บทที่ 49 มาทำให้อยากแล้วจากไป
ลู่เฉิงเฟิงรีบวิ่งเข้ามาสำรวจหลินเจี้ยนหลูตั้งแต่หัวจรดเท้า “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
หลินเจี้ยนหลูถอดหน้ากากอนามัยออก เผยให้เห็นใบหน้างดงามน่าตะลึง ก่อนจะล้มลงไปอย่างอ่อนแรง
ลู่เฉิงเฟิงตกใจมาก รีบยื่นมือออกไปรับ
แต่หลินเจี้ยนหลูกลับตีมือเขาออก “อยากฉวยโอกาสหรือไง”
ลู่เฉิงเฟิงมองเธอด้วยความมึนงง “เธอไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ ใช่ไหม”
“เป็นสิ แต่แม่นางคนนี้ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ไม่อยากให้นายมาเอาเปรียบ ร่างกายบอบบางอ่อนโยนของฉัน นายจะกอดได้ยังไง”
ลู่เฉิงเฟิงมุมปากกระตุก ‘ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นโรคอะไรสักอย่างแน่ ๆ’
ชายหนุ่มมองไปที่ป่าด้านข้าง “คนที่วิ่งหนีไปเมื่อกี้คือใคร”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลินเจี้ยนหลูก็จริงจังขึ้น “ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เขาก็เหมือนกับพวกเรา ที่ฝึกฝนจนมีลมปราณแบบนั้นได้”
สีหน้าของลู่เฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา “หรือว่าจะเป็นสมาชิกคนอื่น ๆ ในสิบสองนักษัตรทมิฬ”
หลินเจี้ยนหลูส่ายหน้า “ไม่ใช่ ฉันถามเขาว่ารู้จักงูแบล็กแมมบาไหม เขาไม่รู้จักเลย”
ลู่เฉิงเฟิงมีแววตาเป็นประกาย “ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่พวกเราที่ฝึกฝนพลังลมปราณนั้นได้ ยังมีคนอื่น ๆ ที่ฝึกได้เหมือนกับเรา”
“จริงสิ นายรู้จักผู้พิทักษ์ประตูไหม”
ลู่เฉิงเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง “ผู้พิทักษ์ประตู? ผู้พิทักษ์ประตูอะไร?”
หลินเจี้ยนหลูเบิกตากว้าง “ไร้สาระ ถ้าฉันรู้ ฉันจะถามนายเหรอ เมื่อกี้นี้ผู้ชายคนนั้นเรียกฉันว่าผู้พิทักษ์ประตู”
ลู่เฉิงเฟิงส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยินมาก่อน อาจจะเป็นองค์กรอะไรสักอย่างล่ะมั้ง”
หลินเจี้ยนหลูพยักหน้าเบา ๆ เธอเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
ลู่เฉิงเฟิงถอนหายใจ “น่าเสียดาย ระยะห่างมันไกลเกินไป ไม่งั้นเขาหนีไม่รอดแน่”
หลินเจี้ยนหลูหรี่ตาลง จ้องมองเขา “จริง ๆ แล้วนายซ่อนพลังเอาไว้มากแค่ไหนกันแน่ เมื่อกี้ฉันสู้กับผู้ชายคนนั้น พลังลมปราณในร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าของฉันมาก แต่นายกลับสามารถโจมตีเขาอย่างรุนแรงได้จากระยะเกือบร้อยเมตร”
ลู่เฉิงเฟิงอมยิ้มโดยไม่เอ่ยอะไร เพียงแต่คิดในใจว่า ‘เธอคิดว่าฉันอยู่แค่ชั้นสาม แต่จริง ๆ แล้วฉันอยู่ชั้นสามสิบต่างหาก’
“เอาล่ะ ช่างเรื่องนี้ก่อนเถอะ ฉันไปส่งเธอกลับบ้านก่อนนะ”
“ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด ฉันไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นซะหน่อย”
หลินเจี้ยนหลูกลอกตาไปมาพร้อมกับเบะปากอย่างไม่ใส่ใจ เธอกำลังจะเดินตามลู่เฉิงเฟิงออกไป แต่แล้วร่างกายของเธอก็สั่นสะท้าน มุมปากมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา
สีหน้าของลู่เฉิงเฟิงเปลี่ยนไปในทันที “เธอบาดเจ็บจริง ๆ เหรอ”
“ไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บเล็กน้อย เดี๋ยวสองสามวันก็หาย”
“ค่อย ๆ เดินนะ ฉันช่วยพยุง”
“หลีกไปเลย ไปหาซูอี้จวินที่นายแคร์โน่น”
ลู่เฉิงเฟิงถึงกับมึนงง “เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับซูอี้จวินด้วย?”
เขาเดินเข้าไปข้างหน้าแล้วช้อนตัวหลินเจี้ยนหลูขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่รอให้เธออนุญาต
หลินเจี้ยนหลูร้องอุทานด้วยความตกใจ “นี่นาย! ปล่อยฉันลงนะ”
“เธออยู่ในสภาพแบบนี้ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวเลยจะดีกว่า เดี๋ยวอาการบาดเจ็บจะยิ่งหนักกว่าเดิม”
“ฉันไม่ต้องการให้นายมายุ่ง”
“หุบปากซะ ถ้ายังเสียงดังอีก ฉันจะให้พี่ชายจัดการเธอ”
“พี่ชาย?” หลินเจี้ยนหลูอึ้งไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นบนใบหน้าสวยก็ปรากฏรอยแดงระเรื่อ “ลู่เฉิงเฟิง นายมันคนลามกตัวเหม็น”
“ลามกก็ลามกสิ ทำไมต้องเป็นคนลามกเหม็นด้วย?”
หลินเจี้ยนหลูดิ้นรน “ปล่อยฉันลงนะ ฉัน… อ๊า…”
จู่ ๆ เธอก็ครางเสียงหวานออกมา ร่างกายอ่อนปวกเปียกเหมือนแป้งขนมปัง เธอจ้องไปที่ลู่เฉิงเฟิงด้วยความโกรธปนอับอาย ชายคนนี้กล้ามาบีบสะโพกของเธอ
ลู่เฉิงเฟิงหรี่ตาลง “ฉันบอกแล้วไงว่าให้เธออยู่เฉย ๆ”
“นาย”
หลินเจี้ยนหลูจ้องเขาด้วยสายตาโกรธจัด
ลู่เฉิงเฟิงยังคงทำสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับวุ่นวายไปหมด การได้อุ้มสาวสวยร่างนุ่มนิ่มแบบนี้ ถ้าไม่รู้สึกอะไรเลยก็แปลว่าผิดปกติแล้ว
เมื่อมาถึงที่จอดรถ ลู่เฉิงเฟิงก็วางหลินเจี้ยนหลูลงบนที่นั่งข้างคนขับ
เขาเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่ง เห็นหลินเจี้ยนหลูยังคงจ้องเขาเขม็ง จึงยิ้มมุมปากพลางพูดว่า “ดวงตาสวยขนาดนี้ แต่เธอกลับใช้มันมาจ้องคนราวกับจะฆ่าจะแกงกันแบบนี้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ”
หลินเจี้ยนหลูทำเสียง ‘ฮึ’ ในลำคอ แล้วหันไปมองนอกหน้าต่างด้วยความหงุดหงิด
ระหว่างทาง เธอหันมามองลู่เฉิงเฟิง แล้วแบมือออกไป
ลู่เฉิงเฟิงรู้สึกงงงัน มองเธอด้วยความไม่เข้าใจ
“นายเคยพูดในกลุ่มว่า ฆ่าคนตระกูลเหยียนคนละสิบล้าน พร้อมกับข้อมูลของนายหนึ่งข้อ” หลินเจี้ยนหลูพูดพลางนับนิ้ว
“ฉันฆ่าไปสี่คน ก็สี่สิบล้าน ข้อมูลของนายฉันก็รู้หมดแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเงินแล้วล่ะ ข้อมูลหนึ่งข้อสิบล้าน นายติดหนี้ฉันแปดสิบล้าน จ่ายเงินมา”
ลู่เฉิงเฟิงชะงักเล็กน้อย “เธอฆ่าไปสี่คน?”
หลินเจี้ยนหลูเชิดคางมนขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “อืม”
“บอดี้การ์ดสามคน แล้วก็คนที่น่าจะเป็นลูกชายของเหยียนเจี้ยนตง ชื่ออะไรฉันไม่รู้ แต่บอดี้การ์ดตระกูลเหยียนเรียกเขาว่าคุณชายสาม นายไปสืบดูก็ได้”
มุมปากของลู่เฉิงเฟิงยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
เหยียนเจี้ยนตงต้องสูญเสียลูกชายไปอีกคนแล้ว น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้าตอนที่เขาเจ็บปวดคลุ้มคลั่ง
หลินเจี้ยนหลูยื่นมือเรียวสวยออกมา “จ่ายเงินมา”
ลู่เฉิงเฟิงพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “เธอจำผิดแล้ว ตอนนั้นฉันบอกว่า ฆ่าคนตระกูลเหยียนคนละห้าล้าน แลกกับข้อมูลเกี่ยวกับฉันหนึ่งข้อ”
“ห้าล้านเหรอ” หลินเจี้ยนหลูครุ่นคิด เธอรู้สึกว่าคุ้น ๆ แต่ยังไม่ยอมรับง่าย ๆ “ไม่สนหรอก นายเป็นหนี้ฉันแปดสิบล้าน”
“ได้ งั้นฉันให้เธอร้อยล้าน”
ลู่เฉิงเฟิงขับรถมือเดียว อีกมือหนึ่งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โอนเงินร้อยล้านให้หลินเจี้ยนหลูจริง ๆ
หลินเจี้ยนหลูอึ้งไป “นายให้ฉันจริง ๆ เหรอ”
ลู่เฉิงเฟิงมองบน “ฉันพูดคำไหนคำนั้น”
“ฉันนึกว่านายเป็นคนขี้เหนียวซะอีก”
“พูดอะไรแบบนั้น ฉันเป็นคนขี้เหนียวที่ไหน ฉันชอบแม่เสือสาว”
หลินเจี้ยนหลูอึ้งไปครู่หนึ่งกว่าจะเข้าใจ จึงต่อยลู่เฉิงเฟิงสองหมัดอย่างแรง
ลู่เฉิงเฟิงหัวเราะเจ้าเล่ห์ ใบหน้าเต็มไปด้วยเลศนัย
หลินเจี้ยนหลูหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ลู่เฉิงเฟิงไปส่งหลินเจี้ยนหลูที่บ้านตระกูลซู
“เธอแน่ใจนะว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเหรอ”
“ไม่ต้องหรอก นั่งสมาธิหนึ่งคืนก็หายแล้ว พรุ่งนี้ไปห้างเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
“เธอมีแผลอยู่ อย่าเพิ่งไปไหนเลย เอาอย่างนี้ เขียนเป็นรายการมาสิ เดี๋ยวฉันซื้อไปให้”
ทันใดนั้นหลินเจี้ยนหลูก็ยิ้มอย่างยั่วยวน “ฉันจะซื้อเครื่องกำจัดขน”
ลู่เฉิงเฟิงถึงกับชะงัก ไปต่อไม่ถูก มองหลินเจี้ยนหลูอย่างอับจนคำพูด
หลินเจี้ยนหลูแลบลิ้นสีชมพูออกมาเลียริมฝีปากแดงระเรื่อ ยืดอกอิ่มเอิบขึ้น มองเขาด้วยสายตาเย้ายวน
แบบนี้ใครจะทนไหว
ลู่เฉิงเฟิงรู้สึกว่าลำคอแห้งผาก อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไป
หลินเจี้ยนหลูบิดร่างกายเพรียวบาง กล่าวเสียงหวาน “ในรถคันนี้กว้างขวางดีนะ เบาะก็นุ่ม นายอยากจะ...”
“อยาก”
ใบหน้าเจ้าเล่ห์ยั่วยวนของหลินเจี้ยนหลูหายวับไปในทันที เธอมองเขาด้วยสีหน้าฉงน “นายอยากอะไร”
ลู่เฉิงเฟิงได้แต่เขินอายจนต้องจิกปลายเท้ากับพื้น
“ฉันหมายถึงว่า เธออยากจะเปลี่ยนเบาะที่แข็งกว่านี้ไหม นั่งเบาะนุ่มนาน ๆ ไม่ดีต่อเอว เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย”
ลู่เฉิงเฟิงเห็นแววตาเจ้าเล่ห์แวบหนึ่งในดวงตาของเธอ รู้ทันทีว่าโดนเธอแกล้งเข้าให้แล้ว
หลินเจี้ยนหลูเปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมหน้ารถมาทางลู่เฉิงเฟิง พร้อมกับส่งสายตาเจ้าชู้ให้เขาหนึ่งที “กลับเร็ว ๆ ล่ะ คืนนี้อย่านอนเลย ฝันหวานก็จริง แต่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
พูดจบ เธอก็บิดสะโพก สะบัดก้นจากไป ทิ้งเขาไว้กับความอับอาย
ลู่เฉิงเฟิงกัดฟันกรอด อยากจะลากเธอกลับมา แล้วสั่งให้ลูกน้องคนสนิทจัดการเธอเสียให้เข็ด!
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว