กับดักคามิน-บทที่ 3...1/3

โดย  อัมราน l บรรพตี

กับดักคามิน

บทที่ 3...1/3

หลังจากการคุยที่เหมือนเอาตัวเองไปให้เสือขย้ำกับคามินเมื่อตอนบ่ายของศรันยา ทำให้หญิงสาวระแวงจนมองไปที่ประตูทางเข้าแผนกอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคิดว่าคามินอาจจะมาที่นี่แล้วทำอะไรที่ทุกคนคาดไม่ถึง การหมั้นหมายเกิดขึ้นแล้วก็จริง แต่เธอยังไม่อยากแสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นของเขา หากยังไม่ถึงเวลาที่จำเป็น อย่างเช่น มีผู้หญิงมาแอบอ้างว่าเป็นแฟนหรือแม่ของลูกปลอมๆ ของคามินอีก ทำให้พอเกือบ 5 โมงเย็น หญิงสาวก็แทบถอนใจออกมาด้วยความโล่งอกเพราะป่านนี้แล้วคามินคงไม่ว่างลงมาทำให้เธอขวัญบินหรอก

เสียงโทรศัพท์มือถือของศรันยาดังขึ้นพอดี หญิงสาวกดรับแม้จะเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก แต่เมื่อคิดว่าอาจเป็นแหล่งข่าวทำให้อย่างไรเสียก็ต้องรับสาย

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใครคะ”

“คู่หมั้นของคุณไงล่ะ” คามินตอบซึ่งไม่แปลกที่ศรันยาจะถามแบบนั้น เบอร์นี้เขาใช้ในเรื่องส่วนตัว ส่วนเบอร์ที่เธอมีนั้นไว้ใช้สำหรับเรื่องงาน “เย็นนี้ผมมีนัด แต่ไม่อยากไปคนเดียว”

“เอ่อ...” คือคำชวนหรือว่าคำสั่ง ศรันยาไม่แน่ใจเลยไม่รู้จะตอบยังไง

การพูดมาคำเดียวแล้วเงียบไปแบบนั้นทำให้คามินต้องเป็นฝ่ายพูดต่อไปอีกสักหน่อยว่า

“คุณบอกว่าจะทำหน้าที่เป็นตัวหลอก ตอนนี้ผมอยากได้ตัวช่วยนั้นแล้ว”

อ้อ แล้วก็ไม่บอกแต่แรก ศรันยาบ่นอยู่ในใจ

“ก็ได้ค่ะ จะให้ฉันไปพบที่ไหนคะ”

“ห้องทำงานของผม”

แค่คิดว่ากว่าจะไปถึงห้องทำงานของคามินต้องผ่านแผนกอะไรและต้องตอบคำถามว่าไปหาประธานทำไม ศรันยาก็สยองแล้ว

“อย่าดีกว่าค่ะ ที่อื่นคงดีกว่า การที่พนักงานตัวเล็กๆ ไปหาเจ้านายที่ห้องทำงานคงแปลกๆ”

แทนที่คามินจะต้องมากังวลว่าใครอาจรู้ว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว แต่เขากลับไม่รู้สึกกังวลอะไร กลายเป็นศรันยาเสียอีกที่กังวลจนน่าสงสัยว่าเธอติดขัดอะไรนักหนา

“ถ้างั้นไปที่ร้าน...แล้วกัน ผมจะไปรอที่นั่น”

ศรันยาเคยนั่งรถผ่านร้านที่คามินต้องการให้ไปพบพอดี

“ได้ค่ะ”

เงียบ...ไม่มีคำพูดอะไรต่อจากนั้นแล้วมันคือการวางสายไปของคามิน ศรันยากดวางสายแล้วเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะไปบอกเกวลีว่าจะไปข้างนอกมีเรื่องสำคัญ ส่วนธีภพนั้นมองผ่านกระจกมาพอดี เธอยกมือว่าไปแล้วนะ แล้วรีบเดินแกมวิ่งไปที่ลิฟต์เพราะไม่อยากไปสายจนเป็นสาเหตุให้คามินตำหนิได้

ศรันยาลงจากแท็กซี่แล้วรีบเดินเร็วๆ มารอที่หน้าร้านบูติกที่หรูหราและแน่นอนว่าเธอไม่เคยเข้าไปในนั้น แม้ว่าเงินจะมีพอซื้อเสื้อผ้าในร้านได้สักชุด แต่ชีวิตของเธอคงไม่ใช้เสื้อผ้าแบบนั้น แค่ที่ใส่อยู่ก็โอเคสำหรับการทำงานและหาข่าวแล้ว

หญิงสาวยืนรออยู่ไม่ถึง 5 นาที คามินก็มาถึง ชายหนุ่มลงจากรถแล้วคว้าข้อมือของคู่หมั้นพาเดินเข้ามาในร้าน โดยไม่บอกสักคำว่าจะให้เธอเข้ามาทำไม หรือบางทีคู่นัดของเขาคงมารออยู่ในนี้แล้วกระมัง

“ไหนล่ะคะคนที่คุณอยากให้ฉันเป็นกันชน แล้วทำไมถึงมานัดกันที่ร้านเสื้อ กิ๊กรายใหม่ของคุณเป็นดีไซเนอร์หรือคะ”

ศรันยายอมรับว่าเดาล้วนๆ ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานตึกเดียวกับคามิน แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอรู้ว่าเขาทำอะไรไปกับใครเสียเมื่อไหร่

“เปล่า”

คามินถอนใจเมื่ออยากจับศรัยาเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอนเสียจริง

“ที่ที่ผมจะพาคุณคืนนี้ไปคงไม่โอเคเท่าไหร่กับชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์แบบนี้ ผมเลยต้องนัดคุณมาที่นี่ก่อน”

คามินจะพาเธอมาแปลงโฉมจากนางก้นครัวไปเป็นนางซินว่างั้น คนรวยนี่ใช้ชีวิตยุ่งยากชะมัด แค่มีนัดถึงกับต้องทำอะไรมากมาย

“ฉันต้องทำขนาดนั้นเพื่อคุณจริงๆ หรือคะ”

“นี่แหละสังคมอีกแบบที่เด็กแบบคุณยังไม่เข้าใจ” คามินเลิกคิ้วใส่ ‘เด็ก’ ที่เป็นคู่หมั้นของเขา “อายุน้อยกว่าผม 7 ปี ให้มองยังไงก็เด็กกว่าผม หรือคุณจะเถียงว่าไม่ใช่”

“ค่ะ ลุงคาม” อยากแก่กว่านัก เธอจะไปว่าอะไรได้

“นี่เธอ!”

ศรันยาก้าวถอยหลังมาแล้วยิ้มจนตาหยี

“ตอนนี้นอกเวลางานแล้ว ฉันจะเรียกคุณแบบนี้คงได้ใช่ไหมคะ เพราะคุณบอกว่าอายุมากกว่าฉันตั้ง 7 ปี เยอะขนาดนี้ ให้เรียกว่าพี่ ฉันคิดว่าคงดูปีนเกลียวไปสักหน่อย”

“ตามใจ อยากเรียกอะไรก็แล้วแต่เลย”

คามินไม่อยากเอามาเป็นอารมณ์และมันเสียเวลาที่จะมาทะเลาะกับคนที่อายุน้อยกว่า 7 ปี

พนักงานเข้ามาคุยกับคามินพอดี แล้วเพียงครู่เดียวศรันยาก็ถูกพาไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แน่ล่ะเธอไม่ได้เลือกว่าจะใส่ชุดไหน แต่เขาต่างหากที่บงการทุกอย่างอยู่นอกห้องจนได้ชุดที่พอใจ หญิงสาวมองตัวเองที่กำลังใส่ชุดแซคที่ครีมพอดีตัว แม้จะเป็นรูปแบบเรียบๆ แต่ดูก็รู้ว่าราคาคงไม่น่ารักเท่าไหร่ รวมทั้งรองเท้าที่เธอถูกขอใส่เพื่อที่จะเข้ากับชุด แทนที่รองเท้าผ้าใบคู่เก่ง

ศรันยาถือถุงใส่เสื้อผ้าชุดเดิมและรองเท้าผ้าใบออกมาจากห้องแต่งตัว สีหน้าของคนพอใจมองมา แต่กลับสะดุดที่นิ้วมือโล่งๆ ของคู่หมั้นที่ทำหน้าเหมือนกินยาขมๆ เข้าไป เรื่องแบบนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบกันไม่ใช่หรือ การได้แต่งตัวสวยๆ รองเท้าหรูและผู้ชายรับหน้าที่ดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย

“แหวนหมั้นของคุณไปไหน”

“อยู่นี่ค่ะ” ศรันยาดึงสร้อยทองคำขาวเรียบๆ ออกมา ซึ่งมีแหวนห้อยอยู่กับจี้ที่เป็นสัญลักษณ์อะไรสักอย่างที่คามินไม่ทันได้มองชัดๆ เพราะแหวนถูกถอดออกมาจากสร้อยเสียก่อน “ฉันกลัวหายเลยเอามาใส่ไว้ในสร้อยแทนค่ะ”

“ขอผมได้ไหม”

ศรันยาส่งแหวนให้คามิน แต่เขากลับจับมือของเธอไว้แล้วพลิกคล่ำลงเพื่อใส่แหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย

“คืนนี้แหวนบนนิ้วของคุณจะช่วยผมได้” คามินปล่อยมือของศรันยาเมื่อเจ้าตัวถอยหลังไป “อ้อ ถ้าคุณอยากใส่แหวนวงนี้ก็ใส่ไปเถอะ หายไปก็แค่ซื้อใหม่ มันไม่ได้มีราคาอะไรมากมาย ผมซื้อให้ใหม่ได้”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้คุณค่าของแหวนไม่ใช่เพราะราคา แต่เป็นเพราะคุณป้าคิมาเป็นคนเลือกแหวนวงนี้ให้คุณมาสวมนิ้วของฉัน ซื้อใหม่ก็แทนของเดิมไม่ได้หรอกค่ะ”

คามินมองศรันยาจนเธอต้องก้มมองตัวเองว่ามีอะไรที่แปลกไปจนเขาทำแบบนั้น แต่กลับหาไม่เจอพอจะถาม เขากลับเดินไปแล้ว เธอเดินตามจนมาถึงที่รถ เรียวปากของคามินยิ้มคล้ายขบขันบางอย่าง ยิ่งทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วว่าทำอะไรตลกให้เขาเห็นตอนไหน


แล้วจะมา up ต่อนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ

อัมราน&บรรพตี

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว