สู่ชีวิตนิรันดร์-บทที่ 26 ตระกูลโหลวผู้ชั่วช้า

โดย  สำนักยุทธ

สู่ชีวิตนิรันดร์

บทที่ 26 ตระกูลโหลวผู้ชั่วช้า

บทที่ 18 สี่ยอดฝีมือแห่งตระกูลโหลว


โหลวอิงป้าผู้เกรียงไกรไม่คาดคิดว่า เหลียงเฟยจะมีวิสัยแน่วแน่และหาญกล้าเช่นนี้ เขาจึงเผลอตกตะลึงไปครู่ใหญ่ ท้ายสุดถึงได้คลี่ยิ้มแล้วกล่าวตอบ "โปรดวางใจ ข้าไม่เคยผิดวาจา!"


เมื่อเห็นว่าเหลียงเฟยผู้เป็นประธานในเรื่องนี้ตกลงด้วยแล้ว ยอดฝีมือแกร่งของตระกูลเย่ก็ไม่อาจกล่าวคัดค้านอีก


อย่างไรก็ตามเย่เทียนฉงยังคงเงียบงัน แต่ลึก ๆ แล้วนั้นเขาก็หวังว่าวันนี้จะได้เห็นศักยภาพที่ฝึกวรยุทธ์จนถึงขีดสุดของเหลียงเฟยตามที่เล่าลือกันว่าเป็นร่างกายเหล็กกล้าไม่แตกไม่พัง


ลุงหัวกล่าวเสริม "เหลียงเฟยข้าขอชื่นชมจิตวิญญาณอันแน่วแน่ของเจ้า! แม้ว่าจะมีความต่างระหว่างพละกำลังอย่างมาก แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสร้างความประหลาดใจให้แก่พวกข้า เจ้าจงไปสู้เพื่อยาถอนพิษมาด้วยใจสบาย หากมีผู้ใดกล้าออกมือช่วยเหลือ ข้าจะทำลายเขาเสียเอง!"


เช่นเดียวกันกับยอดฝีมือคนอื่น ๆ ของตระกูลเย่ที่พูดในลักษณะทำนองเดียวกัน


พวกเขาเหล่านี้ล้วนชื่นชมในพรสวรรค์ของเหลียงเฟยและหวังว่าเด็กหนุ่มผู้มากความสามารถมาเป็นลูกเขยของตระกูลเย่ เพื่อที่จะได้ยกระดับฐานะของตระกูลให้สูงขึ้นไปอีก


แต่ในเวลานี้ เซียวหนิงเสวี่ยกลับสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางประการ นางกำลังคิดอยู่ว่าทำไมตระกูลเย่ซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง จึงออกมาช่วยเหลือชายหนุ่มยากจนที่ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงสัตว์อสูรอยู่บนเกาะหมื่นอสูรได้?


หรือว่าคำเล่าลือที่สำนักเซียนหยูฮั่วได้ยินมานั้นเป็นความจริง? เหลียงเฟยและเย่หลิวซูมีพิธีหมั้นหมายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วหรือ?


เมื่อคิดถึงตรงนี้ เซียวหนิงเสวี่ยก็รู้สึกคับข้องใจอย่างบอกไม่ถูก กระนั้นนางก็ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด


เมื่อเห็นผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลโหลวโห่ร้องกันอยู่ ผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลเย่ก็ตะโกนโต้ตอบกลับไปว่า หากผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลเหยียบกล้าออกมือช่วยเหลือ พวกเขาก็จะไม่ไว้หน้าเช่นกัน!


เหลียงเฟยไม่สนใจปฏิกิริยาของทั้งสองฝ่าย เขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่แยแส ต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสี่คนผู้ใหญ่โตเสมือนภูเขาใบหน้าของเขายังคงไม่แสดงออกถึงความกลัวแม้แต่น้อย


ผิดกับในใจของเซียวหนิงเสวี่ยที่กำลังรู้สึกห่วงกังวลอยู่ไม่น้อย


ครั้งก่อนเพียงแค่ปรมาจารย์ยุทธ์สามคนร่วมมือกัน เหลียงเฟย ก็เกือบจะต้องจบชีวิตลง หากไม่ได้บังเอิญพัฒนาตนเองติดต่อกันสามครั้ง เขาคงต้องสิ้นลมหายใจไปแล้วจริง ๆ


แล้วในครั้งนี้ล่ะ!


เห็นมีผู้ฝึกยุทธ์สี่คน และสองในสี่ก็เป็นยอดยุทธ์อีก!


สิ่งที่ยากยิ่งกว่านั้นคือ ต่างจากสามปรมาจารย์ยุทธ์ที่เขาต้องเผชิญบนถนนเมื่อครู่ สี่คนนี้ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่า


เหลียงเฟยก้าวเข้ามาหาสี่ผู้แกร่งนั้น เขาก็ใช้ฝีเท้าลมกรดเคลื่อนร่างไปอย่างรวดเร็ว ดึงหอกยาวออกมาพลางโบกสะบัด ประสานกับควบคู่กับฝีเท้าลมกรา เขาใช้กระบวนท่าต่าง ๆ ของตระกูลโหลวได้อย่างคล่องแคล่ว


พวกผู้ฝึกยุทธ์เก่งกาจของตระกูลโหลวต่างพากันมองด้วยสีหน้างุนงง จ้องมองกันและกันด้วยความไม่เข้าใจว่า ทำไมเหลียงเฟยจึงสามารถใช้กระบวนท่าประจำตระกูลโหลวได้ และยังสามารถใช้กระบวนท่าเหล่านี้ได้สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าพวกตน ราวกับเหลียงเฟยได้ปรับปรุงและคิดค้นใหม่ด้วยซ้ำ


ยอดฝีมือทั้งสี่ชะงักงันไปชั่วขณะ แต่เมื่อการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น พวกเขาก็ไม่ได้ประมาทเลินเล่อ พร้อมใจกระโจนวิ่งเข้าหาเหลียงเฟย และโจมตีด้วยกระบวนท่าอันยอดเยี่ยม


ลำแสงอันเกิดจากกระบวนท่าเหล่านั้นพุ่งเข้าหาเหลียงเฟยอย่างพร้อมเพรียงและหลากทิศทาง บางครั้งแรงบางครั้งอ่อน บางช่วงจริงบางช่วงหลอก ป้องกันได้ยาก ร้ายกาจนัก!


ราวกับทั้งสี่คนนี้จะมีสมองเดียวกัน ท่าโจมตีของพวกเขาเป็นหนึ่งเดียว ทั้งรุกและรับ ไร้ซึ่งช่องโหว่ ประสานงานกันได้อย่างลงตัว


เผชิญกับการโจมตีที่ไร้ช่องโหว่เช่นนี้ การต้านทานย่อมไม่ใช่ทางออก กระบวนท่าชั้นสูงนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะต่อกรได้เลย เขาจำต้องหลบหลีกด้วยฝีเท้าลมกรดเท่านั้น


หลายคนรวมถึงเซียวหนิงเสวี่ยผู้มีฝีมือระดับราชันยุทธ์ก็พยักหน้า นางมองว่าเหลียงเฟยทำได้ดีมากแล้ว เพราะนางเองก็เห็นว่ายอดฝีมือทั้งสี่คนนี้ ยามที่ร่วมแรงกันแล้วมีพละกำลังเหนือกว่าราชันยุทธ์ขั้นสูงเสียอีก


ความสามัคคีนี้ คือพลังที่แกร่งกล้ามากนัก!


ยอดฝีมือทั้งสี่คนประสานกำลังจนเกิดเป็นท่วงท่าการโจมตีอันยอดเยี่ยม หลังการโจมตีผ่านไปหนึ่งกระบวนท่าแล้วพวกเขาก็ไม่ได้ท่าทีเหนื่อยล้าออกมาแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับเย่ฮวาหรงในอดีต ทว่าพวกเขากลับดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่ยังไม่สามารถสังหารเหลียงเฟยได้ จึงบุกโจมตีท่านอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ


ในตอนแรกเหลียงเฟยยังรับมือได้อยู่บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปราวกับประสาทสัมผัสของเขาเริ่มทู่ลงอันเป็นผลมาจากความเหนื่อยล้า แม้กระทั่งการหลบหลีกต่าง ๆ ก็พลอยช้าลงด้วยโดยที่เขาไม่รู้ตัว


สองในสี่ยอดฝีมือได้เห็นดังนั้น จึงผลิรอยยิ้มอันชั่วร้ายขึ้นมาบนใบหน้า พวกเขาได้โอกาสแล้ว ทุกคนพร้อมใจปลดปล่อยลำแสงพุ่งเข้าโจมตีเหลียงเฟยพร้อมกัน


หึ ๆ คราวนี้ต้องตายแน่!


แต่สิ่งที่ทำให้สองคนผู้แกร่งนั้นประหลาดใจก็คือ เหลียงเฟยถูกโจมตีด้วยกำลังไม่ใช่น้อย แต่ร่างกายของเขาไม่เพียงแต่จะไร้ซึ่งรอยขีดข่วนเท่านั้น เหลียงเฟยผู้ที่ควรจะบาดเจ็บหนักยังเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็วอีก


พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?


เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?


ร่างกายของเหลียงเฟยทำจากเหล็กกล้าหรือไร?


การโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้นกระทบลงบนตัวเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่มันกลับไม่สามารถสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วนเลยงั้นหรือ!?


สองปรมาจารย์ยุทธ์กำลังรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แต่กระนั้นพวกพ้องของเขาอีกสองคนก็ยังคงกระหน่ำโจมตีเหลียงเฟยอยู่เรื่อย ๆ แสงสว่างมากมายพุ่งเข้ากระทบร่างของเด็กหนุ่ม ทว่ามากที่สุดก็เพียงทำให้เขาสั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวได้


เมื่อเซียวหนิงเสวี่ยเห็นเช่นนั้น นางก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่อาจควบคุมได้อีกครั้ง!


นางเคยคิดว่าเหลียงเฟยมีพรสวรรค์ในการเรียนรู้ที่สูงส่งมาก สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้ถึงสามขั้นในเวลาอันสั้น นั่นก็นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างยิ่งแล้ว!


แต่ไม่คิดว่าเลยว่ารากฐานของเขาเองจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ด้วย การฝึกรากฐานเป็นเวลากว่ายี่สิบปี ทำให้เนื้อหนังและกระดูกของเขาแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าไปแล้วหรือ?


ยอดเยี่ยมจริง ๆ ยอดเยี่ยมมาก ๆ!


ทุกสายตาจับจ้องมองดูร่างกายที่แข็งแกร่งของเหลียงเฟยแล้วรู้สึกประหลาดใจไปตาม ๆ กัน


พวกเขาต่างชื่นชมว่าความแข็งแกร่งและถึงทนของร่างกายที่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นของมนุษย์ เหลียงเฟยผู้นี้เป็นบุคคลแปลกประหลาดอย่างแท้จริง!


แม้ลุงหัวจะเคยเห็นมาก่อน แต่เมื่อเห็นเหลียงเฟยไม่ไหวติงยามที่ต้องเผชิญหน้ากับพลังที่ยิ่งใหญ่กว่า เขาก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น!


เย่เทียนฉงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง!


นี่คือกายาที่ไม่มีวันแตกสลายที่แท้จริงงั้นหรือ?


เหลียงเฟยไม่ได้สนใจสีหน้าของทุกคน ขณะนี้เขากำลังตึงเครียดกับสถานการณ์ตรงหน้ามิใช่น้อย "ไม่ได้การ หากไม่ทำอะไรสักอย่างคนทนได้อีกไม่นาน! อย่างน้อย ๆ ต้องจัดการสักคนก่อน… ทำลายการโจมตีผสานนี้ให้ได้แล้วค่อยหาวิธีต่อไป!"


ครู่หนึ่ง เหลียงเฟยก็กัดฟันกรอด เขาไร้ซึ่งวิธีในการเอาชนะโดยไม่บาดเจ็บ ดังนั้นเมื่อมาถึงซึ่งทางตั้น เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจพุ่งตรงเข้าโจมตีอย่างไม่ลังเล และเป้าหมายแรกของเขาก็คือยอดยุทธ์คนหนึ่ง!


พวกเขาทั้งสี่ไม่คาดคิดว่าเหลียงเฟยจะไม่หลบ แม้จะตกตะลึงแต่พวกเขาก็ไม่ได้หยุดมือและโจมตีเหลียงเฟยอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้น


แสงสายรุ้งปรากฏวิบวับ โถมเข้าหาเหลียงเฟยอย่างบ้าคลั่ง ส่วนมากตกกระทบบนร่างอย่างไม่พลาดเป้าหมาย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังหยุดเขาไม่ได้ เหลียงเฟยกำมือแน่น และพุ่งโจมตีปรมาจารย์ยุทธ์คนนั้น


แม้จะเป็นภาพที่ดูน่าสังเวช แต่ก็เป็นภาพที่มากด้วยความกล้าหาญ!


เซียวหนิงเสวี่ยเกือบจะร้องไห้แล้ว!


ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น รวมถึงคนบางคนจากตระกูลโหลว ต่างก็ซาบซึ้งใจ พากันจ้องมองข้าด้วยสีหน้าชื่นชมและยกย่อง


คนเก่ง ๆ ของตระกูลเย่ต่างก็หวังให้เขาสู้ต่อไปจนเฮือกสุดท้าย!


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว