“ยัยน่าเบื่อ! ตื่น ตื่นได้แล้ว…”
ขณะที่หลินอีซินยังไม่ตื่นเต็มตา ก็ได้ยินเสียงใครบางคนมาเรียกแว่วๆ
เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย ก็เห็นซูหยางยืนพิงประตูพร้อมกับแก้วนมในมือ
“นายเป็นนาฬิกาปลุกรึไง ถึงมาปลุกฉันตรงเวลาเป๊ะทุกเช้า…” หญิงสาวบ่นพึมพำลุกขึ้นทันที ทำเอาผมที่ยุ่งเหยิงตกลงมาบังหน้า มองซูหยางผ่านเส้นผมที่ปรกหน้าเหมือนกับวัชพืช จ้องมองไปไม่ต่างอะไรกับวิญญาณอาฆาต
“เมื่อวานฉันโทรหาเส้าเชียน เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ เขาบอกว่าคนที่เพิ่งผ่านพ้นประสบการณ์น่าขนพองสยองเกล้า โดยปกติมนุษย์ธรรมดามีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์แปรปรวนและตื่นตูม โดยเฉพาะหญิงสาวที่อ่อนแอและบอบบาง อืม... ฉันแน่ใจว่าอ่อนแอและบอบบางคงไม่ได้หมายถึงเธอ แต่เอาเป็นว่า เขาแนะนำว่าฉันควรจะปลอบใจ เห็นใจและเข้าใจเธอ”
ซูหยางพูดพร้อมกับส่งแก้วนมร้อนในมือออกมาราวกับจะแสดงให้เห็น “อุ่นมาให้โดยเฉพาะเลยนะเนี่ย”
“อา ขอบคุณ แต่ครั้งหน้าถ้านายอยากทำดีกับฉันจริงๆ ช่วยหยุดเปิดประตูห้องนอนฉันตามอำเภอใจซะทีได้ไหม ปล่อยให้ฉันนอนตื่นเองบ้าง ได้โปรดเถอะนะ” หลินอีซินพูดราวกับเป็นโรบอต กล่าวโดยปราศจากอารมณ์ใดๆ แม้แต่น้อย
ซูหยางแสดงสีหน้าว่าเธอจะเรื่องมากไปไหน พูดขึ้นอย่างซีเรียส “ฉันจะพิจารณาตามความประพฤติของเธอต่อจากนี้แล้วกัน”
หลินอีซินเดินโซเซไปหาซูหยางพร้อมกับทรงผมยุ่งเหยิง คว้าแก้วนมในมือเขายกซดรวดเดียวหมด หลังจากดื่มเสร็จแล้วก็คืนแก้วให้ชายหนุ่ม ก่อนจะใช้มือเช็ดมุมปากลวกๆ “ขอบคุณที่คุณชายซูกรุณาพิจารณา ฉันจะจำความเมตตาของนายสำหรับนมแก้วนี้เอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ อย่างที่นายพูดอ่อนแอและบอบบางไม่ใช่ฉัน ฉันสบายดี ตอนนี้ฉันกำลังคิดว่าจะจับไอ้ฆาตกรต่อเนื่องนั่นได้ยังไง!”
“เธอต้องการจับฆาตกรต่อเนื่องคนนั้นเหรอ?” สีหน้าของซูหยางราวกับเขากินแมลงวันเข้าไป แต่พักเดียวเขาก็สงบลงอย่างรวดเร็วและเกลี้ยกล่อมหลินอีซิน “เธอเพิ่งรอดตายมา จะอยู่ไม่เป็นสุขอีกแล้วเหรอ?”
“ถึงอย่างนั้นก็จะปล่อยให้ไอ้ฆาตกรนั่นลอยนวลไม่ได้หรอก! ตอนที่ฉันกำลังอยู่อย่างสงบ มันอาจจะไปฆ่าใครอีกคนหนึ่งแล้วก็ได้”
“เธอคิดว่าคนร้ายที่ตำรวจยังจับไม่ได้ เธอจะจับได้เหรอ?”
“ฉันมีของดีกว่าพวกตำรวจอย่างหนึ่ง ฉันมั่นใจว่าจะหาฆาตกรเจอ!” หลินอีซินพูดพลางเดินเข้าห้องน้ำและเริ่มล้างหน้าแปรงฟัน
ซูหยางไล่ตามมาที่หน้าประตูห้องน้ำด้วย “เธอเตรียมตัวจะจับฆาตกรยังไง”
“ฉันมีวิธีของฉัน นายมาซักไซ้ทำไมเนี่ย ไม่ใช่เรื่องของนาย...” หลังจากแปรงฟันและล้างหน้าในเวลาสั้นๆ ขณะที่หลินอีซินกำลังจะออกจากห้องน้ำ แขนของซูหยางก็ค้ำไว้ที่ประตู ไม่ให้ผ่านไปได้
“เธอบอกว่ามีสิ่งหนึ่งที่ตำรวจไม่มี มันคืออะไร”
ทันใดนั้นหลินอีซินก็นึกถึงความฝันเมื่อคืน ขณะมองไปที่ซูหยางที่อยู่ข้างหน้า อารมณ์ก็แปลกไปเล็กน้อย ตอนแรกไม่กลัวที่จะมองเขาตรงๆ แต่ตอนนี้กลับหลีกเลี่ยงสายตาของเขา
“ค่อยๆ คิดเอาเองละกันนะ!”
หลังจากที่พูดออกไป ซูหยางก็เอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย เริ่มสแกนร่างกายหญิงสาวด้วยสายตาไม่ปกติ สุดท้ายดวงตาเขาก็หยุดที่หน้าอกพลางเลิกคิ้วขึ้น...
“มองอะไรยะ!” หลินอีซินคำรามพลางเตะหน้าขาซูหยาง ผลักเขาออกไป จากนั้นก็เรียกเสอหยู่ที่อยู่ในห้อง “เสอหยู่ไปกันเถอะ!”
เหลือเพียงซูหยางนั่งคุกเข่ากุมน่องตัวเองอยู่ในห้องนอนเล็ก เขาชี้มาที่เธอที่กำลังสวมรองเท้าอยู่ตรงทางเข้าอย่างอ่อนแรง “ยัยบ้า...”
ความรู้สึกของความเป็นจริงตอนที่เตะซูหยางตรงกันข้ามกับความรู้สึกว่างเปล่าในความฝันเมื่อวานนี้ ฝันเมื่อวานเชื่อไม่ได้จริงๆ! พอนึกว่าตัวเองไปปรับแต่งเขาให้ดูดีในฝัน แถมเกือบจะหลงใหลในตัวเขาเพราะฝันนั้นอีก หลินอีซินก็กัดฟันบ่นว่า ‘ฉันเป็นอะไรไปกันแน่?’
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล นักข่าวกลุ่มหนึ่งก็ล้อมทางเข้าหลักของโรงพยาบาลเอาไว้ นี่คงไม่ใช่กลุ่มนักข่าวเมื่อวานหรอกมั้ง? ในเมื่อดักคนที่สถานีตำรวจไม่ได้ พวกเขาก็เลยแห่กันมาดักที่โรงพยาบาลแทนเหรอ?
เพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจของทุกคน หลินอีซินเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ ผ่านประตูหลังโรงพยาบาลและเข้าไปในห้องผู้ป่วยที่เสอหยู่พัก เพื่อให้ดูแนบเนียนอีกขั้น เธอซื้อกระเช้าผลไม้และช่อดอกไม้ใหญ่เป็นพิเศษ แต่พ่อแม่ของเสอหยู่ไม่ได้อยู่ที่ห้อง ซึ่งช่วยให้เธอไม่ต้องอธิบายเรื่องต่างๆ
หลินอีซินล็อกประตูเดินไปที่ขอบเตียง มองเสอหยู่ตัวจริงที่กำลังนอนอยู่ในอาการโคม่า ความเปรี้ยวเกิดขึ้นในใจ เธอโบกมือให้เสอหยู่เข้ามา ลองวิธีที่คิดค้นเมื่อวานนี้
นั่นคือให้เสอหยู่นอนทับบนร่างกายตัวเอง ดูว่าจะดูดวิญญาณกลับเข้าไปได้หรือไม่
เสอหยู่ทำตามที่บอก แต่เมื่อหลินอีซินสังเกต ไม่ว่าเสอหยู่จะนั่งกลับหัวกลับหางยังไง ก็ไม่สามารถซ้อนทับกับร่างกายตัวเองได้ ในมุมมองของหลินอีซินทั้งสองแยกกันอยู่อย่างเห็นได้ชัด
“ไปทางซ้ายหน่อย… ไปทางซ้ายอีกนิด! อ่า! มากไปๆ ทางขวาอีกหน่อย…” หลินอีซินสั่งการ โดยให้เสอหยู่ปรับตำแหน่งไปเรื่อยๆ
“ไม่เวิร์ก ลองวิธีอื่นดีกว่า! ขอคิดอีกที...” หลินอีซินเดินไปรอบๆ ห้อง “ไม่งั้นเอางี้ เสอหยู่ลองกระโดดเข้าไปเลยดีไหม!”
หลินอีซินทำท่าเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของนักกีฬากระโดดน้ำตอนลงไปในน้ำ “เหมือนกับนักกีฬากระโดดน้ำลงไปน่ะ กระโดดลงไปในร่าง เธอเข้าใจไหมฉันกำลังพูดถึงอะไร”
เสยหยูส่ายหัว ฉันไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจหรือทำไม่ได้...
“ฉันควรทำยังไงดี ฉันคิดวิธีดีๆ ไม่ออกจริงๆ… งั้นไปที่ห้องอีกสองคนก่อน! บางทีเราอาจเห็นสองคนนั้นอยู่ในห้องของพวกเขาก็ได้!”
เสอหยู่และหลินอีซินออกจากห้อง หลินอีซินยกภาพถ่ายของทั้งสองคนที่ได้จากอินเทอร์เน็ตถามพยาบาลที่เคาท์เตอร์หน้าแผนกเพื่อขอความช่วยเหลือ “คุณพยาบาลรู้ไหมว่าห้องของหวางจื้อเหวินและสวี่หมิงอยู่ที่ไหนคะ”
“รอสักครู่ ฉันจะหาให้นะคะ” พยาบาลชี้ทางให้หลินอีซิน บอกว่าห้องที่สามจากซ้ายชั้นห้าคือห้องของหวางจื้อเหวิน และห้องที่อยู่ปลายสุดของทางเดินชั้นสี่คือห้องของสวี่หมิง
ห้องของเสอหยู่อยู่ชั้นเจ็ดเพื่อความสะดวกในการเดิน จึงไปที่ชั้นห้าห้องที่หวางจื้อเหวินพักฟื้นอยู่ก่อน
ทางเดินเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ชั้นนี้แทบไม่มีคนเดินไปเดินมาเลย ส้นรองเท้าของหลินอีซินกระแทกพื้นเรียบสะท้อนเป็นจังหวะ ‘ป๊อก! ครืด!’ ในโถงทางเดินเงียบสงัด
เมื่อเข้าไปใกล้ห้องของหวางจื้อเหวิน ขณะที่กำลังจะเข้าไปก็มีคนถือเหยือกน้ำออกมา หลินอีซินรีบบิดตัวเพื่อเปลี่ยนทิศทาง แสร้งทำเป็นเพียงแค่เดินผ่านไป เดินเข้าไปในห้องน้ำหญิงราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากนั้นก็ค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากห้องน้ำหญิง ชายที่เพิ่งเดินออกจากห้องหวางจื้อเหวินก็หายตัวไปจากสายตา เธอรีบวิ่งไปผลุบเข้าห้องปิดประตูอย่างว่องไว
เมื่อเห็นคนอยู่ในห้อง เธอก็ตกใจผงะไปพิงประตู
เวลานี้วิญญาณของหวางจื้อเหวินกำลังจ้องมองไปที่ร่างกายตัวเอง ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยความกังวล
เขาตกใจเล็กน้อยที่เห็นเธอ มองเธอขึ้นลงอย่างทื่อๆ เมื่อเห็นเสอหยู่ที่ข้างหลัง ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเอามือมากอดอกราวกับว่าทำอะไรผิด
“หวางจื้อเหวินใช่ไหม” หลินอีซินเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างลองเชิง “นายเป็นคนนำทางวันนั้นใช่ไหม”
หวางจื้อเหวินก้มศีรษะลง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตน
“นายยังไม่ตาย อยากกลับมาไหม? กลับมามีชีวิตอยู่” หลินอีซินโน้มตัวเพื่อสังเกตสีหน้าของหวางจื้อเหวิน แต่ท่าก้มต่ำของเขา ทำให้เธอเห็นแต่หน้าผากของเขาเท่านั้น
ดูเหมือนเขาจะกลัวเล็กน้อย หัวของเขากำลังฝังไปในร่างกาย วิญญาณก็ถอยห่างออกไปเรื่อยๆ
“อย่าขยับ!” หลินอีซินพูดหยุดเขา “นายไม่ต้องกลัวฉัน ฉันไม่ได้มาทำร้ายนายหรอก วันนั้นถ้านายไม่บอกทาง ป่านนี้เสอหยู่คงไม่มีโอกาสกลับมาอีกแล้ว”
หลินอีซินเดินไปข้างหน้า ร่างหวางจื้อเหวินเหมือนกับเสอหยู่เป๊ะๆ เหยื่อทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน สมองถูกกระทบกระเทือน ร่างกายถูกแทงหลายสิบแผล จะมองยังไงก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการทำร้ายเกินเหตุ โหดเหี้ยมจริงๆ ไอ้ฆาตกรพูดถูก การฆ่ามีเพื่อสนองความพึงพอใจของตัวเอง นี่คืองานอดิเรกของมัน
“ตอนนี้ของร่างกายนายยังไม่บุบสลาย ระบบต่างๆ ทำงานปกติ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง วิญญาณไม่สามารถสวมกลับเข้าไปได้ ซึ่งฉันสามารถทำให้นายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นี่ขึ้นอยู่กับนายจะเลือกยังไง!”
ในที่สุดหวางจื้อเหวินก็เงยหน้าขึ้นราวกับว่าสนใจสิ่งที่เธอพูด แต่ลังเลที่จะเชื่อ
“นายติดตามฆาตกรคนนั้นอยู่ตลอด นายต้องรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนใช่ไหม” หลินอีซินถาม “พาฉันไปหามัน นี่เป็นเงื่อนไขที่ทำให้นายกลับมามีชีวิต”
แม้ว่าจะยังไม่รู้วิธีนำวิญญาณกลับคืนร่าง ตราบใดที่หวางจื้อเหวินสัญญา ก็จะจัดการในส่วนของเขาได้
หลินอีซินคิดว่าโดยทั่วไปแล้ว ถ้าวิญญาณได้ยินว่าสามารถทำให้ตัวเองฟื้นคืนชีพได้ ก็ควรสัญญาโดยไม่อิดออดสักคำ เข้าร่วมเป็นทีมเดียวกัน! แต่หวางจื้อเหวินแสดงท่าทางตอบสนองช้า นอกจากจะไม่ประกาศจุดยืน แต่ยังมีความไม่แน่ใจและความกังวลใจอีกด้วย
“อย่าบอกนะว่านายมีผลกระทบหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญบางอย่าง” หลินอีซินถาม หรือว่าเราป่วยได้แม้ว่าจะกลายเป็นวิญญาณ?
“นายต้องรู้ นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่แย่ที่สุด! ถ้านายไม่ช่วยฉันจับฆาตกรตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนร้ายคนนั้นจู่ๆ มาหานายที่ยังนอนพะงาบอยู่ในโรงพยาบาลและทำร้ายนายอีกครั้ง?”
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว