[Fanfic Percy Jackson รุ่นลูก] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ-ตอนที่ 127 ความจริงที่ปิดมานาน

โดย  YukiCoCo

[Fanfic Percy Jackson รุ่นลูก] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ

ตอนที่ 127 ความจริงที่ปิดมานาน

ตอนที่ 97 เดินทางสู่ตึกเอ็มไพร์สเตท

ไครอนกล่าวพูดทิ้งท้ายให้ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างสงสัยเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ โพรทาเลียยิ่งสงสัยว่าผู้ใหญ่ที่ว่านั้นเป็นใครแล้วพวกเขาจะช่วยพวกเธอได้มากสักเพียงใด ความคิดนั้นของเธอยังไม่รู้เลยว่าห่างออกไปข้างนอกค่ายนั้นได้มีหลายบุคคลที่กำลังจะเดินทางมายังนิวยอร์กเพื่อเดินทางมาร่วมประชุมครั้งใหญ่กัน ทั้งสองคนไม่รู้ว่าสถานที่จะไปอลังการเพียงใด


เช้าวันต่อมา

พวกโพรทาเลียกำลังเตรียมตัวพร้อมกำลังการออกเดินทาง เธอขออุปกรณ์จากคลังแสงเยอะพอตัว เพราะเธอไม่รู้ว่าออกเดินทางไปนิวยอร์กแล้วจะเจออะไรมั้ง แล้วก่อนไปไครอนก็นำบางอย่างมาให้เหมือนตราสัญลักษณ์ที่มีรูปตรีศูลเป็นศูนย์กลางทำให้คิดเลยว่าคนที่สร้างตรานี้อาจจะเป็นพ่อเธอก็เป็นได้ เธอเห็นแบบนี้แล้วอยากกลับไปหาพ่อจนไม่รู้ว่าจะอีกนานไหมที่จะได้กลับไป ตอนนี้พวกเธออยู่ที่หน้าบ้านใหญ่ โฟกัสมองพี่สาวที่มองออกไปข้างหน้าเหมือนคนกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่จนน่าสงสัย


“พี่กำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ?”

“อ๊ะ...เอ่อ...กำลังคิดนะว่า...เราสองคนจะกลับโลกเดิมได้ไหมนะ...”

“ทำไมพี่พูดแบบนั้นนะ?”

“โทษที...พี่แค่...รู้สึกว่า...เรายังจับต้นชนปลายไม่ได้เลยนะ...”

“เราต้องหาทางได้สิ...พี่บอกเองนี่น่า”

“ขอโทษนะ...พอคิดเยอะจนรู้สึกท้อใจมาก ๆ เลยนะ”

“อย่าพึ่งท้อสิ ยังไม่ได้เริ่มทำเลยนะ พี่จะท้อแล้วเหรอ? เราต้องทำสิอย่าพึ่งท้อใจ” โฟกัสจับมือพี่สาวแล้วให้กำลังใจ

คำพูดของน้องสาวทำให้โพรทาเลียตั้งสติได้ว่าตัวเองยังไม่เริ่มเลยจะท้อแล้วเหรอ ตลอดมาเธอยังไม่เคยท้อกับเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ จะท้อง่ายไปไหมโพรทาเลียเอามือขึ้นมาตบแก้มตัวเองแรง ๆ จนโฟกัสเห็นยังตกใจ

“พี่...”

“ขอบใจ โฟกัส” โพรทาเลียยิ้มให้น้องสาวพร้อมกับใบหน้าที่ดูดีขึ้น “พี่ได้สติล่ะ ไม่ลองก็ไม่เสียหายล่ะนะ”

“อืม” โฟกัสดีใจที่พี่สาวนั้นร่าเริงขึ้น

ระหว่างที่พี่น้องกำลังคุยกันนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากเต็นท์ แล้วเดินตรงมาหาพวกโพรทาเลีย แจ็คเห็นว่าทั้งสองเตรียมตัวพร้อมกับเอ่ยพูดออกไป

“จะไปกันแล้วเหรอ?”

เสียงแจ็คทำให้ทั้งสองคนต่างหันไปมองก็เห็นทุกคนมาหาพวกเธอ

“มาทำอะไรกันนะ?”

“มาบอกสายเลือดเดียวกันนะสิ”

“ใช่ ๆ”

“ไม่ต้องลำบากมาลากันก็ได้นี่น่า”

“เห็นว่าพวกเธอจะไปหาผู้ใหญ่ที่การประชุมเซเว่นฮาล์ฟสินะ”

“เซเว่นฮาล์ฟ?” โพรทาเลียทวนคำพูดนั้นอย่างสงสัย “มีการประชุมแบบนั้นด้วยงั้นเหรอ?”

“อ้าว? พวกเธอไม่รู้เหรอ?”

“ไครอนพูดนะ...แต่ไม่รู้ว่าเป็นการประชุมแบบไหนนะ?”

“เป็นการประชุมที่จะมีจัดขึ้นทุก ๆ เดือน เพื่อคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนะ”

“อย่างเช่น?”

“เหตุการณ์ตอนนี้ไงล่ะ!!” ทุกคนต่างพูดพร้อมกันจนเสียงดัง

“แบบนี้เอง”

“แต่ผู้ใหญ่ที่นั่นก็มีแต่คนที่ออกจากที่นี่ไปเมื่อถึงอายุที่เหมาะสมล่ะนะ” เดเมียนเอ่ยออกมา

“พูดแบบนั้นหรือว่า?”

“ใช่ พวกเธออาจจะได้เจอครอบครัวตัวเองด้วยก็ได้”

พอได้ยินแบบนั้นก็คิดเลยว่าไปถึงคนเจอแม่หรือไม่ก็พี่ชายทั้งสามแน่ ๆ ทำเอาคิดแล้วว่าจะโดนบ่นที่ไปเจอที่นี่ไหม แต่โลกนี้ที่ไม่ใช่โลกของเธอแต่ก็เป็นครอบครัวกันนี่น่า เธอเอื้อมมือไปยกกระเป๋าเอามาสะพานทันที

“ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ งั้นพวกเราจะออกเดินทางล่ะ!”

“ไปไวเกินนะ”

“อยู่นานไปอาจจะลำบากสำหรับพวกเรานะ” โพรทาเลียหันไปยิ้มให้ทุกคน

“ปล่อยไปเถอะ พวกนั้นจะไปก็ช่างสิ พวกเราไม่ได้เดือดร้อนนะ!!”

เจซี่พูดอย่างประชดประชันอย่างรังเกียจอีกฝ่ายมาก ๆ ด้วยท่าทางกอดอกอย่างไม่สบอารมณ์ แต่คนอื่น ๆ กับไม่ชอบคำพูดของอีกฝ่ายเสียเลย นั้นทำให้โพรทาเลียมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่ชอบใจเสียเท่าไหร่ จนเธอคิดแกล้งพวกเขาด้วยคำพูด

“อ๊า~ มีคนไม่อยากให้เราอยู่แฮะ โฟกัส” โพรทาเลียจับหลังของน้องสาวเตรียมตัวที่จะเดินไปข้างหน้ากัน “เรารีบไปก่อนที่พวกปีศาจจะกลับมาดีกว่านะ”

“!!!”

พวกบ้านโพไซดอนได้ยินถึงกับสะดุ้งกันไปเลย ถ้าพวกปีศาจมาอีกพวกเขานั้นทำอะไรไม่ถูกเลยนะ

”เดียวสิ โพรทาเลีย อย่าพูดเป็นลางสิ!!”

“กลับมาเลยนะ! ถ้าไม่มีพวกเธอจะทำยังไงนะ!”

“ยัยเจซี่! พูดประชดประชันแบบไม่คิดอีกแล้ว!!!”


เสียงของทุกคนโวยวายต่อเจซี่ก็ทำให้โพรทาเลียชอบใจแล้วล่ะ เธอดันน้องสาวไปตามทางจนกระทั่งพวกเขามาถึงประตูทางเข้าค่าย พวกเขาเดินผ่านออกมาทั้งสองคนก็เดินตามทางก็รู้สึกกลิ่นอายแบบเดิมที่เคยรู้จัก เธอไม่ห่วงเลยว่าที่ค่ายจะเป็นอะไร เพราะว่าเธอมีเกราะป้องกันปกป้องอย่างดี โพรทาเลียก็รู้สึกว่าจะออกเดินทางไปต่อยังไงดี


“พอพ้นป่าแล้วจะเดินไปยังไงดีล่ะ?”

“หือ? แล้วพี่มีความคิดว่ายังไงล่ะคะ?”

“อืมมม ก็คงเดิน แต่อาจจะช้าไปหน่อย...นอกจากนี้เธอมีข้อเสนออะไรไหมนะ?”

“หึ ๆ นึกว่าพี่จะไม่ถามซะแล้ว! หนูมีข้อเสนอที่จะพาเราไปยังนิวยอร์กได้เร็วขึ้นค่ะ!!”

“หือ? อะไรเหรอ?”

ความสงสัยมีอยู่เต็มไปหมดว่าน้องสาวนั้นพูดหมายความว่าอะไร จนกระทั่งพวกเขาออกมาบริเวณป่าจนมาถึงจุดที่มีถนนอยู่ ภาพตรงหน้านึกถึงฉากที่เธอหนีออกมาแล้วรู้สึกว่าโฟกัสแอบตามจริง ๆ

“นึกถึงก่อนหน้านี้เลยแฮะ”

“พี่อย่าพูดแบบนั้นสิ!!” โฟกัสหน้าแดงที่พี่พูดแบบนั้น เพราะเธอรู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงอะไร

“อะไรล่ะ ก็เธอเล่นตามพี่มา แต่ลบร่องรอยไม่เก่งเลยนะ”

“พอเลย ๆ พี่อ่ะ!!” โฟกัสเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างเขินอายสุด ๆ

“คิก ๆ แล้วเราจะเอาไงต่อนะ?”

“สักครู่นะ!”


โฟกัสยกมือขึ้นมาไว้ที่ปากของเธอ แล้วพลิ้วปากออกมาสองครั้ง โพรทาเลียมองว่าน้องสาวทำอะไร ก่อนจะได้ยินเสียงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลออกมา ก็มีแสงไฟบางอย่างกำลังลอยพุ่งมาทางพวกเธอ แล้วก่อเป็นควันรูปร่างรถยนต์ก่อนที่ควันจะกระจายออกไปเป็นรถยนต์ที่มีลักษณ์คล้ายแท็กซี่นิวยอร์กสีเหลือง แต่สีหน้าของโพรทาเลียรู้สึกนิ่ง ๆ กับสิ่งที่เห็นตรงหน้า


“นี่...มันจะขับได้จริงเหรอ?” โพรทาเลียถามอย่างสงสัย

“ฮ่า ๆ แล้วมันจะมาจอดตรงหน้าเราได้ไงล่ะ”

โฟกัสหัวเราะที่พี่สาวเล่นมุกอะไรออกมา แต่จริง ๆ โพรทาเลียถามจริงไม่ใช่มุกเลยสักนิด

“แล้วนี่...รถอะไรกัน?”

“รถเดินทางหรือชื่อที่แม่เรียก รถศึกแห่งการสาปแช่ง”

“รถศึกในคราบแท็กซี่...โทรม ๆ”

โพรทาเลียเอ่ยก่อนที่ประตูแท็กซี่ตรงหน้ามันจะเปิดเองด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าด ทำเอาขนลุกว่ามันจะหลุดจากรถไหม ก่อนจะมีเสียงหญิงสามเสียงเอ่ยขึ้นมา

“ไม่รับดอลลาร์ ไม่รับบัตรเครดิต รับแต่เงินดรัคม่า”

“เงินทอน”

“เป๊ะเว่อร์!”

โพรทาเลียมองไปทางคนขับที่มองไม่เห็น แต่รู้สึกว่าไม่ได้มีแค่คนเดียวจนเธอหันไปมองน้องสาวที่อยู่ข้าง ๆ

“เอ่อ...พวกเธอมี 3 คนนะ”

“3 คน...” โพรทาเลียรู้สึกแปลก ๆ ที่รถตรงหน้ามีคนขับสามคนทำเอาเธอนึกถึงบางอย่างที่มีสามคน “คงไม่ใช่...พวกเทพพยากรณ์อย่าง...พวกเทพธิดาพยากรณ์นะ”

โฟกัสมองพี่สาวที่พูดแบบนั้น ทำให้เธอยิ้มแบบเจื่อน ๆ จนโพรทาเลียถอนหายใจพร้อมกับเตรียมตัวขึ้นรถ

“มาเจอสามคนนี้อีกแล้วสินะ”


โพรทาเลียเอ่ยขึ้นอย่างไม่ชอบใจ เพราะว่าเธอเคยเจอกับพวกนี้ตอนเดินทางหนีแซเทิร์น ตอนนั้นโดนพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ทำให้พวกนั้นตกใจ แล้วชอบไล่ตามอย่างสนใจจนเธออย่างหนีไปสุด ๆ พวกเทพธิดาพยากรณ์ชะโงกหน้ากันออกมา เผยให้เห็นใบหน้าคล้ำสีดำเหมือนซากศพที่ดำไปแล้ว แต่พวกเขายังมีเนื้อหนังอยู่ แต่ก็มีรอบย่นสักเล็กน้อย พวกนั้นมองมาที่เด็กสาวทั้งสอง ก่อนจะหันมามองโพรทาเลียด้วยสีหน้าสนใจ


“เรารู้จักพวกเราด้วยหรือ หลานสาวโพไซดอน”

โพรทาเลียเห็นสีหน้าสนใจของเทพธิดาพยากรณ์ ก็ทำเอาเธอขนลุกสุด ๆ ก่อนจะหันหนี “ไม่รู้จัก! ขึ้นรถ! โฟกัส!!”

“คะ...ค่ะ!”


โฟกัสตามขึ้นรถไปกับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว โพรทาเลียหยิบกระดาษโน๊ตที่ไครอนเขียนมาให้เธอ เธออ่านข้อความในกระดาษที่มีเขียนว่า ‘ตึกเอ็มไพร์สเตท ชั้นที่ 20’ เป็นข้อความที่สั้นนิดเดียวจนนึกไม่ออกว่าไปถึงแล้วจะเจออะไรมั้ง เธอนั่งอยู่นานโดยไม่บอกเป้าหมายปลายทางทำให้พวกเทพธิดาทั้งสามต้องเอ่ยถามขึ้น


“พวกเจ้าจะไปไหนกัน!?”

“ถ้าไม่ไปก็รีบลงไปซะ!!”

“อ๊ะ! รีบร้อนจริง ๆ” โพรทาเลียพูดออกมาอย่างเซ็ง ๆ ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น “ไปตึกเอ็มไพร์สเตท”

“โอ้ ไกลหน่อยนะ!”

“จ่ายแพงนะ!”

“แพงเท่าไหร่ก็ตามใจ!!!”

โพรทาเลียหยิบถุงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าคาดเอวของเธอ นั้นก็คือถุงเงินที่เต็มไปด้วยเงินดรัคม่า เธอยืดตัวไปหาพวกเทพธิดาแล้ววางถุงนั้นตรงหน้าของพวกเขา

“แค่นี้คงพอสำหรับค่าเดินทางนะ!!”

พวกเทพธิดาจ้องมองถุงเงินขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างตะลึงพร้อมกับเปิดออกมาดูก็เห็นเงินดรัคม่าที่อลังการงานสร้างจนไม่อยากคิดว่าเด็กตัวเล็กแค่นี้จะเอามาจากไหน

“พอเลย!! เชิญลูกค้าวีไอพีนั่งอย่างสบาย ๆ เลยจ้า!!”

“เราจะไปอยากปลอดภัยทันที!!”

“อย่าลืมรัดเข็มขัดล่ะ!”


พวกเทพธิดาพูดจบ คนที่อยู่ตำแหน่งคนขับก็เตรียมออกตัวในทันใดพร้อมกับจับไปที่กลไกหนึ่งก่อนที่รถจะออกตัวอย่างรวดเร็ว จนทั้งสองคนต่างรีบหาที่จับเพื่อยึดตัวอยู่กับรถกันตลอดการเดินทางทำเอาโฟกัสอยากอ้วกมาก ๆ เพราะความเร็วของรถที่พวกเทพธิดาขับกันมันทั้งอันตรายและหวาดเสียวจนท้องไส้ไม่ดีเลย โพรทาเลียยังคุมสติได้เลยไม่รู้สึกว่าอยากอ้วกเท่าไหร่ จนเธอไม่อยากขึ้นรถคันนี้อีกเป็นครั้งที่สอง แต่พวกเธอยังต้องอยู่ในรถอีกพักใหญ่


เวลาก่อนหน้า ณ หน้าตึกเอ็มไพร์สเตท

ผู้คนมากมายกำลังเดินผ่านไปผ่านมาบนท้องถนนอันกว้างใหญ่โดยไม่สนใจใครถึงจะชนก็ชนอย่างไม่เกรงใจ แต่ทว่ามีชายหนุ่มร่างสูงผมดำกำลังเดินตรงไปที่ตึกเอ็มไพร์สเตท เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตึกพร้อมกับเงยหน้ามองสถานที่ที่เขาไม่อยากมาถ้าไม่ใช่เพราะการประชุมเซเว่นฮาล์ฟ เขาไม่ยอมมาด้วยแน่ ๆ ระหว่างที่เขามองตึกข้างหน้านั้น ก็มีเสียงหนึ่งเอยพูดขึ้น


“แหม ๆ พี่ใครก็ไม่รู้ชอบมาสายกว่าคนหนึ่งเขา”

เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันไปมองชายอีกคนที่กำลังเดินตรงมาด้วยชุดที่ดูทางการอย่างชุดสูทสีเทาเนกไทสีน้ำเงินเข็มที่ไม่ค่อยเข้ากับอีกฝ่ายจริง ๆ

“ฉันว่านายนะเลิกใส่เนกไทที่ไม่เข้ากับตัวเองดีกว่านะ”

“อย่ามาว่าการแต่งกายของผมสิ พี่เถอะจะเข้าตึก แต่มาทั้งชุดทหารเต็มยศแบบนี้กัน”

“ทำไงได้...ฉันยศสูงจนต้องใส่ชุดแบบนี้แล้วนี่น่า”

“ชิ คนใหญ่คนโตแล้วนี่น่า”

“เลิกพูดเถอะ เข้าไปข้างในดีกว่าคนอื่น ๆ และแม่คงอยู่ข้างในแล้วล่ะ อ๊ะ...” โอราอุสมองหาใครบางคน ก่อนจะหันกลับมามองอีกฝ่าย “แล้วเอเดอร์ล่ะ?”

“หมอนั้นบอกว่าไม่อยากเข้าร่วมเท่าไหร่ เพราะถึงเข้าไปก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี” เบเดอร์ก็ทำหน้าเซ็ง ๆ เพราะไม่อยากเข้าไปเช่นกัน

“หึ! ช่างทำตัวเอื่อยเฉื่อยจริง ๆ”

“ช่างหมอนั้นเถอะ เข้าไปเลยไหม?” เบเดอร์เอ่ยถามพี่ชาย

“เอาสิ!” โอราอุสเดินนำหน้าน้องชายไปเลย


สองพี่น้องต่างเดินกันเข้าไปข้างในตึกเอ็มไพร์สเตทกันอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจรอบข้างว่าจะมีคนมองหรือมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เวลาผ่านไปสักพักแท็กซี่สีเหลืองมาจอดหน้าตึกเอ็มไพร์สเตท แต่แล้วโฟกัสก็รีบพุ่งตัวออกมาจากแท็กซี่ด้วยความเร็วแสง แล้วพุ่งตรงไปที่ต้นไม้แล้วอ้วกแตกอย่างที่ไม่น่าดู โพรทาเลียค่อยลงมาอย่างช้า ๆ เนื่องจากลงมาเร็วเดี๋ยวจะอ้วกเหมือนโฟกัสแน่ ๆ ท้องไส้ของเธอมันช่างปั่นป่วนไปหมด ก่อนที่พวกเทพธิดาจะบอกลาพวกเธอ


“ขอบคุณที่ใช้บริการนะ!!”

“ไว้ครั้งหน้ามาใช้บริการนะ!!”

“เจอกันใหม่นะ สาว ๆ”

พวกนั้นต่างขับรถไปอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นแม้แต่เงาเลยจริง ๆ โพรทาเลียรู้สึกปวดหัวตุบ ๆ ก่อนจะมองไปทางที่น้องสาวอยู่ เธอเดินไปหาน้องสาวแล้วเข้าไปลูบหลังเบา ๆ

“เป็นไงมั้งนะ? โฟกัส”

“หนูจะไม่ขึ้นรถของพวกเขาอีกแล้ว...จะอ้วกอ่ะ...” โฟกัสพูดพร้อมสีหน้าซีดไปหมด

“จ้า ๆ” โพรทาเลียหยิบขวดน้ำออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้น้องสาว “อ๊ะ น้ำ! ล้างปากซะ”

“ขอบคุณค่ะ พี่” โฟกัสรับขวดน้ำมาล้างปากของเธอ


โพรทาเลียมองดูว่าน้องสาวที่กำลังล้างปากของตนเอง เธอเงยหน้าขึ้นมาดูว่าสถานการณ์ข้างหน้ามันจะเป็นยังไง แต่รู้สึกว่าตึกเอ็มไพร์สเตทนั้นสงบกว่าที่คิดอีก แต่แล้วก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังมาทางพวกเธอ จนกระทั่งเธอหันไปก็เห็นชายผมบลอนด์ที่คุ้นหน้าคุ้นตา


“พี่เอเดอร์” โพรทาเลียเอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกมา

“พวกเธอออกมาจากค่ายทำไมกัน!?” เอเดอร์ขึ้นเสียงใส่ทั้งสองคน

ทำเอาโพรทาเลียไม่ชอบใจที่พี่เอเดอร์ในโลกนี้ดูอารมณ์รุนแรงกว่าพี่ในโลกของเธอที่จะดูเป็นคนอ่อนโยนมากกว่า

โฟกัสได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี “เอ่อ...คือว่า...”


เอเดอร์มองทั้งสองด้วยสีหน้าไม่พอใจที่เห็นน้องสองคนมาอยู่นี้ ที่จริงเขาไม่อยากสนใจอะไร แต่ก่อนหน้าเขานั้นอยู่ที่ร้านฝั่งตรงข้ามของตึกเอ็มไพร์เป็นการข้ามเวลาหลังจากมาก่อนคนอื่นนานแล้ว แต่ระหว่างที่เขาไม่สนใจอะไร เขาก็เห็นรถแท็กซี่ที่แปลกตามาจอดก็สงสัยว่าคืออะไร ก่อนที่เขาจะเห็นคนที่วิ่งออกมานั้นก็คือเมก้ากับโพรเทีย นั้นทำให้เขาตกใจเพราะสองคนนี้ต้องอยู่ค่ายฮาล์ฟบลัดเพื่อความปลอดภัย แต่สองคนนั้นกลับมาอยู่หน้าตึกเอ็มไพร์สเตทในเวลาที่ไม่ควรอยู่แบบนี้ จนเขาต้องออกจากร้านแล้ววิ่งตรงมาหาทั้งสองคน


“พวกเธอสองคนกลับค่ายไปซะ!!” เอเดอร์เข้าไปจับแขนของโพรทาเลีย

โพรทาเลียก้มมองมืออีกฝ่ายที่จับแขนเธอด้วยความแรงที่เธอไม่ชอบใจ เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาพิฆาตเตรียมตัวที่จะจัดการอีกฝ่าย แต่เธอก็เอ่ยพูดออกมา

“เอามือออกไป”

“อึ้ก!!” เอเดอร์จ้องมองน้องสาวที่จ้องเขาด้วยสายตาน่ากลัวจนเขารู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นต่างจากโพรเทียเมื่อก่อนสุด ๆ “ทำไมพูดแบบนั้นกับพี่กัน แล้วสายตานั้นอีก!”

“ก็พี่จับแขนฉันแน่นจะให้ฉันพูดว่าอะไร?”

“เลิกพูดเถอะ! พี่อยากให้เธอสองคนออกจากที่นี่ กลับไปยังค่ายฮาล์ฟบลัดซะ!”

“ไม่กลับ!!!”

“ว่าไงนะ!!”


ทั้งสองคนต่างจ้องกันอย่างไม่ชอบใจ โพรทาเลียรู้สึกไม่ชอบพี่ชายคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะดูอีกฝ่ายไม่ใช่พี่ชายที่เธอรู้จักเลยจริง ๆ ยิ่งอีกฝ่ายมาอารมณ์เสียใส่ ยิ่งไม่ใช่พี่เอเดอร์ที่เธอรู้จักกว่าเดิมอีก โฟกัสเห็นพี่ทั้งสองคนทะเลาะกันเธอก็รีบเข้าไปขวางทันที


“พี่เอเดอร์ พอก่อนเถอะนะ อย่าทะเลาะ ส่วนพี่โพร...อย่าใช้อารมณ์...เล่นงานพี่เอเดอร์เลยนะ” โฟกัสเตือนพี่สาวที่อารมณ์ของพี่สาวกำลังจะพุ่งได้ทุกเมื่อ

“หือ?” เอเดอร์ได้ยินน้องสาวเรียกชื่อเขา ทำให้เขาตาโตอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามอีกฝ่าย “เมก้า เธอคิดว่าพี่คือเอเดอร์เหรอ?”

“เอ๊ะ?” โฟกัสมองอีกฝ่ายที่เรียกเธอว่าเมก้า ก่อนจะตอบอีกฝ่าย ”ค่ะ...ก็พี่ก็คือพี่เอเดอร์นี่น่าค่ะ?”

“เอ๊ะ...!”

สายตาของเอเดอร์เปลี่ยนไป ทำให้โพรทาเลียเห็นก็จับตัวของโฟกัสแล้วพาหลบการโจมตีของอีกฝ่ายที่ใช้มือพุ่งเข้ามาจะจับคอของโฟกัส นั้นทำให้โพรทาเลียตกใจที่อีกฝ่ายจู่ ๆ จะโจมตีน้องสาวแบบนี้ เธอรับพาอีกฝ่ายอุ้มถอยหลังทันที

“ทำอะไรนะ!!!”

“โพรเทียออกมาซะ!! ยัยนั้นไม่ใช่เมก้า!!” เอเดอร์ตะโกนพูดออกมา ทำให้คนรอบข้างมองอย่างสงสัยว่าพวกเขาทำอะไร

“พี่บ้าหรือเปล่า!?” โพรทาเลียมองอีกฝ่ายอย่างสงสัยว่าเป็นอะไร

“เมก้าไม่เคยเดาได้ว่าฉันกับเบเดอร์เป็นใคร ยัยนั้นไม่เคยเดาถูกสักครั้ง!!”

“ห๊า!? จะบอกว่าน้องสาวเป็นตัวปลอมเนี่ยนะ?”

“ใช่! โพรเทียออกมาจากยัยนั้นซะ!!”

“ไม่! นี่น้องสาวฉัน ถึงจะไม่ใช่น้องสาวนายก็ตามที่ แต่เขาเป็นน้องฉัน!!”

“เธอพูดอะไร โพรเทีย!!”

โพรทาเลียเริ่มทนไม่ไหวล่ะที่อีกฝ่ายมาเรียกเธอว่าโพรเทียที่มันไม่ใช่ชื่อเธอจนตะโกนออกไป “เลิกเรียกฉันว่าโพรเทียสักที!! ฉันไม่ใช่โพรเทีย!!”

“เอ๊ะ!?” เอเดอร์มองอย่างอ้ำอึ้งว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร “เธอหมายความว่าไง?”

“ชื่อของฉันคือโพรทาเลีย แจ็กสัน”

“โพรทาเลีย?”

“แล้วก็น้องสาวฉัน โฟกัสเมซ่า แจ็กสัน พวกเราสองคนมาจากอีกโลกที่ไม่ใช่ที่นี่!!”

“เอ๊ะ!?” เอเดอร์ถึงกับงุนงงกับคำพูดของอีกฝ่ายจนหน้าเอ๋อไปเลย


จบตอนที่ 97 โปรดติดตามตอนที่ 98 ต่อไป


------------------------------------------------------------------------------------------


ข้อความจากนักเรียน

สวัสดีค่ะ ทุกคนที่ติดตาม ‘สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ’ มานานนะคะ วันนี้มีเรื่องจะประกาศสักหน่อยว่าเราจะขอหยุดเขียนสักหน่อย เพราะว่าเราอยากเน้นเรื่องที่เขียนจบไปแล้ว และกำลังเอามาลงใหม่ให้จบ ก่อนจะกลับมาลงต่อ เพราะอีกไม่นานก็จบแล้วจริง ๆ


อย่าลืมสนับสนุนนักเขียนหน่อยสักหน่อยก็ดีนะคะ เพื่อต่อทุนชีวิตให้หรือคอมเมนต์เล็กน้อยเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ


เรื่องที่หยุดเขียน

- สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญ

- ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ

- เด็กหญิงผู้รอดชีวิต

- BL เกนชิน

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว