บรืน บรืน บรืน!
เสียงรถกระหึ่ม... เสียงเชียร์... เสียงตะโกนคุยกันลั่นสองฝั่งถนน
“กำลังจะเริ่มกันพอดีเลย”
เสียงไอ้ คิว คิมหันต์ พูดอย่างตื่นเต้น รีบเร่งเดินเข้าไปใกล้ขอบถนน จุดที่ยังมีช่องว่างให้แทรกตัวเข้าไปได้
อาร์ม อารยะ ผินหน้าไปมองหน้าเพื่อนรักอย่างเซ็งๆ
“มึงลากกูมาถึงสายหนึ่งเพื่อมาดูเขาแข่งแดร๊กกันเนี่ยนะไอ้คิว แม่งยังเป็นการแข่งเถื่อนด้วย ถ้าพ่อมึงมาร่วมแจมด้วยละบันเทิงเริงใจแน่มึง”
บนถนน... รถสองคันกำลังเหยียบคันเร่งรถเบิ้ลเครื่องยนต์ซ้ำๆ จากรถสองคันในจุดสตาร์ต มันเป็นการแข่งแดร็กที่มีผู้คนเรือนร้อยเฝ้าชมเชียร์ทั้งชายหญิง
“ไอ้นี่ ปากหาเรื่องจริง มันเป็นรสชาติของชีวิตเว้ย นอกจากลุ้นรถแข่งแล้วก็ลุ้นอย่างอื่นด้วย” คิวกระทุ้งศอกใส่เพื่อน แต่อาร์มเบี่ยงตัวหลบไปทัน
“กูว่าแบบนี้ก็เข้าทีเหมือนกันนะ ถนนช่วงนี้ค่อนข้างเปลี่ยวด้วย” ไทม์ ธีรัช สนุกสนานไปกับบรรยากาศตรงหน้า
“ที่เด็ดนะมึง เดิมพันสูง แถมมีสาวๆ ลงแข่งแดร๊กด้วย”
อาร์มจ้องมองรถJazz สองคันที่กำลังเบิ้ลเครื่องใส่กันอย่างท้าทาย เขาไม่เถียงหรอกเรื่องความตื่นเต้น มันเพิ่มจากการเช่าสนามแข่งอยู่แล้ว เบื้องหน้ารถทั้งสองคันนั้นคือคนที่เขาคุ้นเคย พี่หนึ่ง ผู้มีเอี่ยวเกี่ยวข้องทั้งการแข่งในสนามและการแข่งบนถนน
เดิมพันท่าจะสูงจริงซะด้วย!
มือของพี่หนึ่งที่ยกสูงสะบัดลง รถสองคันที่เร่งเครื่องท้าทายกันพุ่งทะยานออกตัวอย่างงดงาม การแข่งแดร๊กคือการแข่งทางตรงระยะสั้น ใครเข้าเส้นชัยก่อนคือผู้ชนะ แน่นอนว่าสมรรถนะรถแข่งสองคันต้องเท่ากันหรือสูสี ส่วนใครจะชนะขึ้นอยู่กับฝีมือคนขับ
นอกจากพี่หนึ่งแล้ว เขายังเห็นใครอีกคนท่ามกลางชายหญิงที่กำลังสนุกสนาน สิปปกร คู่แข่งตัวเอ้ทุกรายการ หมอนี่เรียนมหาลัยเดียวกับเขาเพียงแต่คนละคณะ
“ไอ้ศิลป์มันก็มาด้วยเหรอวะ” ไทม์มองเห็นเหมือนกัน
“อย่างมันหรือจะพลาด ยิ่งเดิมพันสูงๆ แบบนี้” คิวแค่ปรายตาไปมองแวบเดียว
การแข่งแต่ละรอบจะมีเดิมพัน มากน้อยเท่าไหร่แล้วแต่จะตกลงกัน
อาร์มขยับปีกหมวกลง มองตามท้ายรถที่เพิ่งทะยานผ่านหน้าไปด้วยความเร็วแรงจนเกิดลมวูบใหญ่ เสียงเชียร์สองฝั่งถนนยิ่งดังลั่น มีหนุ่มสาวผู้ชื่นชอบความเร็วและความท้าทายจับกลุ่มกันเชียร์อยู่ริมถนนไปเป็นระยะ
ไม่นานเสียงประกาศออกมาแว่วๆ ได้ผู้ชนะแล้ว การแข่งแบบนี้มีข้อดีตรงที่ชนะกันเร็วมากกว่าการแข่งแบบเซอร์กิจ
ดูเหมือนกลุ่มของเขาจะไม่รอดพ้นสายตาพี่หนึ่งเช่นกัน พี่หนึ่งเดินดุ่มๆ เข้ามาตบไหล่ปับๆ
“เฮ้ยพวกเอ็ง สนใจลงสักรอบไหมวะ”
อาร์มยกมือไหว้ ไอ้คิวกับไอ้ไทม์ก็เหมือนกัน
“เดิมพันเท่าไหร่พี่”
ไอ้คิวถามเสียงระรื่น ท่าทางมันสนใจ
“รอบละห้าแสน แต่ต่อจากรอบนี้ สาวๆ เขาจองแล้ว” พี่หนึ่งหัวเราะร่า กอดคออาร์มให้เดินไปรวมกลุ่มบนถนนด้วย
“น่าสนใจดีนะครับ” อาร์มเพียงหัวเราะในลำคอ
“เด็กไอ้ศิลป์มันเด็ด ปกติไม่ค่อยลง เอ็งคอยดู”
สิบปากว่าหรือจะเท่าตาเห็นเอง แจ๊สคันใหม่สองคันคลานเข้ามาจอดยังจุดปล่อยรถ เรือนร่างระหงของใครคนหนึ่งที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นทำให้หัวใจเต้นสะดุด
อาร์มจดจ้องผู้หญิงคนนั้นที่กำลังยืนคุยกับไอ้ศิลป์ เรือนร่างระหงดูบอบบาง สวมเสื้อยืด กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ ใบหน้าเรียวที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมยาวยุ่งเพราะแรงลมนั้นถูกตกแต่งเข้ม เธอสวมแว่นดำอันใหญ่ทับลงไปอีก แต่กลับยิ่งเพิ่มความน่าดูน่าสนใจอย่างประหลาด
เขากวาดสายตาไปเรือนร่างอรชร เสื้อยืดแขนสั้นเข้ารูปร่าง ไม่รัดรึงแต่ก็ทำให้เห็นสัดส่วน สะโพกกลมกลึงงอนสวยภายใต้กางเกงยีนกระชับรูปร่าง มองแล้วชวนจินตนาการ...
น่าฟัดเป็นบ้า**!**
ผู้หญิงอะไรแค่มองก็ทำให้เขานึกอยากถอดเสื้อผ้าเธอออก ก้นงอนๆ อกไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ผิวขาวกระจ่างถูกใจ ปากรูปกระจับก็ชวนให้อยากจูบขยี้แรงๆ สักครั้ง
เขาเห็นไอ้ศิลป์ขยี้ผมเธอพลางหัวเราะ ส่วนเธอค้อนมันก่อนจะเดินอ้อมมาขึ้นรถJAZZ
โอ... อย่าบอกนะ เด็กไอ้ศิลป์ที่พี่หนึ่งว่าคือเธอ
เสียงประกาศแว่วๆ ไม่เข้าหูสักนิดทั้งที่ยืนไม่ห่าง ตาคมมัวจับจ้องบั้นเอวบาง ยามที่เธอก้มทำอะไรสักอย่าง ชายเสื้อตัวนั้นร่นขึ้น เผยให้เห็น
... รอยสักนกฟีนิกซ์
ปีกกางสยายโค้งเป็นวงจันทร์เสี้ยว จะงอยปากคมกริบ สวยงาม มีพลัง ชวนให้เขาอยากเห็นนักว่า ลำตัวส่วนล่างและปลายขนหางของนกแสนสวยตัวนี้มันเลื้อยลงไปถึงไหน อยากเห็นกรงเล็บทั้งคู่ว่าคมกริบเพียงใด พร้อมกันนั้น เขานึกชังขี้หน้าไอ้ช่างสักทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า เพราะมันได้มองเนื้อนวลละเอียดลออ ได้มองเท่าไหร่ ได้จับต้องแค่ไหน แค่คิดก็หงุดหงิดคันหัวใจ
เกลียดแม่ง!
***********************
โปรยกันไว้จักหน่อย จะโดนใจกันม้ายน๊าาาา คิคิ