3 ปีผ่านไป
3 ปีหลังจากที่อรรถวิทย์แต่งงานกับดารารัตน์ ภายในงานวันนั้นมีเพียงแค่ญาติสนิทเท่านั้นในพิธีก็เป็นเพียงแค่พิธีง่ายๆ พิธีสงฆ์ในตอนเช้าและกินเลี้ยงเล็กๆ ในครอบครัว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คู่บ่าวสาวมีความสุขน้อยลงแม้แต่นิดเดียว ทั้งสองคนยิ้มทั้งปากและดวงตาตลอดทั้งงานแม้ว่าจะเหนื่อยเพียงใดก็ตาม
หลังจากที่อรรถวิทย์จัดการธุรกิจทั้งหมดลงตัวแล้วอรรถวิทย์พาดารารัตน์กลับมาอยู่ที่เมืองไทยเหมือนเดิม เพราะว่าเขารักและก็เป็นห่วงบันดาลน้องๆ รวมทั้งคุณพ่อของเขาซึ่งมีอายุมากแล้ว แล้วดารารัตน์จะได้กลับมาเปิดร้านขนมไทยที่ต้องปิดตัวลงหลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิตไป ดารารัตน์มีพรสวรรค์ในด้านการทำขนมเป็นอย่างมาก ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน 3 ปีดารารัตน์ทำขนมไทยหลายๆ อย่างให้เขาได้ลองกินซึ่งมันอร่อยมากเรียกว่าเหมือนสูตรที่คุณยายเขาทำไม่มีผิดเพี้ยนเลยทีเดียว ก่อนที่ทั้งสองคนจะบินกลับมาทั้ง 2 คนได้รับข่าวดีที่สุด หมอที่รักษาดารารัตน์บอกว่าดารารัตน์สามารถมีลูกได้แล้ว ถึงจะแค่เพียงคนเดียวก็ตาม
เมื่อมีข่าวดีเช่นนี้แล้วพี่ชายและพี่สะใภ้คนโตของบ้านกลับมาอยู่เมืองไทยครอบครัวพิมุกต์พัฒนกุลจึงมีงานเลี้ยงเล็กๆ เกิดขึ้น ภายในงานผู้ใหญ่กำลังนั่งสนทนาเรื่องสารทุกข์สุกดิบ ตอนนั้นเด็กๆ เล่นกันตามประสา ดารารัตน์มองเด็กๆ ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งเธอคงจะได้มีลูกน่ารักๆ เช่นนี้บ้าง
ร่างเล็กของเด็กหญิงศศิธรลูกสาวเพลงคนเดียวของไอลดาและพีรวิชญ์ที่อยู่ในชุดสีชมพูบานยาว ผมทั้งสองถูกถักเปียติดโบว์สีชมพูอย่างน่ารักกำลังนั่งเล่นอยู่กับเด็กหญิงมาลิณีทลูกสาวเพียงคนเดียวของจำปานและแอรีสอยู่ในชุดสีขาวเช่นกัน เด็กทั้งสองกำลังนั่งเล่นทำอาหารโดยเก็บใบไม้และดินจากแถวนั้นมาเป็นเครื่องปรุง
“ไอรักผัดดอกเฟื่องฟ้าสุดมหัศจรรย์ของเราเสร็จแล้ว เราจะเอาไปให้พี่เลิฟกิน
“ทอดใบหญ้าของเราก็เสร็จแล้วเราจะเอาไปให้พี่เลิกกับพี่นางกิน” ว่าจบแล้วเด็กหญิงทั้งสองจูงมือกันนำอาหารสุดแสนจะภูมิใจไปให้พี่ชายของเธอที่กำลังนั่งขะมักเขม้นในการทำจรวดขวดน้ำอยู่
“พี่เลิฟมะลิททำผัดดอกเฟื่องฟ้าสุดมหัศจรรย์มาให้” เด็กหญิงมาลิณีให้เด็กชายอย่างเขินอาย
“เธอจะบ้าเหรอใครจะไปกินของแบบนี้ได้” ธีรวิชญ์ปัดของมาลิณีมีส่งให้ลงพื้น
เด็กสาวมองสิ่งที่เธอตั้งใจทำตกอยู่บนพื้นน้ำตาคอเบ้า
“พี่เลิฟทำไมทำแบบนั้นน่ะ น้องกับมะลิตั้งใจทำให้พี่ทั้งสองคงตั้งนาน”
“น้องไอรักทำอาหารให้พี่เหรอ ไหนเอามาสิพี่จะกินให้หมดเลย” เด็กชายทั้ง 2 คนหยิบจานที่มีแต่หญ้าขึ้นมานั่งกินสุทธิรักษ์และธีรวิชญ์นั่งกินหญ้าทอดที่น้องสาวตนตั้งใจจะทำมาให้ มันไม่อร่อยรสชาติแย่มากแต่เขาก็ยังฝืนกินยิ้มให้กับน้องสาว
“อร่อยมากเลยไอรักทำอาหารอะไรแบบนี้ ต้องเป็นเจ้าสาวของพี่ในอนาคตนะ” ธีรวิชญ์บอกน้องสาวอย่างภูมิใจเขารักน้องสาวคนนี้มาก เขาจะแต่งงานกับเธอให้ได้
“ไม่ได้! เลิฟต้องแต่งงานกับเรา เรารักเลิฟ” เด็กหญิงมาลิณีโวยวายทันที
“ไม่ได้! ไอรักต้องเป็นเจ้าสาวของเรา นายห้ามมาแย่ง นายมีมะลิแล้วนายจะเอาไอรักไปทำไมอีก” สุทธิรักษ์โวยวายขั้นบ้าง
“ไม่เอา!! เราจะแต่งงานกับไอรัก” ไม่พูดเปล่าธีรวิชญ์ผลักพี่ชายล้มลงพื้น
เมื่อสุทธิรักษ์ถูกผลักเรื่องอะไรเขาจะยอม เขาลุกขึ้นมาผลักน้องชายลงคือเช่นกัน
“ไม่เอา!! ไอรักจะแต่งงานกับคยูฮยอน” (อุ๊ยมีตบนะไอรัก ผัวตามฝัน รักกันมา 8 ปีแล้ว)
“ไม่ได้ต้องแต่งงานกับเรา” ธีรวิชญ์ตะคอกเสียงเข้มใส่น้องสาว
“ไม่ได้ไอรักต้องแต่งงานกับเรา”
“ไม่ใช่ ไอรักเป็นของเรา”
“ไม่ใช่! พี่เลิฟ ต้องแต่งงานกับมะลิ ฮืออออ แม่ น้าอุ่ม พี่เลิฟไม่แต่งงานกับหนู”
สองพี่น้องไม่สนใจสิ่งใดแล้ว สนใจเพียงแค่ตีกันแย่งน้อยสาว
“ฮือออออ…อย่าทะเลาะกัน...ฮืออ...รักกัน”
หนูน้อยเห็นว่าพี่ชายทะเลาะกันเธอจึงรีบเข้ามาห้าม
“เป็นเรื่องแล้วสิที่รัก” พีรวิชญ์แทนที่จะเข้าไปลูก เขากลับมาบอกภรรยาซะอย่างงั้น “เราตัดปัญหาโดยการมีอีกดีมั้ย”
ไอลดากรอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่ายใจกับพีรวิชญ์ แล้วตัดสินใจลุกขึ้นไปหาลูกชายทั้งสอง
อบรมสั่งสอนตามประสาแม่
เมื่อดารารัตน์ไอลดายุ่งอยู่กับการอบรมเด็กชายไม่ได้ปลอบเด็กสาว ดารารัตน์จึงเรียกหลานสาวเข้ามาหา
“ไอรัก มะลิมาหาป้าหน่อยลูก”
เด็กหญิงจูงมือกันเดินน้ำหูน้ำตานองหน้าเข้ามาหาป้า
ดารารัตน์เมื่อหลานสาวเข้ามาหาเธอช้อนตัวหลานสาวขึ้นมานั่งตัก ส่วนอรรถวิทย์อุ้มร่างของมาลิณีขึ้นนั่งตัก
“ร้องไห้ทำไมคะ” พูดไปมือก็เช็ดน้ำตาออกจากหน้าให้เด็กๆ ไป
“พี่รักกับพี่เลิฟไม่รักกัน แม่อุ่นก็ไม่รักพี่รักกับพี่เลิฟด้วย...ฮืออออ…..ฮือ” เด็กสาวปล่อยน้ำตาออกมาราวกับเขื่อนแตก
“พี่รักกับพี่เลิฟแค่ทะเลาะกันตามประสาเพื่อน ดูสิเขากอดกันแล้วนะ” ดารารัตน์ชี้ให้หลานสาวดูพี่ชายทั้ง 2 คนที่กอดกันหลังปรับความเข้าใจกันแล้ว “พี่รักกับเลิฟโดยแม่อุ่นดุเพราะว่าหวังดี ไม่อยากให้พี่น้องทะเลาะกัน แม่อุ่นรักลูกทั้งสามคนจะตาย” ดารารัตน์พูดจบแล้วดารารัตน์หอมแก้มหลานสาวด้วยความหมั่นเขี้ยว
“จริงหรอคะคุณป้า” เด็กสาวเงยหน้ามองผู้เป็นบ้าด้วยดวงตาที่เป็นประกายน่ารัก
ดารารัตน์พยักหน้าแล้วก้มลงหอมแก้มหลานสาวอีกครั้ง
“จริงหรอคะ คุณลุง” เด็กสาวหันไปถามคุณลุงที่นั่งใกล้ๆ คุณป้าบ้างเพื่อความมั่นใจขึ้นอีก
“จริงค่ะ คนสวย” อรรถวิทย์จะก้มลงหอมแก้มหลาน
“หยุดเลย ลูกสาวผมเป็นผู้หญิงไม่ควรให้ผู้ชายถูกเนื้อต้องตัว” พีรวิชญ์เห็นอรรถวิทย์จะหอมแก้มลูกสาวเขารีบห้ามทันที ไม่ได้หรอกลูกสาวเขาผู้ชายไหนโดนตัวไม่ได้นอกจากพี่ทั้งสองและตัวเขา (นี้ไงการสอนลูกบ้าๆ)
“อะไรของคุณเนี่ยนี่หลานสาวผมนะ” อรรถวิทย์ชักสีหน้าใสพีรวิชญ์
“หลานก็ไม่ได้ ไอรักมาหาพ่อลูก” พีรวิชญ์เรียกลูกสาวกลับไปหาตนทันที
หนูน้อยได้ยินพ่อเรียกเธอลงจากตักผู้เป็นป้าแล้วปีนขึ้นไปนั่งตักของพ่อแทน
“อยากหอมก็ต้องทำเอง มีลูกได้แล้วนี่”
“กำลังทำอยู่ไม่มาสักที” อรรถวิทย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
ตั้งแต่ดารารัตน์ อนุญาตให้มีลูกได้ เขาเริ่มปฏิบัติการทำลูกทันทีจนถึงตอนนี้นี่ก็ผ่านมาจะ 3 เดือนแล้วหญิงสาวยังไม่มีวี่แววมาให้เห็นเลยแถมประจำเดือนก็ยังมาแบบปกติอีก
“ไม่มีน้ำยาสินะ อะไรวะทำไมผิดที่ผิดน้องขนาดนี้ อุ่นน่ะเปิดปุ๊บติดปั๊บ ไอ้ภัทรได้หญิงไม่กี่ทีติดแล้ว
“พี่พี!!!!” ไอลดาดุสามีเสียงดังลั่น ที่สามีพูดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาก็รู้กันอยู่ว่าอุภัยภัทรตัดใจไม่ได้
“ไม่เป็นไรพี่อุ่น มันก็จริงอย่างที่ว่าพี่วิทย์ไม่มีน้ำยาผิดกับพวกเราจริงๆ อุภัยภัทรแกล้งเล่นตามน้ำกับพี่ๆ ทั้งที่คำพูดของพีรวิชญ์เมื่อกี้นี้มันแทงใจดำเขาอย่างหนัก
“ก็จริงนะ คุณวิทย์ไม่มีน้ำยาเป็นจริงๆ” ดารารัตน์แกล้งหลับมุกพร้อมกับหัวเราะเปลี่ยนบรรยากาศ “ขนาดทำแทบจะทุกที ทุกเวลา”
ทุกคนในงานเงียบสนิท อรรถวิทย์อายจนแทบจะตัดหัวทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด ส่วนดารารัตน์เมื่อรู้ว่าตัวเองพูดอะไรไป ก็อยากจะกัดลิ้นตายตรงนี้ไปเลย
“มาแล้ว หมูทอดกระเทียมของโปรดของเด็กๆ” เสียงผกาภรณ์ตะโกนบอกมาก่อนตัวเสียอีก เมื่อผกาภรณ์เดินเข้ามาใกล้ๆ กลิ่นหมูทอดกระเทียมตีเข้าที่หน้านดารารัตน์อย่างจัง
“อุ…” ดารารัตน์เอามือปิดปากและจมูกวิ่งเข้าห้องน้ำไปทิ้งให้ คนในงานอยู่ในสภาวะนิ่งเงียบ
ทุกคนจำอาการเหล่านี้ได้ดี อาการแบบนี้ไอลดาและพาฝันเป็นให้เห็นมาแล้ว
“ดูเหมือนว่าฉันจะมีน้ำยาว่ะ” พูดจบแล้วอรรถวิทย์อุ้มมาลิณีลงและเดินตามดารารัตน์ไป
อรรถวิทย์ประคองดารารัตน์ออกจากห้องน้ำหลังจากเธออาเจียหมดใส้หมดพุงแล้ว
“ท้องหรือเปล่า”
อรรถวิทย์ถามหลังจากที่ประคองหญิงสาวนั่งบนเตียงแล้ว
ดารารับส่ายหน้า เธอท้องจริงหรอ แต่รอบเดือนเธอยังมาอยู่เลยถึงจะมาน้อยมากก็เถอะ แต่อาการของเธอเมื่อกี้เหมือนคนท้องมากๆ
“ห้ามโกหกฉันนะ”
“รอบเดือนดายังมาอยู่ในค่ะ ถึงจะมาน้อยก็เถอะ”
“วันพรุ่งนี้ ไปตรวจให้แน่ใจกัน”
ดารารัตน์พยักหน้าอย่างกังวล เธอรู้ว่าเขาอยากมีลูกมากถ้าเธอมีให้เขาไม่ได้เธอจะทำยังไงดี
“ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ไม่มีวันนี้ พรุ่งนี้อาจจะมีก็ได้ ไม่พรุ่งนี้ ก็มีเดือนหน้าก็ได้” อรรถวิทย์บีบมือดารารัตน์ให้กำลังใจเบาๆ “ตอนนี้เรามาย้ำให้มั่นใจดีกว่า ว่าพรุ่งนี้เราจะได้ข่าวดี” อรรถวิทย์จะจูบปากเธอ
“ไม่เอาค่ะ ถ้าดาท้องขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไง” ดารารัตน์เอามือปิดปากตัวเองเอาไว้แน่น
“ไม่เป็นไรหรอ เขาเป็นลูกฉัน เขาต้องแข็งแรงเหมือนฉัน” เมื่อที่ปากไม่ได้ เขาก็ย้ายตำแหน่งมาที่เนินอกที่เหมือนจะขยายตัวขึ้นนิดหน่อย “เหมือนอุ่นจะเคยพูดว่าทำแบบนี้กันบ่อยๆ จะได้ลูกแฝดรึเปล่า”
“นั้นมัน The Sims ค่ะ” ดารารัตน์สะบัดหน้าใส่เขาอย่างงอนๆ เมื่อโดนเขาขัดใจเธอก็โมโหขึ้นเสียอย่างงั้น
“เกมก็สร้างขึ้นจากพื้นฐานของความจริงที่รัก” มือของอรรถวิทย์ไล่ไปตามต้นขาหญิงสาว
“บอกว่าให้หยุดไง!! ดาโมโหแล้วนะ” ดารารัตน์เสียงเข้มใส่อรรถวิทย์
อรรถวิทย์ไม่สน พยายามปลุกเร้าอารมณ์ให้เธอ
เพียะ!
มือน้อยๆ ตีเข้าที่ต้นแขนอรรถวิทย์อย่างแรก
“ไปเลย! ไปข้างนอกเลย”
“ที่รัก…” อรรถวิทย์ใช้ไม้ตาย ดวงตาลูกหมาน้อย
“งั้นดาไปเอง”
“ไม่ต้อง ฉันไปเองก็ได้” อรรถวิทย์จำต้องเดินคอตกออกจากห้อง
อรรถวิทย์ก็ได้แต่หวังว่าอารมณ์ร้ายๆ นี้จะจากการข่าวดี ไม่ใช่เมียอาการหนักกว่าก่อน
วันต่อมา
ทั้งสองคนไปตรวจที่โรงพยาบาลเป็นดังที่คาดไว้ดาราตั้งครรภ์ มันสร้างความดีใจให้กับครอบครัวพิมุกต์พัฒนกุลมาก อรรถวิทย์ห่วงหญิงสาวมากทั้งสภาพจิตใจและสภาพร่างกาย
ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์อรรถวิทย์ไม่ยอมไปทำงาน เขาหอบงานทั้งหมดกลับมาทำที่บ้านส่วนงานที่ต้องตัดสินใจเขาให้อุภัยภัทรเป็นคนจัดการ
ตลอดระยะเวลาที่อรรถวิทย์ไม่ได้ไปทำงาน ดารารัตน์ยังคงไปทำงานที่ร้านขนมไทยของเธอทุกวัน อรรถวิทย์ที่แรกที่รู้ว่าหญิงสาวจะไม่ยอมหยุด เขาไม่ยอมให้เธอไป แต่ดารารัตน์ไม่ยอมท่าเดียวสุดท้ายเขาก็ต้องจำใจยอมเธอ
นั่นทำให้ดารารัตน์มีความสุขที่สุดที่ได้อยู่กับคนที่เธอรักตลอดเวลา
วันนี้ก็เช่นกันเธอนั่งทำขนมอยู่โดยมีอรรถวิทย์นั่งอ่านเอกสารอยู่ใกล้ๆ วันนี้รู้สึกเจ็บท้องหน่วงตั้งแต่เมื่อเช้า ที่จริงก่อนหน้านี้เธอเริ่มปวดมาสักพักแล้ว เธอคิดว่าเป็นแค่อาการเจ็บเตือนเท่านั้น กำหนดคลอดของเธอยังอีกตั้ง 2 อาทิตย์ความเจ็บของเธอในวันนี้มันดูจะไม่ลดละเลยมีแต่เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น
“โอ๊ย”
“ดาเป็นอะไร” อรรถวิทย์ได้ยินเสียงภรรยาร้องเขารีบตรงเข้าไปดูเธอทันที
“ดาเจ็บท้อง” ดารารัตน์ใช้สองมือกอดปลอบประโลมลูกน้อยในท้อง วันนี้รู้สึกว่าเด็กทั้งสองคนจะดิ้นแรงผิดปกติด้วยสิ
“เป็นอะไร ไปโรงบาลไหม”
“ไม่ค่ะ ดาคิดว่าแค่เจ็บเตือนน่ะ”
“แน่นะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเธอต้องรีบบอกฉันนะ”
“โอ๊ย!!” ! ยังไม่ทันที่จะรับคำสามี เธอต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวดท้องจากเกิดอาการบีบตัวอย่างแรง เธอรู้สึกว่าตอนนี้ลูกของเธอเคลื่อนตัวต่ำลงมาก และที่สำคัญตอนนี้ระหว่างขาเธอเธอรู้สึกถึงน้ำบางอย่างไหลออกมา
อรรถวิทย์เห็นดังนั้นไม่ต้องรอถามหรือให้ดารารัตน์บอกเขาช้อนอุ้มตัวเธอขึ้น นำตัวเธอส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที และยังเป็นโรงพยาบาลที่เธอฝากครรภ์อีกด้วย เธอถูกส่งตัวเข้าห้องคลอดทันทีเพราะถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมคุณหมอและพยาบาลจึงเริ่มทำการคลอด อรรถวิทย์ทำตัวไม่ถูกยืนตัวสั่นเหมือน มือ เท้าเย็นคล้ายคนจะเป็นลม เขาพยายามประคองสติตัวเองให้มากที่สุด มือของเขายังคงจับมือดารารัตน์แน่นให้กำลังใจหญิงสาว
“คุณแม่พร้อมแล้วเริ่มเบ่งได้เลยนะคะ” แพทย์หญิงวัยกลางคนพูด
ดารารัตน์พยักหน้า ใช้เวลาสักพักเธอจึงเริ่มเบ่ง
ดารารัตน์เบ่งอยู่หลายครั้ง เธอพยายามกลั้นเสียงร้องสุดชีวิตแต่มันยากจนเธอต้องนำมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากตัวเองแน่นเพื่อให้ลมออกทางเดียว
“อืมมมมมมม”
การเบ่งครั้งนี้ทำให้เลือดสีแดงไหลออกมาเป็นจำนวนมาก อรรถวิทย์เหลือบไปเห็นเลือดดารารัตน์เข้า จากที่ตัวเย็นอยู่แล้วเขายิ่งตัวเย็นหนักกว่าเก่า เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลมปกติเขาไม่ใช่คนกลัวเลือดหรอกแต่นี่มันเป็นเลือดของเธอซ้ำยังออกมาจำนวนมากมายมหาศาลขนาดนั้น
“ผ่าคลอดไหม” อรรถวิทย์ถามภรรยาเสียงสั่นๆ
ดารารัตน์ฝืนยิ้มให้ทั้งที่ตัวเองเจ็บจะตาย
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาทนได้ ถ้าคุณไม่ไหวรอข้างนอกก็ได้นะคะ”
ในเมื่อดารารัตน์ทนได้ เขาก็ต้องทนได้ อรรถวิทย์จึงพยายามรวบรวมสติตัวเองอีกครั้ง
ดารารัตน์ออกแรงเบ่งอีก 2-3 ครั้ง ก่อนที่ทารกน้อยคนแรกจะโผล่พ้นจากร่างกายผู้เป็นแม่
“คนแรกผู้ชายค่ะ” แพทย์หญิงประกาศ
ดารารัตน์ทนแบ่งอีก 3-4 ครั้ง คนที่สองก็พอพ้นจากร่างกายเธอ
“คนที่สองก็ผู้ชายค่ะ”
ดารารัตน์และอรรถวิทย์มองหน้าลูกน้อยที่เนื้อตัวเป็นไปด้วยคราบเลือด เด็กทั้งสองคนแข่งกันร้องโวยวายยกใหญ่
เมื่อพยาบาลนำเด็กทั้งสองคนเข้ามาให้ผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่ได้อุ้มวินาทีนั้นมันยิ่งใหญ่มากสำหรับทั้งสอง มันคือภาระหน้าที่ ความภูมิใจและความรัก รักมากแม้ชีวิตก็ให้เพียงวินาทีแรกที่เห็นหน้า
“คนโตชื่อเติมเต็มดีไหมคะ อีกคนนึงดาคิดว่าน่าจะชื่อต้องใจแต่เขาเป็นเด็กผู้ชายคงใช้ไม่ได้”
“อีกคนหนึ่งชื่อไตเติ้ลดีไหม หึหึ”
อรรถวิทย์หัวเราะเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนที่ทะเลาะกันเรื่องเพศของลูกทั้งสองคนไม่ยอมดูเพศของลูก จึงทะเลาะกันหลายครั้ง
“ก็ดีนะคะ เติมเต็มคือส่วนที่ขาดหาย ส่วนอีกคนหนึ่งคือหัวข้อทะเลาะให้ชีวิตคู่เรามีสีสัน”
อรรถวิทย์พยักหน้ารับและก้มลงจุมพิตหน้าผากภรรยาและลูกทั้งสองเป็นคำสัญญาว่าเขาจะรักจะปกป้องทั้ง ครอบครัวของเขาตลอดไป
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว