บทที่ 18 หลินเจี้ยนหลู
ทั้งสองไปถึงสนามบินและจอดรถ ซูอี้จวินดูเวลาแล้วพูดว่า “เครื่องบินจะลงจอดในอีก 20 นาทีเรารอกันก่อน”
ลู่เฉิงเฟิงพ่นลมหายใจแล้วถามว่า “เพื่อนสนิทของคุณคนนี้เป็นผู้หญิงประเภทที่หายาก?”
“ใช่เธอเป็นผู้หญิงที่หายาก เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเราอยู่หอพักเดียวกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก หลังจากนั้นเธอก็ไปต่างประเทศแต่การติดต่อของเราไม่เคยขาดหาย”
ลู่เฉิงเฟิงพยักหน้า “เธอสวยมากไหม?”
ซูอี้จวินมองเขาอย่างระแวดระวัง “คุณจะทำอะไร?”
ลู่เฉิงเฟิงพูดอย่างจริงจังว่า “อย่าให้พูดเลย”
ซูอี้จวินสะดุ้ง ทันใดนั้นก็มีปฏิกิริยาและหน้าแดง “ลู่เฉิงเฟิงคุณ คุณ คุณ คุณ คุณมันเป็นพวกอันธพาล!”
ลู่เฉิงเฟิงหัวเราะอย่างซุกซน “ก็คุณถามผมเอง และผมเพียงแค่อยากจะบอกว่ามันไม่เหมาะสม”
ซูอี้จวินพ่นลมหายใจและหันศีรษะเพื่อเมินเฉยต่อเขา
ลู่เฉิงเฟิงมองดูเธอ ดวงตาของเขาอดไม่ได้ที่จะตกลงไปที่หน้าอกที่อวบอิ่มของเธอ “เมื่อมองในแนวนอน มันจะดูเหมือนสันเขาและมียอดอยู่ด้านข้างโดยมีความสูงที่แตกต่างกันทั้งจากระยะไกลและใกล้”
ซูอี้จวินหันกลับมาด้วยความสับสน และพบว่าลู่เฉิงเฟิงกำลังจ้องมองที่หน้าอกของเธอ เธอทั้งรู้สึกอับอายและโกรธ “คุณ คุณ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้มองมันนะ!”
“ตกลง!”
ลู่เฉิงเฟิงยินยอมอย่างว่าง่ายจากนั้นจึงยื่นมือออกไป
ซูอี้จวินตกใจ “คุณจะทำอะไร!”
“คิดสิ”
ซูอี้จวินเกือบจะทรุดตัวลง เธอจ้องมองมือของเขาที่ยื่นออกมาด้วยความโกรธและพูดอย่างระแวดระวัง “คุณอยากทำจริง ๆ เหรอ?”
จู่ ๆ ลู่เฉิงเฟิงก็ดูเศร้าใจ “ซูอี้จวินคุณไม่ยอมให้ผมมองมัน และตอนนี้ก็ไม่ยอมให้ผมแตะต้องมัน คุณนั่นแหละที่เป็นคนพาล”
ซูอี้จวินมองเขาด้วยสีหน้ามืดมน รู้สึกว่าสมองของเธออ่อนแอ “คุณ คุณมันคนขี้โกง เห็นได้ชัดว่าคุณเป็นคนที่กลั่นแกล้งฉัน!”
ลู่เฉิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและเอื้อมมือไปแตะหัวเล็ก ๆ ของเธอ “น่ารักจริง ๆ!”
ซูอี้จวินตกตะลึงและหน้าแดงกับท่าทางใกล้ชิดของลู่เฉิงเฟิง
เธอรวบรวมความกล้าและจ้องมองที่ลู่เฉิงเฟิง “คุณไม่สามารถรังแกฉันในอนาคตได้ ไม่งั้นฉันจะ ฉัน… ฉัน...”
เธอคิดอยู่นานและตระหนักว่าเธอไม่มีอะไรจะเอาไปคุกคามลู่เฉิงเฟิงได้เลย
“คุณจะมีลูกชายให้ผมสักสองสามคน จากนั้นให้ผมทำงานเหมือนสามีที่ดีไปตลอดชีวิตและพอผมแก่ตัวลงทำงานไม่ได้แล้ว ก็ให้พวกลูก ๆ คว่ำโต๊ะ โยนถ้วย และขอให้ผมสร้างบ้าน ซื้อรถให้... โอ้พระเจ้า แค่คิดผมก็รู้สึกเศร้าใจมากจริง ๆ”
ลู่เฉิงเฟิงเติมประโยคให้เธออย่างมีน้ำใจ
ซูอี้จวินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาทันที “คุณฝันเฟื่องไปเองทั้งนั้น ใครจะมีลูกชายให้คุณกัน!”
“งั้นมีลูกสาวก็ได้ไม่เป็นไร”
ซูอี้จวินกลอกตาให้เขาและหยุดพูด เธอรู้ว่าตัวเองไม่สามารถเถียงสู้กับอันธพาลคนนี้ได้
ลู่เฉิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ลองคิดดูสิ มันเคยมีคำพูดในอินเทอร์เน็ตว่าถ้าคุณเกลียดผู้ชายคนไหนจงมอบลูกชายให้เขาอย่างน้อยสองคน”
“แต่ฉันไม่ได้เกลียดคุณ!”
ซูอี้จวินมองลู่เฉิงเฟิงอย่างภาคภูมิใจและคิดว่า ‘ตอนนี้คุณไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม?’
ลู่เฉิงเฟิงยิ้มอย่างสดใส “มีคำพูดบนอินเทอร์เน็ตว่า ถ้าคุณไม่เกลียดผู้ชายคนนั้น เขาจะมอบลูกสาวให้คุณสองคน”
ซูอี้จวินพยักหน้าและพูดไม่ออกเลย “ฮึ่ม นั่นไม่สมเหตุสมผลเลย!”
จู่ ๆ ลู่เฉิงเฟิงก็ดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังและเปลี่ยนเรื่อง “เสี่ยวจวิน ผมจะเล่าบางอย่างให้ฟัง ถ้ามีคนพยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผมจากคุณ คุณต้องระวัง”
ซูอี้จวินมองดูเขา “มีอะไรผิดปกติ?”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่พยายามอย่าเปิดเผยข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับผม ถ้ามีใครถามก็บอกไปว่าผมเป็นแค่คนหล่อ มีความสามารถ และเป็นคนธรรมดา”
มุมปากของซูอี้จวินกระตุกสองสามครั้ง คิดว่าเขาทำตัวไร้ยางอายอีกแล้ว
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว!” หลังจากพูดจบเธอก็ดูเวลาแล้วพูดว่า “ใกล้จะถึงเวลาแล้วนี่นา เรารีบเข้าไปกันเถอะ”
ซูอี้จวินลงจากรถแล้วรีบวิ่งเข้าไปในอาคารผู้โดยสารขาเข้าพร้อมกับลู่เฉิงเฟิง
ทันทีที่ทั้งสองเข้าไปในอาคารก็เห็นว่าผู้โดยสารกำลังทยอยเดินออกมาจากเกตแล้ว
ทันใดนั้นดวงตาของลู่เฉิงเฟิงก็สว่างขึ้น ความประหลาดใจฉายไปทั่วใบหน้าของเขา
ผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงและสง่างาม รูปร่างโค้งเว้า ผิวขาวเป็นประกายสวมชุดสีแดง โดดเด่นในหมู่ฝูงชนอย่างชัดเจน
“เสี่ยวหลู เสี่ยวหลู ทางนี้...”
ซูอี้จวินโบกมือเล็ก ๆ ของเธออย่างมีความสุข
ผู้หญิงในชุดสีแดงตอบด้วยรอยยิ้มสดใส โบกมือแล้วเดินก้าวมาและทั้งสองก็กอดกันอย่างเสน่หา
“เสี่ยวหลู เธอสวยขึ้นอีกแล้ว”
ริมฝีปากสีแดงของผู้หญิงในชุดแดงคลี่ยิ้ม “เธอก็ใหญ่ขึ้นอีกแล้ว”
ความเขินอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูอี้จวิน
มุมปากของลู่เฉิงเฟิงโค้งขึ้น ในขณะที่เขามองดูผู้หญิงสองคนกอดกัน ก็มีคำพูดหนึ่งเข้ามาในใจของเขา ‘นมถั่วเหลือง!’
ผู้หญิงสองคนแยกออกจากกัน จากนั้นซูอี้จวินก็ดึงผู้หญิงในชุดสีแดงเข้ามาหาลูู่เฉิงเฟิง “เสี่ยวหลู ฉันขอแนะนำให้เธอรู้จัก นี่คือแฟนของฉันลู่เฉิงเฟิง”
“เฉิงเฟิง นี่คือเพื่อนที่สนิทที่สุดและเป็นเพื่อนรักของฉัน หลินเจี้ยนหลู”
กวางสามารถเห็นได้ในป่าลึก ปลาวาฬสามารถเห็นได้ในทะเลสีฟ้า ช่างเป็นชื่อที่ดีจริง ๆ
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่เมืองเหยียนเฉิง”
ลู่เฉิงเฟิงยิ้มและพูดสวัสดี
หลินเจี้ยนหลูมองที่ลู่เฉิงเฟิง ดวงตาดอกพีชที่มีเสน่ห์ของเธอราวกับสามารถพูดได้ เธอพยักหน้าแล้วมองไปที่ซูอี้จวิน “เฮ้! เธอแอบมีแฟนโดยไม่บอกฉันเหรอ?”
ซูอี้จวินยิ้มอย่างเขินอาย “เราเพิ่งคบกันได้ไม่นาน”
“อ้อ! รูปลักษณ์เขาดูดีใช้ได้ว่าแต่เขาทำงานอะไรล่ะ?”
“เขาเป็นผู้จัดการทั่วไปของเทียนซือกรุ๊ป”
หลินเจี้ยนหลูพยักหน้า “อืม งานก็ไม่เลว บอกมาเร็ว ๆ หน่อยเจอกันได้ยังไง?”
“โอเค ฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง แต่ตอนนี้เรากลับบ้านกันก่อนเถอะ แม่ของฉันรู้ว่าเธอจะมาก็เลยทำอาหารมื้อใหญ่ไว้รอเต็มเลย”
ผู้หญิงสองคนจับมือกันเดินไปข้างหน้า
ลู่เฉิงเฟิงถือกระเป๋าเดินทางของหลินเจี้ยนหลูตามไปเหมือนพวกจับกัง
เมื่อกลับไปที่รถ ลู่เฉิงเฟิงก็รับหน้าพลขับและผู้หญิงสองคนก็ไปนั่งอยู่ที่เบาะหลังคุยกันไม่หยุดปาก
“เสี่ยวหลู ทำไมจู่ ๆ เธอถึงกลับมาจีน?”
“ฉันคิดถึงเธอก็เลยกลับมา”
“งั้นก็ดีเลย กลับมาครั้งนี้ต้องอยู่นาน ๆ เลยนะ เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว”
“ได้เลย ฉันจะไม่กลับจนกว่าเธอจะรำคาญฉันไปข้างก็แล้วกัน”
“ไม่มีทาง มีแต่ฉันจะไม่อยากให้เธอจากไป...”
ผู้หญิงสองคนคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา
ลู่เฉิงเฟิงเพียงแค่ฟัง ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดทาง เขาแสดงภาพลักษณ์ของแฟนหนุ่มที่ดีที่ไม่รบกวนการพบปะของแฟนสาวและเพื่อนสนิทของเธอมากนัก
กลับไปถึงบ้านตระกูลซู
ซูอี้จวินพาหลินเจี้ยนหลูลงจากรถไปก่อน ลู่เฉิงเฟิงหยิบกระเป๋าเดินทางออกจากหลังรถ แต่ขณะที่กำลังจะเดินตามเข้าไปเขาเห็นฮั่นเหยียนเดินออกมาด้วยใบหน้าที่มืดหม่น
“คุณลู่! คุณทำเกินไปหน่อยแล้ว”
“หา? ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ?”
ลู่เฉิงเฟิงแสร้งทำเป็นโง่
ฮั่นเหยียนพูดด้วยสีหน้าเถรตรง “คุณควรรู้สถานการณ์ปัจจุบันของคุณหนูใหญ่ คุณอยู่ที่นั่นตอนที่เธอถูกลอบสังหารในคืนนั้น ในฐานะแฟนของเธอ คุณกลับพาเธอออกไปตามลำพังทำให้เธอตกอยู่ในความเสี่ยง คุณไม่ควรจะทำแบบนั้น”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะปกป้องเธอเอง”
“คุณ?” ฮั่นเหยียนมองเขาด้วยความดูถูก “คุณลู่อย่าหาว่าผมพูดจารุนแรง แต่คนอย่างคุณผมคิดว่าคงไม่สามารถหักคอไก่ได้ด้วยซ้ำ บางทีผมอาจไม่เก่งเท่าคุณในเรื่องการใช้สมอง แต่ในเรื่องการต่อสู้หรือการฆ่าคุณไม่มีทางเทียบผมได้”
มุมปากของลู่เฉิงเฟิงกระตุก “นี่นายหาว่าฉันไม่มีน้ำยาเหรอ? นายหมายความว่าฉันไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเลยงั้นสิ? ถ้าฉันไม่มีเรี่ยวแรงเลยฉันจะฉี่ได้ยังไง”
ฮั่นเหยียนไม่เข้าใจอยู่พักหนึ่ง เขาก้มศีรษะลงและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็เข้าใจ มีเส้นสีดำปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าลู่เฉิงเฟิงหนีไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางแล้ว
เขามองไปที่แผ่นหลังของลู่เฉิงเฟิงด้วยสีหน้าไร้คำพูดและพึมพำด้วยเสียงต่ำ “ทำไมคุณหนูใหญ่ถึงไปชอบไอ้คนทรยศเช่นนี้ได้กัน? ภายนอกดูเหมือนคนดี แต่คำพูดกลับหยาบโลนอย่างกับกุ๊ย!”
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว