เมื่อประตูรั้วสูงเมตรเศษปิดสนิทลง จัดการคล้องกุญแจไว้เสร็จสรรพ ตะวันก็เป่าปากฟู่หันกลับเข้าบ้าน
ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ทำเป็นไม่เคยรู้จักกันซะเลยดีไหม บางที ศิราภรณ์อาจไม่รู้ก็ได้ว่าเธอจะต้องมาเจอใครที่นี่ เธอก็แค่มาทำงาน…
ให้ตายเถอะ! แล้วเขาจะมีอารมณ์ทำแบบนั้นได้ยังไงกับ…
ฮึ! ทำไมต้องคิดมากด้วย ก็ตอนนี้เธอเป็นแค่ผู้หญิงอย่างว่าล่ะหว้า เขาไม่ได้ดูถูก เพราะถึงยังไงผู้ชายโสดแบบเขาก็ยังต้องพึ่งผู้หญิงเหล่านี้ในการปลดปล่อยความต้องการตามธรรมชาติ แต่ก็ไม่เคยยกย่อง เพราะผู้หญิงแบบนี้ก็ไม่ใคร่สมควรได้รับสิ่งนั้น ถ้าเลือกทำงานแบบนี้ด้วยความสมัครใจเพราะเห็นว่ามันง่ายและได้เงินดี...
แล้วเขาจะต้องเอาเรื่องของผู้หญิงแบบนี้มาใส่สมองทำไม!
ศิราภรณ์เก็บโต๊ะเรียบร้อยแล้ว คงกำลังล้างจานอยู่ในครัว ตะวันเดาเอาเพราะประตูห้องครัวไทยมักปิดไว้เสมอเพื่อกันกลิ่นรบกวน จะเปิดใช้เฉพาะกลางคืน ส่วนใหญ่จะใช้ประตูฝั่งหลังบ้าน
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟาเบด กดรีโมทหาช่องข่าวแล้วหงายหลังลงบนหมอนอิง ยกมือก่ายหน้าผากมองเพดาน ปล่อยให้เนื้อหาสาระของข่าวต่าง ประเทศผ่านหูไปเรื่อยๆ
“จะรับเครื่องดื่มไหมคะคุณตะวัน” เสียงหวานถามมาอย่างเกรงใจ จะอย่างไรเธอก็ตั้งใจแล้ว ถ้าเขาไม่เริ่มพูดถึงเรื่องเก่าๆ ก่อนเธอก็เลือกเงียบ ยกหน้าที่ตัดสินความทุกอย่างให้อยู่ในมือเขา
“สักนิดก็ดี” ตะวันลุกนั่งเลื่อนช่องใหม่เมื่อไม่เจอข่าวน่าสนใจ เขาเลือกช่องกีฬา เทปบันทึกการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ชิฟคู่มันส์พอจะเรียกความสนใจได้ระดับหนึ่ง ไม่นานชากลิ่นมะลิร้อนๆ ก็วางลงตรงหน้า... ตะวันขมวดคิ้วทันที
“ใครจะเอาชา เบียร์ในตู้เย็นโน้น” ว่าพลางบุ้ยปากไปทางตู้เย็น
“ค่ะ” หญิงสาวตกใจกับน้ำเสียงใส่อารมณ์ของชายหนุ่ม...
คุณตะวันเคยพูดเพราะเสมอนี่นา ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนไป หรือเพราะเขาเห็นว่าเธอเองก็เปลี่ยนไปแล้ว หญิงสาวเทเบียร์ฟองนุ่มใส่แก้วทรงสูงนำไปวางแทนแก้วน้ำชา ก่อนถอยร่นกลับไปจัดการเทชาดอกมะลิทิ้งลงซิงค์ในครัวฝรั่ง... ดูสิเครื่องดื่มสีเหมือนกันแท้ๆ แต่ต่างกันนักในด้านคุณค่า เทียบได้หรือเปล่ากับเธอในสายตาเขาเวลานี้
ตะวันวางแก้วลงเมื่อดื่มไปเกินครึ่ง ในเวลาที่นานแสนนานกับความเงียบ เสียงเดียวมาจากสนามฟุตบอลในจอสี่เหลี่ยมกับเสียงความคิดที่สับสนอลหม่าน มันจริงหรือที่ตลอดเวลาที่จากกัน ผู้หญิงที่เคยเป็นเด็กดีในสายตาเขาดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นทางสายโลกีย์ ในอาชีพหนึ่งที่มีฉากหลังเป็นการขายบริการทางเพศ!
บ้าที่สุด! ถ้าเธอคิดจะทำอาชีพนี้ทำไมต้องดิ้นรนเรียนหนังสือให้เสีย เวลา เสียเงินเสียทองด้วย เขาไม่ได้เสียดายเงิน แต่เสียความรู้สึกอย่างมากกับความคิดในแง่ดีที่เคยมีให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกสาวของคนที่เคยช่วยเหลือเขาไว้... มันน่าทุเรศนัก
ตะวันรู้สึกเหนื่อยหน่ายจนไม่อยากจะคิดต่อ เขาไม่เคยต้องใช้ความคิดกับเรื่องผู้หญิงมาหลายปีแล้ว ทำไมต้องคิดกับเธอคนนี้ด้วย... เมื่อคิดว่าไม่ควรเปลืองสมองกับผู้หญิงแบบนี้ ในที่สุดชายหนุ่มก็ถอนใจปิดทีวีแล้วลุกขึ้น
“เสร็จงานแล้วไปหาที่ห้องด้วย” ชายหนุ่มกัดฟันเมื่อเสียงขานรับที่ได้ยินยังคงคือ...
“ค่ะ”
ให้มันได้อย่างนี้สิ... ทำไมเขาต้องรู้สึกกระดากด้วย ในเมื่อเธอต่างหากที่ควรรู้สึกแบบนั้น หรือไม่ใช่… ศิราภรณ์ไม่ได้คิดอะไร เธอก็แค่มาทำงานของเธอและเขาคือลูกค้า เวลาแค่ปีกว่ามันเปลี่ยนคนๆ หนึ่งไปแล้วจริงหรือ
หึ! สินะ... อะไรจะแน่นอน อย่าว่าแต่ศิราภรณ์เลย เขาเองก็เปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดไปแทบจะลืมตัวเองเมื่อหกเจ็ดปีก่อนเสียแล้ว ทันทีที่กลับมารู้ว่าอนุสราเปลี่ยนไป เธอเลือกพี่ชายของเขาทันทีที่กลัวว่าเขาจะไม่ได้รับสมบัติอะไรเลย เขาไม่อยากคิดทำนองนั้นเพราะครอบครัวของอนุสราก็ไม่ใช่ธรรมดา เป็นถึงหุ้นส่วนใหญ่ในเครือเดอะซันชายส์ และทั้งสองตระกูลก็คบค้ากันมาก่อนที่พวกเขาจะรู้จักกันด้วยซ้ำ
เขาและอนุสราอยู่ในสังคมเดียวกัน อยู่โรงเรียนเดียวกันตั้งแต่มัธยมต้น เกือบจะเรียกได้ว่าเรียนห้องเดียวกันทุกชั้นปีจนกระทั่งจบปริญญาตรี หรืออาจเป็นเพราะเธอไม่เคยรักเขาแต่แรก ความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันกลายเป็นคนรักไปโดยไม่รู้ตัว... หรือว่าไม่ใช่ เธอก็แค่ยังเห็นเขาเป็นเพื่อน เพื่อนที่จะพาเธอเข้าไปใกล้ชิดกับใครอีกคนที่เธอแอบรัก
รังสิมันต์ ป่านนี้พี่คงสุขสบายทั้งกายใจสินะ มีภรรยาแล้ว มีลูกสาวน่ารัก เขาไม่โทษพี่ชายหรอก เพราะ... ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน อาจเพราะเลือดข้นกว่าน้ำ เพราะเข้าใจคำว่า ‘รักแท้แพ้ใกล้ชิด’ หรือเพราะเขาไม่ชอบผูกใจเจ็บแต่ไม่เคยลืม ก็แค่นั้น
ตอนพี่ชายบอกว่าจะต้องแต่งงานเพราะทำผู้หญิงท้อง เขายังหัวร่องอหายกับน้ำเสียงเนือยๆ ของพี่ชายอยู่เลย ไม่ได้ติดใจสงสัยว่าใครคือผู้หญิงผู้โชคดีและเจ้าเล่ห์พอที่จะทำให้คุณใหญ่ของตระกูลสุริยฉัตรพลาดท่าเสียทีได้
นั่นอาจเป็นเพราะชะตากำหนดไว้ให้เขาไม่ต้องกลับมารับรู้อะไรในช่วงนั้น เพราะตอนที่พี่ใหญ่ต้องรีบแต่งงาน เขาติดสอบ เลยไม่ได้กลับมาร่วมงานและไม่ติดใจสงสัยด้วยว่าทำไมพี่ชายถึงไม่คะยั้นคะยอให้เขากลับมา ได้แต่คิดเอาเองว่าเพราะเจ้าบ่าวไม่ได้เต็มใจแต่งก็เท่านั้น ไม่นึกว่าจะเป็นเพราะตัวเจ้าสาว…
ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูกระชากความคิดของตะวันกลับมาที่จุดเดิม
ศิราภรณ์... เธอมาแล้ว เขาจะทำอย่างไรต่อไปดี เธอจำเขาไม่ได้หรือ ไม่มีทาง หรือจำได้ แต่ตกใจ ไม่กล้าทัก อาจจะอาย หรือเปล่า... ไม่รู้ บ้าชะมัด
“เข้ามา”
ประตูเปิดไร้เสียงแอ๊ด ศิราภรณ์อาบน้ำใหม่แล้ว และมาในชุดนอนแบบเสื้อเชิ้ตกระดุมหน้าแขนสั้นสีขาวลายจุดสีชมพู ตัวเสื้อยาวคลุมเข่าและไม่เห็นกางเกงอะไรโผล่ออกมาอีก... ก็โอเค ไม่ถึงกับเซ็กซี่สำหรับผู้หญิงอาชีพนี้ แต่ก็ยังพอเร้าอารมณ์
“นวดเป็นไหม” ถามไม่มองหน้า หลังกวาดตามองทั่วร่างชั่วอึดใจ
“พอได้ค่ะ” เธอเคยนวดให้พ่อ แต่มันก็เป็นการนวดแบบทั่วไป ไม่มีเคล็ด ไม่เป็นท่า
ตะวันส่งเสียงรับรู้แล้วทิ้งตัวลงนอนคว่ำหนุนแขนต่างหมอน ศิราภรณ์ไม่ต้องรอสัญญาณ เธอรู้ว่าต้องทำอย่างไร แม้ไม่เคยแต่ไม่โง่หรือเดียงสาจนหน้าบาง เธอตัดสินใจไปแล้ว ความลังเลจึงมีค่าเป็นศูนย์
หลอกตัวเองไปเสียว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่กับคนรัก... ใช่ อย่างน้อยเธอก็รักเขา รักมาก... หญิงสาวมั่นใจว่านั่นเป็นความจริง ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้ามาในหัวใจหรือสมองของเธออีกเลย ตั้งแต่ชื่อ ตะวัน สุริยฉัตร ถูกบันทึกลงไป ขอหลอกตัวเองสักสองเดือน แล้วเธอจะตื่นขึ้นมาอยู่กับความจริง พร้อมเก็บรักษาความทรงจำที่ล้ำค่าช่วงหนึ่งในชีวิตของผู้หญิงที่ไร้ค่าคนหนึ่งตลอดไป
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว