ประธานเย็นชากับเลขาจอมเปิ่น

ตอนที่ 3 6ปีต่อมา

“ความรักของฉัน! เฮ้! เหมือนไฟ! ฮา! ที่แผดเผาทะเลทรายทั้งหมด...”

หลินอีซินกระโดดโลดเต้นบนโซฟานุ่มๆ อย่างมีความสุข อารมณ์ในขณะนี้อธิบายด้วยคำว่า ‘สุดเหวี่ยง’ ยังน้อยเกินไป

หญิงสาวกระโดดขึ้นไปในอากาศหมุนตัวอีกครั้ง เมื่อหันกลับมาข้างหน้าก็คือภาพซูหยางสวมชุดนอนสีเทากอดอกมองมาด้วยท่าทางงุนงง

สีหน้าท่าทางหลินอีซินแข็งทื่อไปในทันที

“เอ๋?” หลินอีซินตกใจกับการปรากฏตัวกะทันหันของซูหยาง ตัวเขาก็ผงะ ขณะที่เธอร่อนลงก็ทรงตัวไม่อยู่ ลื่นจากโซฟาล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรง

เข่ากระแทกพื้นเสียงดังปัง ไม่เพียงแต่เจ็บเท่านั้น แต่ยังรู้สึกอับอายอีกด้วย สภาพเมื่อครู่ที่ถูกซูหยางเห็นเข้าจนหมด... ฉันอยากให้แผ่นดินทรุดแทรกตัวหนีลงไปใต้ดินจริงๆ ฮือ...

เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของซูหยางเปลี่ยนจากดูถูกเป็นรังเกียจ เมื่อเห็นภาพถลาลงมาหน้าคว่ำบนพื้น

“นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง?” หลินอีซินถามออกไป

“ฉันอยู่บ้านตัวเอง แปลกตรงไหน?” ซูหยางตอบแบบไม่แคร์อะไร จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เย็นหยิบนมออกมาสองกล่อง ยกดื่มหนึ่งกล่องรวดเดียวหมด

หลินอีซินนึกว่านมอีกกล่องสำหรับตัวเองก็ยื่นมือไปรับ แต่ซูหยางทำราวกับหญิงสาวไม่มีตัวตน เดินผ่านไปพร้อมกับนมกล่องนั้น

“นายช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่ามันยังไงกันแน่” หลินอีซินซอยเท้าเล็กๆ เพื่อไล่ตามซูหยาง กางแขนสองข้างออกขวางทางเขาไว้

“อา นี่หรือ” ซูหยางชูกล่องนมในมือขึ้นให้หญิงสาวดู “นี่ไม่ใช่สำหรับเธอ ฉันจะดื่มเอง”

“ฉันไม่ได้หมายถึงนม! เสิ่นเส้าเชียนบอกว่าให้ฉันอยู่ที่นี่ได้ชั่วคราว แล้วทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

“ทำความเข้าใจซะใหม่ ไม่ใช่เสิ่นเส้าเชียนอนุญาตให้เธออยู่ที่นี่ชั่วคราว แต่หลังจากเสิ่นเส้าเทียนอ้อนวอนเอาหัวโขกพื้น ฉันก็จำใจอนุญาตให้เธออยู่ที่นี่ชั่วคราว! เข้าใจรึยัง ถ้าเข้าใจแล้วก็หลีกไปอย่าขวางทางเดินฉัน” มือใหญ่ของซูหยางผลักที่หัวของหลินอีซิน ปัดเธอไปด้านข้าง จากนั้นก็เดินลอยชายเข้าไปในห้องนอน

เข้าใจบ้าบอไร? นี่บ้านซูหยาง? ห้องเขาจมน้ำเหมือนกันไม่ใช่เรอะ

หลินอีซินพุ่งไปที่ประตูห้องเคาะรัวๆ “ออกมาอธิบายให้ชัด! นี่มันยังไงกันแน่ เราต้องอยู่ด้วยกันเหรอ? มีแผนสำรองอื่นไหม?”

ประตูกระชากเปิดออกกะทันหัน หญิงสาวถอยหลังด้วยปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ ซูหยางยืนจังก้ากลางกรอบประตู บดบังการมองของอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ ราวกับเขาจงใจป้องกันเพื่อไม่ให้หญิงสาวเห็นภายในห้องนอนของตัวเอง

เชอะ ฉันก็ไม่สนใจอยู่แล้ว

“เธอต้องการอะไรกันแน่”

“ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมเราถึงต้องอยู่ด้วยกัน? อย่าใช้คำพูดคลุมเครือ โปรดให้คำอธิบายโดยละเอียดกับฉัน!”

ซูหยางก้มศีรษะลง ดูเหมือนอ่อนใจกับความดื้อดึงของอีกฝ่าย เขาถอนหายใจร่ายยาว “ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว ฟังให้ดี! พื้นกับผนังห้องฉันก็ต้องได้รับการซ่อมแซมเพราะอุ้งน้ำมากไป ส่วนเพดานห้องเธอก็ต้องซ่อมเพราะน้ำรั่วไปจากห้องฉัน หมายความว่าต้องซ่อมแซมทั้งสองห้อง ดังนั้นระหว่างที่ห้องเธอกับห้องฉันกำลังซ่อมแซม ฉันเลยอนุญาตให้เธอพักอีกห้องของฉันได้ ซึ่งก็คือที่นี่ เข้าใจ๊?”

“ทำไมที่นี่เป็นห้องของนายล่ะ”

“เพราะฉันซื้อมายังไงล่ะ”

“เสิ่นเส้าเชียนอยู่ไหน ฉันจะถามเขา!”

“เขากลับบ้านตัวเองไปแล้ว”

ซูหยางทำท่าจะปิดประตู หลินอีซินก็รีบใช้มือจับกรอบประตูเพื่อขวางเขา

“บ้านตัวเอง? พวกนายไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ”

“ใครบอกเธอว่าพวกฉันอยู่ด้วยกัน? เขาคือเขา ฉันคือฉัน ยังไงนี่ก็เป็นแค่การมาพักอาศัยชั่วคราว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนั่นคือห้องนอนของเธอ อย่ารบกวนฉันยกเว้นมีปัญหา แต่ถึงจะมีปัญหาก็อย่ารบกวนเข้าใจไหม”

ก่อนที่หลินอีซินจะอ้าปากตอกกลับ ซูหยางก็ปิดประตูแทบกระแทกดั้งหลินอีซิน

ทำไมในโลกนี้ถึงมีคนน่ารังเกียจขนาดนี้เนี่ย...

ตอนนี้มาคิดดูแล้ว... รอยยิ้มแปลกๆ ของเสิ่นเส้าเชียนก่อนจะกลับก็เพราะเหตุผลนี้นี่เอง!

ทันใดนั้นหลินอีซินก็รู้สึกเหมือนสูญเสียพลังทั้งหมด ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินซังกะตายไปที่ห้องนอนเล็กที่ซูหยางชี้บอก คิดว่านี่เป็นขนมเค้กหล่นลงมาจากท้องฟ้า แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาอยู่ใต้หลังคาเดียวกับกับผู้ชายนิสัยแย่จนเหลือเชื่อ

ใช่สิ... ตัวฉันไม่มีทางจะโชคดีหรอก

จะยังไงฉันก็ย้ายบ้านแล้ว! ถึงแม้จะแค่ชั่วคราวก็เถอะ อย่างน้อยในระยะสั้นก็ไม่ต้องไปพัวพันกับผีพวกนั้นอีกแล้ว! เมื่อตื่นนอนในตอนเช้าเปิดผ้าม่านออก คุณผีเมียน้อยก็จะไม่มาห้อยหัวต่องแต่งทักทาย พอนึกภาพก็ทำเอารู้สึกดีขึ้นทันตา

หลินอีซินยิ้มอีกครั้ง สูดหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนเล็ก วินาทีแรกที่เข้าไปก็เห็นผีเมียน้อยลอยเคว้งคว้างข้างหน้าต่าง ภาพที่ร่างหล่อนลอยไปตามแรงลมหยุดนิ่งในสายตาเธอ ทอมกับสไปค์ก็ย้ายตามมาอยู่ในห้องด้วย ดูเหมือนพวกมันนั่งรอมานานแล้ว

หลินอีซินคิดในใจว่านี่คงเป็นภาพหลอน เดินออกไปเพื่อจะทำการยืนยันใหม่อีกครั้ง ตามคาดเมื่อเห็นเธอออกมาผีบอดี้การ์ดก็ยืนส่งยิ้มเผล่อยู่ที่หน้าประตู

เยี่ยมไปเลย ฉันโดนผีพวกนี้ตามติดไม่เลิก

ประตูปิดโดยไม่ลังเล ถลาตัวไปที่หน้าต่างห้องนอน ยืนประจันหน้ากับคุณพี่ผีเมียน้อยที่ลอยอยู่ในอากาศ คืนนี้ดูเหมือนกระแสลมจะค่อนข้างแรง เพราะหล่อนถึงกับส่ายไปมาอย่างรุนแรง

“ผีตัวอื่นก็ว่าไปอย่าง ทำไมคุณพี่ถึงต้องตามฉันมา? เธอกระโดดออกจากห้องสองหกศูนย์สามไม่ใช่เหรอ? อยากห้อยต่องแต่งก็ควรกลับไปตรงนั้นสิ ทำไมมาที่ชั้นยี่สิบเจ็ดได้?” หลินอีซินตะเบ็งเสียงพลางกระทืบเท้า

แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของผีเมียน้อย หลินอีซินก็ถอดใจ

ไม่ใช่แค่คนรังแก แม้แต่ผีก็ยังมารังแกฉันด้วย… แต่ถึงแม้จะแก้แค้นผีไม่ได้แต่คน หึๆ! ซูหยางใช่ไหมดีเลย ในเมื่ออยากอยู่ด้วยกันก็ตามนั้น ยังไงฉันก็เป็นฝ่ายได้รับผลประโยชน์ แม้ว่าเขาจะนิสัยห่วยปากร้าย แต่ต้องบอกว่าหน้าตาของซูหยางหล่อจนใจเจ็บ เป็นโสดมายี่สิบห้าปี ก็สมควรได้เวลากระดี๊กระด๊าในฤดูใบไม้ผลิบ้างแล้ว ปกติการอยู่ร่วมกันระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้หญิงมักจะเป็นฝ่ายเสียหาย แต่ในเมื่อสวรรค์จับผู้ชายหล่อเหลาแบบนี้มาไว้ใกล้ๆ ก็ไม่รู้ว่าใครจะได้จะเสีย...

หลินอีซินที่เคยคิดอย่างนี้ ช่างโง่เง่าเหลือเกิน!

ความคิดที่แวบเข้ามาในสมองหายไปพร้อมกับการนอนหลับหลังจากถูกวัตถุลึกลับจู่โจมบนใบหน้า

การโจมตีกะทันหันนี้ทำให้หญิงสาวตกใจ หลังจากเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย ก็เห็นประตูห้องนอนแง้มอยู่ สายตาสบเข้ากับดวงตาเหยี่ยวคู่หนี่งที่กวาดไปมา

นี่คือซูหยาง ทำไมอยู่ๆ เขาถึงไปซ่อนที่ด้านหลังประตูห้องนอนคนอื่นทำตัวเหมือนพวกถ้ำมอง? หรือจะเป็นโรคจิตจริงๆ? หลินอีซินขี้เกียจลุกขึ้นจากเตียง นอนตะแคงเผชิญหน้ากับซูหยาง จากนั้นกระสุนกระดาษก็พุ่งใส่หน้าผากเธออีกครั้ง

ซูหยางที่หลบหลังประตูกำลังใช้หนังสติ๊กยิงกระสุนกระดาษเข้าใส่หลินอีซิน โดนบ้างไม่โดนบ้าง

“ทำอะไรเนี่ย เล่นพิเรนทร์อะไรแต่เช้า นักเขียนเป็นแบบนี้กันเหรอ” เพิ่งจะเช้า เสียงของเธอจึงฟังดูแหบแห้งผิดปกติ เหมือนมีอะไรสักอย่างติดคอ

เมื่อเห็นว่าหลินอีซินตื่นแล้ว ซูหยางก็เคาะประตูตามมารยาท จากนั้นก็ยืนอยู่ที่ประตูราวกับรออะไรบางอย่าง

เขาคงไม่ได้กำลังรอให้เธอบอกว่า ‘เชิญ’ เข้ามาใช่ไหม?

“เชิญค่ะ” หญิงสาวพูดขึ้นสองคำเหมือนทดลอง

หลังจากที่ได้ยินคำนี้ ซูหยางก็เปิดประตูเข้ามาทันที เขาเดินเข้ามาพลางมองมาหลินอีซินที่ทำท่าโงนเงนพร้อมผล็อยหลับทุกเมื่อ จากนั้นก็โยนปึกกระดาษเอสี่ใส่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เซ็นซะ”

“เซ็นอะไร” หลินอีซินยื่นมือออกมาจากใต้ผ้าห่มคว้ากระดาษทั้งปึกขึ้นอย่างไม่ทะนุถนอม เมื่อมองสีหน้าของซูหยาง ดูเหมือนเขาจะรู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำรุนแรงของเธอที่ทำต่อกระดาษเหล่านั้น

“สัญญาการพักอาศัยร่วมกัน?” หลินอีซินจ้องตัวอักษรขนาดใหญ่ที่หน้าแรกและอ่านทันที จากนั้นก็พลิกขึ้นมองซูหยางอย่างสงสัย “คืออะไรน่ะ?”

“เธอแค่ต้องเซ็น” ซูหยางส่ายหน้าไปมาโดยไม่อธิบายอะไร จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปจากห้อง

“นี่! อย่าเพิ่งไปสิ นายอธิบายมาว่านี่คืออะไร!” เมื่อมองไปที่แผ่นหลังซูหยาง หญิงสาวก็ผุดลุกขึ้น วิ่งตามเขาออกไปพร้อมเอกสารปึกใหญ่

ซูหยางนั่งลงบนโซฟาแบบไม่ร้อนใจเหมือนหญิงสาวที่ส่งเสียงสูงเดินตามออกมา “นี่คือสัญญาที่ฉันร่างเมื่อคืนนี้ ซึ่งกำหนดสิ่งที่ควรปฏิบัติและสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัดเมื่อเราต้องอาศัยใต้หลังคาเดียวกัน”

หลินอีซินพลิกเอกสารหนาเท่านิ้วโป้งอย่างรังเกียจ ถึงยังไม่ได้อ่าน แต่แค่พลิกหน้ากระดาษอย่างคร่าวๆ ก็หมดแรงแล้ว

“สัญญานี้มีกฎเกณฑ์มากกว่าทั้งหมดของประถม มัธยมต้น มัธยมปลายและมหาวิทยาลัยที่ฉันเคยเรียนรวมกันคูณสองเลยนะ!” หลินอีซินโบกกระดาษในมือ เสียงเสียดสีกันดังขึ้น จากนั้นก็มองไปที่ซูหยางด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สงสัยว่าเขาเขียนทั้งหมดนี้ขึ้นมาได้ยังไง

“ชายหญิงแตกต่าง การตั้งกฎเกณฑ์สำหรับบางสิ่งจะดีกว่า” ซูหยางนั่งไขว่ห้างยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบด้วยท่าทางเย็นชามาก

“นายดื่มกาแฟแต่เช้าเลย ง่วงขนาดนั้นเลยเหรอ” หลินอีซินพึมพำนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อจะอ่านเรื่องไร้สาระที่เขาเขียน

ขณะที่ก้นเธอกำลังจะแตะเบาะ รัศมีการสังหารก็พุ่งตรงมาทางด้านขวา ร่างกายเธอตื่นตัว เมื่อมองไปยังแหล่งกำเนิดรัศมีสังหาร ซูหยางก็กำลังจ้องมองมาด้วยดวงตาดุดัน หลินอีซินถึงกับขนลุกซู่

“ทำ... ทำไมเหรอ?” ทำไมถึงถูกจ้องด้วยสายตาพิฆาตโดยไม่มีเหตุผล?

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว