ร่างเล็กและบอบบางในชุดกระโปรงลายดอกไม้พลิ้วไหวก้าวเข้ามาและทำให้อัยย์ญาดาต้องผงะถอยเมื่อใครคนนั้นเข้ามากอดเกี่ยวแขน ท่านประธาน ไว้แน่นพร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงฉอเลาะว่า
“พี่โอม...อยู่ที่นี่เอง นิ๊งโทรหาพี่โอมเมื่อเช้าทำไมไม่รับสายคะ?”
“ขอโทษที พี่ต้องรีบมาโรงแรมแต่เช้าเพราะมีประชุมด่วน”
“เหรอคะ...แต่ว่า...เอ....”
สาวสวยใบหน้ารูปไข่หวานใสใต้กรอบเรือนผมเคลือบสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายและผิวขาวเนียนชมพูขมวดคิ้วมุ่นเมื่อหันมาทางผู้หญิงอีกคนที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวเล็กก่อนชาครินทร์จะเอ่ยว่า
“นี่คืออัยย์ญาดา เธอเป็นเลขาคนใหม่ของพี่ที่พึ่งมาเริ่มงานวันนี้”
“อ๋อ...เหรอคะ...สวัสดีค่ะคุณอัยย์ญาดา...ดิฉัน เนตรน้ำทิพย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“สวัสดีค่ะคุณเนตรน้ำทิพย์”
อัยย์ญาดายกมือไหว้ทั้งที่ดู ๆ แล้วผู้หญิงตรงหน้าน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เนตรน้ำทิพย์ยิ้มหวาน
“เรียกนิ๊งก็ได้นะคะ เพราะตั้งแต่วันนี้เราจะได้เจอกันแทบทุกวันที่พี่โอมอยู่ออฟฟิศ เพราะว่านิ๊งกับพี่โอมจะหมั้นกันเร็ว ๆ นี้ค่ะ”
เธอ คนนั้นแนะนำตัวและอัยย์ญาดายิ้มให้ เธอจำเป็นต้องปั้นหน้าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่หัวใจกำลังแตกสลาย ในหูอื้ออึงได้ยินแต่เสียงร่ำไห้ของตัวเอง ราวกับว่าทุกอย่างในโลกหยุดเคลื่อนไหว จำต้องนิ่งมองผู้หญิงอีกคนกอดเกี่ยวลำแขนของชาครินทร์ที่เคยโอบกอดเธอไว้ด้วยความรักและทำเสมือนว่าตัวเองตั้งรับกับความแปลงเปลี่ยนที่เกิดขึ้นราวกับโลกทั้งโลกหมุนกลับอย่างเข้มแข็ง ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป
เขามีผู้หญิงคนใหม่ที่งดงามและเหมาะสม ส่วนเธอแค่เจ้าสาวในอดีตที่ถูกทิ้ง ความฝันพลันดับสูญในโลกแห่งความเป็นจริง อัยย์ญาดากลืนเก็บความร้าวรานลึกสุดลึกและเพียงคลี่รอยยิ้มรับความผันเปลี่ยนของโชคชะตา สักครู่เธอก็ได้ยินชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น
“มาหาพี่แต่เช้า...แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยัง”
“ยังค่ะ...นิ๊งตั้งใจว่าจะชวนพี่โอมออกไปหาอะไรทานด้วยกัน แต่...อืม...ถ้าพี่โอมติดประชุมนิ๊งจะนั่งรอที่นี่ก่อนก็แล้วกันนะคะ...โอ๊ะ! ...พี่โอม...ปากพี่โอมค่ะ”
“หืมม์...ปากพี่มีอะไรอย่างนั้นเหรอ”
“ปากพี่โอมเหมือนมีรอยแดง ๆ ติดอยู่...นี่ไงคะ”
เนตรน้ำทิพย์แสดงสีหน้าตกใจก่อนแตะริมฝีปากบนหน้าคมคร้ามที่โน้มลงไปใกล้ เธอลูบปากของชาครินทร์เบา ๆ และแสดงออกซึ่งความห่วงใยทางสีหน้าและแววตาต่อหน้าอัยย์ญาดาที่ยืนหน้าชามือเย็นเฉียบ เลขาคนใหม่จำต้องเหลือบมองทางอื่นเสียและได้ยินทั้งสองคุยกัน
“มันบวมหน่อยๆ และก็เหมือนรอยเลือดเลยนะคะ แต่เป็นรอยนิดเดียว พี่โอมไปทำอะไรมาหรือเปล่าคะ”
“เปล่านี่” ชายหนุ่มตอบพลางเหลือบมองเลขาที่มองไปทางอื่นขณะเนตรน้ำทิพย์มัวให้ความสนใจกับปากของเขา “แต่วันนี้พี่ซุ่มซ่ามเดินชนประตูห้องทำงาน”
“คงจะรีบมากสินะคะ พี่โอมนี่เป็นแบบนี้ตลอดเลยตั้งแต่เราคบกัน ห้าปีก่อนเป็นยังไงตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น”
ห้าปี...
ประโยคนั้นเหมือนลูกตุ้มเหล็กกระแทกเข้าไปถึงใต้บึ้งของอัยย์ญาดาที่หันกลับมามองคนทั้งสองตรงหน้า ห้าปี...มันคือห้วงเวลาแห่งความเจ็บปวดของผู้หญิงคนหนึ่งที่จมอยู่ในอเวจีขุมสุดท้ายจากน้ำมือของผู้ชายที่ผลักเธอลงไปอย่างไม่ใยดี ที่เขาหายหน้าไปก็เพราะได้เจอกับผู้หญิงคนใหม่ซึ่งก็คือเนตรน้ำทิพย์คนนี้นะหรือ หญิงสาวกดกลั้นตัวเองอย่างถึงที่สุด และความรู้สึกนั้นถูกกดลงสู่ส่วนลึกอีกครั้งเมื่อเนตรน้ำทิพย์เอ่ยว่า
“นี่ถ้าแต่งงานกันนิ๊งจะดูแลไม่ให้พี่โอมต้องเจ็บตัวแบบนี้หรอกนะคะ...อืม...แต่ก่อนอื่นเรามาคุยกันเรื่องงานหมั้นก่อนดีกว่านะคะ วันนี้นิ๊งนัดช่างให้มาวัดตัวตัดชุด นิ๊งตั้งใจว่าจะเตรียมไว้สักสามชุดค่ะพี่โอม”
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว