ยิ่งกว่าหลงคุณ EBOOK-10│คิดถึงเกินพอดี (2)

โดย  BVMEOW

ยิ่งกว่าหลงคุณ EBOOK

10│คิดถึงเกินพอดี (2)

ชีวิตของเธอมันจบสิ้นแล้วทุกอย่าง

ก่อนหน้านี้ที่ไตรทศไม่มาวุ่นวายและชื่นพธูมีโอกาสได้อยู่กับตัวเอง คิดใคร่ครวญทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น เธอตกตะกอนได้หลายอย่างและเริ่มปลงตกกับชีวิตที่ไม่มีความแน่นอน ยอมรับกับสิ่งที่เกิดอย่างไม่มีข้อกังขา ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปแบบที่ควรจะเป็น

เธอให้อภัยความโง่งมของตัวเองจนกลายเป็นว่าไม่รู้สึกติดค้างกับเรื่องใด หัวใจดวงน้อยๆ ยังมีเจ้านายหน้าตี๋อาศัยอยู่ทั้งสี่ห้อง เพ้อฝันถึงวันที่เธอและเขาครองรักกัน

แต่พังหมดแล้ว

เขาคนนั้นทำพังทุกอย่าง...

“สรุปยังไง”

ทันทีที่สองผู้ชำนาญการเดินออกจากร้าน ชยินก็หันหน้ามาทางลูกน้องตัวเล็ก ยิงคำถามใส่พลางหรี่ตาแคบราวกำลังจับผิด

ชื่นพธูไม่รู้สึกเขินอายที่ถูกแซว ขอบตาร้อนผ่าวคล้ายคนจะร้องไห้ทว่าก็ร้องไม่ออก ครั้นจะหัวเราะประชดชีวิตก็ไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดที่น่าตลก

“ไม่มีอะไรค่ะ”

หล่อนกลายเป็นคนเม็ดเยอะเพราะกระดากปากที่จะต้องพูดความจริง แม้แต่กับเพื่อนสนิทยังไม่กล้าพูด แล้วจะให้พูดมันกับคนที่ตนเองแอบชอบน่ะหรือ เรื่องพรรค์นั้นใครมันจะไปทำได้ลงคอ

“ไม่มีอะไรได้ไง เราไปทำกำไลตกในรถคนอื่นเขา”

“...”

“พูดมา อยากรู้นะเนี่ย”

สาวเจ้าลอบถอนหายใจ “ไปทำบุญมาค่ะ บังเอิญไปวัดเดียวกับพี่ตงเขาเลยชวนกลับด้วยกัน หนูก็เลยติดรถกลับด้วยแล้วกำไลน่าจะตกตอนนั้น”

“ไหนว่าไม่ได้ไปไหน”

“ไม่ๆ ที่หนูเข้าใจก็แบบไม่ได้ไปเที่ยวเล่นน้ำเหมือนคนอื่นไงคะ เลยไม่ได้นับเรื่องไปทำบุญ”

หนุ่มเชื้อจีนยังหรี่ตามองเหมือนไม่เชื่อคำให้การของอีกฝ่าย “ไม่ใช่ว่าคุยๆ กันอยู่หรอกนะ”

เจ้าของร่างบอบบางสวนทันควัน “ไม่ใช่ค่ะ!” หล่อนว่าเสียงดัง ท่าทีขึงขังจนชยินผงะเล็กน้อย ชื่นพธูถึงได้ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “มันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิด หนูไม่ได้ชอบเขา เขาไม่ได้ชอบหนู ก็แค่คนรู้จักกันเฉยๆ ที่ไปทำบุญก็บังเอิญจริงๆ ไม่ได้นัดกันสักหน่อย หนูจะไปคุยหรือสนิทอะไรกับเขาได้ล่ะคะ อีกอย่างหนูน่ะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่ใช่พี่ตงด้วย ไม่ใช่เขาสักหน่อย”

คนตัวสูงพยักหน้ารับส่งๆ อย่างขอไปที มิวายบ่นลูกน้อง “แล้วจะเสียงดังเพื่อ ตกใจหมด”

หนนี้เธอจึงลดระดับเสียงลง “ก็พี่กล่าวหาว่าหนูคุยๆ กับเขานี่ หนูแค่ปกป้องตัวเองจากความเข้าใจผิด”

เจ้าของร้านส่ายหน้าเบาๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เฮ้อ น่าเสียดาย ไอ้เราก็นึกว่าจะได้ไปกินข้าวงานแต่งอีกแล้ว เราได้ช่อดอกไม้จากพิไม่ใช่เรอะ”

ชื่นพธูนิ่วหน้าใส่คู่สนทนา “ขอไปเข้าห้องน้ำนะคะ”

ว่าจบก็เดินลิ่วๆ ไปทางหลังร้าน ทิ้งให้ชยินมองตามด้วยความงุนงงว่ายายปาทูเป็นอะไรถึงได้ฉุนเฉียวนัก

บาริสต้าสาวไม่ยอมประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์แต่ขังตัวเองไว้ในห้องน้ำ ความรู้สึกหลากหลายชื่อตีรวนในอกจนลำดับความสำคัญไม่ได้ว่าควรรู้สึกอย่างไรเป็นอันดับแรก

ชยินช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย คนที่เธอปันใจให้ไม่ใช่ใครอื่น ช่อดอกไม้จากเจ้าสาวที่ดีใจจนเนื้อเต้นที่ตนได้รับก็เพราะหวังว่าตัวเองอาจจะได้เป็นเจ้าสาวของเขา ไยจึงมองไม่เห็นกันเสียที

บางครั้งชื่นพธูก็อยากพูดออกไปตามตรงให้หายคับอก มันอึดอัดจนแม้แต่หายใจยังรู้สึกคับแน่นไปทั่วทั้งร่าง แต่ก็เกรงว่าหากพูดออกไปแล้วจะมองหน้ากันไม่ติด ใช่ว่าเธอดูไม่ออกว่าชยินไม่น่าจะคิดอะไรกับตัวเองเลย ความหวังของเธอมันมืดสนิทมาตั้งแต่เริ่ม ทว่าหน้าที่ของคนแอบชอบมันก็ทำได้แค่แอบชอบ เปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ จะมีหรือไม่มีโอกาสเธอก็ยังคงทำได้แค่ชอบเขาต่อไป

แค่นี้ก็แทบไม่มีหวังแล้ว ทำไมไตรทศจะต้องทำให้ทุกอย่างมันยากกว่าเดิมด้วย

ให้หลังประมาณสิบนาทีชื่นพธูก็ออกมาทำงานของตน ชยินมองมาพร้อมรอยยิ้มล้อเลียน เธอไม่ทราบว่าเขาคิดอะไรอยู่ในหัวแต่ก็คร้านจะต่อปากต่อคำ พอดีกับที่มีลูกค้าเข้ามาจึงปลีกตัวไปชงเครื่องดื่ม

พอบ่ายคล้อยชยินก็ขอตัวกลับก่อนเพราะมีนัดกับเพื่อนๆ เธอรับคำอย่างว่าง่ายและรับหน้าที่อยู่ดูแลร้านคนเดียว

ประมาณห้าโมงเย็นชาเฮาส์ก็ได้เวลาปิดให้บริการ ป้ายหน้าร้านจาก OPEN ถูกกลับด้านให้เป็น CLOSE ก่อนพนักงานของทางร้านจะจัดการเก็บกวาดร้านเพียงลำพัง ชื่นพธูกดโทร. ออกหาเพื่อนสนิทที่เลิกงานเวลาเดียวกันหวังคุยกับอีกฝ่ายแก้เหงา ผนวกกับมีเรื่องต้องแจ้งให้ทราบด้วย

“เลิกงานยัง”

(เพิ่งเลิก เธอล่ะ)

“เก็บของอยู่ เสร็จก็จะกลับแล้ว”

(โอเค เดี๋ยวไปช่วยหาของนะ)

“จะโทร. มาบอกเรื่องนี้แหละ” กัทลีเงียบไปเพื่อเปิดทางให้ชื่นพธูได้พูด “เจอแล้ว”

(เหรอ ที่ไหน)

เธอเงียบไปหนึ่งอึดใจ “ในกระเป๋า”

ชื่นพธูกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปแล้วจริงๆ ปกติเธอไม่ชอบการโกหกไม่ว่าจุดประสงค์ของมันคือสิ่งใด จะโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจหรืออะไรก็ตาม ถ้าขึ้นชื่อว่าโกหกเธอไม่เคยใคร่ทำ แต่นับจากไตรทศก้าวเข้ามาในชีวิต เธอมีเรื่องโกหกเต็มกระบุง

ปลายสายไม่เซ้าซี้ แค่รู้ว่าเพื่อนเจอของสำคัญก็พอให้เบาใจ (ก็ดีแล้ว)

สองสาวคุยกันไปตามประสากระทั่งกัทลีขอวางเพราะต้องขึ้นรถสาธารณะกลับที่พัก ชื่นพธูที่ยังเก็บร้านไม่เสร็จก็เปิดเพลงคลอเคล้าบรรยากาศไม่ให้เงียบเหงาจนเกินไป

เสียงกริ่งจากหน้าประตูดังขึ้นเรียกความสนใจของบาริสต้าตัวน้อยที่ง่วนอยู่กับการถูพื้น เธอไม่ได้ล็อกประตูเพราะยังต้องเดินเข้าเดินออกเพื่อทิ้งขยะ แต่ป้ายที่แขวนไว้หน้าร้านก็พอจะบอกได้ว่าร้านปิดให้บริการแล้ว เธอไม่คิดว่าอาคันตุกะที่มาเวลานี้จะเป็นชยินที่เพิ่งออกไปเพราะเขามีนัดกับเพื่อนฝูง ไม่น่าจะวนกลับมา

ใบหน้านวลหันไปทางทิศที่มาของเสียงพลางโพล่งขึ้นเสียงหวาน “ร้านปิดแล้วค่ะคุณ-” เธอชะงักงัน เมื่อตั้งตัวได้ก็กล่าวย้ำอีกครั้ง “ร้านปิดแล้วค่ะ เก็บของหมดทุกอย่างแล้วด้วย เชิญโอกาสหน้าค่ะ”

“มาช่วยเก็บร้านครับ”

หัวคิ้วเรียวสวยมุ่นแทบจะผูกเป็นโบ “ช่วยทำไมคะ มันหน้าที่หนู”

“ก็พี่มาช่วยหนู ยังเหลืออะไรอีกรึ”

วันนี้ตารางงานของท่านสส. สัตราไม่แน่นมาก ช่วงบ่ายแก่ๆ ทีมงานนักการเมืองทุกคนก็พากันกลับคอนโดฯ เขาเลือกที่จะไปขลุกตัวอยู่ที่ห้องของไมยราพ ฆ่าเวลาด้วยการเล่นหมากรุกอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ

เขากับพ่อหนุ่มโคราชชื่นชอบการเล่นหมากรุกเป็นอย่างมาก เล่นด้วยกันได้เป็นวันๆ

ระหว่างเล่นก็พูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อย ไม่รู้ว่ามันมาออกเรื่องของชื่นพธูได้อย่างไร เมื่อเช้าไมยราพก็ถามไปทีหนึ่งแล้ว มันหาว่าเขาจีบเด็กนั่น เขาดูเหมือนจะจีบหรืออย่างไร ก็หยอกเล่น เด็กมันน่ามันเขี้ยว

พอคุยกันไปมา เขาที่รู้สึกคับแน่นในใจจึงเอ่ยปากหวังปรับทุกข์ บอกไปตามตรงว่าตอนแรกคิดว่าชื่นพธูชอบพอในตัวตนเอง แต่หลังจากเกินเลยกันไปแล้วเธอกลับตีตัวออกห่างทั้งยังแสดงออกว่าเกลียดขี้หน้ากันเสียเต็มประดา

ไมยราพตกใจเรื่องที่ทั้งสองไปถึงไหนต่อไหนเพราะมันเกินที่เขาคิดไว้ เขาคิดแค่ว่าเพื่อนคงจะแกล้งแหย่เล่นเฉยๆ เพราะอย่างไรเสียฝ่ายหญิงก็เป็นถึงคนสนิทของอัปสรา สัตราเองก็ให้ความเอ็นดูหล่อนเหมือนน้องเหมือนนุ่ง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรในประเด็นนี้เพราะมันก็เป็นเรื่องของคนสองคน คนนอกอย่างเขาไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย แต่ก็จำเป็นต้องเรียนให้ทราบตามตรงว่าในมุมมองของคนนอกนั้น ชื่นพธูน่าจะไม่ชอบเพื่อนสนิทของเขาจริงๆ หรือไม่ก็อาจจะไปถึงขั้นเกลียด

สายตามันฟ้อง...

ด้วยประการทั้งปวง ไตรทศจึงมาที่ชาเฮาส์เพื่อพิสูจน์ว่าบาริสต้าคนสวยเกลียดตัวเองจริงๆ อย่างที่ไมยราพบอกไว้หรือไม่ และถ้าเกลียดกันได้ลงคอเขาก็จะทำให้ความรู้สึกนั้นหายไป

รูปก็หล่อ พ่อก็รวย คนอย่างเขามีอะไรให้เกลียดกันหรือ

เสียงเล็กๆ ติดรั้นดังขึ้นในความเงียบเพื่อปลุกเขาให้ออกจากภวังค์ ไม้ถูพื้นกลางเก่ากลางใหม่ถูกยื่นไปตรงหน้าชายร่างสูง “นี่ค่ะ อยากช่วยนักก็ถูพื้นแทนหนูแล้วกัน ถูให้สะอาดทุกซอกทุกมุมด้วยนะคะ หนูจะไปเคลียร์ของต่อแล้ว”

ในเมื่อเขากระเหี้ยนกระหือรืออยากทำงานของคนอื่นออกนอกหน้าปานนั้น เธอก็จะไม่ขอเกรงใจ

อยู่ดีไม่ว่าดีมาทำตัวเป็นเบ๊เธอเสียได้ แม่จะใช้ให้สายตัวแทบขาดไปเลยคุณเศรษฐียุดยา

ทว่าไตรทศกลับรับไม้ถูพื้นไปถืออย่างหน้าชื่นตาบาน ส่งยิ้มหวานให้เธอไม่ต่างกับน้ำคำที่เอื้อนเอ่ยออกมา “ตามบัญชาครับคนสวย”

♡⃛ ──────── ♡⃛

E-Book น่าจะคลอดช่วงปลายเดือนนี้นะคะ

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว