พระจันทร์หรรษา-บทที่ 10เบาะดิ้นได้

โดย  Marmalade25

พระจันทร์หรรษา

บทที่ 10เบาะดิ้นได้

“คุณเดือนคะ...ตุงนี่จะให้ไว้ตรงไหนดีคะ?”

คนงานหญิงนางหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ในขณะที่เสียงเพลงไทยจังหวะครึกครื้นดังลอยมาตามสายลม บอกให้ทราบถึงเทศกาลรื่นเริงว่าด้วยการเล่นสาดน้ำของไทยที่ใกล้เข้ามาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

“เดี๋ยวรอติดโคมให้เสร็จก่อนก็ได้ค่ะ ถ้ามันโล่งไปเราค่อยเอาตุงมาเสริม”

กังสดาลออกความเห็นขณะมืออีกข้างยกขึ้นปาดเหงื่อเม็ดใหญ่ที่กำลังจะไหลเข้าตา เนื่องจากเร่งเตรียมสถานที่จัดงานสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว

“ได้ค่ะ งั้นให้คนงานขนโคมออกมาก่อนเลยนะคะ ตุงเดี๋ยวค่อยเอาออกมา”

หญิงสาวที่กำลังปีนบันไดติดโคมไฟกระดาษแก้วหลากสีสันพยักหน้ารับ หันไปจัดแจงดูแลความเรียบร้อยตรงหน้างานต่อไป

การตกแต่งประดับประดารีสอร์ตเล็ก แห่งหนึ่งเต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้นานาชนิดในบรรยากาศของล้านนา หญิงสาวร่างเล็กผู้มีเรือนร่างบอบบางราวกับจะปลิวไปกับสายลมได้ อยู่ในชุดเสื้อม่อฮ่อมตัวโคร่งที่สีเข้ม

แก้มบางใสซับสีแดงระเรื่อและชื้นเหงื่อเนื่องจากสภาพอากาศที่แสนจะร้อนอบอ้าว เจ้าตัวเองเผลอเลียริมฝีปากที่แห้งผากเป็นระยะ

เมื่องานตรงหน้ายังไม่เรียบร้อย จึงไม่มีการหยุดพักดื่มน้ำแม้แต่นิดเดียว

ผมยาวดำสลวยถูกรวบและมวยไว้หลวมๆ ด้วยปิ่นไม้อันยาวที่ใช้เป็นประจำ

ถึงอย่างนั้นลูกผมอีกมากมายก็ยังหลุดระแนบตลอดแนวลำคอระหงที่ชื้นเหงื่อมาทั้งวัน

หญิงสาวใช้หลังมือปาดเม็ดเหงื่อที่กำลังไหลและใกล้จะหยดเข้าตาอย่างฉิวเฉียด

“อ่างดินมาวางด้านข้างสองข้างเลยจ๊ะ...มาๆ เดี๋ยวเดือนช่วย”

คนบอกกุลีกุจอช่วยคนงานหญิงยกอ่างดินขนาดใหญ่วางยังจุดที่หมายตาไว้ จากนั้นจึงจัดแจงแปลงร่างให้อ่างดินธรรมดากลายเป็นอ่างน้ำบรรจุดอกไม้สีสันงดงามภายในเวลาไม่กี่นาที

“เอาขึ้นไปสูงอีกนิดนึงค่ะ เดี๋ยวแขกจะเผลอเดินชนเอา”

หญิงสาวชี้ไปยังโคมกระดาษรูปทรงแปดเหลี่ยมหลากสีสัน ที่เหล่าคนงานแขวนประดับตามที่สั่งแต่ระดับความสูงยังไม่ใช่อย่างที่เธอต้องการ

“อ้าว! คราวนี้เป็นกรุ๊ปทัวร์จากญี่ปุ่นไม่ใช่หรือคะคุณเดือน” คนจัดขมวดคิ้ว

“เดือนนี้มีแต่ทัวร์ยุโรป ญี่ปุ่นเป็นเดือนหน้าค่ะ”

“เอ้า! สงสัยพี่จะจำผิด เร่งมือหน่อยพวกเรา ยังมีด้านในอีกนะ” หัวหน้าผู้จัดการด้านสถานที่หันไปแจ้งข่าวแก่คนในสังกัด ทุกคนต่างเร่งมือเพื่อให้งานเสร็จทันเวลา

บรรยากาศในรีสอร์ตแห่งนี้มีชีวิตชีวาและครึกครื้นขึ้นมามาก นับตั้งแต่กังสดาลได้เข้ามาช่วยบริหารและควบคุมกิจการ

พร้อมทั้งวางแผนงานใหม่ๆ ที่ดูจะถูกใจบรรดากรุ๊ปทัวร์ที่มา

“คุณเดือนคะ คุณยายให้หาค่ะ”

หญิงสูงวัย แต่ใบหน้ายังคงสวยหวานซึ่งแบบหญิงสาวล้านนา

มวยที่ถูกเกล้าไว้อย่างเรียบร้อย มีดอกกล้วยไม้เล็ก สีเหลืองลออประดับไว้ดูงามตาเข้ากันกับชุดผ้าซิ่นที่นางสวมใส่ กำลังเดินเยื้องย่างแช่มช้าเพื่อมาแจ้งข่าวแก่สาวน้อยตรงหน้าด้วยวาจานอบน้อมอย่างที่เคยทำมา

“อีกแป๊บ!! ...นึงนะคะป้าจวน”

เสียงใสกังวานตอบกลับ ก่อนปีนขึ้นบันไดสูงเกือบสองเมตร หากแต่มีความกว้างเพียงแค่พอยืนได้แค่สองฝ่ามือเท่านั้น

เจ้าตัวพร้อมเขย่งปลายเท้าเอื้อมสุดแขนเพื่อแขวนโคมอันสุดท้าย ซึ่งห่างขึ้นไปไม่ถึงคืบ

การอยู่ในพื้นที่จำกัดและโน้มตัวไปข้างหน้ามากเกินไปนั้นทำให้เกิดการเสียสมดุลจนหญิงสาวร่างเล็กเสียหลักร่วงลงพื้น

ทั้งคนทั้งโคมกระจายกันไปคนละทิศละทาง พร้อมกับเสียงร้องวีดว๊ายของคนที่เห็นเหตุการณ์

“ว้าย! คุณเดือน”

รัญจวนส่งเสียงร้องลั่นเมื่อเห็นกังสดาลพลัดตกลงมา พอดีกับที่มีร่างของใครบางคนที่ปรี่เข้ามารับพร้อมทำหน้าที่เป็นเบาะกันกระแทกอันใหญ่ให้หญิงสาวโดยตัวเองก็จุกเข้าไปเต็มๆ เหมือนกัน

“อู๊ย! เจ็บจังเลย”

หญิงสาวที่นอนคว่ำอยู่บนร่างของใครบางคนโอคครวญขึ้นพลางลูบคางที่กระแทกถูกบางอย่างของร่างกายอีกคนจนรู้สึกเจ็บไปทั้งแนวกราม

“นั่นน่าจะเป็นคำพูดของผมมากว่านะครับคุณเดือน”

จิรันดน์ ผู้มีสภาพเป็นเบาะจำเป็นเอ่ยขึ้นหลังวิ่งเข้ามารับร่างของคนตัวเล็กได้ทันจากเหตุการณ์อันน่าระทึกใจเมื่อสักครู่

ร่างหนาของเขาช่วยกันกระแทกระหว่างกังสดาลกับพื้นคอนกรีตได้เป็นอย่างดี ยกเว้นคางแหลมเล็กของเธอที่กระแทกเข้าบริเวณซี่โครงด้านซ้ายของเขา

เมื่อกระดูกชนกระดูกจึงทำให้เจ็บกันไปคนละเล็กละน้อย ถ้าปราศจากร่างหนากำยำของเขาแล้ว คางเล็กเรียวคงได้มีแผลเย็บไม่ต่ำกว่าสามเข็มเป็นแน่

จิรันดน์ขยับตัวรู้สึกเจ็บแปล็บๆ จึงยกมือขึ้นแตะชายโครงซ้ายบริเวณที่ถูกกระแทก

“พี่รันดน์!”

หญิงสาวตาโต ยิ้มดีใจก่อนโถมตัวเล็กเข้าหาคนที่เธอกำลังนอนทับอยู่

“คิดถึงจังเลย กลับมาช่วยเดือนเตรียมงานสงกรานต์หรือเปล่าคะ?”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนที่เคยทำมาตั้งแต่สมัยยังเด็ก ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดู

“เปล่าครับผมกลับมาอาบน้ำ แล้วคิดว่าจะเอาชุดติดไปสักสองสามชุด ข่าวจากพรายกระซิบบอก

ว่าสงกรานต์นี้อยู่เวรยาวเลย คงไม่ได้อยู่ช่วยงานนะครับ”

จิรันดน์แจงเหตุผลก่อนลุกขึ้นและพยุงหญิงสาวเบื้องหน้าให้ลุกตาม

ท่าทีที่เขามีต่อเธอนั้นล้วนมีแต่ความสุภาพอ่อนโยน อบอุ่นเหมือนพี่ชายดูแลน้องสาวทำให้เจ้าตัวเคยชินกับการออดอ้อนเอากับคนตัวโตเป็นประจำ

“อีกแล้ว!”

กังสดาลส่งเสียงประท้วงอย่างผิดหวังที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เธอคิด ก่อนจะบ่นกระเง้ากระงอดน้อยอกน้อยใจที่จิรันดน์เอาแต่อยู่เวร ไม่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอเหมือนหลายปีที่ผ่านมา

จิรันดน์มองหญิงสาวด้วยแววตาอ่อนโยนพร้อมลุกขึ้นยืนและฉุดมือร่างเล็กตามขึ้นมาด้วย

มือของชายหนุ่มเอื้อมไปหยิบเศษกระดาษและกลีบดอกไม้ที่ติดอยู่ข้างขมับหญิงสาว จึงเปิดช่องว่างให้คนตัวเล็กที่มีความสูงเพียงแค่ระดับอกโผเข้ากอดเขาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

“ไม่เอาไม่ให้ไป!”

กังสดาลเกาะติดเหมือนลูกลิงไม่ยอมปล่อยมือจากจิรันดน์ง่ายๆ ท่าทางเอาจริงเอาจังไม่น้อย

“ไม่ได้หรอกครับคุณเดือน เทศกาลแบบนี้งานเข้าเยอะกว่าปกติอีก...โดยเฉพาะที่ห้องฉุกเฉิน”

นายแพทย์จิรันดน์แจ้งความจำเป็นให้หญิงสาวทราบ นึกภาพความสับสนวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าหนักหนาสาหัสขนาดไหน

“แล้วพี่รันดน์ไม่สงสารเดือนบ้างหรือคะ นี่ก็งานเข้าเย๊อะ...เยอะเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด ไม่มีใครพาไปเลี้ยงข้าวสักกะที”

“น่าสงสารจัง แม่ช่วยหน่อยนะครับ ผมต้องไปแล้ว”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูก่อนเอื้อมมือดันบ่าของหญิงสาวและขอตัวไปทำการเตรียมข้าวของเครื่องใช้สำหรับการรับสถานการณ์ฉุกเฉินในเทศกาลสงกรานต์ที่โรงพยาบาล

หญิงสาวจึงจำใจต้องคลายอ้อมกอดลงอย่างเสียไม่ได้ ปากยังคงบ่นขมุบขมิบตามหลังมาเป็นระยะๆ จิรันดน์ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มตอบเพียงอย่างเดียว

“น่ารักจังเลยเนอะคู่นี้ เหมือนแฟนกันเลยนะจ๊ะ”

รัญจวนหน้าตึงเมื่อบรรดาเหล่าคนงานเอ่ยเปรียบเปรยเรื่องความใกล้ชิดของหนุ่มสาวทั้งคู่ ทำให้ต้องออกปากปรามกันไว้บ้าง

“อย่าพูดแบบนี้นะ คนอื่นได้ยินมันจะไม่ดี”

แม้จะพูดอย่างนั้นแต่เธอก็รู้ดีว่าในใจของลูกชายนั้นมีกังสดาลอยู่เต็มทุกห้องหัวใจ

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน

ในเมื่อหลานสาวของท่านเจ้าของบ้านกำลังจะหมั้นหมายเป็นฝั่งเป็นฝาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว

หากจิรันดน์รู้เรื่องนี้เข้า คงจะเสียใจไม่น้อย

คนเป็นแม่ได้แต่ถอนใจ มองตามหลังลูกชายไปอย่างจนปัญญาที่จะช่วยเหลือ คงต้องสุดแท้แต่บุญวาสนาจะชักพาไป

*****************************

ลงต่อทุกวันนะคะ...มาแล้วๆ^ ^

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว