนมากรวมถึงโหลวอวี้ตี๋ก็เข้าโจมตีด้วย นอกจากโหลวอิงป้าที่ปิดกั้นพลังของตนเองแล้ว ทุกคนต่างก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ใช้ท่วงท่าอาวุธวิเศษจู่โจมเหลียงเฟยหลายครั้ง
ในทันใดทั้งบนฟ้าและบนพื้นดิน แสงสีดำปนเขียวพุ่งปะทะกันวุ่นวาย เหมือนม้านับหมื่นตัววิ่งเต็มฝีเท้า คลื่นยักษ์ท่วมท้น ด้วยแรงอันทรงพลัง พุ่งเข้าใส่เหลียงเฟยอย่างบ้าคลั่ง!
เหลียงเฟย ตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง!
เผชิญกับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ สีหน้าของเหลียงเฟยยังคงนิ่งสงบ เขาเพียงแค่ทะยานไปบนฟ้า แล้วรีบปลดปล่อยศาสตร์บงการสวรรค์ทันที
ในขณะเดียวกันเหลียงเฟยใช้ฝ่ามือเป็นคมดาบ หมุนตัวไม่หยุด แสงสีดำปนเขียวนับไม่ถ้วนระเบิดกระจายออกมา ภายใต้การควบคุมของพลังจิต หมุนวนไปมารอบตัวเขาอย่างคล่องแคล่ว ผสมผสานรวมตัวกัน ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง
แต่เหลียงเฟยรู้ดีว่าพลังของเขากับพลังของพวกเขาทั้งหมดนั้นห่างชั้นกันมาก จึงไม่ได้ใช้วิธีนี้ต่อต้านการโจมตีของฝ่ายตระกูลโหลวเพียงอย่างเดียว
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว