บทที่ 50 หัวของฉันมันหอมจริง ๆ
ลู่เฉิงเฟิงกลับมาถึงบ้าน พยัคฆ์โลหิตกำลังกัดแอปเปิ้ลครึ่งลูกอยู่ในปาก ตาจ้องมองโทรทัศน์
“กลับมาแล้วเหรอ?”
ลู่เฉิงเฟิงตอบรับเบา ๆ กวาดตามองโทรทัศน์แวบหนึ่ง ‘ดูการ์ตูนอีกแล้ว ไอ้หมอนี่ช่างเด็กจริง ๆ’ หลังจากคิด เขาก็เดินไปนั่งดูการ์ตูนด้วยกันกับพยัคฆ์โลหิต ‘อืม ก็สนุกดีนะ’
ใครจะรู้ว่าพยัคฆ์โลหิตกลับลุกขึ้นเดินเข้าห้องไป
ลู่เฉิงเฟิงรู้สึกว่าตัวเองโดนรังเกียจ จึงถลึงตาใส่เขา คิดในใจว่า ‘ไปไกล ๆ เลยไป แกอยู่ระดับไหนจะมาดูการ์ตูนกับฉัน?’
ผ่านไปสักพัก พยัคฆ์โลหิตก็ออกมาอีกครั้ง ยื่นโทรศัพท์ในมือให้ลู่เฉิงเฟิง
“มีอะไรเหรอ?”
ลู่เฉิงเฟิงรับโทรศัพท์มาดูด้วยสีหน้างุนงง ทันใดนั้นสีหน้าก็หม่นลงทันที
บนหน้าจอโทรศัพท์แสดงหน้าภารกิจมือสังหารบนดาร์กเว็บ
คนในตระกูลซูทั้งหมดถูกนำขึ้นไปอยู่บนหน้ารายการภารกิจ แม้แต่คุณปู่ซูก็อยู่ในนั้นด้วย แต่ละคน ค่าหัวคนละหนึ่งร้อยล้าน
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
พยัคฆ์โลหิตแทะแอปเปิ้ลพลางตอบเสียงอู้อี้ว่า “ประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้วมั้ง ฉันตั้งใจจะรับภารกิจเพื่อหาเงินมาใช้ แล้วก็เห็นคนในตระกูลซูถูกเอาขึ้นไปแขวนแล้ว”
“แต่ละคน ค่าหัวหนึ่งร้อยล้าน เชื่อว่านักฆ่าจำนวนมากคงจะสนใจ”
ลู่เฉิงเฟิงมองด้วยสายตาเย็นชา คงเป็นฝีมือของเหยียนเจี้ยนตง
พยัคฆ์โลหิตมองเขาแวบหนึ่ง “ยังมีเรื่องที่น่าสนใจกว่านั้นอีก นายลองดูหน้าภารกิจระดับ SSS สิ”
ลู่เฉิงเฟิงเปิดดู สีหน้าของเขายิ่งแย่ลง ชื่อของเขาปรากฏอยู่อย่างชัดเจน และยังอยู่ในอันดับหนึ่งด้วย
ที่น่าโมโหกว่านั้นคือ ภารกิจลอบสังหารเขามีคนรับไปแล้ว
“หึ ๆ หนึ่งพันล้าน ช่างใจป้ำจริง ๆ” ลู่เฉิงเฟิงหัวเราะเยาะ ดูเหมือนว่าเหยียนเจี้ยนตงหมาแก่ตัวนี้เริ่มโต้กลับแล้ว ลูกชายถูกหลินเจี้ยนหลูฆ่า การตอบโต้แบบนี้ก็ถือว่าปกติ
พยัคฆ์โลหิตจ้องมองศีรษะของลู่เฉิงเฟิงด้วยสายตาเป็นประกาย “ของสิ่งนี้มีค่าถึงหนึ่งพันล้าน ช่างหอมหวนจริง ๆ”
ลู่เฉิงเฟิงขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ แต่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ไม่ต้องพูดถึงนายหรอก แม้แต่ฉันเองก็รู้สึกว่าหัวของฉันหอมมาก จนอยากจะตัดมันออกไปส่งให้เหยียนเจี้ยนตงด้วยตัวเอง”
พยัคฆ์โลหิตหรี่ตาลง “เหยียนเจี้ยนตง? นี่เป็นฝีมือของเขาเหรอ?”
“งูแบล็กแมมบาไปที่บ้านตระกูลเหยียนเมื่อคืน ฆ่าคนไปสี่คน หนึ่งในนั้นเป็นลูกชายของเหยียนเจี้ยนตง เธอได้กำไรมาหนึ่งร้อยล้านจากที่นั่น”
พยัคฆ์โลหิตลุกพรวดขึ้นยืน ก้าวเท้าตรงไปที่ประตู
“นายจะไปไหน?”
“ไปบ้านตระกูลเหยียน”
ลู่เฉิงเฟิงมุมปากกระตุก “กลับมาเดี๋ยวนี้ หลังจากเรื่องวุ่นวายที่งูแบล็กแมมบาก่อ การป้องกันของบ้านตระกูลเหยียนต้องเข้มงวดขึ้นแน่ ถ้านายไปตอนนี้ สิ่งที่รอนายอยู่ก็คือห่ากระสุน”
“ยังมีอีกเรื่อง ที่บ้านตระกูลเหยียนมียอดฝีมือลึกลับปรากฏตัว เขาเหมือนพวกเรา ฝึกฝนจนเกิดพลังนั่น งูแบล็กแมมบาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
พยัคฆ์โลหิตชะงักฝีเท้า หันกลับมามองเขาด้วยความตกตะลึง “เหมือนพวกเราเหรอ? จะเป็นไปได้ไหมว่า...”
“ไม่ใช่” ลู่เฉิงเฟิงส่ายหน้า “พวกเราทุกคนเคยคิดเหมือนกัน สงสัยว่าเขาเป็นสมาชิกสิบสองนักษัตรทมิฬ งูแบล็กแมมบาก็เคยลองทดสอบแล้ว แต่ไม่ใช่”
พยัคฆ์โลหิตเดินกลับมา ขมวดคิ้ว “ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเหมือนพวกเรา ฝึกฝนจนมีพลังงานแบบนั้นได้ เขาเป็นใครกันแน่?”
“ไม่รู้”
ลู่เฉิงเฟิงพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา รับงานสังหารคนของตระกูลซูทั้งหมด
พยัคฆ์โลหิตมองเขา “นายทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์หรอก”
แต่ละงาน ไม่ใช่ว่าพอตัวเองรับแล้ว มือสังหารคนอื่นจะรับไม่ได้ ใคร ๆ ก็อยากได้เงิน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะลงมือเร็วกว่ากัน
ลู่เฉิงเฟิงยิ้มขื่น “ฉันรู้ ถึงจะไม่ค่อยมีประโยชน์ แต่อย่างน้อยเมื่อมือสังหารคนอื่นเห็นว่างานนี้มีคนรับไปแล้ว ก็อาจจะลังเลสักหน่อย”
“ฉันคิดว่านายควรกังวลเกี่ยวกับตัวเองมากกว่า ทางตระกูลซูมีงูแบล็กแมมบา มือสังหารทั่วไปมาก็เหมือนส่งผักเข้าปากเสือ แต่ภารกิจสังหารนายนั้นเป็นระดับ SSS มีแต่มือสังหารระดับเดียวกันเท่านั้นที่จะรับภารกิจนี้ได้… เหยียนเจี้ยนตงคนนี้เจ้าเล่ห์มาก ถ้าเขาบอกว่าเป้าหมายคือมังกรสะเทือนเวหา คงไม่มีใครกล้ารับงานนี้ แต่เขากลับบอกว่าเป็นลู่เฉิงเฟิง ไม่มีใครรู้ว่าลู่เฉิงเฟิงก็คือมังกรสะเทือนเวหา… หนึ่งพันล้าน มากพอที่จะทำให้มือสังหารระดับ SSS สนใจ คนที่ขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ได้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา แม้ว่านายจะมีฝีมือสูง แต่หอกที่มองเห็นยังหลบง่าย ลูกธนูที่มองไม่เห็นกลับป้องกันยาก นายต้องระวังตัวให้มาก”
พยัคฆ์โลหิตเตือน แต่ลู่เฉิงเฟิงกลับหัวเราะ “นี่เป็นเรื่องดี ถ้าเหยียนเจี้ยนตงบอกว่าเป็นมังกรสะเทือนเวหา ก็จะมีคนรับงานนี้เช่นกัน คนตายเพราะเงิน นกตายเพราะอาหาร เขาให้เงินมากเกินไป แม้แต่ฉันเองก็ยังรู้สึกสนใจ และคนที่ลงมือก็จะระมัดระวังเป็นพิเศษ… แต่เมื่อเขาบอกว่าเป็นลู่เฉิงเฟิง ก็ไม่มีใครรู้ว่าฉันคือมังกรสะเทือนเวหา พวกเขาจะปฏิบัติต่อฉันเหมือนเป้าหมายธรรมดา แบบนี้ฉันกลับจะปลอดภัยกว่า”
พยัคฆ์โลหิตคิดสักครู่ แล้วพยักหน้าเบา ๆ หากมือสังหารคิดว่าลู่เฉิงเฟิงเป็นเป้าหมายธรรมดา คนที่จะเคราะห์ร้ายก็คือตัวมือสังหารเอง
หลังจากนั้นลู่เฉิงเฟิงส่งข้อความไปบอกงูแบล็กแมมบาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในเวลาเดียวกัน ที่ห้องหนังสือตระกูลเหยียน เหยียนเจี้ยนตงนั่งอยู่หลังโต๊ะ ใบหน้าเหี่ยวย่นเคร่งเครียดมืดครึ้มจนแทบจะมีน้ำหยดออกมา ดวงตาแดงก่ำ กำมือแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว
ผ่านไปสักครู่ เขาเงยหน้ามองหลวนเฮ่าจงองครักษ์คนสนิทที่อยู่ตรงหน้า เสียงแหบแห้ง “มีคนรับงานหรือไหม?”
หลวนเฮ่าจงพยักหน้าเบา ๆ “มีครับ ทุกงานมีคนรับหมดแล้ว”
“ดีมาก นายจงจับตาดูให้ดี ภายในสามวัน ถ้าคนของตระกูลซูและลู่เฉิงเฟิงยังไม่ตาย ให้เพิ่มราคาขึ้นไปอีก ฉันไม่เชื่อว่าจะฆ่าพวกเขาไม่ได้”
“ครับ” หลวนเฮ่าจงพูดจบ ลังเลเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “นายท่านเหยียน ลู่เฉิงเฟิงนั้นไม่ง่ายที่จะจัดการ แต่คนของตระกูลซูล้วนเป็นคนธรรมดา ไม่สู้ผมพาคนไปฆ่าพวกเขาให้หมด แบบนี้จะประหยัดเงินได้มาก”
เหยียนเจี้ยนตงโบกมือ “ไม่ได้ นายไม่รู้จักไอ้แก่ตระกูลซูนั่น เขาเป็นทหารผ่านศึกสงครามต่อต้านญี่ปุ่น มีผู้มีอิทธิพลมากมายอยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้ต้องไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียนของฉันเด็ดขาด”
“เรื่องที่ใช้เงินแก้ไขได้ล้วนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากพัวพันถึงตระกูลเหยียน ก็จะเสียมากกว่าได้”
หลวนเฮ่าจงพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“คุณเหมียวเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลวนเฮ่าจงกำลังจะเอ่ยปาก ประตูก็ถูกผลักเปิดออก เหมียวเจิ้นชวนเดินเข้ามาพร้อมแขนที่พันผ้าพันแผลหนาเตอะ
เหยียนเจี้ยนตงขมวดคิ้ว ไม่ชอบที่เหมียวเจิ้นชวนเข้ามาโดยไม่เคาะประตู
เขาโบกมือ ให้สัญญาณหลวนเฮ่าจงออกไปก่อน
หลังจากที่หลวนเฮ่าจงออกไป เหยียนเจี้ยนตงก็ลุกขึ้นยืนและถามด้วยความห่วงใย “คุณเหมียว มีบาดแผลรุนแรงไหมครับ? ต้องการไปโรงพยาบาลไหม?”
เหมียวเจิ้นชวนนั่งลงที่โต๊ะชงชาด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง เขาโบกมือบอกปัดและพูดว่า “แค่บาดแผลภายนอก ไม่เป็นไรหรอก!”
เหยียนเจี้ยนตงแอบหัวเราะเยาะในใจ ‘บาดแผลสามรอยนั้นลึกจนเห็นกระดูก ยังจะมาแสร้งว่าไม่เป็นไรอีก’
“คุณเหมียว ลู่เฉิงเฟิง น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับทำให้คุณบาดเจ็บขนาดนี้ได้?”
เหมียวเจิ้นชวนแค่นเสียงฮึ “ไม่ใช่ลู่เฉิงเฟิงหรอก แต่เป็นบุคคลลึกลับคนหนึ่ง เขาโจมตีแบบไม่ให้ตั้งตัว ตอนนั้นฉันประมาทไม่ทันระวัง ไม่งั้นเขาไม่มีทางทำให้ฉันบาดเจ็บได้แม้แต่นิดเดียว”
“บุคคลลึกลับ?” เหยียนเจี้ยนตงขมวดคิ้วเป็นรอยลึก “หมายความว่าลู่เฉิงเฟิงยังมีคนอยู่เบื้องหลังอีกเหรอ?”
เหมียวเจิ้นชวนหัวเราะเยาะ “ไม่เป็นไร รอให้แผลฉันหายก่อน แล้วฉันจะไปหาลู่เฉิงเฟิงอีกครั้ง เพื่อล่อให้คนลึกลับนั่นออกมา แล้วฉันจะจัดการพวกเขาทั้งหมด”
สิ่งที่เหมียวเจิ้นตงไม่รู้ก็คือ คนที่เขาคิดว่าเป็นลู่เฉิงเฟิงนั้น แท้จริงแล้วเป็นแค่งูแบล็กแมมบา ส่วนบุคคลลึกลับนั่นต่างหากที่เป็นลู่เฉิงเฟิงตัวจริง
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว