หลังตรวจร่างกายและรับยาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งไตรทศเป็นฝ่ายออกค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด เขาก็พาเธอตรงมายังโรงพัก ระหว่างทางชื่นพธูเอาแต่ขบคิดเรื่องที่ฝ่ายชายเป็นฝ่ายจัดแจงให้เบ็ดเสร็จ เขาบอกให้เธอย้ายไปอยู่ด้วยกันที่คอนโดมิเนียมของเขา ซึ่งมีสองห้องนอน สามารถพักอีกห้องที่ยังว่างได้ และมันก็เป็นอย่างที่เขาได้พูดไว้ว่าเธอคงจะอยู่ที่เดิมไม่ได้ ในเมื่อรู้สึกไม่ไว้ใจไปแล้วก็จะอยู่ได้อย่างลำบากใจ ไม่รู้วันดีคืนดีจะมีใครบุกมาทำร้ายร่างกายอีก
ครั้งนี้โชคดีที่พี่ๆ คนอื่นมาช่วย แต่ถ้ามีครั้งหน้าและไม่โชคดีอย่างตอนนี้ เธอจะมีจุดจบเช่นไรก็ไม่อยากจินตนาการ
ถึงกระนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องย้ายไปอยู่กับเขา ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
ให้หลังจากจัดขบวนสติและเริ่มปรับอารมณ์ได้ เธอก็คิดว่าควรเว้นระยะห่างกับเขาเหมือนเดิม
ไอ้ที่กอดกันเมื่อครู่และยอมให้จับมืออย่างว่าง่ายเพราะเธอยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เจอ มันสาหัสกับเธอมากโขจนรับมือไม่ได้ การที่เขาเข้ามาในช่วงที่จิตใจอ่อนแอจึงเผลอไผลไป
“พี่ตงคะ ที่จริงหนูอาจจะย้ายไปอยู่กับเกี๊ยะก่อนแล้วค่อยหาหอใหม่ก็ได้ค่ะ”
ท่ามกลางความเงียบในห้องโดยสาร ชื่นพธูเอ่ยอย่างหนักแน่น
สารถีปรายตามอง ไม่ยอมขยับปากพูดอะไรออกมาสักอย่าง สายตาของเขาคาดเดาได้ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ
“มันชื่อก้อง” แต่พักหนึ่งไตรทศก็เอ่ยเสียงเอื่อย “เป็นแฟนของเข็ม หรือก็คือมันเป็นแฟนใหม่ของแฟนเก่าพี่”
“...”
“ตอนนี้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกก็จริงแต่มั่นใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับพี่โดยตรง พี่คงเพิกเฉยต่อสิ่งที่หนูชื่นเจอไม่ได้หรอก อย่าพยายามเฟดตัวเองออกไปเลย พี่ทำเพื่อความปลอดภัยของหนู หนูก็แค่ยึดเรื่องนี้เป็นหลักก็พอ ถึงจะเกลียดพี่แต่อย่ายอมแลกมันกับความปลอดภัยของตัวเองจะดีกว่า”
เธอไม่ได้เกลียดเขา ก็แค่ไม่ได้ชอบเท่านั้นเอง
หญิงสาวเกิดอาการปากหนักจึงไม่ยอมเอื้อนเอ่ยคำใดออกไปเพื่อแก้ต่างความเข้าใจผิด
“หมาจนตรอกที่ไม่มีอะไรจะเสียน่ะ มันทำได้ทุกอย่าง และเราคงนึกไม่ถึงว่ามันกล้าทำอะไรบ้าง การที่หนูจะย้ายไปอยู่กับเพื่อนสนิทมันอาจทำให้เพื่อนโดนหางเลขไปด้วย แต่สิ่งที่หนูโดนมันคือหางเลขจากเรื่องของพี่แน่ๆ เพราะงั้นหนูชื่นคิดว่าพี่จะปล่อยให้หนูแบกรับคนเดียวได้รึ”
เมื่อทบทวนดูแล้วก็เป็นอย่างที่เขาว่ามาทุกประการ เธอไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเองในภายภาคหน้า และถ้ากัทลีเดือดร้อนไปด้วยคงไม่มีวันให้อภัยตัวเอง
เธอจำเป็นต้องวางทุกเรื่องที่อยู่บนบ่าลงแล้วสนใจแค่ความปลอดภัยของชีวิต
สาวเจ้ารับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนพี่แล้วค่ะ”
“ไม่รบกวน อย่าคิดมาก”
ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยร่องรอยของการถูกทำร้ายพยักขึ้นลงติดๆ กัน หล่อนเงียบไปชั่วอึดใจถึงได้พูดต่อ “หนูเคยเจอกับมันค่ะ”
“ตอนไหน”
“พุธที่แล้ว” เธอยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดีเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน “มันเข้ามาในร้านตอนที่หนูอยู่คนเดียว มันถามหนูว่าเป็นแฟนพี่ใช่ไหม เสร็จแล้วก็ออกไปเลย มาเจออีกทีก็วันนี้ค่ะ”
ไตรทศอยู่ในอารามตกใจจนแสดงออกทางสีหน้าและแววตา “ทำไมหนูไม่บอกพี่”
“หนูไม่คิดว่าจำเป็นต้องบอกค่ะ”
“ได้ไงกัน นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายชัดๆ”
มาถึงตอนนี้ถึงจะยังไม่ได้ฟังความจริงจากปากของก้องภพ แต่ไตรทศพอจะอ่านเกมออกแล้ว เดาว่าเรื่องนี้คงมีต้นสายปลายเหตุจากวันที่ชื่นพธูออกตัวว่าคบหากับเขาจนเขมจิราไม่ได้เงินติดมือไปสักแดงเดียว เจ้าหล่อนคงจะโกรธเพราะถูกขัดลาภ แต่ใครจะไปคิดว่าจะเล่นสกปรกถึงขั้นส่งคนมาทำร้ายร่างกายผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ลงคอ
โคตรระยำ!
“หนูชื่น ต่อไปนี้ถ้ามีใครมายุ่มย่ามหนูต้องบอกพี่นะ”
“...ค่ะ”
เขากระแทกลมหายใจอุ่นร้อนราวต้องการระบายความคับแน่นในอก นึกเสียดายที่ยังกระทืบไอ้เลวนั่นได้ไม่เท่าไร ที่ทำไปยังไม่หายแค้นที่กล้ามาตบมาตีน้องปาทูของเขา คนตัวเท่านี้จะไปสู้แรงสวะแบบนั้นได้อย่างไร ผิวขาวๆ ควรมีรอยช้ำประดับไว้หรือ หน้าสวยๆ ไม่ควรมีรอยฝ่ามือแดงเถือกแบบนี้เลยสักนิด
เขาอยากอัดมันอีกสักครั้ง แต่หากมันถึงมือตำรวจแล้วคงทำอย่างใจคิดไม่ได้
ลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นยังไม่สาย ถ้าเขาได้ช่องเมื่อไรขอสาบานต่อหน้าฟ้าหน้าดินว่าจะไม่ลังเลเพียงนิด
พอดีกับที่มาถึงที่หมาย เขายังคงคว้ามือบอบบางมากุมไว้ แต่หนนี้เธอเริ่มขัดขืน
“หนูเดินเองได้ค่ะ”
แต่ไตรทศกระชับแน่นกว่าเก่า ไม่คิดต่อปากต่อคำแล้วพาเจ้าหล่อนเดินเข้าไปด้านในอย่างไม่รีรอ จึงได้พบกับไมยราพและพยานปากเอกนั่งอยู่ใกล้ๆ กัน ส่วนก้องภพนั้นหนุ่มแว่นแจ้งว่าถูกโยนเข้าซังเตเรียบร้อยแล้ว
เพื่อนซี้เอ่ยเสียงเอื่อยเฉื่อยราวพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ “เขาจับไปตรวจฉี่ ม่วง เลยเข้าไปรอก่อนแล้ว จะแจ้งความก็ไปแจ้งจะได้เพิ่มอีกกระทง”
“งั้นรึ”
ไมยราพแค่พยักหน้าส่งๆ แล้วปรายสายตามามองน้องปาทูประจำชาเฮาส์ สภาพดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่เขาก็พอจะรู้เรื่องคร่าวๆ จากพยานที่มาจากหอพักแล้ว จึงเอ่ยสั้นๆ เพราะไม่สนิทแต่ก็หาใช่คนอื่นคนไกล “โอเคแล้วนะ?”
“ก็...คิดว่าอย่างนั้นค่ะ ขอบคุณที่มาช่วยเป็นธุระให้นะคะ” ก่อนหันไปทางพี่ในหอ “ขอบคุณพี่ด้วยนะคะ งั้นหนูขอไปแจ้งความก่อนแล้วกันค่ะ”
ร้อยเวรทราบดีว่าผู้ชายสองในสามคือทีมงานของสส. สัตรา และคดีนี้ก็จำเป็นต้องเร่งดำเนินการเพราะมีคำสั่งมาจากผู้บังคับบัญชาการระดับสูง จึงขยันขันแข็งเป็นพิเศษ
นักการเมืองหนุ่มทราบเรื่องแล้ว ไม่ใช่แค่นั้น แต่คนอื่นๆ ก็ล้วนทราบกันถ้วนหน้า ความเป็นไปของพวกเขาทุกคน ผู้เป็นนายย่อมรู้ ยิ่งเรื่องเกี่ยวกับโรงกับศาลก็จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบโดยด่วน หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจากพยาน ไมยราพก็แจ้งไปยังท่านสส. ที่พอทราบเรื่องก็สายตรงหาผู้กำกับการสน. ที่เกิดเหตุให้ช่วยประสานงานให้
คำขอแกมสั่งของนักการเมืองที่ได้จัดตั้งรัฐบาล ใครกันจะกล้าเมินเฉย
ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย ไมยราพที่เห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงตั้งท่าจะปลีกตัวกลับคอนโดฯ ทว่าเสียงของเพื่อนสนิทกลับดังขึ้นเพื่อรั้งไว้เสียก่อน
ชื่นพธูกับพยานปากเอกขึ้นไปนั่งรอในรถแล้ว ตรงนี้เหลือเพียงสองเพื่อนซี้เท่านั้น
“เมือง”
เจ้าของชื่อหันไปเลิกคิ้วใส่คนพูด
“ขอบใจมึงมาก”
หนุ่มเมืองโคราชพยักพเยิดหน้าอย่างขอไปที “เออ”
“มันความผิดกูทั้งนั้นที่น้องเขาต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะกูดึงน้องมาเกี่ยว น้องคงไม่ต้องเจ็บตัวหรือโดนคุกคาม” ไตรทศเอ่ยขึ้นมาชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย และไมยราพรับรู้ได้ว่าเพื่อนต้องการระบายความหนักใจ “ทุกอย่างมันเพราะกูเองที่ทำเรื่องโง่ๆ ลงไป”
“มึงรับผิดชอบการกระทำของตัวเองแล้ว” ก่อนเอ่ยในประเด็นสำคัญ “นายไม่รู้รายละเอียดตรงนี้ คิดว่ายังไงมึงก็ควรต้องบอกที่มาที่ไป”
“บอกอยู่แล้ว ก็นายรู้เรื่องแล้วคงจะไม่ยอมปล่อยกูไปง่ายๆ”
ไมยราพลอบถอนหายใจ “แล้วเอาไงต่อ” ว่าพลางบุ้ยหน้าไปที่เอสยูวีสีเทาเข้มที่มีสาวผมสั้นระลำคอนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ “ชีวิตน้องเขาดูไม่ปลอดภัยเลย”
“คุยกันแล้วว่าจะพาไปอยู่ที่คอนโดฯ ด้วย ตอนแรกไม่ยอม บอกว่าจะไปอยู่กับเพื่อนเขาที่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ แต่มันอาจจะกระทบเพื่อนไปด้วยสุดท้ายเลยยอมมาอยู่กับกู”
“อืม” หนุ่มแว่นครางรับในลำคอ แล้วเอ่ยตามใจคิด “อันตราย”
“ไม่น่า ที่นั่นมันก็มีความปลอดภัยสูงอยู่นะ”
“เปล่า ไม่ได้หมายถึงคอนโดฯ”
“แล้วอะไร”
“มึง”
“ฮะ?”
“รองจากไอ้ตัวในคุกก็มึงนั่นแหละตงที่เป็นอันตรายกับน้องเขา”
♡⃛ ──────── ♡⃛
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว